สวัสดีครับ
ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงก่อนว่า ผมสมัครสมาชิก Pantip มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ และไม่ได้ต้องการจะ Discredit แต่อย่างใด
ปกติอะไรดีก็ชื่นชม อะไรแย่ก็ Complain เป็นเรื่องธรรมดา ว่ากันไปตามเนื้อผ้า และหากสิ่งใดที่ตนทำผิด ก็จะยอมรับผิด
แต่สิ่งใดที่ตนเองไม่ได้ทำ แต่กลับถูกยัดเยียดความผิด ก็ต้องขอแก้ตัวเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันอยู่แล้ว ขออนุญาตเริ่มเรื่องเลยนะครับ..
เรื่องของเรื่อง มีอยู่ว่า.. เมื่อวันศุกร์ – อาทิตย์ ที่ผ่านมา ผมได้เข้าพักที่โรงแรม Mida De Sea, Huahin แห่งนี้กับเพื่อน
วันแรกที่เข้าพัก คือ คีนวันศุกร์ที่ 26 มิ.ย. 58 ที่ผ่านมา ซึ่งได้เข้าพักที่ตึก 4
ปรากฏว่าเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวพักผ่อน น้ำมีกลิ่นคลอรีนแรงมาก นอกจากนี้ ตอนที่เปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวแช่ตัว น้ำยังมีสีเหลืองปนส้มชัดเจนมาก
เรื่องอาหารก็ไม่ได้คุณภาพเท่าที่ควร วิวจากระเบียงก็มองไปเห็นแต่บ้านพักคนงานก่อสร้าง แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็นสำหรับกระทู้นี้
ต่อมาวันเสาร์ที่ 27 มิ.ย. 58 ได้ย้ายห้องไปอยู่ตึก 3 เนื่องจากเพื่อนขอสลับเปลี่ยนไปอยู่ตุก 4 ด้วยเหตุผลส่วนตัวของเพื่อน ปรากฏว่าตอนเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำ ก็ไม่เหลืองปนส้มมากเหมือนอย่างตึก 4 และกลิ่นคลอรีนก็เบาบางลงมาก (ไม่รู้สึกแสบจมูกจากกลิ่นคลอรีนมากเหมือนอย่างเมื่อวานแล้ว) ไม่ทราบว่าระบบการบริหารจัดการน้ำของโรงแรมนี้เป็นอย่างไร
นอกจากนี้ เรื่องมารยาทพนักงานอีกประเด็น ผมเคยถามทางไปห้องน้ำชั้นล่างจากพนักงาน ผมก็ถามทางไปว่า “ขอโทษนะครับ ห้องน้ำไปทางไหนครับ ?” พนักงานคนนั้นกำลังนั่งจิ้มๆโทรศัพท์ ไม่มีการตอบแต่อย่างใด มีเพียงอาการชี้นิ้วทางไปห้องน้ำพร้อมกับทำหน้าเหวี่ยงๆ และก้มหน้าจิ้มโทรศัพท์ต่อ มารยาททรามมาก พนักงานคนนั้นไม่แน่ใจว่าเป็น Manager หรือเปล่า เพราะแต่งตัวด้วยชุดที่แตกต่างจากพนักงานทั่วไป
EPIC ยังไม่เริ่ม.. มาเริ่มจริงๆจังๆก็ตอน Check Out เวลาประมาณ 11.30 ในวันอาทิตย์ที่ 28 มิ.ย. 58 ที่ผ่านมา ซึ่งทาง Reception ก็ประสานไปยังแม่บ้าน ให้ช่วยตรวจและเช็คห้อง ปรากฏว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี มีเพียงผ้าเช็ดผมหายไป 1 ผืน (ตอนแรก Reception บอกว่าผ้าเช็ดมือหาย มาทีหลังกลับบอกว่าผ้าเช็ดผมหาย)
ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยว่าผ้าเช็ดผมจะหายไป เพราะเพื่อนและตัวผมเองไม่ได้ใช้ ไม่ได้หยิบไป และไม่ได้ถือออกจากห้องด้วยซ้ำไป (ถามเพื่อนแล้วว่าแน่ใจนะว่าไม่ได้ใช้ ไม่ได้หยิบไป)
เวลาอาบน้ำ ก็ใช้ผ้าเช็ดตัวของทางโรงแรมเช็ดผมแทน ปกติไว้ผมสั้น เพื่อนชายก็ผมสั้น ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดก็แห้งและเรียบร้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าเช็ดผมผืนที่หายไปเช็ดแต่อย่างใด อีกทั้งไม่ได้ถือลงไปเช็ดผมหลังจากว่ายน้ำอย่างแน่นอน เพราะผมไม่ได้ว่ายน้ำ และว่ายน้ำไม่เป็นเสียด้วย
ผมก็เลยขอ Reception ขึ้นไปตรวจห้องเอง ว่าหายไปจริงหรือเปล่า ในใจตอนนั้นก็คิดไว้แล้วว่าขึ้นไปตรวจก็เท่านั้น เพราะหากทางโรงแรมจะกล่าวข้อหาผ้าเช็ดผมหาย หากมันไม่ได้หายไปตามข้องกล่าวหา วิธีการที่โรงแรมสามารถทำมันหายไปจริงๆก็ทำได้ไม่ยาก แต่เพียงแค่อยากเห็นด้วยตาตัวเองเท่านั้น ปรากฏว่าผมไม่เจอผ้าเช็ดผมตามคาดการณ์
