ระหว่าง ทำในสิ่งที่รักแต่ไม่มั่นคงและมั่นใจ กับ ทำในสิ่งที่ไม่ได้รักและถนัดแต่มั่นใจและมั่นคง

อยากถามว่า ระหว่าง

1.เรียนสิ่งที่ตัวเองรักและถนัด 4 ปี...
...แต่จบมา ต้องไปสอบแข่งกับคนอื่นอีกมากมายเพื่อเข้าทำงาน ไม่มั่นใจในอนาคตเท่าไร  ( นิเทศศาสตร์ = อยากเป็น ครูสอนการเเสดง )

2.เรียนสิ่งที่ไม่รุว่าชอบหรือและไม่รุถนัดหรือเปล่า 4 ปี...
...แต่จบมา ได้บรรจุในหน่วยงานรัฐ  ถึงเงินเดือนไม่มาก ( *เริ่มต้นที่ 11000 บาท ) (เช่น- รร นายไปรษณีย์ เรียน 1 ปี
                                                                                                               - รร นายร้อยตำรวจ(หญิง) 4 ปี เป็นต้น


สำหรับสภาพแวดล้อมปัจจัยต่างๆ
           พ่อ-แม่ รับราชการค่ะ เงินพอมี พอใช้ ไม่ได้ขัดสนสักเท่าไร แต่ก็ไม่ได้มีมากขนาดใช้ฟุ่ยใช้เฟือยได้ เกรดเฉลียไม่ได้ดีมาก เพราะเป็นเด็กกิจกรรมสุดๆ

ถ้าเป็นคุณจะเลือกทางสู่เป้าหมายยังไงคะ

ระหว่าง สิ่งที่รัก ไร้ความมั่นคงและมั่นใจ  กับ สิ่งที่ไม่ได้รัก แต่มั่นคงและมั่นใจ (ถึงมันจะไม่ได้ดีมาก) คุถณจะเลือกอะไร

