หากกล่าวถึงปืนซุ่มยิงระยะไกลที่มีอำนาจการสังหารที่รุนแรง มีอำนาจการยิงที่ไว้ใจได้เราคงจะไม่นึกถึงปืนซุ่มยิงชนิดไหนเท่ากับเจ้า barett m82 อันโด่งดังซึ่งแน่นอนปืนซุ่มยิงกระบอกนี้สร้างชื่อมาแล้วมากมายให้กับคนที่เหนี่ยวไกมันมานัดต่อนัด แต่วันนี้ผมจะมาพูดถึงปืนอีกกระบอกหนึ่งซึ่งผมคาดหวังว่ามันจะเป็นปืนที่สร้างชื่ออีกให้กับผู้ที่เหนี่ยวไกมันเหมือนกับที่เจ้า m82 ทำมามากมายจนนับไม่ถ้วน
ความต้องการ
ในปี 2008 กองทัพสหรัฐมีมติต้องการปืนไรเฟิลลูกเลื่อนแบบใหม่ มาทดแทนเจ้า m24 แบบเก่าโดยทางกองทัพสหรัฐไม่ค่อยพอใจเจ้า m24 มากนักเนื่องจากถึงแม้ตัวปืนจะมีน้ำหนักที่เบาและใช้กระสุนซุ่มยิงตามขนาดมาตรฐานอย่าง 7.62x51mm แต่ระยะหวังผลของมันนั้นสั้นเกินไปสำหรับงานซุ่มยิงระยะไกลโดยมันมีระยะหวังผลเพียงแค่ 800 เมตรเท่านั้น ซึ่งทางสหรัฐต้องการปืนที่มีอำนาจสังหารที่ไกลกว่า กระสุนที่มีอำนาจการยิงที่รุนแรงกว่า 7.62x51 ความต้องการนี้ทำให้บริษัทปืนต่างๆเกือบทั่วโลกส่งแบบปืนซุ่มยิงแบบใหม่เข้าประกวดกัน ในที่สุดหวยก็มาออกที่เรมิงตันโดยทางเรมิงตันได้รับมอบหมายโดยกองทัพสหรัฐให้ผลิตปืนซุ่มยิงชนิดใหม่เพื่อมาทดแทนเจ้า m24
รูปของเจ้า m24
การออกแบบ
โดยตัวปืนนั้นถูกออกแบบให้มีความแม่นยำถึง 0.5moa ในระยะ 300 เมตร และ 0.7 moa ในระยะประมาณ 1000 เมตร และ 1 moa ในระยะ 1500 เมตรและ 2.5 moa ในระยะ 2000 เมตร (ตรงนี้ถือว่าตัวปืนทำการบ้านมาดีอย่างมากโดยเฉพาะเรื่องความแม่นยำที่ไม่สูญเสียมากนักถึงแม้จะยิงจากระยะไกลก็ตาม) โดยทางเรมิงตันได้เครมว่าตัวกระสุนสามารถเจาะเสื้อเกราะระดับ 4 ได้ในที่ระยะ 400 เมตร โดยตัวปืนได้ถูกออกโดยใช้วิธี quick change barrel โดยสามารถถอดลำกล้องได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่ลำกล้องร้อนหรือต้องการไปใช้กระสุนแบบใหม่ โดยตัวปืนมีความยาวลำกล้องถึง 36 นิ้วเมื่อรวมกลับความยาวทั้งหมดตัวปืนจะมีขนาดยาวถึง 46 นิ้ว โดยตัวลำกล้องปืนมีอายุการใช้งานประมาณ 1000 นัดก่อนต้องการทำเปลี่ยนใหม่ โดยตัวลำกล้องปืนนั้นทำจากไททาเนียมคุณภาพสูง และตัวปืน ไกปืน และพานท้ายทำจากอะลูมีเนียมที่ให้ความเบาและแข็งแรง โดยตัวปืนใช้กระสุน 7.62x67 winchester magnum(.300 winchester)
