ว่ากันว่าหากเราอยากรู้ว่าคนๆนี้เป็นคนยังงัย เราต้องเข้าไปดูความคิด การกระทำ และมุมมองของคนๆนั้น"ความคิด สร้างความรู้สึก ความรู้สึกนำไปสู่การกระทำ" นี่เป็นอีกกระจกมุมนึงของผู้ชายที่ชื่อ"เนวิน ชิดชอบ"
ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการเติบโตของฟุตบอลไทยในช่วง 4- 5ปีที่ผ่านมา การเข้ามาทำทีมสโมสร"บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" ไม่เพียงจะนำสโมสรจากไทยไปประกาศศักดาในรายการชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ที่ครั้งหนึ่งเหล่าแฟนบอลเคยมีความฝันว่า สักวันทีมจากประเทศไทยจะไปต่อกรกับเหล่ายอดทีมจากเอเชียได้การมองโดยไม่ตัดสิน การมองโดยใจที่ปราศจากอคติ จะทำให้เราได้สาระและประโยชน์ที่ควรจะได้ อะไรที่ทำให้สโมสรแห่งนี้คว้าเกียรติประวัติมากมาย
จนเป็นประวัติศาสตร์ของทีมสโมสรในประเทศไทยสาเหตุที่มาทำทีมฟุตบอลด้วยความที่เป็นทีมใหญ่ที่ต้องขับเคี่ยวกันระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทั้งแฟนบอลทั้ง 2 ทีมที่ต่างฝ่ายต่างเกทับซึ่งกันและกัน ใครจะเชื่อว่า!
คนที่ชักชวน"บิ๊กเน" เข้าสู่วงการทำทีมฟุตบอล คือผู้ชายที่ชื่อว่า"ระวิ โหลทอง" เจ้าของทีมเมืองทอง ยูไนเต็ด นั่นเองถึงแม้จะเป็นการชักชวนแบบทีเล่นทีจริงก็ตาม แต่ด้วยความมีใจรักต่อฟุตบอลตั้งแต่เด็ก ถึงขนาดเคยขาหักเพราะกีฬาชนิดนี้มาแล้วสมัยเรียนก็เคยติดทีมนักบอลโรงเรียนสวนกุหลาบ ประกอบกับที่ผ่านมาเป็นผู้ดูแลทีมและหาสปอนเซอร์พัฒนาเยาวชนในจังหวัดบุรีรัมย์ และเด็กสวนกุหลาบอยู่แล้วด้วยเนวิน
ทำฟุตบอลไทยพังหมดแล้ว"เนวิน ทำฟุตบอลไทยพังหมดแล้ว" คือคำพูดของ 2 บิ๊กแห่งวงการฟุตบอลไทย" ระวิ โหลทอง"และ"สนธยา คุณปลื้ม"เจ้าของทีมชลบุรีเอฟซีคำว่าพังของทั้งคู่ หมายถึง การที่เนวินยกระดับของวงการฟุตบอล จนหลายทีมในระดับเดียวกันปรับตัวไม่ทัน ด้วยงบประมาณการทำทีมที่มหาศาลในขณะนั้นเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินของตัวเองและผู้สนับสนุน(ซึ่งในปีแรกที่ทำทีมของบุรีรัมย์ถือว่าสูงมาก)คิงส์ เพาเวอร์และคุณวิชัย รักศรีอักษรนี่คือผู้สนับสนุนและยืนอยู่เคียงข้าง"บิ๊กเน"ตลอดมา การทุ่มเงินสร้างแคมป์สำหรับให้เกมเยือนเก็บตัวและสร้างสนามซ้อมย่านบางบ่อ สมุทรปราการ (ในสมัยเป็นบุรีรัมย์PEA) ซึ่งในขณะนั้น
"คุณวิชัย รักศรีอักษร"ยังไม่ได้ยื่นซื้อสโมสรเลสเตอร์ ภายหลังถึงยื่นซื่อเลสเตอร์ด้วยวงเงินถึง 2 พันล้านบาทในขณะที่สโมสรยังอยู่ในลีกเดอะ แชมเปียนชิพของอังกฤษ"ผมกับวิชัย รักฟุตบอลมาด้วยกันตอนแรกตั้งใจจะทำทีมในไทย แต่แยกกันทำคนละทีม" เนวินกล่าวเพราะสโมสรนี้ มีจุดเด่นอยู่ที่....ระบบพัฒนาทีมพัฒนาทีมเยาวชนที่มีคุณภาพแห่งหนึ่งในอังกฤษ ซึ่งตำแหน่งแชมป์ระดับเยาวชน 3 ปีติดต่อกันเป็นสิ่งการันตีได้เป็นอย่างดี และการวางแผนพัฒนาเยาวชนไทยโดยการส่งเด็กๆไปฝึกบอลที่นั่นตั้งแต่อายุน้อยๆเพราะที่นี่เอาระบบที่มีคุณภาพพร้อมทั้งเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วย (1 ในนั้นที่เคยไปฝึกที่นี่ คือ "เชาวัฒน์ วีระชาติ"ด้วย)
