สวัสดีคะ ก่อนอื่นต้องขอออกตัวเลยว่านี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตหลังจากเพิ่งจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ Pantip ไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เนื่องจากเห็นว่าเราก็ไปเที่ยวมาเยอะแต่ไม่เคยได้มาแชร์ประสบการณ์ของตัวเองจริงๆบ้างซักที อันที่จริงเราต้องสารภาพว่า การที่เราเที่ยวด้วยงบประมาณไม่สูงมากนั้น ส่วนหนึ่งก็ได้มากจากการอ่านประสบการณ์ของคนอื่นๆที่เข้ามาแชร์ ดูหลายๆเวป และมาวิเคราะห์จัดทริปตามที่ที่เราอยากไป เราเลยคิดว่า มันอาจถึงเวลาแล้วที่เราต้องแชร์ประสบการณ์การเที่ยวของเราบ้าง เผื่อจะเป็นไอเดียให้ใครหลายๆคนที่มีงบจำกัด แต่ก็อยากเที่ยวเยอะๆบ้าง แต่ก็อยากบอกว่า ต้องแอบอึดเหมือนกันนะคะ อิอิ อยากบอก เลยว่า ทริปนี้เจอทุกรสชาติจริงๆ ทั้งสุข สนุก ตื่นเต้น ชอค
เรื่องชอคเนี่ย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้กับเราเอง คงมีไม่กี่คนที่จะเจอเหตุการณ์นี้แบบเราแน่ๆ ซึ่งมันเกิดช่วงวันท้ายๆ เลยคะตอนที่เรากลับมาถึงที่อิสตันบูลแล้ว ยังไงเดี๋ยวจะค่อยๆเล่า แชร์ประสบการณ์ไปแต่ละวัน แต่ละเมืองไล่ตามลำดับนะคะ
ขอรับรองเลยว่า รูปทุกรูปไม่ได้ผ่านการแต่งใดๆ (เพราะถ้าแต่ง ต้องงามเลิศในปฐพีกว่านี้แน่ๆ) ส่วนกล้อง ก็เป็นกล้องปกติตัวเล็กๆ ไม่ได้กล้องโปรใดๆนะคะ
และนี่คือบัญชีรายจ่ายในการเดินทางครั้งนี้คะ ขออภัยด้วยถ้าเห็นไม่ค่อยชัดนะคะ
เห็นกันไม่ผิดคะ เราใช้ไปแค่
38,457 บาทกับการเดินทางจริงๆคะ (สำหรับชอบปิ้งอื่นๆ เราก็ไม่ได้ใช้เยอะคะ ใช้ไปประมาณสองพันบาท แต่ไม่ได้เอามาลงในบันทึก เพราะมันไม่เกี่ยวกันคะ)
เนื่องจากตุรกีเป็นเมืองในฝันตั้งแต่เด็กแล้วคะ ดูสารคดี แล้วเห็นภูมิทัศน์เขาแปลกตามาก เช่น บ้านในถ้ำ ภูเขาหินปูน ซึ่งหาไม่ได้ในบ้านเรา ฯลฯ แต่ไม่มีโอกาสได้ไปซักที จนในที่สุดในปีที่แล้วตัดสินใจแน่วแน่คะว่าจะไปแน่นอน จึงได้เริ่มจองตั๋วเครื่องบิน ซึ่งการจองตั๋วเครื่องบินนั้น เราใช้วิธีแบบเลือก Multicity คะ คือ ช่วงที่เราเดินทาง เป็นช่วง 27 เมษายน – 8 พฤษภาคม 2558 ซึ่งเป็นฤดูใบไม้ผลิของเขาและเริ่มเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวของเขาคะ นอกจากนั้นจะเป็นช่วงวันหยุดในไทยด้วย ได้แก่วันแรงงาน วันฉัตรมงคล ฉะนั้น หากบินตรงจากไทย ที่สำรวจตั๋วเครื่องบินมา ราคาต่ำสุดที่หาได้ จะอยู่ประมาณ 25,000 บาท คะ เราก็เลยยอมลำบากหน่อย แต่ประหยัดมาได้ 3,000-4,000 บาท ในที่สุดในเดือนพฤศจิกายน 2557 ก็ได้ตั๋วเครื่องบินของสายการบิน Etihad ในราคา 19,230 บาท โดยบินจาก กัวลาลัมเปอร์ – อิสตันบูล – กทม แต่ระยะเวลาช่วงหยุดต่อเครื่องที่อาบูดาบี จะค่อนข้างยาวหน่อยคะ ประมาณ 9 ชั่วโมง ก็ไม่เป็นไรคะ รับได้ หลังจากนั้นเราก็หาตั๋วขาไปกัวลาลัมเปอร์คะ ได้ตั๋วเครื่องบินของ Lion Air มาในราคา 1,795 บาท ฉะนั้นค่าตั๋วในการเดินทางไป-กลับตุรกี อยู่ที่ 21,025 บาท คะ