ซึ่งทางกองเรมิงตันได้กล่าวว่าปืนกระบอกนี้สามารถเปลี่ยนลำกล้องได้อย่างรวดเร็ว โดยตัวกลไกปืนนั้นพัฒนามาจากเจ้า m24 โดยตัวปืนเป็นระบบลูกเลื่อนที่ให้ความน่าเชื่อถือซึ่งให้ความแม่นยำและความนิ่งของปืนอย่างน่าพอใจ โดยลำตัวปืนด้านบนติดรางติดอุปกรณ์เสริมทั้งแถบ และกระโจมมือของตัวปืนนั้นเป็นแบบติดรางอุปกรณ์เสริมทั้ง 4 ด้าน โดยตัวพานท้ายปืนสามารถพับเก็บได้และมีไขควงอเนกประสงค์(อันนี้ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีเอาเป็นว่าเรียกไขควงไปก่อนแล้วกัน)ที่ติดมากับตัวปืนโดยตัวไขควงนั้น เอาไว้ปรับตรง cheekpad ที่เอาไว้รองแก้มคนยิงและปรับตรงก้นพานท้ายให้ยืดหดได้ตามสรีระของคนยิง แถมตัวไขควงนั้นยังสามารถเอาไปไขหมุดตรงกระโจมมือเพื่อที่จะถอดตัวกระโจมมือได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยได้อีกด้วย(ถึงเรียกว่าอเนกประสงค์ยังไง) โดยตัวปืนติดตั้งกล้องเล็งกำลังขยาย 6x แบบ Leupold Mark 4 ER/T M5(เรื่องกำลังขยาย จขกท.เองก็ไม่แน่ใจว่าถูกรึปล่าวถ้าผิดก้บอกกันด้วยจะได้แก้ครับ)เป็นกล้องเล็งมาตรฐานที่ติดมากับโรงงาน โดยตัวปืนนั้นได้ติดตั้งปลอกลดแสงแบบใหม่ที่ทางเรมิงตันได้เครมอีกว่าตัวปลอกลดแสงนั้นสามารถอำพรางแสงจากปากกระบอกปืนได้ถึง 98% และสามารถลดอัตราการสะบัดของปืนได้ถึง 60% และสามารถอำพรางเสียงระเบิดจากกระบอกปืนได้ถึง 32 เดซิเบล
รูปเมื่อเราเล็งผ่านกล้องแบบ Leupold Mark 4 ER/T M5

โดยทางเรมิงตันได้เครมว่าตัวกลไกปืนนั้นอึดมากสมารถทนอุณภูมิตั้งแต่ -32 องศาถึงประมาณ 50 องศาได้เลย โดยทางเรมิงตันได้ตั้งชื่อว่าปืนว่า M2010 Enhanced Sniper Rifle หรือเรียกชื่อสั้นๆว่า m2010 ers โดยทางกองทัพสหรัฐได้สั่งซื้อปืน 2010 esr กว่า 3600 กระบอกเข้าผลิตและประจำการภายในกองทัพในปี 2011
รูปของ m2010 ers กับกล้องเล็ง Leupold Mark 4 ER/T M5
การพัฒนาเพิ่มเติม
ถึงแม้จะเข้าประจำการแล้วแต่ทางกองทัพสหรัฐก็ยังไม่พอใจประสิทธิภาพมันเท่าไหร่นักเพราะตัวปืน m2010 esr ไม่สามารถใช้กระสุนแบบใดที่มีอยู่ในกองทัพได้เลย ทำให้ต้องเสียภาระไปกับการจัดหากระสุนปืนเพิ่มอีกความต้องการนี้หลังจากเรมิงตันได้ทราบ ทางเรมิงตันก็ได้นำเจ้า m2010 esr มาปรับปรุงอีกครั้งโดย
1.ตัวปืนสามารถใช้กระสุนได้ถึง 3 ชนิดได้แก่
-8.58×70mm หรือ .338 lapua
-7.62x51mm หรือ .308 nato
-7.62x67mm หรือ .300 winchester
โดยให้สังเกตว่ากระสุนทั้ง 2 แบบอย่าง .338 และ .308 นั้นมีใช้อยู่ในกองทัพอยู่แล้วทำให้ไม่ต้องไปลำบากจัดหาเพิ่มเติมกับกระสุนใหม่อย่าง .300 มากนัก ซึ่งลดภาระการจัดหาและส่งกำลังบำรุงได้ดีทีเดียว โดยการเปลี่ยนไปใช้กระสุนชนิดใหม่สามารถเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วเพียงเปลี่ยนลำกล้อง และใส่ลำกล้องใหม่สำหรับกระสุนชนิดใหม่ก็สามารถทำการยิงได้แล้ว
