
...หลังจากที่น้องมะลิเคยหาเงินได้วันละหลายพัน
แต่เจอปัญหาทำให้ธุรกิจต้องปิดตัวลง ใหม่ๆน้องมะลิก็เคว้งว่าจะทำอะไรดี
น้องมะลินั่งคิด นอนคิด ตีลังกาคิด ก็ยังคิดไม่ออก
แต่คิดไปคิดมาน้องมะลิก็คิดออก แต่พอน้องมะลิไปทำจริงๆ น้องมะลิกลับท้อ
เพราะน้องมะลิเคยหาเงินได้หลักพันขึ้น แต่พอน้องมะลิมาหาได้แค่หลักร้อย
น้องมะลิก็ท้อ พอท้อมากๆน้องมะลิก็ไปโทษวาสนา
ไปโทษกรรมดีที่เราทำไว้ทำไมไม่ตอบสนองเราบ้าง
น้องมะลิก็เลยเปลี่ยนอาชีพใหม่อีกครั้ง
หลายๆคนชมว่าน้องมะลิไปได้ดีกับอาชีพนี้
แต่น้องมะลิก็ยังไม่พอใจกับกำไรที่ยังอยู่ในหลักร้อย
น้องมะลิ กำลังท้อเจ้าค่ะ แต่พอตื่นเช้ามาเจอข้อความของ คุณcnck3 ในทู้น้องนิด
และเจอเรื่องราวของเพื่อนๆ ที่บางคนก็ตกงานเป็นเวลานานกว่าน้องมะลิก็มี
น้องมะลิ จะสู้อีกครั้ง แม้กำไรจะแค่หลักร้อย ถ้าน้องมะลิ รักและตั้งใจกับงานที่ทำ
ซักวันกำไรอาจจะได้ถึงหลักพัน ตามที่ตั้งเป้าไว้ ขอบคุณ คุณcnck3 ที่รั๊กกกนะเจ้าค่ะ
ความคิดเห็นที่ 43
สถานการณ์แบบนี้ อย่างแรกที่ต้องทำคือ ต้องใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา
และอยู่ในโลกของความเป็นจริง ห้ามหลอกตัวเอง
ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ในสังคมจะมีคนอยู่ 2 ประเภทเสมอคือ 1 พวกที่เอาตัวรอดได้
2 พวกที่ไม่สามารถผ่านวิกฤตไปได้
แนวทางสำหรับผู้เอาตัวรอดได้
1 เก็บเงินสดไว้ให้มากที่สุด เผื่อไว้ซื้อสินค้าราคาถูก หรือ สินทรัพย์ที่เป็นของร้อน
อำนาจของเงินสดจะมากที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้
2 กรณีมีสินค้าคงคลัง ต้องหาทางลดสต็อกให้มากที่สุด เพื่อเปลี่ยนเป็นกระแสเงินสด
3 ลดและตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก
4 ห้ามให้คนไม่คุ้นเคยยืมเงินเด็ดขาด เพราะโอกาสเป็นหนี้สูญมาก (อย่าเห็นแก่ดอกเบี้ยสูงๆ)
5 การลงทุนที่แนะนำในช่วงนี้คือ ซื้อเงินตราต่างประเทศไว้ เพราะประเทศไทยจะฟื้นตัวได้
ต้องพึ่งท่องเที่ยวและส่งออก นั่นคือ รัฐบาลต้องทำให้ บาท อ่อนมาตรการจึงจะสัมฤทธิ์ผล
การถือครองเงินสกุลต่างประเทศจึงเป็นการเพิ่มรายได้บางส่วน อีกอย่าง ปัจจัยหลายๆด้านของไทย
รวมทั้งสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต้ถ้าบังเอิญเกิดขึ้นกับประเทศไทย "บาท" ดิ่งเหวแน่
ป.ล เพื่อนๆลองพิจารณาดู
มาถึงผู้ที่ไม่สามารถเอาตัวรอดได้
สิ่งแรกที่ต้องทำคือ อยู่ในโลกแห่งความจริง กล้าเผชิญปัญหา อย่า อาย ที่ต้องแก้ไขปัญหา
ข้อควรทำสำหรับผู้มีปัญหา
1 อย่าหวังอะไรที่ไม่แน่นอน เช่น การเสี่ยงโชค
2 หาทางให้ได้มาซึ่งเงินสดให้เร็วที่สุด มากที่สุด อะไรที่ขายแล้วได้ราคา ตัดใจขาย
คิดเสียว่า ไม่ตายก็หาใหม่ได้