หลังจากนั้นในช่วงธันวาคม 2558 ก็เริ่มค้นหาว่าเราอยากไปเมืองไหนบ้าง แล้วเริ่มจองโรงแรมคะ ซึ่งบางโรงแรมก็จะตัดเงินเลย บางโรงแรมก็จะยังไม่ตัดเงินแต่ให้จ่าย ณ วันมาถึง เนื่องจากทริปนี้เราเดินทางกันสองคนคะ จึงทุ่นค่าใช้จ่ายโรงแรมไปได้มากเนื่องจากหารสองคะ สำหรับแผนการเดินทางของเรา เราอยากให้มันหลากหลายคะ และพยายามให้เกือบทั่วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงได้แผนมาดังนี้คะ
วันที่ 27-28 เมษายน 2558 – เดินทางจาก
BKK – KUL
KUL – Istanbul (แวะนอนในสนามบินที่อาบูดาบี)
Istanbul – Malatya
วันที่ 29 เมษายน 2558 Malatya – Nemrut Dagi
(เที่ยวยอดเขาเนมรุตซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ และนอนที่ Gune Motel ซึ่งห่างจาก Nemrut Dagi ประมาณ 10 กม 1 คืน)
วันที่ 30เมษายน 2558 Nemrut Dagi – Malatya – Goreme
(เดินทางออกตอนเช้า เพื่อมาต่อรถที่เมืองมาลัตย่า มาสิ้นสุดที่เมือง โกเรเม่เมืองภาคกลางและนอนที่โกเรเม่ 1 คืน)
วันที่ 1 พฤษภาคม 2558 Goreme – Selcuk
(เที่ยวโกเรเม่เมืองใกล้เคียงทั้งวัน และนั่ง Night Bus ไปเมืองเซลจุกเมืองภาคตะวันตกของฝั่งเอเชีย)
วันที่ 2 พฤษภาคม 2558 Selcuk – Ephesus – Pamukkale
(เที่ยวเมืองโบราณเอฟฟิซุส และเดินเตลาดสดในเมือง Selcuk และนั่งรถบัสต่อไปเมืองปามุคคาเล่ เมืองภูเขาหินปูน และพักค้างคืนที่ปามุคคาเล่ 1 คืน)
วันที่ 3 พฤษภาคม 2558 Pamukkale – Fathiye – Olu Deniz (Blue Lagoon)
(เที่ยวปามุคคาเล่ทั้งวัน และนั่งรถบัสรอบเย็นไป พาทิเยอ และต่อไป อูลูเดนิส ชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ พักค้างคืนที่ อูลูเดนิส)
วันที่ 4 พฤษภาคม 2558 Olu Deniz
(เที่ยวชิลๆที่ Olu Deniz และนอนค้างคืนที่สอง)
วันที่ 5 พฤษภาคม 2558 Olu Deniz – Fathiye – Istanbul
(ยังคงชิลอยู่ที่ อูลูเดนิส จนถึงบ่าย ก่อนต่อรถบัสไปสนามบินเพื่อกลับอิสตันบูล และนอนในเมืองอิสตันบูล คืนที่หนึ่ง)
วันที่ 6 พฤษภาคม 2558 Istanbul
(เที่ยวในเมืองอิสตันบูล และนอนค้างคืนที่สอง)
วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 Istanbul – BKK
(เดินเล่นในเมือง และเดินทางจากที่พักมาสนามบินเพื่อกลับกทม)
วันที่ 8 พฤษภาคม 2558 BKK
(ถึงกทม ช่วงเช้าโดยสวัสดิภาพ)
ใช้เวลาถ้ารวมระยะเวลาเดินทาง คือ 12 วัน เที่ยวเต็มๆ คือ 9 วันครึ่งคะ