สำหรับ 11 นักเตะ ประกอบด้วย เชาว์วัตน์ วีระชาติ, ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา, อาทิตย์ พรหมขันธ์, ปิยพงษ์ หอมขจร คมสันต์ ถนอมแนว, วิทวุฒิ เนตรคำ, นิรุจน์ ยาปัน,ป้องเพชร ทองเกล็ด, อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, กันตวัฒน์ สุวรรณภาญกูร และ ปวเรศ อาจพิบูลย์พร
นอกนั้นเนวินยังสร้างสนาม 3 สนาม หอพัก อยู่ในบุรีรัมย์ สปอร์ตคอมเพล็กซ์ และสนามที่ไม่มีลู่วิ่ง มีความจุถึง"32,600 ที่นั่ง"หลังจากมีการปิดปรับปรุงเพื่อต่อเติมอัฒจันทร์สำหรับสนาม "นิว ไอโมบาย สเตเดี้ยม" รังเหย้าของทีม "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด"โครงสร้างประกอบด้วยเหล็กและไฟเบอร์ ซึ่งสร้างด้วยงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท
โดยเป็นเงินสนับสนุนของไอ-โมบายและบางส่วนของนายเนวิน ชิดชอบและจัดเป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนามและผ่านมาตรฐานฟีฟ่า , เอเอฟซี และ เอเอฟเอฟและยังผ่านมาตรฐานระดับเอคลาสสเตเดียมจากเอเอฟซี และยังผ่านมาตรฐานระดับเวิลด์คลาสจากฟีฟ่าและยังได้บันทึกลงกินเนสบุ๊คว่าเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าแห่งเดียวในโลกที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วันที่นี่เป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุด มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อมที่สุด และเป็นสนามที่ดีที่สุดสนามหนึ่ง ในไทยพรีเมียร์ลีก และติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างที่ได้มาตรฐานสามารถจัดการแข่งขันเวลากลางคืน
ได้สนามฟุตบอลของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีห้องพักนักกีฬาทีมเหย้า 1 ห้อง และ ทีมเยือน 1ห้อง ห้องปฐมพยาบาล 1 ห้อง ห้องตรวจสารกระตุ้น หรือ ห้องตรวจโด๊ป 1 ห้องห้องปฏิบัติงานสื่อมวลชน 1 ห้อง มีเจ้าหน้าที่ และอุปกรณ์สื่อสารให้บริการสื่อมวลชน และ มีความพร้อมที่จะถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ และ วิทยุกระจายเสียง ได้ทุกนัดที่มีการแข่งขันห้องประชุมคณะกรรมการตัดสินและควบคุมการแข่งขัน 1 ห้อง ห้อง VIP 7 ห้อง ห้องควบคุมปฏิบัติการเครื่องเสียงและสกอร์บอร์ด ห้องห้องจำหน่ายสินค้าที่ระลึก 3 ห้อง ห้องสุขา10 ห้อง
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในสนามแข่งขัน และ บริเวณภายนอก รอบสนามอย่างมากเพื่อความปลอดภัยของนักฟุตบอล คณะกรรมการผู้ตัดสิน และผู้เข้าชมการแข่งขัน
ทีมในดวงใจ