ด้วยความที่รีบกลับกรุงเทพฯ เพราะเช้าวันจันทร์ต้องทำงาน จึงถาม Reception ไปว่าผ้าราคาเท่าไร ปรากฏว่าผ้าเช็ดผมเนื้อหยาบผืนเล็กๆราคาถึง 200 บาท ที่ทราบว่าเนื้อหยาบแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ เพราะผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดผม ล้วนทำมาจากผ้าชนิดเดียวกัน เนื้อสัมผัสเดียวกัน
ด้วยความที่แอบตกใจกับราคาผ้านั้น เพราะมันราคาเกินกว่าที่ควรจะเป็น จึงคุยกับ Reception ว่า ขอคุยกับ Manager หน่อย
ทาง Reception แจ้งมาว่า Manager ไม่อยู่ อยู่เพียง General Manager
ผมจึงขอนามบัตร General Manager และให้ตามมาคุยในประเด็นผ้าเช็ดผมหาย ว่ามันหายไปได้อย่างไรในเมื่อผมไม่ได้ทำหาย เกิดอะไรขึ้นกับโรงแรมแห่งนี้
ทาง Reception ก็เข้าไปตาม General Manager ซึ่งอยู่ในอีกห้องหนึ่ง Reception ออกมาพร้อมนามบัตรเท่านั้น General Manager ไม่ได้ออกมาคุยกับลูกค้าแต่อย่างใด นี่หรือมารยาทที่ควรกระทำ ?
ขณะที่ Reception ออกมาพร้อมนามบัตรนั้น ก็ได้แจ้งกับผมว่า ลดราคาผ้าเช็ดผมที่หายไปจากเดิม 200 บาท เหลือ 100 บาท
ผมแอบตะหงิดๆในใจว่าปกติหากของหายไปจริงๆ โรงแรมมีการกำหนด Rete ในสิ่งที่หายหรือใช้ไปตายตัวอยู่แล้ว มันมีการลดราคากันด้วยหรือ นี่คือคำถามในใจ
ผมจึงจ่ายไป พร้อมกับขอใบเสร็จรับเงินด้วย เพราะด้วยต้องการตัดรำคาญ ต้องรีบกลับกรุงเทพฯ ไม่อย่างนั้นคงได้สืบพยานหลักฐานผ้าเช็ดผมที่หายไปกันอีกยาว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียความรู้สึกกับโรงแรมแห่งนี้หลายครั้ง หลายประเด็นมาก แต่พยายามไม่มองมัน ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ จึงไม่ได้ถ่ายรูปสีของน้ำในห้องน้ำ อาหาร ตลอดจนวิวริมระเบียงมาทำการ Review แต่อย่างใด (ถ่ายเพียงจุดพีค คือใบเสร็จรับเงินค่าผ้าเช็ดผม) จนมาถึงจุดพีคที่ผ้าเช็ดผมหายนี่แหละ ที่ผมรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
พักโรงแรมมาก็หลายที หลายครั้ง ไม่เคยต้องเจอกับเหตุการณ์พวกนี้ และสิ่งที่เกิดขึ้น เรียนให้ทราบเลยว่า เงิน 100 บาท ที่เสียไป แน่นอนว่าย่อมเสียดาย เพราะผมเต็มใจจะจ่ายเงินทุกบาททุกสตางค์ ก็ต่อเมื่อมีความเต็มใจและสมประสงค์กับสิ่งที่จะจ่ายไปเท่านั้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมเสียความรู้สึก เสียอารมณ์กับโรงแรมแห่งนี้เสียมากกว่า จนกลบความรู้สึกเสียดายเงิน 100 บาท ไปเสียสิ้น แทนที่จะกลับบ้านพร้อมกับอารมณ์ดีๆ ที่ได้มาพักผ่อนวันหยุด แต่กลับต้องมา Bad mood กับเรื่องพวกนี้ ที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยจริงๆ
ปล. มีภาพใบเสร็จรับเงินยืนยัน แต่ระบบไม่สามารถอัพลงได้ครับ
Review กึ่ง Complain :: โรงแรมไมด้า เดอ ซี หัวหิน (Mida De Sea Hotel and Resort, Huahin ) กับความรู้สึกที่เสียไป
ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงก่อนว่า ผมสมัครสมาชิก Pantip มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ และไม่ได้ต้องการจะ Discredit แต่อย่างใด
ปกติอะไรดีก็ชื่นชม อะไรแย่ก็ Complain เป็นเรื่องธรรมดา ว่ากันไปตามเนื้อผ้า และหากสิ่งใดที่ตนทำผิด ก็จะยอมรับผิด
แต่สิ่งใดที่ตนเองไม่ได้ทำ แต่กลับถูกยัดเยียดความผิด ก็ต้องขอแก้ตัวเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันอยู่แล้ว ขออนุญาตเริ่มเรื่องเลยนะครับ..