3 อย่าหลบ เจ้าหนี้ ต้องกล้าเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา
4 อย่าก่อหนี้ใหม่ เพื่อที่ จะกลบหนี้เก่า จะก่อหนี้ได้สำหรับการลงทุนเท่านั้น
5 หยุดจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมด เก็บเงินสดไว้ต่อรองกับเจ้าหนี้
6 ถ้าหนี้ที่มีมันมากจริงๆ ให้ประชุมเจ้าหนี้ทั้งหมด เพื่อให้เจ้าหนี้รู้ว่า หนี้สินทั้งหมดมันมากจริงๆ
เมื่อนั้นส่วนใหญ่ เจ้าหนี้ จะเป็นฝ่ายเสนอเงื่อนไขดีๆให้เราเอง
7 ห้ามใช้เงินกู้นอกระบบเด็ดขาด เพราะคนพวกนี้มีระบบทวงหนี้ที่โหดร้าย ทั้งเป็นการเพิ่มปัญหา
ไม่ใช่แก้ปัญหา
8 ความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ ระงับอารมณ์อย่าไประบายกับคนในครอบครัว
รักษาครอบครัวไว้ อย่าให้กลายเป็นสภาพ "บ้านแตกสาแหรกขาด"
ป.ล แนะนำคร่าวๆ เพื่อนๆลองพิจารณาดู เคล็ดลับที่สำคัญที่สุดในสถานการณืนี้คือ
อย่าหลบ อย่าอาย ยอมรับความจริง ใช้สติปัญญา อย่าใช้อารมณ์ อย่าหวังลมๆแร้งๆ
http://pantip.com/topic/33848882
* * * * ขอความเห็นเพื่อนๆเรื่องเศรษฐกิจค่ะ .... (เพชรน้ำนิล) * * * *
( แก้ไขทู้ เพิ่มที่มาค่ะ)
...น้องมะลิ ขอบอกว่า ขอเก็บข้อความที่ คุณcnck3 ที่รั๊กกก สอนน้องๆ ไว้เตือนใจนะเจ้าค่ะ คริ คริ คริ...!!!
ใช้ชีวิตไปวันๆอยู่กลางทุ่งนา ไม่กล้าไปไหนมาไหน เพราะกลิ่นตัวมีแต่กลิ่นโคลนสาปควาย
จะพูดจะจากับใครก็กลัวเขารังเกลียดว่าเป็นคนบ้านนอก เรียนมาก็น้อย เรื่องการเมืองก็รู้งูๆปลาๆ
ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรกับเขาหรอกเจ้าค่ะ ก็แค่แอบมาอ่านหาความรู้ในห้องราช ฯ...
แต่เจอปัญหาทำให้ธุรกิจต้องปิดตัวลง ใหม่ๆน้องมะลิก็เคว้งว่าจะทำอะไรดี
น้องมะลินั่งคิด นอนคิด ตีลังกาคิด ก็ยังคิดไม่ออก
แต่คิดไปคิดมาน้องมะลิก็คิดออก แต่พอน้องมะลิไปทำจริงๆ น้องมะลิกลับท้อ
เพราะน้องมะลิเคยหาเงินได้หลักพันขึ้น แต่พอน้องมะลิมาหาได้แค่หลักร้อย
น้องมะลิก็ท้อ พอท้อมากๆน้องมะลิก็ไปโทษวาสนา
ไปโทษกรรมดีที่เราทำไว้ทำไมไม่ตอบสนองเราบ้าง
น้องมะลิก็เลยเปลี่ยนอาชีพใหม่อีกครั้ง
หลายๆคนชมว่าน้องมะลิไปได้ดีกับอาชีพนี้
แต่น้องมะลิก็ยังไม่พอใจกับกำไรที่ยังอยู่ในหลักร้อย
น้องมะลิ กำลังท้อเจ้าค่ะ แต่พอตื่นเช้ามาเจอข้อความของ คุณcnck3 ในทู้น้องนิด
และเจอเรื่องราวของเพื่อนๆ ที่บางคนก็ตกงานเป็นเวลานานกว่าน้องมะลิก็มี
น้องมะลิ จะสู้อีกครั้ง แม้กำไรจะแค่หลักร้อย ถ้าน้องมะลิ รักและตั้งใจกับงานที่ทำ
ซักวันกำไรอาจจะได้ถึงหลักพัน ตามที่ตั้งเป้าไว้ ขอบคุณ คุณcnck3 ที่รั๊กกกนะเจ้าค่ะ
สถานการณ์แบบนี้ อย่างแรกที่ต้องทำคือ ต้องใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา
และอยู่ในโลกของความเป็นจริง ห้ามหลอกตัวเอง
ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ในสังคมจะมีคนอยู่ 2 ประเภทเสมอคือ 1 พวกที่เอาตัวรอดได้
2 พวกที่ไม่สามารถผ่านวิกฤตไปได้
แนวทางสำหรับผู้เอาตัวรอดได้
1 เก็บเงินสดไว้ให้มากที่สุด เผื่อไว้ซื้อสินค้าราคาถูก หรือ สินทรัพย์ที่เป็นของร้อน
อำนาจของเงินสดจะมากที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้
2 กรณีมีสินค้าคงคลัง ต้องหาทางลดสต็อกให้มากที่สุด เพื่อเปลี่ยนเป็นกระแสเงินสด
3 ลดและตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก
4 ห้ามให้คนไม่คุ้นเคยยืมเงินเด็ดขาด เพราะโอกาสเป็นหนี้สูญมาก (อย่าเห็นแก่ดอกเบี้ยสูงๆ)
5 การลงทุนที่แนะนำในช่วงนี้คือ ซื้อเงินตราต่างประเทศไว้ เพราะประเทศไทยจะฟื้นตัวได้
ต้องพึ่งท่องเที่ยวและส่งออก นั่นคือ รัฐบาลต้องทำให้ บาท อ่อนมาตรการจึงจะสัมฤทธิ์ผล
การถือครองเงินสกุลต่างประเทศจึงเป็นการเพิ่มรายได้บางส่วน อีกอย่าง ปัจจัยหลายๆด้านของไทย
รวมทั้งสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต้ถ้าบังเอิญเกิดขึ้นกับประเทศไทย "บาท" ดิ่งเหวแน่
ป.ล เพื่อนๆลองพิจารณาดู
สิ่งแรกที่ต้องทำคือ อยู่ในโลกแห่งความจริง กล้าเผชิญปัญหา อย่า อาย ที่ต้องแก้ไขปัญหา
ข้อควรทำสำหรับผู้มีปัญหา
1 อย่าหวังอะไรที่ไม่แน่นอน เช่น การเสี่ยงโชค
2 หาทางให้ได้มาซึ่งเงินสดให้เร็วที่สุด มากที่สุด อะไรที่ขายแล้วได้ราคา ตัดใจขาย
คิดเสียว่า ไม่ตายก็หาใหม่ได้
3 อย่าหลบ เจ้าหนี้ ต้องกล้าเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา
4 อย่าก่อหนี้ใหม่ เพื่อที่ จะกลบหนี้เก่า จะก่อหนี้ได้สำหรับการลงทุนเท่านั้น
5 หยุดจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมด เก็บเงินสดไว้ต่อรองกับเจ้าหนี้
6 ถ้าหนี้ที่มีมันมากจริงๆ ให้ประชุมเจ้าหนี้ทั้งหมด เพื่อให้เจ้าหนี้รู้ว่า หนี้สินทั้งหมดมันมากจริงๆ
เมื่อนั้นส่วนใหญ่ เจ้าหนี้ จะเป็นฝ่ายเสนอเงื่อนไขดีๆให้เราเอง
7 ห้ามใช้เงินกู้นอกระบบเด็ดขาด เพราะคนพวกนี้มีระบบทวงหนี้ที่โหดร้าย ทั้งเป็นการเพิ่มปัญหา
ไม่ใช่แก้ปัญหา
8 ความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ ระงับอารมณ์อย่าไประบายกับคนในครอบครัว
รักษาครอบครัวไว้ อย่าให้กลายเป็นสภาพ "บ้านแตกสาแหรกขาด"
ป.ล แนะนำคร่าวๆ เพื่อนๆลองพิจารณาดู เคล็ดลับที่สำคัญที่สุดในสถานการณืนี้คือ
อย่าหลบ อย่าอาย ยอมรับความจริง ใช้สติปัญญา อย่าใช้อารมณ์ อย่าหวังลมๆแร้งๆ
http://pantip.com/topic/33848882
* * * * ขอความเห็นเพื่อนๆเรื่องเศรษฐกิจค่ะ .... (เพชรน้ำนิล) * * * *
( แก้ไขทู้ เพิ่มที่มาค่ะ)