เชลซีคือทีมในดวงใจของบิ๊กเน ว่ากันว่าเขาเป็นแฟนตัวยง เช่นเดียวกับภรรยา"กรุณา ชิดชอบ" เวลาว่างที่ไปเยี่ยมลูกๆที่อังกฤษเขามักจะไม่พลาดในการไปชมเกมเข่งขันของเชลซี แต่ทีมที่พ่อชอบใช่ว่าลูกๆจะชอบไปด้วย ลูกๆของบิ๊กเนกลับเป็นแฟนตัวยงของปีศาจแดง"แมนยูฯ"คู่อริของทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ซะงั้น!;D;D;D
โค้ชสุดเลิฟด้วยบุคลิกและวิธีการทำทีมฟุตบอล จิตใจเข้มแข็ง ปลุกเร้าลูกทีมตลอดเวลา สู้สุดหัวใจ ของ"โฆเซ มูริญโญ๋" ซึ่งคล้ายกับบุคลิกของเนวินดังนั้นด้วยรูปแบบและความเป็นไอดอลของโค้ชจอมเครียด นี่จึงเป็นโค้ชในดวงใจของเขาคำต่อคำ "เนวิน ชิดชอบ"
๑.ได้ชื่อว่าเป็นคนที่ทำงานมาก มีหลักคิดอย่างไรทำอย่างไรให้สำเร็จคำถามนี้เชยจัง......สรุปว่า ให้มุ่งมั่นอย่าท้อถอย ถ้าคุณคิดว่าคุณคิดถูก คุณเดินไปเถอะคนอื่นไม่เข้าใจขอให้หัวใจเรารู้ว่าสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องดี เรื่องที่ถูกและเรามีเหตุผลในการทำทำไปใครว่าอะไรก็อย่าไปใส่ใจ เพราะสิ่งที่เราทำจะเป็นคำตอบต่อทุกสิ่งทุกอย่างเองว่าดีหรือไม่ดีถ้ามันดีก็โชคดีไปหากไม่ดีก็รับกรรมที่เกิดขึ้นไป กล้าทำก็กล้ารับ
๒.หมายความว่า ให้เราเอาความตั้งใจที่เราคิดว่าถูกต้องเป็นหลักแล้วลุยทำไป ส่วนผลออกมาอาจตรงข้ามได้ไม่เป็นไร?ใช่ เพราะตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่ามันผิดหรือถูก
๓. แล้วในชีวิตที่ผ่านมามีสิ่งที่ทำไปแล้วมารู้สึกว่าผิดพลาดบ้างหรือไม่?โอ๊ย!....เยอะแยะ
๔. พอรู้ว่าเราทำผิดพลาดไปแล้วทำยังไง?ชีวิตเรา เราก็ยูเทิร์นได้นี่๕. แล้วทำใจได้อย่างไรเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางเสียงวิพากษณ์วิจารณ์ที่หนักหน่วง?แม้จะถูกประนาฌ อย่าคิดมาก อย่าใส่ใจ
๕. หมายความว่าไม่อ่าน ไม่ฟังเลยหรือ?ไม่ใช่ ฟังทุกเรื่อง ฟังทุกความคิดเห็น อ่านทุกความเห็น แต่เราจะรู้สึกอย่างไรสำคัญที่สุดคือ"ใจเรา"รู้อยู่แก่ใจว่า สิ่งที่เขาว่ามามันใช่หรือไม่ถ้ามันไม่ใช่ เราบริสุทธิ์ใจว่ามันไม่ใช่ก็ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนคนเราถ้าใครไม่ชอบใคร บางทีอยากด่าเขา ทำให้เขาเสียหาย อยากทำให้เขาเจ็บอยากทำให้โกรธมันมีเยอะแยะไปยืนด่าคน แล้วในที่สุดไอ้คนที่ถูกด่าเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไร"ตัวเองกลับเป็นทุกข์มากกว่าคนที่ถูกด่า" ก็แค่นั้นเอง
๖. ไม่คิดจะอธิบายให้คนเข้าใจ?เพราะอธิบายก็บอกว่า"แก้ตัว" แต่ในที่สุด ผลที่ออกมาทุกเรื่องมันจะเป็นคำอธิบายสู่สังคมสู่ผู้คนอยู่แล้วว่าสิ่งที่เราทำ มันถูกหรือผิด ถึงบอกว่าถูกก็โชคดีไปถ้าผิดก็ต้องรับกรรมไป....ก็แค่นั้นเองหลักคิดหลักปฏิบัติมันมีอยู่แค่นี้เองมันไม่มีอะไรให้เราคิดให้ทำมากกว่านี้