เรื่องของเรื่อง มีอยู่ว่า.. เมื่อวันศุกร์ – อาทิตย์ ที่ผ่านมา ผมได้เข้าพักที่โรงแรม Mida De Sea, Huahin แห่งนี้กับเพื่อน
วันแรกที่เข้าพัก คือ คีนวันศุกร์ที่ 26 มิ.ย. 58 ที่ผ่านมา ซึ่งได้เข้าพักที่ตึก 4
ปรากฏว่าเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวพักผ่อน น้ำมีกลิ่นคลอรีนแรงมาก นอกจากนี้ ตอนที่เปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวแช่ตัว น้ำยังมีสีเหลืองปนส้มชัดเจนมาก
เรื่องอาหารก็ไม่ได้คุณภาพเท่าที่ควร วิวจากระเบียงก็มองไปเห็นแต่บ้านพักคนงานก่อสร้าง แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็นสำหรับกระทู้นี้
ต่อมาวันเสาร์ที่ 27 มิ.ย. 58 ได้ย้ายห้องไปอยู่ตึก 3 เนื่องจากเพื่อนขอสลับเปลี่ยนไปอยู่ตุก 4 ด้วยเหตุผลส่วนตัวของเพื่อน ปรากฏว่าตอนเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำ ก็ไม่เหลืองปนส้มมากเหมือนอย่างตึก 4 และกลิ่นคลอรีนก็เบาบางลงมาก (ไม่รู้สึกแสบจมูกจากกลิ่นคลอรีนมากเหมือนอย่างเมื่อวานแล้ว) ไม่ทราบว่าระบบการบริหารจัดการน้ำของโรงแรมนี้เป็นอย่างไร
นอกจากนี้ เรื่องมารยาทพนักงานอีกประเด็น ผมเคยถามทางไปห้องน้ำชั้นล่างจากพนักงาน ผมก็ถามทางไปว่า “ขอโทษนะครับ ห้องน้ำไปทางไหนครับ ?” พนักงานคนนั้นกำลังนั่งจิ้มๆโทรศัพท์ ไม่มีการตอบแต่อย่างใด มีเพียงอาการชี้นิ้วทางไปห้องน้ำพร้อมกับทำหน้าเหวี่ยงๆ และก้มหน้าจิ้มโทรศัพท์ต่อ มารยาททรามมาก พนักงานคนนั้นไม่แน่ใจว่าเป็น Manager หรือเปล่า เพราะแต่งตัวด้วยชุดที่แตกต่างจากพนักงานทั่วไป
EPIC ยังไม่เริ่ม.. มาเริ่มจริงๆจังๆก็ตอน Check Out เวลาประมาณ 11.30 ในวันอาทิตย์ที่ 28 มิ.ย. 58 ที่ผ่านมา ซึ่งทาง Reception ก็ประสานไปยังแม่บ้าน ให้ช่วยตรวจและเช็คห้อง ปรากฏว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี มีเพียงผ้าเช็ดผมหายไป 1 ผืน (ตอนแรก Reception บอกว่าผ้าเช็ดมือหาย มาทีหลังกลับบอกว่าผ้าเช็ดผมหาย)
ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยว่าผ้าเช็ดผมจะหายไป เพราะเพื่อนและตัวผมเองไม่ได้ใช้ ไม่ได้หยิบไป และไม่ได้ถือออกจากห้องด้วยซ้ำไป (ถามเพื่อนแล้วว่าแน่ใจนะว่าไม่ได้ใช้ ไม่ได้หยิบไป)
เวลาอาบน้ำ ก็ใช้ผ้าเช็ดตัวของทางโรงแรมเช็ดผมแทน ปกติไว้ผมสั้น เพื่อนชายก็ผมสั้น ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดก็แห้งและเรียบร้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าเช็ดผมผืนที่หายไปเช็ดแต่อย่างใด อีกทั้งไม่ได้ถือลงไปเช็ดผมหลังจากว่ายน้ำอย่างแน่นอน เพราะผมไม่ได้ว่ายน้ำ และว่ายน้ำไม่เป็นเสียด้วย
ผมก็เลยขอ Reception ขึ้นไปตรวจห้องเอง ว่าหายไปจริงหรือเปล่า ในใจตอนนั้นก็คิดไว้แล้วว่าขึ้นไปตรวจก็เท่านั้น เพราะหากทางโรงแรมจะกล่าวข้อหาผ้าเช็ดผมหาย หากมันไม่ได้หายไปตามข้องกล่าวหา วิธีการที่โรงแรมสามารถทำมันหายไปจริงๆก็ทำได้ไม่ยาก แต่เพียงแค่อยากเห็นด้วยตาตัวเองเท่านั้น ปรากฏว่าผมไม่เจอผ้าเช็ดผมตามคาดการณ์
