西施沉鱼 ไซซี มัจฉาจมวารี
เป็นความงามสุดยอดของไซซี เมื่อสมัยยังอยู่บ้านเดิม ทุกครั้งที่เธอไปซักผ้าฟอกด้าย
หรือเล่นน้ำในแม่น้ำผูหยางเจียง เชิงเขาจู้หลัวซาน หมู่มัจฉาต่างก็เพลินชมโฉมอันเลอ
เลิศจนลืมแหวกว่ายจมสู่ก้นธาราแม้จะงามเลิศถึงเพียงนี้ ไซซีก็ยังมีความไม่งามอยู่ประ
การหนึ่ง คือ เธอมีเท้าที่ใหญ่กว่าหญิงทั้งหลายเป็น “สาวตีนโต” ดังนั้นเธอจึงต้องสวม
กระโปรงยาวใส่เกี๊ยะไม้ กระโปรงยาวช่วยคลุมมิให้เห็นเท้า เกี๊ยะช่วยให้ชายกระโปรงสูง
พ้นพื้น และยามเดินมีท่วงท่าดุจอัปสร เมื่อใช้ศิลปะการแต่งกายเข้าช่วยเช่นนี้ ไซซีก็งาม
ดุจเทพธิดาในแดนมนุษย์
เจ้าแห่งแคว้นอู๋ ชื่อ หวางฟูไซ ได้เปิดศึกและเอาชนะแคว้นเย่ว์เพื่อล้างแค้นให้กับพ่อ ทำให้
โกวเจี้ยนกับภรรยาถูกจับตัวเป็นเชลยอยู่ที่แคว้นอู๋หวางฟูไชแกล้งโก้วเจี้ยนและภรรยาต่างๆ
นานา เช่น ให้โกวเจี้ยนเฝ้าสุสานเหอหลู เลี้ยงม้า และจูงม้า ส่วนภรรยาก็ให้กวาดคอกม้าและ
เช็ดรถ พูดภาษาสมัยนี้คือ ฟูไชเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของโกวเจี้ยนซะป่นปี้ ไม่มีชิ้นดี
โก้วเจี้ยนยอมทนความอัปยศ โดยทำทุกอย่างเพื่อลวงให้ฟูไชตายใจ อีกทั้งยังติดสินบนป๋อผี่ขุนนาง
คนสำคัญของแคว้นอู๋ จนฟูไซยอมปล่อยให้กลับไปครองแคว้นเย่ว์ (ในฐานะเมืองขึ้นของแคว้นอู๋)
หลังจากตกเป็นเชลยอยู่ 3 ปี
ขุนนางคนสำคัญของแคว้นเย่ว์ คือ ฟ่านหลี และเหวินจ้ง จึงได้เสนอ “กลสาวงาม” เพื่อทำให้หวางฟูไช
ลุ่มหลงสาวงามสองคนคือ ไซซี และเจิ้งตั้น ได้รับการคัดเลือกเพื่อภารกิจนี้ โดยก่อนส่งตัวไป ได้ทำการ
ฝึกสอนศิลปวิทยาต่างๆ เช่น การขับร้อง การฟ้อนรำ รวมทั้งกิริยามารยาทต่างๆ เพื่อปรนนิบัติผู้ชาย
ระหว่างที่ฝึกสอนอยู่ราว 3 ปี
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสติปัญญาอันลึกล้ำของไซซีด้วยว่า ครั้งหนึ่ง หวางฟูไซฝันร้ายเห็นตะวันดับลับฟ้า ทะเลเหือดแห้ง
ภูเขาพังทลาย และดอกไม้เฉาโรย..... ขุนนางชื่อ หวู่จื่อซี จึงเตือนสติว่า เป็นเพราะท่านอ๋องละเลยราชการแผ่นดิน