โดยปกติการจองโรงแรมก็ไม่ได้ยากคะ เราก็แค่ดูพวกเวป booking.com / agoda อะไรพวกนี้ แต่มีที่เมืองแรกคะที่รู้สึกว่าหาข้อมูลยากมาก นั่นคือ การไปยอดเขาเนมรุต เพื่อไปดูรูปปั้นเทพเจ้า กษัตริย์ของแคว้นนั้นที่สร้างขึ้นเมื่อสมัยสองพันกว่าปีก่อนและได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1987 คะ รวมถึงการขึนไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก ซึ่งโดยปกติคนทุกคนที่จะไปที่นั่น ถ้าไม่ใช่คนที่นั่นเป็นนักท่องเที่ยว หรือไม่ได้เช่ารถขับเอง ต้องซื้อทัวร์คะ ซึ่งทัวร์แต่ละจุดก็จะเริ่มที่จุดต่างๆกัน เช่นอาจเป็นเมืองที่ต้องเดินทางไปอีกสามชั่วโมง เนื่องจากตอนหาข้อมูลเราคิดว่าไหนๆก็ไปแล้ว ขอดูทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกเลยละกัน การอยู่ในเมือง เช่น Adiyaman ที่ไกลออกไปประมาณสามชั่วโมง จึงไม่ใช่เป้าหมาย เราจึงหาข้อมูล รวมถึง เวป Trip advisor จนในที่สุดก็เจอ Organise ของโรงแรม Gune Motel คะซึ่งเราก็เข้าไปหาข้อมูลเห็นว่ามาที่พักตั้งห่างจากยอดเขาประมาณสองกิโลเมตรเท่านั้น และคนของเขาจะมารับที่โรงแรมในเมืองมาลัตย่าตอนเที่ยงและกลับมาส่งตอนสิบโมงเช้าของวันถัดไป เราจึงหาข้อมูลต่อคะว่าเราจะไปเมืองมาลัตย่ายังไงที่ไม่ต้องใช้เวลามาก โชคดีคะที่เมืองนั้นมีสนามบิน และการเดินทางจากอิสตันบูลมายังมาลัตย่านั้นไม่แพงมาก คือ ตอนที่จองได้ราคามาคนละ 29 ยูโร หรือ 1218 บาท (เดินทางตั้งสองชั่วโมงนะคะ ถือว่าถูกมากกับการเดินสายการบินภายในของเขา) เราจึงตัดสินใจเลือกใช้บริการของ Gune Motel เพราะราคาโอเคเลย และประหยัดเวลาด้วยคะ เราจึงหาเวปไซต์เพื่อเข้าไปจองที่พักกับเขา เมื่อลงทะเบียนแล้วเจ้าหน้าที่ของที่พักก็จะเมลล์กลับมายืนยัน ซึ่งเราก็ได้รับการติดต่อจาก Huseyin คะ ซึ่งตอนแรกช่วงที่จองตอนเดือนธันวาคม เขาก็จะแจ้งกลับมาเพียงว่าที่พักสามารถให้บริการได้นะช่วงเดือนเมษายน และเราก็อีเมลล์หาเขาอีกทีก่อนไปอาทิตย์นึงว่า เรายังคงคอนเฟิมแผนเดิมนะ เขาก็จะอีเมลล์ตอบโต้กับเราตลอด เขาก็จะบอกว่าเมือมาถึงให้เราโทรหาเพื่อนเขาที่ชื่อ Ramazan และRamazan จะได้แน่ใจว่าเรามาจริงๆและให้มารับที่ไหน โดยวันที่จะออกเดินทางเราก็เมลล์ยืนยันครั้งสุดท้ายคะ เนื่องจากเราเห็นว่าเราอาจต้องใช้โทรศัพท์บ้าง เราจึงเติมเงินใน Skype ในราคา 10 ยูโร คะ ไม่เปิดโรมมิ่งคะเพราะแพงมาก เราจึงใช้วิธีเติมเงินแทนแล้วหาที่โทรในโรงแรม โดยการโทรผ่าน wifi คะ
เมื่อถึงวันเดินทางจริง และรู้ว่าจะต้องนอนพักค้างคืนในสนามบินอาบูดาบี เราจึงเตรียมพวกขนมปัง แซนวิชไปด้วยคะ จะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าขนมในสนามบินเพราะปกติก็แพงกว่าข้างนอกอยู่แล้ว เตรียมพร้อมมากคะ เราไปถึงสนามบินดอนเมืองคะ ก็จัดการแลกเงินเป็นเงินยูโร โดยตัดสินใจแลก 21,600 บาท หรือ 600 ยูโร เอาไว้เผื่อขาดคะ หลังจากนั้นก็จัดการเช็คอิน