ความรักใน สายนิเทศ~

เริ่มแรกเดิมที่ตั้งแต่เด็กจนโต ชีวิตหนูผูกผันยุแต่กับทีวี หนัง ละคร ติดหนึบหนับ  เริ่มชอบแสดงตาม ชอบเขียนบทเอง วาดรูป แต่งเรื่องบล่าๆๆ ไปเรื่อยเปลื่อยไร้สาระ โตขึ้นมาหน่อยเข้าสู่รั่วมัธยมต้น เราก็เริ่มรู้สึกว่าเราไม่ถูกชะตากะวิชา วิทย์ คณิต (อะไรก็ชั่งที่เลขเยอะๆๆ ปวดหัวลายตา) ดังนั้นสมุดและหนังสือวิชาพวกนี้จึงเต็มไปด้วยตัวการ์ตูน บทพูดอะไรสักอย่างเต็มไปหมด 5555   ยิ่งโตความมโนยิ่งฟุ้งซ่านนน หนูเริ่ม ปั้นน้ำเป็นควายตัวใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น ปั้นตัวหนังสือ ร้อยเป็นเรื่องเป็นราวยาวขึ้น ยาวขึ้น.. เริ่มเล่าเรื่อง  เขียนเรื่องให้เพื่อนๆในกลุ่มอ่าน (มันชอบวะ!..บอกสนุกดี!.. เดาเรื่องยาก!.. ดีใจสิครับ ใจเต้นฮึบฮึบ อยากทำอีกจัง! จากกลุ่มเล็กๆอ่าน ทั้งห้องอ่าน~ ใช่เลยอะ นี้แหละทางกู!) ต่อมา.. มีรุ่นพี่ มาขอเรื่องที่เคยแต่ง ไปทำละครเวทีในวันปัจฉิม ม.3*ม.6 โห้~ทีสุดอะ ดีใจ!!! ไปเฝ้าดูเค้าซ้อมละครเวทีทุกวันเลย(จนสนิททั้งกองละคร).. เวลาเขาแสดงกัน บางตัวละครรู้สึกว่ายังไม่ใช่ในแบบที่เราคิด จิตนาการไว้เราก็เริ่มเข้าไปยุ่งวุ่นวายในกองละคร 5555 (ทั้งๆที่เราก็ไม่มีหน้าทีไรสักอย่าง) เริ่มเป็นโค้สแอคติ้ง สอนโน้น สั่งนี้ โดยไม่รุตัว เวลาอธิบาย ไม่พูดเฉยอย่างเดียว  ทำให้ดูด้วย กลัวเขาไม่เข้าใจที่เราสื่อ  รุ่นพี่ ม.6(ผู้กำกับ) เห็นเข้า เขาบอกชอบที่เราเล่น เราสื่อ.. พี่เขาเลยชวนไปแสดงหนังสั้นที่พี่เขากำกับส่งแข่งประกวด อะๆ เราก็ลองดู (สนิทพี่เขา เลยไม่กล้าปฎิเสธ555) เลยได้มีโอกาสได้แสดง และได้รุว่า เฮ้! ชอบวะ  สนุก (ใช่เลยอะ นี่แหละทางกู!) และขณะยุในกอง เรามีสมาชิกกันไม่กี่คน(สลับกันแสดง สลับกันถ่าย) หนูก็จำเป็นต้องช่วย พี่เขาทำโน้น ทำนั้น ทำนี้ เลยได้เป็นทั้ง ตากล้องบ้าง แบกไมค์บ้าง จัดชุด หอบของ ดีไม่ดีกำกับผู้กำกับอีกที(จนมั่นไส้ตัวเองบ้างที) โดยไม่รุตัว 55555 ถึงไม่ค่อยชอบเท่าไร แต่ก็โอกว่าเรียนๆ ในก้องอะ 55555 เราส่งงานประกวดหลายงาน มากกก แต่อย่างมากกฤ็ได้แค่ชมเชย แย่สุดก็ไม่ติดอันดับ 5555 (เป็นธรรมดา.. แต่ก็ไม่เคยเสียใจและมีความสุขกับมันมากกกกกในทุกครั้งที่ทำ)  เริ่มรู้สึกมั่นใจ เชื่อมั่นว่า นี่แหละทางกู! ทางกู! ทางกู! กูจะเรียน นิเทศศาสตร์ เอาละเมื่อความมั่นใจเต็มเปี่ยม หนูก็เริ่มกลายเป็นเด็กกิจกรรมตัวโยงของ รร. ทำหมดทุกอย่าง พิธีกร แสดง กำกับ เขียนบท ละครเวที รร งานกีฬาสี ไม่เคยพลาด งานกิจกรรมขอให้บอก กล้องสาด ไฟส่อง สู้ตายยยย! จน "ลืมเรียน!" เกรดเริ่มตก ตก ตก 2 จุด กว่าๆก็เคยได้มาแล้ว ....

ม.4-5 แล้ว เราเริ่มหาข้อมูล เกี่ยวกับ นิเทศ ทั้งข้อดี ข้อเสีย ความสนุกสนาน บล่าๆ เพื่อมายืนยั่น และยืนยัด ในความรักสายนี้
-ข้อดี (ไม่ข้อกล่าวละกัน)  เพราะชอบและอยากทำยุแล้ววว
-ข้อเสีย (นี้สิตัวดี) กลัวความสามารถเราไม่ถึงคนอื่นเขา สายนี้ไม่เก่งจริง จะรุ่งได้เหรอ ตกงานเยอะ ( ส่วนตัวไม่อยากอ่านหนังสือสอบหลายรอบ ) บล่าๆ เอาจนเรากลัวความมั่นคงในชีวิต..(อย่าลืมสิอนาคตเราต้องเลี้ยง พ่อ แม่ พี่ น้อง และตนเองให้รอด)


สับสนในการเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองมากในตอนนี้..
- อยากให้ ทั้งคนที่เคยอาบและไม่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อนช่วยแนะนำ เสนอแนวคิด ประสบการ์ณชีวิตที่ผ่านมาให้ เด็กน้อยๆ ร่างบางๆ ตัวเล็กๆ คนนึ่งด้วยด้วยนะคะ (เหรอ? 555)

- คำว่าทำในสิ่งที่รัก เดี่ยวเงินจะลอยมาเองจริงหรือคะ? ยังใช้ได้ยุหรือ?


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่