2.เปลี่ยนไปใช้ปลอกลดแสงและปลอกลดเสียงแบบใหม่ที่ให้ประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
3.ตัวลำกล้องเปลี่ยนไปใช้โครเมียมแทนสำหรับกระสุนแบบ 8.58x70mm
4.ตัวปืนสามารถถอดลำกล้องได้โดยไม่จำเป็นต้องถอดกระโจมมือก่อนซึ่งสร้างความสะดวกแก่การเปลี่ยนลำกล้องอย่างมาก
5.ไกปืนแบบใหม่ที่ให้น้ำหนักที่เบากว่าเดิม
6.ตัวพานท้ายปืนสามารถถอดออกจากตัวปืนได้ ในขณะที่ m2010 นั้นทำไม่ได้
7.เปลี่ยนไปใช้วัสดุแบบใหม่ที่เบากว่าเดิม(แต่ผลออกมาคือหนักกว่าเดิม 2kg)
โดยตัวปืนได้ถูกตั้งชื่อว่า remington modular sniper rifle หรือชื่อเรียกสั้นๆว่า remington msr โดยกองทัพสหรัฐได้สั่งซื้อปืน remington msr กว่า 5150 กระบอกในปี 2013 และตั้งชื่อรหัสอย่างเป็นอย่างการว่า mk 21
รูปของ remington msr หรือ mk 21

ทหารสหรัฐกับ mk21
ข้อมูลโดยรวม
ขนาดกระสุน: 7.62x67mm(m2010) 7.62x67,8.58x70,7.62x51(msr)
ความยาวโดยรวมของลำกล้อง: 24 นิ้ว
น้ำหนักโดยรวม: 5.5kg(m2010) 8kg(msr)
ระยะหวังผล: 1500 เมตร
ประเทศผู้ผลิค: สหรัฐอเมริกา
[แถม] อันนี้คลิปถอดประกอบปืนของเจ้า msr ครับสังเกตได้ว่าไขควงที่ติดมากับตัวปืนนั้นอเนกประสงค์โคตรๆ

อ้างอิง
https://en.wikipedia.org/wiki/Remington_MSR
https://en.wikipedia.org/wiki/M2010_Enhanced_Sniper_Rifle
http://www.thefirearmblog.com/blog/2015/01/02/remington-modular-sniper-rifle-review/
Remington Msr ปืนซุ่มยิงระยะไกลแห่งกองทัพสหรัฐ
ความต้องการ
ในปี 2008 กองทัพสหรัฐมีมติต้องการปืนไรเฟิลลูกเลื่อนแบบใหม่ มาทดแทนเจ้า m24 แบบเก่าโดยทางกองทัพสหรัฐไม่ค่อยพอใจเจ้า m24 มากนักเนื่องจากถึงแม้ตัวปืนจะมีน้ำหนักที่เบาและใช้กระสุนซุ่มยิงตามขนาดมาตรฐานอย่าง 7.62x51mm แต่ระยะหวังผลของมันนั้นสั้นเกินไปสำหรับงานซุ่มยิงระยะไกลโดยมันมีระยะหวังผลเพียงแค่ 800 เมตรเท่านั้น ซึ่งทางสหรัฐต้องการปืนที่มีอำนาจสังหารที่ไกลกว่า กระสุนที่มีอำนาจการยิงที่รุนแรงกว่า 7.62x51 ความต้องการนี้ทำให้บริษัทปืนต่างๆเกือบทั่วโลกส่งแบบปืนซุ่มยิงแบบใหม่เข้าประกวดกัน ในที่สุดหวยก็มาออกที่เรมิงตันโดยทางเรมิงตันได้รับมอบหมายโดยกองทัพสหรัฐให้ผลิตปืนซุ่มยิงชนิดใหม่เพื่อมาทดแทนเจ้า m24
รูปของเจ้า m24
การออกแบบ