และขึ้นเครื่องคะ ในขณะที่เครื่องกำลังจะขึ้น ก็มีเรื่องตื่นเต้นให้ต้องเสียวกันไปตามๆกัน นั่นคือ ในขณะที่แอร์กำลังตรวจเช็คความเรียบร้อยก่อนเครื่องจะออก ซึ่งอยู่ในเครื่องบินกันเรียบร้อยหมดแล้วนะคะ อยู่ดีๆ ก็มีเจ้าหน้าที่สองคน (ไม่แน่ใจว่าของสนามบินหรือสายการบิน) ขึ้นมาแล้วยืนพูดอะไรสักย่าง ที่ข้างหลังเราถัดไปสองแถว ตอนแรก เราก็ไม่ได้คิดอะไร แต่รู้สึกเริ่มนานและเสียงเจ้าหน้าที่เริ่มดังขึ้นที่ได้ยินคือคำว่า “Give it to me now or come with me” เราเลยแอบชะโงกดูคะว่าเจ้าหน้าที่พูดกับใครก็เห็นว่าเป็นผู้โดยสารคนหนึ่งที่หน้าจะแขกๆหน่อย เหมือนเขาก็ดึงดันไม่ทำตามที่เจ้าหน้าที่พูด ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็พูดว่า come with me เหมือนเขาก็ไม่ยอม ตอนนั้นยอมรับตามตรงคะว่า ใจเสีย คิดในใจ ถ้าแกไม่ลง ชั้นจะลงเองแล้ว เพราะข่าวเกี่ยวกับเครื่องบินของมาเลเซียช่วงนี้ก็เยอะ เราก็ใจสั่นๆว่าเอาดี สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ดึงเขาลงมา และผู้โดยสารคนนั้นก็ไม่ได้โดยสารไปกับเครื่องลำนี้คะ คือ เราไม่รู้ว่าเขาเอาอะไรขึ้นมา ถึงเพิ่งมาเรียกเขาตอนขึ้นเครื่องและเครื่องจะออกแล้ว แต่ก็เถอะนะ นอนไม่หลับเลยคะบนเครื่องใจสั่นตลอดทาง เพราะคิดแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คิดไปต่างๆนาๆ เช่น เป็นแผนเขาหรือเปล่านะ เขาลงไปแล้วเนี่ย เขาซ่อนอะไรไว้แล้วหรือเปล่า คือนั่งคิดอยู่แบบนั้นเกือบสองชั่วโมงคะ ในที่สุดก็ถึงกัวลาลัมเปอร์โดยสวัสดิภาพ เนื่องจากเครื่องบินลงที่สนามบินย่อยเราจึงต้องนั่งรถไฟต่อไปอีกสนามบินนึงซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติคะ ซึ่งเดินทางประมาณสองนาที ค่ารถไฟถ้าจำไม่ผิด คนละ 2 ริงกิตนะคะ หรือ 20 บาท เมื่อมาถึงก็เช็คอินและรอประมาณสองชั่วโมง ก็เป็นเวลาที่เครื่อง Etihad ออกเดินทางคะ ทุกคนก็ขึ้นเครื่อง เครื่องออกปิดไฟอะไรเรียบร้อย แต่เรารู้สึกว่าเครื่องมันติดๆดับๆ ไม่ขึ้นซักทีคะ ใจเสียอีกละ ไม่พ้นที่ประเทศนี้ซักที ตอนแรกเรานึกว่าเขาจะเปลี่ยนเครื่อง แต่สุดท้ายก็ใช้เครื่องลำเดิม แต่กว่าจะได้ออกเดินทางจริงก็สายไปประมาณหนึ่งชั่วโมงคะ คือเราไม่ซีเรียสเรื่องเวลา เพราะไปถึงที่อาบูดาบี ก็ต้องนอนค้างที่นั่นอยู่ดี นอนบนเครื่องสบายกว่า แต่มันรู้สึกใจไม่ดี ที่เครื่องติดๆดับๆ แต่ก็ไม่มีใครลุกมาค้านอะไรเลยนะคะ หันไปมีแต่คนหลับ สงสัยจะดึก แต่ก็แค่สามสี่ทุ่มที่นั่นเอง แต่ก็ไม่เป็นไรคะ ในที่สุดก็ถึงอาบูดาบี แอบคิดในใจ นี่ยังไม่ทันถึงตุรกี เรารู้สึกว่าอะดีนาลีนเราสูบฉีดมากอย่างกับผ่านทริปมาแล้วสามวัน แต่สุดท้ายก็นั่งเครื่องมาได้อย่างเป็นปกติสุข ถึงอาบูดาบีประมาณเที่ยงคืนกว่าคะ(ตามเวลาที่นั่นคะ) โดยใช้เวลาประมาณหกชั่วโมง เมื่อมาถึงสนามบิน ก็หาที่หลับที่นอน และหลับตามอัธยาศัย ซึ่งมีคนมากมายคะที่ร่วมหลับอยู่ที่นั่น หลายสิบชีวิต หลายจุดมุ่งหมาย แต่เราก็หลับๆตื่นๆนะ เพราะเก้าอี้มันแข็ง แต่ก็ถือว่าหลับได้คะ เมื่อถึงเวลาเก้าโมงเช้า ก็ออกเดินทางสู่อิสตันบูล ใช้เวลาประมาณสี่ชั่วโมงครึ่งคะ
