Drama Story : ทำงานที่แรก

หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ มือใหม่หัดเขียน หัดโพส
และถ้ามีตรงไหนที่ควรแก้ไข หรือเนื้อหาชวนงง ช่วยคอมเม้นท์ให้ด้วยจะขอบพระคุณมากเลยครับ
Part 1: ผิดที่หลับ
                เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นสมัยผมเริ่มทำงานที่แรก เป็นเด็กใหม่ใสๆวัยสั่งสมประสบการณ์การทำงาน ซึ่งที่ทำงานนี้เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศไทยครับ เดี๋ยวนี้สังคมเราเปลี่ยนคำพูดเก่าๆให้เป็นคำพูดที่ดูดีได้ โดยจะยกตัวอย่างชื่อตำแหน่งผมให้เห็นครับ ผมทำงานโดยเริ่มต้นอาชีพเป็น “ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์” แต่จะเรียกให้สวยหรูทำไม เพราะจริงๆแล้วอาชีพนี้ก็คือ พนักงานขาย หรือ เซลล์ นั่นเองครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อผมเข้าทำงานได้ประมาณ 3 เดือน ตอนนั้นผมยังใหม่ และยังไม่รู้กฎระเบียบอะไรมากนัก ผมได้ไปช่วยงานอีเว้นท์สำคัญของโครงการบ้านเดี่ยวที่หรูที่สุดของบริษัทนี้ ที่โครงการบ้านเดี่ยวนี้เราใช้บ้านหลังหนึ่งเป็นสำนักงานขาย ขนาด 5 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ พื้นที่กว้างขวางครับ ชั้น 1 มีส่วนรับรองแขก ห้องรับประทานอาหาร ห้องนอน ห้องแม่บ้าน
                   คืนก่อนหน้าวันที่จะไปช่วยงานอีเว้นท์นี้ ผมไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานครับ กลับถึงบ้านตี 4 แล้วตื่นตอน 7 โมงเช้าเพื่อไปทำงาน คิดถึงสภาพคนพักผ่อนไม่เพียงพอครับ เมื่อไปถึงผมอดทนที่จะฟังการบรีฟข้อมูลของโครงการและจดจำให้มากที่สุด เพื่อจะได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่การมาช่วยขายในครั้งนี้  ผมอดทนจากความง่วงและช่วยรับลูกค้าไปได้ประมาณ 2 ราย ซึ่งปกติพนักงานขายจะแบ่งคิวกันรับวนไปเรื่อยๆ คล้ายเวลาเราไปนั่งวินมอเตอร์ไซด์ครับ พี่ที่โครงการมีประมาณ3คน หนึ่งในนั้นเป็นบุคคลที่อยู่กับบริษัทนี้มาอย่างยาวนาน เป็นผู้ชายรูปร่างใหญ่ ดูภูมิฐานและขี้เล่นเป็นกันเอง แต่ก่อนผมมาที่นี่คนในบริษัทหลายคนบอกเล่าถึงบุคคลคนนี้ว่ามีอุปนิสัยเป็นอย่างไร ซึ่งไม่ค่อยจะดีนัก ส่วนตัวผมไม่อคติครับ ต้องรู้จักนิสัยคนๆนั้นด้วยตนเองถึงจะพิจารณา คนบางคนดีกับเรา แต่กับอีกคนอาจไม่ดีด้วย เรื่องนั้นมันขึ้นอยู่กับการกระทำครับ ณ วันนั้นผมรู้สึกว่าพี่เขาโอเค ขอให้ชื่อพี่เขาเป็น พี่ลิงนะครับ