โดยตัวปืนนั้นถูกออกแบบให้มีความแม่นยำถึง 0.5moa ในระยะ 300 เมตร และ 0.7 moa ในระยะประมาณ 1000 เมตร และ 1 moa ในระยะ 1500 เมตรและ 2.5 moa ในระยะ 2000 เมตร (ตรงนี้ถือว่าตัวปืนทำการบ้านมาดีอย่างมากโดยเฉพาะเรื่องความแม่นยำที่ไม่สูญเสียมากนักถึงแม้จะยิงจากระยะไกลก็ตาม) โดยทางเรมิงตันได้เครมว่าตัวกระสุนสามารถเจาะเสื้อเกราะระดับ 4 ได้ในที่ระยะ 400 เมตร โดยตัวปืนได้ถูกออกโดยใช้วิธี quick change barrel โดยสามารถถอดลำกล้องได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่ลำกล้องร้อนหรือต้องการไปใช้กระสุนแบบใหม่ โดยตัวปืนมีความยาวลำกล้องถึง 36 นิ้วเมื่อรวมกลับความยาวทั้งหมดตัวปืนจะมีขนาดยาวถึง 46 นิ้ว โดยตัวลำกล้องปืนมีอายุการใช้งานประมาณ 1000 นัดก่อนต้องการทำเปลี่ยนใหม่ โดยตัวลำกล้องปืนนั้นทำจากไททาเนียมคุณภาพสูง และตัวปืน ไกปืน และพานท้ายทำจากอะลูมีเนียมที่ให้ความเบาและแข็งแรง โดยตัวปืนใช้กระสุน 7.62x67 winchester magnum(.300 winchester)
ซึ่งทางกองเรมิงตันได้กล่าวว่าปืนกระบอกนี้สามารถเปลี่ยนลำกล้องได้อย่างรวดเร็ว โดยตัวกลไกปืนนั้นพัฒนามาจากเจ้า m24 โดยตัวปืนเป็นระบบลูกเลื่อนที่ให้ความน่าเชื่อถือซึ่งให้ความแม่นยำและความนิ่งของปืนอย่างน่าพอใจ โดยลำตัวปืนด้านบนติดรางติดอุปกรณ์เสริมทั้งแถบ และกระโจมมือของตัวปืนนั้นเป็นแบบติดรางอุปกรณ์เสริมทั้ง 4 ด้าน โดยตัวพานท้ายปืนสามารถพับเก็บได้และมีไขควงอเนกประสงค์(อันนี้ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีเอาเป็นว่าเรียกไขควงไปก่อนแล้วกัน)ที่ติดมากับตัวปืนโดยตัวไขควงนั้น เอาไว้ปรับตรง cheekpad ที่เอาไว้รองแก้มคนยิงและปรับตรงก้นพานท้ายให้ยืดหดได้ตามสรีระของคนยิง แถมตัวไขควงนั้นยังสามารถเอาไปไขหมุดตรงกระโจมมือเพื่อที่จะถอดตัวกระโจมมือได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยได้อีกด้วย(ถึงเรียกว่าอเนกประสงค์ยังไง) โดยตัวปืนติดตั้งกล้องเล็งกำลังขยาย 6x แบบ Leupold Mark 4 ER/T M5(เรื่องกำลังขยาย จขกท.เองก็ไม่แน่ใจว่าถูกรึปล่าวถ้าผิดก้บอกกันด้วยจะได้แก้ครับ)เป็นกล้องเล็งมาตรฐานที่ติดมากับโรงงาน โดยตัวปืนนั้นได้ติดตั้งปลอกลดแสงแบบใหม่ที่ทางเรมิงตันได้เครมอีกว่าตัวปลอกลดแสงนั้นสามารถอำพรางแสงจากปากกระบอกปืนได้ถึง 98% และสามารถลดอัตราการสะบัดของปืนได้ถึง 60% และสามารถอำพรางเสียงระเบิดจากกระบอกปืนได้ถึง 32 เดซิเบล
รูปเมื่อเราเล็งผ่านกล้องแบบ Leupold Mark 4 ER/T M5
โดยทางเรมิงตันได้เครมว่าตัวกลไกปืนนั้นอึดมากสมารถทนอุณภูมิตั้งแต่ -32 องศาถึงประมาณ 50 องศาได้เลย โดยทางเรมิงตันได้ตั้งชื่อว่าปืนว่า M2010 Enhanced Sniper Rifle หรือเรียกชื่อสั้นๆว่า m2010 ers โดยทางกองทัพสหรัฐได้สั่งซื้อปืน 2010 esr กว่า 3600 กระบอกเข้าผลิตและประจำการภายในกองทัพในปี 2011