[CR] 40,000 บาท กับการเที่ยวเกือบรอบตุรกี 10 วัน พร้อมประสบการณ์ครบทุกรสชาติ (ตื่นเต้น-ความสุข-ชอค กลัว)
เรื่องชอคเนี่ย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาเจอเหตุการณ์แบบนี้กับเราเอง คงมีไม่กี่คนที่จะเจอเหตุการณ์นี้แบบเราแน่ๆ ซึ่งมันเกิดช่วงวันท้ายๆ เลยคะตอนที่เรากลับมาถึงที่อิสตันบูลแล้ว ยังไงเดี๋ยวจะค่อยๆเล่า แชร์ประสบการณ์ไปแต่ละวัน แต่ละเมืองไล่ตามลำดับนะคะ
ขอรับรองเลยว่า รูปทุกรูปไม่ได้ผ่านการแต่งใดๆ (เพราะถ้าแต่ง ต้องงามเลิศในปฐพีกว่านี้แน่ๆ) ส่วนกล้อง ก็เป็นกล้องปกติตัวเล็กๆ ไม่ได้กล้องโปรใดๆนะคะ
และนี่คือบัญชีรายจ่ายในการเดินทางครั้งนี้คะ ขออภัยด้วยถ้าเห็นไม่ค่อยชัดนะคะ
เห็นกันไม่ผิดคะ เราใช้ไปแค่ 38,457 บาทกับการเดินทางจริงๆคะ (สำหรับชอบปิ้งอื่นๆ เราก็ไม่ได้ใช้เยอะคะ ใช้ไปประมาณสองพันบาท แต่ไม่ได้เอามาลงในบันทึก เพราะมันไม่เกี่ยวกันคะ)
เนื่องจากตุรกีเป็นเมืองในฝันตั้งแต่เด็กแล้วคะ ดูสารคดี แล้วเห็นภูมิทัศน์เขาแปลกตามาก เช่น บ้านในถ้ำ ภูเขาหินปูน ซึ่งหาไม่ได้ในบ้านเรา ฯลฯ แต่ไม่มีโอกาสได้ไปซักที จนในที่สุดในปีที่แล้วตัดสินใจแน่วแน่คะว่าจะไปแน่นอน จึงได้เริ่มจองตั๋วเครื่องบิน ซึ่งการจองตั๋วเครื่องบินนั้น เราใช้วิธีแบบเลือก Multicity คะ คือ ช่วงที่เราเดินทาง เป็นช่วง 27 เมษายน – 8 พฤษภาคม 2558 ซึ่งเป็นฤดูใบไม้ผลิของเขาและเริ่มเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวของเขาคะ นอกจากนั้นจะเป็นช่วงวันหยุดในไทยด้วย ได้แก่วันแรงงาน วันฉัตรมงคล ฉะนั้น หากบินตรงจากไทย ที่สำรวจตั๋วเครื่องบินมา ราคาต่ำสุดที่หาได้ จะอยู่ประมาณ 25,000 บาท คะ เราก็เลยยอมลำบากหน่อย แต่ประหยัดมาได้ 3,000-4,000 บาท ในที่สุดในเดือนพฤศจิกายน 2557 ก็ได้ตั๋วเครื่องบินของสายการบิน Etihad ในราคา 19,230 บาท โดยบินจาก กัวลาลัมเปอร์ – อิสตันบูล – กทม แต่ระยะเวลาช่วงหยุดต่อเครื่องที่อาบูดาบี จะค่อนข้างยาวหน่อยคะ ประมาณ 9 ชั่วโมง ก็ไม่เป็นไรคะ รับได้ หลังจากนั้นเราก็หาตั๋วขาไปกัวลาลัมเปอร์คะ ได้ตั๋วเครื่องบินของ Lion Air มาในราคา 1,795 บาท ฉะนั้นค่าตั๋วในการเดินทางไป-กลับตุรกี อยู่ที่ 21,025 บาท คะ