                 พอตกบ่ายความง่วงเข้าคลอบงำถึงที่สุด ผมจำเป็นต้องหลบไปนอนในส่วนของบ้านที่มีกำบังเพื่อให้น่าเกลียดจนเกินไป ยังไม่ทันได้หลับสนิทครับ แค่ก้มตัวลงนอนที่เก้าอี้ได้เพียง 10 วินาที พี่ลิงเดินเข้ามาแล้วเรียกให้ไปนอนในห้องนอนหนึ่งในตัวบ้านครับ ผมหลับไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมง และกลับมาทำงานต่อ ช่วงเย็นเป็นงานเลี้ยงไวน์ลูกค้าที่เยี่ยมชมและเชิญดาราชื่อดังมาร่วมงานด้วย ในงานเลี้ยงเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ แสงสีประดับงดงามกับคนที่ไม่ค่อยได้ออกงานสังคมมากมายนัก งานจบลงได้ด้วยดี พี่ลิงน่ารักมากในงานนั้นคอยชวนผมคุยและสร้างความสนุกสนานให้กับคนทั่วไป
                ผ่านมา 1 วัน ซึ่งในยุคของผมปีพ.ศ.2556 เราใช้ facebook เป็นสื่อกลางในการติดต่อเพื่อนๆและการโพสเรื่องราวต่างๆ โดยในวันนั้นผมขึ้นข้อความเกี่ยวกับเรื่องการกระทำไว้ว่า “คนประกอบกรรมใด ย่อมได้รับผลกรรมนั้นตอบแทน ไม่ว่ากรรมนั้นจะดีหรือชั่วก็ตาม” หลังจากขึ้นสถานะนี้ไม่นาน พี่ลิงเข้ามาคอมเมนต์ข้อความ ถามว่าใครทำอะไรผม ผมไม่ได้ตอบอะไร เพราะเราขึ้นเนื่องจากมันเป็นสัจธรรม
               เช้าวันถัดมา ตื่นมาด้วยความมึนงงและพบกับเมล์หนึ่งซึ่งมีหัวเรื่องว่า “ถ้าดื้อจะแฉลงเฟซ” ผมงง และสงสัยมากว่ามันคืออะไร ตอนแรกผมอ่านผิดจากคำว่า “แฉ”,”ลง” เป็น “แฉลง” ทำให้อ่านเอง งง เอง 55555 พอเห็นชื่อผู้ส่งก็รู้ว่าเป็นพี่ลิง จึงกดเขาไปดูหมายหมั่นว่าจะพบอะไรแต่ในเมล์นี้กลับไม่มีเนื้อความใดๆอยู่เลย เมื่อผมค่อยๆเลื่อนดูสิ่งต่างๆลงมาเพื่อค้นหา จึงได้พบว่ามีไฟล์แนบอยู่ 1 รูป ผมจึงกดโหลดมันเข้ามา และได้เห็นกับตาว่า ภาพนั้นเป็นภาพของผม ผมถึงกับช็อค ว่าทำไมพี่ลิงถึงทำแบบนั้น ผมมีความรู้สึกกระอักกระอ่วน ทั้งโมโหปนสงสัย ว่าพี่ลิงทำไปเพื่ออะไร ผมไม่เข้าใจ แบบนี้เขาเรียก “แบล็คเมล์” หรือเปล่าครับ ผมรู้สึกเสียใจกับการทำงานที่แรกเป็นอย่างมาก เหมือนเราดูละครที่มีตัวร้ายคอยกลั่นแกล้งคนดีประมาณนั้นเลย ผมจึงตั้งสติแล้วหาทางแก้ไขปัญหาและผลที่จะตามมา (สงสัยสถานะในFacebook เราไปกระตุ้นให้เขาร้อนตัวออกมา)