รูปของ m2010 ers กับกล้องเล็ง Leupold Mark 4 ER/T M5
การพัฒนาเพิ่มเติม
ถึงแม้จะเข้าประจำการแล้วแต่ทางกองทัพสหรัฐก็ยังไม่พอใจประสิทธิภาพมันเท่าไหร่นักเพราะตัวปืน m2010 esr ไม่สามารถใช้กระสุนแบบใดที่มีอยู่ในกองทัพได้เลย ทำให้ต้องเสียภาระไปกับการจัดหากระสุนปืนเพิ่มอีกความต้องการนี้หลังจากเรมิงตันได้ทราบ ทางเรมิงตันก็ได้นำเจ้า m2010 esr มาปรับปรุงอีกครั้งโดย
1.ตัวปืนสามารถใช้กระสุนได้ถึง 3 ชนิดได้แก่
-8.58×70mm หรือ .338 lapua
-7.62x51mm หรือ .308 nato
-7.62x67mm หรือ .300 winchester
โดยให้สังเกตว่ากระสุนทั้ง 2 แบบอย่าง .338 และ .308 นั้นมีใช้อยู่ในกองทัพอยู่แล้วทำให้ไม่ต้องไปลำบากจัดหาเพิ่มเติมกับกระสุนใหม่อย่าง .300 มากนัก ซึ่งลดภาระการจัดหาและส่งกำลังบำรุงได้ดีทีเดียว โดยการเปลี่ยนไปใช้กระสุนชนิดใหม่สามารถเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วเพียงเปลี่ยนลำกล้อง และใส่ลำกล้องใหม่สำหรับกระสุนชนิดใหม่ก็สามารถทำการยิงได้แล้ว
2.เปลี่ยนไปใช้ปลอกลดแสงและปลอกลดเสียงแบบใหม่ที่ให้ประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
3.ตัวลำกล้องเปลี่ยนไปใช้โครเมียมแทนสำหรับกระสุนแบบ 8.58x70mm
4.ตัวปืนสามารถถอดลำกล้องได้โดยไม่จำเป็นต้องถอดกระโจมมือก่อนซึ่งสร้างความสะดวกแก่การเปลี่ยนลำกล้องอย่างมาก
5.ไกปืนแบบใหม่ที่ให้น้ำหนักที่เบากว่าเดิม
6.ตัวพานท้ายปืนสามารถถอดออกจากตัวปืนได้ ในขณะที่ m2010 นั้นทำไม่ได้
7.เปลี่ยนไปใช้วัสดุแบบใหม่ที่เบากว่าเดิม(แต่ผลออกมาคือหนักกว่าเดิม 2kg)
โดยตัวปืนได้ถูกตั้งชื่อว่า remington modular sniper rifle หรือชื่อเรียกสั้นๆว่า remington msr โดยกองทัพสหรัฐได้สั่งซื้อปืน remington msr กว่า 5150 กระบอกในปี 2013 และตั้งชื่อรหัสอย่างเป็นอย่างการว่า mk 21
รูปของ remington msr หรือ mk 21
ทหารสหรัฐกับ mk21
ข้อมูลโดยรวม
ขนาดกระสุน: 7.62x67mm(m2010) 7.62x67,8.58x70,7.62x51(msr)
ความยาวโดยรวมของลำกล้อง: 24 นิ้ว
น้ำหนักโดยรวม: 5.5kg(m2010) 8kg(msr)
ระยะหวังผล: 1500 เมตร
ประเทศผู้ผลิค: สหรัฐอเมริกา
[แถม] อันนี้คลิปถอดประกอบปืนของเจ้า msr ครับสังเกตได้ว่าไขควงที่ติดมากับตัวปืนนั้นอเนกประสงค์โคตรๆ
อ้างอิง
https://en.wikipedia.org/wiki/Remington_MSR
https://en.wikipedia.org/wiki/M2010_Enhanced_Sniper_Rifle
http://www.thefirearmblog.com/blog/2015/01/02/remington-modular-sniper-rifle-review/