หลังจากนั้นในช่วงธันวาคม 2558 ก็เริ่มค้นหาว่าเราอยากไปเมืองไหนบ้าง แล้วเริ่มจองโรงแรมคะ ซึ่งบางโรงแรมก็จะตัดเงินเลย บางโรงแรมก็จะยังไม่ตัดเงินแต่ให้จ่าย ณ วันมาถึง เนื่องจากทริปนี้เราเดินทางกันสองคนคะ จึงทุ่นค่าใช้จ่ายโรงแรมไปได้มากเนื่องจากหารสองคะ สำหรับแผนการเดินทางของเรา เราอยากให้มันหลากหลายคะ และพยายามให้เกือบทั่วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงได้แผนมาดังนี้คะ
วันที่ 27-28 เมษายน 2558 – เดินทางจาก
BKK – KUL
KUL – Istanbul (แวะนอนในสนามบินที่อาบูดาบี)
Istanbul – Malatya
วันที่ 29 เมษายน 2558 Malatya – Nemrut Dagi
(เที่ยวยอดเขาเนมรุตซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ และนอนที่ Gune Motel ซึ่งห่างจาก Nemrut Dagi ประมาณ 10 กม 1 คืน)
วันที่ 30เมษายน 2558 Nemrut Dagi – Malatya – Goreme
(เดินทางออกตอนเช้า เพื่อมาต่อรถที่เมืองมาลัตย่า มาสิ้นสุดที่เมือง โกเรเม่เมืองภาคกลางและนอนที่โกเรเม่ 1 คืน)
วันที่ 1 พฤษภาคม 2558 Goreme – Selcuk
(เที่ยวโกเรเม่เมืองใกล้เคียงทั้งวัน และนั่ง Night Bus ไปเมืองเซลจุกเมืองภาคตะวันตกของฝั่งเอเชีย)
วันที่ 2 พฤษภาคม 2558 Selcuk – Ephesus – Pamukkale
(เที่ยวเมืองโบราณเอฟฟิซุส และเดินเตลาดสดในเมือง Selcuk และนั่งรถบัสต่อไปเมืองปามุคคาเล่ เมืองภูเขาหินปูน และพักค้างคืนที่ปามุคคาเล่ 1 คืน)
วันที่ 3 พฤษภาคม 2558 Pamukkale – Fathiye – Olu Deniz (Blue Lagoon)
(เที่ยวปามุคคาเล่ทั้งวัน และนั่งรถบัสรอบเย็นไป พาทิเยอ และต่อไป อูลูเดนิส ชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ พักค้างคืนที่ อูลูเดนิส)
วันที่ 4 พฤษภาคม 2558 Olu Deniz
(เที่ยวชิลๆที่ Olu Deniz และนอนค้างคืนที่สอง)
วันที่ 5 พฤษภาคม 2558 Olu Deniz – Fathiye – Istanbul
(ยังคงชิลอยู่ที่ อูลูเดนิส จนถึงบ่าย ก่อนต่อรถบัสไปสนามบินเพื่อกลับอิสตันบูล และนอนในเมืองอิสตันบูล คืนที่หนึ่ง)
วันที่ 6 พฤษภาคม 2558 Istanbul
(เที่ยวในเมืองอิสตันบูล และนอนค้างคืนที่สอง)
วันที่ 7 พฤษภาคม 2558 Istanbul – BKK
(เดินเล่นในเมือง และเดินทางจากที่พักมาสนามบินเพื่อกลับกทม)
วันที่ 8 พฤษภาคม 2558 BKK
(ถึงกทม ช่วงเช้าโดยสวัสดิภาพ)
ใช้เวลาถ้ารวมระยะเวลาเดินทาง คือ 12 วัน เที่ยวเต็มๆ คือ 9 วันครึ่งคะ
โดยปกติการจองโรงแรมก็ไม่ได้ยากคะ เราก็แค่ดูพวกเวป booking.com / agoda อะไรพวกนี้ แต่มีที่เมืองแรกคะที่รู้สึกว่าหาข้อมูลยากมาก นั่นคือ การไปยอดเขาเนมรุต เพื่อไปดูรูปปั้นเทพเจ้า กษัตริย์ของแคว้นนั้นที่สร้างขึ้นเมื่อสมัยสองพันกว่าปีก่อนและได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1987 คะ รวมถึงการขึนไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก ซึ่งโดยปกติคนทุกคนที่จะไปที่นั่น ถ้าไม่ใช่คนที่นั่นเป็นนักท่องเที่ยว หรือไม่ได้เช่ารถขับเอง ต้องซื้อทัวร์คะ ซึ่งทัวร์แต่ละจุดก็จะเริ่มที่จุดต่างๆกัน เช่นอาจเป็นเมืองที่ต้องเดินทางไปอีกสามชั่วโมง เนื่องจากตอนหาข้อมูลเราคิดว่าไหนๆก็ไปแล้ว ขอดูทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกเลยละกัน การอยู่ในเมือง เช่น Adiyaman ที่ไกลออกไปประมาณสามชั่วโมง จึงไม่ใช่เป้าหมาย เราจึงหาข้อมูล รวมถึง เวป Trip advisor จนในที่สุดก็เจอ Organise ของโรงแรม Gune Motel คะซึ่งเราก็เข้าไปหาข้อมูลเห็นว่ามาที่พักตั้งห่างจากยอดเขาประมาณสองกิโลเมตรเท่านั้น และคนของเขาจะมารับที่โรงแรมในเมืองมาลัตย่าตอนเที่ยงและกลับมาส่งตอนสิบโมงเช้าของวันถัดไป เราจึงหาข้อมูลต่อคะว่าเราจะไปเมืองมาลัตย่ายังไงที่ไม่ต้องใช้เวลามาก โชคดีคะที่เมืองนั้นมีสนามบิน และการเดินทางจากอิสตันบูลมายังมาลัตย่านั้นไม่แพงมาก คือ ตอนที่จองได้ราคามาคนละ 29 ยูโร หรือ 1218 บาท (เดินทางตั้งสองชั่วโมงนะคะ ถือว่าถูกมากกับการเดินสายการบินภายในของเขา) เราจึงตัดสินใจเลือกใช้บริการของ Gune Motel เพราะราคาโอเคเลย และประหยัดเวลาด้วยคะ เราจึงหาเวปไซต์เพื่อเข้าไปจองที่พักกับเขา เมื่อลงทะเบียนแล้วเจ้าหน้าที่ของที่พักก็จะเมลล์กลับมายืนยัน ซึ่งเราก็ได้รับการติดต่อจาก Huseyin คะ ซึ่งตอนแรกช่วงที่จองตอนเดือนธันวาคม เขาก็จะแจ้งกลับมาเพียงว่าที่พักสามารถให้บริการได้นะช่วงเดือนเมษายน และเราก็อีเมลล์หาเขาอีกทีก่อนไปอาทิตย์นึงว่า เรายังคงคอนเฟิมแผนเดิมนะ เขาก็จะอีเมลล์ตอบโต้กับเราตลอด เขาก็จะบอกว่าเมือมาถึงให้เราโทรหาเพื่อนเขาที่ชื่อ Ramazan และRamazan จะได้แน่ใจว่าเรามาจริงๆและให้มารับที่ไหน โดยวันที่จะออกเดินทางเราก็เมลล์ยืนยันครั้งสุดท้ายคะ เนื่องจากเราเห็นว่าเราอาจต้องใช้โทรศัพท์บ้าง เราจึงเติมเงินใน Skype ในราคา 10 ยูโร คะ ไม่เปิดโรมมิ่งคะเพราะแพงมาก เราจึงใช้วิธีเติมเงินแทนแล้วหาที่โทรในโรงแรม โดยการโทรผ่าน wifi คะ
เมื่อถึงวันเดินทางจริง และรู้ว่าจะต้องนอนพักค้างคืนในสนามบินอาบูดาบี เราจึงเตรียมพวกขนมปัง แซนวิชไปด้วยคะ จะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าขนมในสนามบินเพราะปกติก็แพงกว่าข้างนอกอยู่แล้ว เตรียมพร้อมมากคะ เราไปถึงสนามบินดอนเมืองคะ ก็จัดการแลกเงินเป็นเงินยูโร โดยตัดสินใจแลก 21,600 บาท หรือ 600 ยูโร เอาไว้เผื่อขาดคะ หลังจากนั้นก็จัดการเช็คอิน และขึ้นเครื่องคะ ในขณะที่เครื่องกำลังจะขึ้น ก็มีเรื่องตื่นเต้นให้ต้องเสียวกันไปตามๆกัน นั่นคือ ในขณะที่แอร์กำลังตรวจเช็คความเรียบร้อยก่อนเครื่องจะออก ซึ่งอยู่ในเครื่องบินกันเรียบร้อยหมดแล้วนะคะ อยู่ดีๆ ก็มีเจ้าหน้าที่สองคน (ไม่แน่ใจว่าของสนามบินหรือสายการบิน) ขึ้นมาแล้วยืนพูดอะไรสักย่าง ที่ข้างหลังเราถัดไปสองแถว ตอนแรก เราก็ไม่ได้คิดอะไร