                สิ่งที่พี่ลิงทำไว้เป็นตราประทับในใจผม ทำให้ผมเป็นคนหวาดระแวงและไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้น ผมไม่ลืมเลย ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าพี่ลิงต้องการให้ผมเป็นเบี้ยล่างคอยรับใช้ให้หรือไม่ หรือแค่กลั่นแกล้งรับน้องใหม่สนุกๆ ซึ่งผมไม่สนุกเลยสักนิด และสิ่งที่ผมให้คืนเขาเป็นการรับมือการกระทำอันสุดแสบของเขาเช่นกัน ผมเซฟรูปไว้แล้วนำมันอัพโหลดขึ้นเฟซบุ๊ค พร้อมขึ้นชื่อรูปว่า “ขอบคุณครับพี่ลิงที่ถ่ายให้” โดยรูปนั้นคือรูปผมกำลังนอนคดตัวอยู่ที่เก้าอี้ก่อนพี่ลิงครั้นจะมาเรียกผมให้ไปนอนให้ห้องนอนหนึ่ง
                    การรับมือแบบนี้คือเราก็มีส่วนผิด แต่อย่างสุภาษิตไทยว่าไว้ “หนามยอก ให้เอาหนามบ่ง” ผมไม่คิดว่าเขาจะนำรูปนี้ไปทำอะไรให้ผมเสียหายได้บ้าง ผมจึงรีบตอบโต้ ไม่ทันไรหลังจากรูปนั้นขึ้นเฟซบุค หมายเลขโทรศัพท์ปริศนาก็ดังขึ้น ผมตอบรับ ปรากฎว่าเป็นพี่ลิงโทรมา ขอให้ผมลบรูปทิ้งเสีย เนื่องจากผมมีเฟซบุคของทางผู้ใหญ่ในบริษัทด้วยกันหลายคน พี่ลิงบอกว่ากลัวโดนผู้ใหญ่ทางบริษัทต่อว่าที่ตนไม่ดูแลสภาพโครงการปล่อยให้ผมนอนในที่ทำงานได้อย่างไร นั่นสิครับ ผมคิดในใจ แล้วพี่ทำไปทำไม พี่จะนำรูปภาพนี้ไปพูดลับหลังกับใครแบบเสียหายได้อีกบ้าง ไม่อยากจะคิดเลย ว่าสิ่งที่คนในบริษัทก็พูดถึงพี่ลิงจะเป็นเรื่องจริง หากเป็นคนอื่นโดนกระทำแบบนี้ผมไม่รู้ว่าคุณจะรับมืออย่างไร แต่ผมรู้ตัวว่าผมผิดที่นอนในที่ทำงาน แต่ผมก็สำนึกผิดและรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย หากแต่ว่าผมอยากถามสักนิดว่าผมสมควรโดนพี่ที่น่ารักอายุเริ่มต้นเป็นเลข3 แทงข้างหลังแบบนี้หรือครับ คนแบบนี้ไม่ใช่ผู้ใหญ่เลย ในเวลาต่อมา เมื่อผมสาแก่ใจให้คนมากดถูกใจ ได้เห็นรูปผมนอนแล้วมีคนมาคอมเม้นท์สักนิด ผมจึงลบให้เขาครับ จากเหตุการณ์นี้พี่ลิงเขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมครับ มีแต่จะมากขึ้นๆ ยิ่งอยู่บริษัทนี้ก็ยิ่งเห็นว่าเขาเป็นคนที่น่ารังเกียจเช่นไร ทั้งขี้อิจฉาคนอื่น ชอบทำตัวเด่นกว่าคนอื่น "ยกตนข่มท่าน" รังแกคนอีกหลายคนในบริษัท
                   หลังจากเรื่องนี้ผ่านไปผมเติบโตขึ้น ผมจึงรู้แล้วว่าหากวันไหนที่เราทำงานไม่ไหวจริงๆ ก็ขอลาหยุดไปเลยครับ นอนให้เต็มที่ แจ้งหัวหน้างานก่อนล่วงหน้าเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของเรา และคนแบบพิ่ลิงนี่แหละครับที่ผมขอยกประโยคนี้ให้กับเขาเลย คือ “รู้หน้าไม่รู้ใจ”

ขอขอบคุณคนอ่านทุกคนครับ
N/A
ปล.ยังมีต่อครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่