ด้วยความที่รีบกลับกรุงเทพฯ เพราะเช้าวันจันทร์ต้องทำงาน จึงถาม Reception ไปว่าผ้าราคาเท่าไร ปรากฏว่าผ้าเช็ดผมเนื้อหยาบผืนเล็กๆราคาถึง 200 บาท ที่ทราบว่าเนื้อหยาบแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ เพราะผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดผม ล้วนทำมาจากผ้าชนิดเดียวกัน เนื้อสัมผัสเดียวกัน
ด้วยความที่แอบตกใจกับราคาผ้านั้น เพราะมันราคาเกินกว่าที่ควรจะเป็น จึงคุยกับ Reception ว่า ขอคุยกับ Manager หน่อย
ทาง Reception แจ้งมาว่า Manager ไม่อยู่ อยู่เพียง General Manager
ผมจึงขอนามบัตร General Manager และให้ตามมาคุยในประเด็นผ้าเช็ดผมหาย ว่ามันหายไปได้อย่างไรในเมื่อผมไม่ได้ทำหาย เกิดอะไรขึ้นกับโรงแรมแห่งนี้
ทาง Reception ก็เข้าไปตาม General Manager ซึ่งอยู่ในอีกห้องหนึ่ง Reception ออกมาพร้อมนามบัตรเท่านั้น General Manager ไม่ได้ออกมาคุยกับลูกค้าแต่อย่างใด นี่หรือมารยาทที่ควรกระทำ ?
ขณะที่ Reception ออกมาพร้อมนามบัตรนั้น ก็ได้แจ้งกับผมว่า ลดราคาผ้าเช็ดผมที่หายไปจากเดิม 200 บาท เหลือ 100 บาท
ผมแอบตะหงิดๆในใจว่าปกติหากของหายไปจริงๆ โรงแรมมีการกำหนด Rete ในสิ่งที่หายหรือใช้ไปตายตัวอยู่แล้ว มันมีการลดราคากันด้วยหรือ นี่คือคำถามในใจ
ผมจึงจ่ายไป พร้อมกับขอใบเสร็จรับเงินด้วย เพราะด้วยต้องการตัดรำคาญ ต้องรีบกลับกรุงเทพฯ ไม่อย่างนั้นคงได้สืบพยานหลักฐานผ้าเช็ดผมที่หายไปกันอีกยาว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียความรู้สึกกับโรงแรมแห่งนี้หลายครั้ง หลายประเด็นมาก แต่พยายามไม่มองมัน ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ จึงไม่ได้ถ่ายรูปสีของน้ำในห้องน้ำ อาหาร ตลอดจนวิวริมระเบียงมาทำการ Review แต่อย่างใด (ถ่ายเพียงจุดพีค คือใบเสร็จรับเงินค่าผ้าเช็ดผม) จนมาถึงจุดพีคที่ผ้าเช็ดผมหายนี่แหละ ที่ผมรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
พักโรงแรมมาก็หลายที หลายครั้ง ไม่เคยต้องเจอกับเหตุการณ์พวกนี้ และสิ่งที่เกิดขึ้น เรียนให้ทราบเลยว่า เงิน 100 บาท ที่เสียไป แน่นอนว่าย่อมเสียดาย เพราะผมเต็มใจจะจ่ายเงินทุกบาททุกสตางค์ ก็ต่อเมื่อมีความเต็มใจและสมประสงค์กับสิ่งที่จะจ่ายไปเท่านั้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมเสียความรู้สึก เสียอารมณ์กับโรงแรมแห่งนี้เสียมากกว่า จนกลบความรู้สึกเสียดายเงิน 100 บาท ไปเสียสิ้น แทนที่จะกลับบ้านพร้อมกับอารมณ์ดีๆ ที่ได้มาพักผ่อนวันหยุด แต่กลับต้องมา Bad mood กับเรื่องพวกนี้ ที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยจริงๆ
ปล. มีภาพใบเสร็จรับเงินยืนยัน แต่ระบบไม่สามารถอัพลงได้ครับ