แต่รู้สึกเริ่มนานและเสียงเจ้าหน้าที่เริ่มดังขึ้นที่ได้ยินคือคำว่า “Give it to me now or come with me” เราเลยแอบชะโงกดูคะว่าเจ้าหน้าที่พูดกับใครก็เห็นว่าเป็นผู้โดยสารคนหนึ่งที่หน้าจะแขกๆหน่อย เหมือนเขาก็ดึงดันไม่ทำตามที่เจ้าหน้าที่พูด ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็พูดว่า come with me เหมือนเขาก็ไม่ยอม ตอนนั้นยอมรับตามตรงคะว่า ใจเสีย คิดในใจ ถ้าแกไม่ลง ชั้นจะลงเองแล้ว เพราะข่าวเกี่ยวกับเครื่องบินของมาเลเซียช่วงนี้ก็เยอะ เราก็ใจสั่นๆว่าเอาดี สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ดึงเขาลงมา และผู้โดยสารคนนั้นก็ไม่ได้โดยสารไปกับเครื่องลำนี้คะ คือ เราไม่รู้ว่าเขาเอาอะไรขึ้นมา ถึงเพิ่งมาเรียกเขาตอนขึ้นเครื่องและเครื่องจะออกแล้ว แต่ก็เถอะนะ นอนไม่หลับเลยคะบนเครื่องใจสั่นตลอดทาง เพราะคิดแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คิดไปต่างๆนาๆ เช่น เป็นแผนเขาหรือเปล่านะ เขาลงไปแล้วเนี่ย เขาซ่อนอะไรไว้แล้วหรือเปล่า คือนั่งคิดอยู่แบบนั้นเกือบสองชั่วโมงคะ ในที่สุดก็ถึงกัวลาลัมเปอร์โดยสวัสดิภาพ เนื่องจากเครื่องบินลงที่สนามบินย่อยเราจึงต้องนั่งรถไฟต่อไปอีกสนามบินนึงซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติคะ ซึ่งเดินทางประมาณสองนาที ค่ารถไฟถ้าจำไม่ผิด คนละ 2 ริงกิตนะคะ หรือ 20 บาท เมื่อมาถึงก็เช็คอินและรอประมาณสองชั่วโมง ก็เป็นเวลาที่เครื่อง Etihad ออกเดินทางคะ ทุกคนก็ขึ้นเครื่อง เครื่องออกปิดไฟอะไรเรียบร้อย แต่เรารู้สึกว่าเครื่องมันติดๆดับๆ ไม่ขึ้นซักทีคะ ใจเสียอีกละ ไม่พ้นที่ประเทศนี้ซักที ตอนแรกเรานึกว่าเขาจะเปลี่ยนเครื่อง แต่สุดท้ายก็ใช้เครื่องลำเดิม แต่กว่าจะได้ออกเดินทางจริงก็สายไปประมาณหนึ่งชั่วโมงคะ คือเราไม่ซีเรียสเรื่องเวลา เพราะไปถึงที่อาบูดาบี ก็ต้องนอนค้างที่นั่นอยู่ดี นอนบนเครื่องสบายกว่า แต่มันรู้สึกใจไม่ดี ที่เครื่องติดๆดับๆ แต่ก็ไม่มีใครลุกมาค้านอะไรเลยนะคะ หันไปมีแต่คนหลับ สงสัยจะดึก แต่ก็แค่สามสี่ทุ่มที่นั่นเอง แต่ก็ไม่เป็นไรคะ ในที่สุดก็ถึงอาบูดาบี แอบคิดในใจ นี่ยังไม่ทันถึงตุรกี เรารู้สึกว่าอะดีนาลีนเราสูบฉีดมากอย่างกับผ่านทริปมาแล้วสามวัน แต่สุดท้ายก็นั่งเครื่องมาได้อย่างเป็นปกติสุข ถึงอาบูดาบีประมาณเที่ยงคืนกว่าคะ(ตามเวลาที่นั่นคะ) โดยใช้เวลาประมาณหกชั่วโมง เมื่อมาถึงสนามบิน ก็หาที่หลับที่นอน และหลับตามอัธยาศัย ซึ่งมีคนมากมายคะที่ร่วมหลับอยู่ที่นั่น หลายสิบชีวิต หลายจุดมุ่งหมาย แต่เราก็หลับๆตื่นๆนะ เพราะเก้าอี้มันแข็ง แต่ก็ถือว่าหลับได้คะ เมื่อถึงเวลาเก้าโมงเช้า ก็ออกเดินทางสู่อิสตันบูล ใช้เวลาประมาณสี่ชั่วโมงครึ่งคะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น