มัวเมาในสุรานารี ในขณะที่โกวเจี้ยนนอนหนุนฟืนแข็งกินดีขม จ้องล้างแค้น จึงควรฆ่าโกวเจี้ยน แล้วไล่หญิงงามจาก
แคว้นเย่ว์ออกไปซะ ฟูไซได้ฟังก็กังวล แต่ยังตัดใจไม่ลง ครั้นเมื่อไซซีรู้เข้าก็แก้เกมโดยแสร้งหัวเราะแล้วบอกว่า
ขุนนางท่านอ๋องพวกนี้ล้วนไม่เอาไหน นี่เป็นฝันดีแท้ๆ ก็ไม่เข้าใจ อ๋องฟูไซจึงสงสัยยิ่ง ถามว่าฝันนี้ดียังไง
ไซซีจึงแก้ฝันเป็นบทกวี ใจความว่า
“ซึ่งฝันว่าตะวันดับลับขอบฟ้า ดาวธรรมราชาจะปรากฏ
ฝันว่าทะเลเหือดแห้งหมด มกรยศจะกระเดื่องพระเดชา
ภูเขาพังแผ่นดินจะราบคาบ เพราะพระปราบอริสิ้นทุกทิศา
ซึ่งฝันว่าดอกไม้หมองโรยรา พืชพรรณธัญญาจะสมบูรณ์”
นี่เองที่ทำให้ฟูไซลุ่มหลงไซซีหนักยิ่งขึ้นไปอีก และในที่สุดเมื่อโกวเจี้ยนเตรียมตัวพร้อมแล้วก็จึงได้นำทัพบุกเข้ามา
ตีแคว้น อู๋ จนแตกกำจัดอ๋องฟูไซไปได้จึงได้รวมแผ่นดินเข้ามาเป็นของตน ส่วนฟ่านหลี่นั้นเห็นโกวเจี้ยนบ้าอำนาจ
จนนึกระแวงและคิดจะฆ่าตนเมื่อไหร่ก็ได้ จึงได้หนีไปพร้อมกันกับไซซีเปลี่ยนชื่อแซ่ และใช้ชีวิตคู่ด้วยกันในที่สุด
ไซซี มัจฉาจมวารี
เป็นความงามสุดยอดของไซซี เมื่อสมัยยังอยู่บ้านเดิม ทุกครั้งที่เธอไปซักผ้าฟอกด้าย
หรือเล่นน้ำในแม่น้ำผูหยางเจียง เชิงเขาจู้หลัวซาน หมู่มัจฉาต่างก็เพลินชมโฉมอันเลอ
เลิศจนลืมแหวกว่ายจมสู่ก้นธาราแม้จะงามเลิศถึงเพียงนี้ ไซซีก็ยังมีความไม่งามอยู่ประ
การหนึ่ง คือ เธอมีเท้าที่ใหญ่กว่าหญิงทั้งหลายเป็น “สาวตีนโต” ดังนั้นเธอจึงต้องสวม
กระโปรงยาวใส่เกี๊ยะไม้ กระโปรงยาวช่วยคลุมมิให้เห็นเท้า เกี๊ยะช่วยให้ชายกระโปรงสูง
พ้นพื้น และยามเดินมีท่วงท่าดุจอัปสร เมื่อใช้ศิลปะการแต่งกายเข้าช่วยเช่นนี้ ไซซีก็งาม
ดุจเทพธิดาในแดนมนุษย์
เจ้าแห่งแคว้นอู๋ ชื่อ หวางฟูไซ ได้เปิดศึกและเอาชนะแคว้นเย่ว์เพื่อล้างแค้นให้กับพ่อ ทำให้
โกวเจี้ยนกับภรรยาถูกจับตัวเป็นเชลยอยู่ที่แคว้นอู๋หวางฟูไชแกล้งโก้วเจี้ยนและภรรยาต่างๆ
นานา เช่น ให้โกวเจี้ยนเฝ้าสุสานเหอหลู เลี้ยงม้า และจูงม้า ส่วนภรรยาก็ให้กวาดคอกม้าและ
