... ก็เล่าอีกก็แล้วกัน เล่ามาน่าจะเป็นร้อย เล่าบน Facebook น่าจะไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง
น้ำตาของคนขับแท็กซี่คนหนึ่งในปี 2548 เปลี่ยนชีวิตผมในระดับหนึ่ง
ในตอนนั้นจำได้ว่าใกล้ปีใหม่ กระแสไล่ทักษิณกำลังก่อตัวและระอุ
ผมขึ้นแท็กซี่คันหนึ่งจากรถไฟฟ้า BTS กลับบ้าน
เขาก็ถามผมว่า ที่เขาชุมนุมไล่ทักษิณกันนี่เพราะอะไร
ผมก็อธิบายไปอย่างที่ได้ฟัง
คนขับแท็กซี่คนนั้นได้ฟังแล้ว ก็นิ่งไปสักพักแล้วเล่าว่า
เขารู้สึกว่าชีวิตเขาดีขึ้นเพราะทักษิณ ที่สำคัญคือเรื่อง 30 บาท
เขากล้าพาลูกที่ไข้ขึ้นสูงไปหาหมอ เพราะรู้ว่าใช้สิทธิสามสิบบาทได้
แม้ใครจะบอกว่า ไปก็ได้พารามากิน แต่ถ้าไม่ไป เขาก็ได้กินพาราอยู่ดี
แต่ถ้าไปหาหมอ บางทีเป็นโรคร้ายแรงกว่านั้น ก็เคยได้รักษา ที่เขาพาลูกไป ก็เคยได้ Admit เพราะเป็นไข้หวัดใหญ่ (หรือไข้เลือดออกสักอย่าง)
แล้วเขาก็ร้องไห้...
"เพราะท่านทักษิณ ทำให้ลูกของผมได้เจอหมอ ได้หาหมอบ้าง แล้วพวกเขาจะมาไล่นายกของผมทำไม"
น้ำตาของแท็กซี่คนนั้น เหมือนวัคซีนป้องกันผมจากการเป็นเสื้อเหลือง เสื้อหลากสี สลิ่ม กปปส. มาจนถึงทุกวันนี้ แตกต่างจากญาติพี่น้องหลายท่าน
แน่นอนครับ ผมไม่ต้องใช้สิทธิ 30 บาท และญาติพี่น้องผมก็ไม่ต้องใช้
เราเป็นครอบครัวข้าราชการและนักธุรกิจ ที่ยังไงก็ได้เปรียบบนปิรามิด
แม้ไม่อยู่ตรงยอดก็บนด้านที่เรียวแล้ว อันนี้พูดกันตรงๆ
ผมได้รับรู้ว่า บางทีคำตอบอาจจะไม่ใช่แค่ "เงิน" ที่ซื้อพวกเขา อย่างที่ผมเคยคิดเคยเชื่อ ว่าคนจนๆ พวกนี้ เงินไม่มา กาไม่เป็น
แต่มันคือศักดิ์ศรี และการกำหนดนโยบายทางการเมือง ผ่านการใช้สิทธิเลือกตั้ง
ผมไม่กล้าดูหมิ่นพวกเขา
แน่นอนครับ หลายคนอาจจะแย้งผมว่า คนยากจนจริงๆไปโรงพยาบาล ถึงไม่มี 30 บาท ก็มีการรักษาฟรี เป็นคนไข้อนาถาได้
แต่ความแตกต่างระหว่าง "สิทธิ" ทางสุขภาพด้วยหลักประกันถ้วนหน้า
กับการได้รับการสงเคราะห์อย่างคนไข้อนาถา
ความแตกต่างมันอยู่ที่ "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" ครับ
https://www.facebook.com/kla.samudavanija/posts/841669935926764
เรื่องสามสิบบาทกลับมาอีกแล้ว...
น้ำตาของคนขับแท็กซี่คนหนึ่งในปี 2548 เปลี่ยนชีวิตผมในระดับหนึ่ง
ในตอนนั้นจำได้ว่าใกล้ปีใหม่ กระแสไล่ทักษิณกำลังก่อตัวและระอุ
ผมขึ้นแท็กซี่คันหนึ่งจากรถไฟฟ้า BTS กลับบ้าน
เขาก็ถามผมว่า ที่เขาชุมนุมไล่ทักษิณกันนี่เพราะอะไร
ผมก็อธิบายไปอย่างที่ได้ฟัง
คนขับแท็กซี่คนนั้นได้ฟังแล้ว ก็นิ่งไปสักพักแล้วเล่าว่า
เขารู้สึกว่าชีวิตเขาดีขึ้นเพราะทักษิณ ที่สำคัญคือเรื่อง 30 บาท
เขากล้าพาลูกที่ไข้ขึ้นสูงไปหาหมอ เพราะรู้ว่าใช้สิทธิสามสิบบาทได้
แม้ใครจะบอกว่า ไปก็ได้พารามากิน แต่ถ้าไม่ไป เขาก็ได้กินพาราอยู่ดี
แต่ถ้าไปหาหมอ บางทีเป็นโรคร้ายแรงกว่านั้น ก็เคยได้รักษา ที่เขาพาลูกไป ก็เคยได้ Admit เพราะเป็นไข้หวัดใหญ่ (หรือไข้เลือดออกสักอย่าง)
แล้วเขาก็ร้องไห้...
"เพราะท่านทักษิณ ทำให้ลูกของผมได้เจอหมอ ได้หาหมอบ้าง แล้วพวกเขาจะมาไล่นายกของผมทำไม"
น้ำตาของแท็กซี่คนนั้น เหมือนวัคซีนป้องกันผมจากการเป็นเสื้อเหลือง เสื้อหลากสี สลิ่ม กปปส. มาจนถึงทุกวันนี้ แตกต่างจากญาติพี่น้องหลายท่าน
แน่นอนครับ ผมไม่ต้องใช้สิทธิ 30 บาท และญาติพี่น้องผมก็ไม่ต้องใช้
เราเป็นครอบครัวข้าราชการและนักธุรกิจ ที่ยังไงก็ได้เปรียบบนปิรามิด
แม้ไม่อยู่ตรงยอดก็บนด้านที่เรียวแล้ว อันนี้พูดกันตรงๆ
ผมได้รับรู้ว่า บางทีคำตอบอาจจะไม่ใช่แค่ "เงิน" ที่ซื้อพวกเขา อย่างที่ผมเคยคิดเคยเชื่อ ว่าคนจนๆ พวกนี้ เงินไม่มา กาไม่เป็น
แต่มันคือศักดิ์ศรี และการกำหนดนโยบายทางการเมือง ผ่านการใช้สิทธิเลือกตั้ง
ผมไม่กล้าดูหมิ่นพวกเขา
แน่นอนครับ หลายคนอาจจะแย้งผมว่า คนยากจนจริงๆไปโรงพยาบาล ถึงไม่มี 30 บาท ก็มีการรักษาฟรี เป็นคนไข้อนาถาได้
แต่ความแตกต่างระหว่าง "สิทธิ" ทางสุขภาพด้วยหลักประกันถ้วนหน้า
กับการได้รับการสงเคราะห์อย่างคนไข้อนาถา
ความแตกต่างมันอยู่ที่ "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" ครับ
https://www.facebook.com/kla.samudavanija/posts/841669935926764