เช็ดรถ พูดภาษาสมัยนี้คือ ฟูไชเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของโกวเจี้ยนซะป่นปี้ ไม่มีชิ้นดี
โก้วเจี้ยนยอมทนความอัปยศ โดยทำทุกอย่างเพื่อลวงให้ฟูไชตายใจ อีกทั้งยังติดสินบนป๋อผี่ขุนนาง
คนสำคัญของแคว้นอู๋ จนฟูไซยอมปล่อยให้กลับไปครองแคว้นเย่ว์ (ในฐานะเมืองขึ้นของแคว้นอู๋)
หลังจากตกเป็นเชลยอยู่ 3 ปี
ขุนนางคนสำคัญของแคว้นเย่ว์ คือ ฟ่านหลี และเหวินจ้ง จึงได้เสนอ “กลสาวงาม” เพื่อทำให้หวางฟูไช
ลุ่มหลงสาวงามสองคนคือ ไซซี และเจิ้งตั้น ได้รับการคัดเลือกเพื่อภารกิจนี้ โดยก่อนส่งตัวไป ได้ทำการ
ฝึกสอนศิลปวิทยาต่างๆ เช่น การขับร้อง การฟ้อนรำ รวมทั้งกิริยามารยาทต่างๆ เพื่อปรนนิบัติผู้ชาย
ระหว่างที่ฝึกสอนอยู่ราว 3 ปี
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสติปัญญาอันลึกล้ำของไซซีด้วยว่า ครั้งหนึ่ง หวางฟูไซฝันร้ายเห็นตะวันดับลับฟ้า ทะเลเหือดแห้ง
ภูเขาพังทลาย และดอกไม้เฉาโรย..... ขุนนางชื่อ หวู่จื่อซี จึงเตือนสติว่า เป็นเพราะท่านอ๋องละเลยราชการแผ่นดิน
มัวเมาในสุรานารี ในขณะที่โกวเจี้ยนนอนหนุนฟืนแข็งกินดีขม จ้องล้างแค้น จึงควรฆ่าโกวเจี้ยน แล้วไล่หญิงงามจาก
แคว้นเย่ว์ออกไปซะ ฟูไซได้ฟังก็กังวล แต่ยังตัดใจไม่ลง ครั้นเมื่อไซซีรู้เข้าก็แก้เกมโดยแสร้งหัวเราะแล้วบอกว่า
ขุนนางท่านอ๋องพวกนี้ล้วนไม่เอาไหน นี่เป็นฝันดีแท้ๆ ก็ไม่เข้าใจ อ๋องฟูไซจึงสงสัยยิ่ง ถามว่าฝันนี้ดียังไง
ไซซีจึงแก้ฝันเป็นบทกวี ใจความว่า
“ซึ่งฝันว่าตะวันดับลับขอบฟ้า ดาวธรรมราชาจะปรากฏ
ฝันว่าทะเลเหือดแห้งหมด มกรยศจะกระเดื่องพระเดชา
ภูเขาพังแผ่นดินจะราบคาบ เพราะพระปราบอริสิ้นทุกทิศา
ซึ่งฝันว่าดอกไม้หมองโรยรา พืชพรรณธัญญาจะสมบูรณ์”
นี่เองที่ทำให้ฟูไซลุ่มหลงไซซีหนักยิ่งขึ้นไปอีก และในที่สุดเมื่อโกวเจี้ยนเตรียมตัวพร้อมแล้วก็จึงได้นำทัพบุกเข้ามา
ตีแคว้น อู๋ จนแตกกำจัดอ๋องฟูไซไปได้จึงได้รวมแผ่นดินเข้ามาเป็นของตน ส่วนฟ่านหลี่นั้นเห็นโกวเจี้ยนบ้าอำนาจ
จนนึกระแวงและคิดจะฆ่าตนเมื่อไหร่ก็ได้ จึงได้หนีไปพร้อมกันกับไซซีเปลี่ยนชื่อแซ่ และใช้ชีวิตคู่ด้วยกันในที่สุด