๗. เมื่อมีความทุกข์มากมีหลักคิดอย่างไร?ก็ไม่คิดมัน อะไรคิดได้ก็คิด อะไรคิดไม่ได้ก็อย่าไปคิดมันเพราะหากคิดไม่ได้แล้ว ยังดันทุรังคิด มันก็ยังคิดไม่ได้อย่าไปคิดมัน...เดี๋ยวก็คิดได้เอง หลักเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว๘. คิดอย่างไรเวลาทำงานสำเร็จ เพราะเห็นบางคนเหลิง คิดว่าตัวเองแน่ ตัวเองเก่ง พูดง่ายๆบริหารความสำเร็จอย่างไรไม่ให้เหลิง?ก็อย่าไปให้ความสำคัญมันมากนัก ถือว่าสิ่งที่เราต้องทำคือ...หน้าที่เมื่อเราทำตามหน้าที่สำเร็จลุล่วงแล้วก็ให้มันจบแค่นั้นขอขอบ
คุณ WinWin Style เนวินชิดชอบ
เครดิต >> คุณ dargonheart / Thailandsusu
*** หลายเรื่องที่คุณยังไม่เคยรู้ กับผู้ชายที่ชื่อ......เนวิน ***
ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการเติบโตของฟุตบอลไทยในช่วง 4- 5ปีที่ผ่านมา การเข้ามาทำทีมสโมสร"บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" ไม่เพียงจะนำสโมสรจากไทยไปประกาศศักดาในรายการชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ที่ครั้งหนึ่งเหล่าแฟนบอลเคยมีความฝันว่า สักวันทีมจากประเทศไทยจะไปต่อกรกับเหล่ายอดทีมจากเอเชียได้การมองโดยไม่ตัดสิน การมองโดยใจที่ปราศจากอคติ จะทำให้เราได้สาระและประโยชน์ที่ควรจะได้ อะไรที่ทำให้สโมสรแห่งนี้คว้าเกียรติประวัติมากมาย
จนเป็นประวัติศาสตร์ของทีมสโมสรในประเทศไทยสาเหตุที่มาทำทีมฟุตบอลด้วยความที่เป็นทีมใหญ่ที่ต้องขับเคี่ยวกันระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทั้งแฟนบอลทั้ง 2 ทีมที่ต่างฝ่ายต่างเกทับซึ่งกันและกัน ใครจะเชื่อว่า!
คนที่ชักชวน"บิ๊กเน" เข้าสู่วงการทำทีมฟุตบอล คือผู้ชายที่ชื่อว่า"ระวิ โหลทอง" เจ้าของทีมเมืองทอง ยูไนเต็ด นั่นเองถึงแม้จะเป็นการชักชวนแบบทีเล่นทีจริงก็ตาม แต่ด้วยความมีใจรักต่อฟุตบอลตั้งแต่เด็ก ถึงขนาดเคยขาหักเพราะกีฬาชนิดนี้มาแล้วสมัยเรียนก็เคยติดทีมนักบอลโรงเรียนสวนกุหลาบ ประกอบกับที่ผ่านมาเป็นผู้ดูแลทีมและหาสปอนเซอร์พัฒนาเยาวชนในจังหวัดบุรีรัมย์ และเด็กสวนกุหลาบอยู่แล้วด้วยเนวิน
ทำฟุตบอลไทยพังหมดแล้ว"เนวิน ทำฟุตบอลไทยพังหมดแล้ว" คือคำพูดของ 2 บิ๊กแห่งวงการฟุตบอลไทย" ระวิ โหลทอง"และ"สนธยา คุณปลื้ม"เจ้าของทีมชลบุรีเอฟซีคำว่าพังของทั้งคู่ หมายถึง การที่เนวินยกระดับของวงการฟุตบอล จนหลายทีมในระดับเดียวกันปรับตัวไม่ทัน ด้วยงบประมาณการทำทีมที่มหาศาลในขณะนั้นเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินของตัวเองและผู้สนับสนุน(ซึ่งในปีแรกที่ทำทีมของบุรีรัมย์ถือว่าสูงมาก)คิงส์ เพาเวอร์และคุณวิชัย รักศรีอักษรนี่คือผู้สนับสนุนและยืนอยู่เคียงข้าง"บิ๊กเน"ตลอดมา การทุ่มเงินสร้างแคมป์สำหรับให้เกมเยือนเก็บตัวและสร้างสนามซ้อมย่านบางบ่อ สมุทรปราการ (ในสมัยเป็นบุรีรัมย์PEA) ซึ่งในขณะนั้น
"คุณวิชัย รักศรีอักษร"ยังไม่ได้ยื่นซื้อสโมสรเลสเตอร์ ภายหลังถึงยื่นซื่อเลสเตอร์ด้วยวงเงินถึง 2 พันล้านบาทในขณะที่สโมสรยังอยู่ในลีกเดอะ แชมเปียนชิพของอังกฤษ"ผมกับวิชัย รักฟุตบอลมาด้วยกันตอนแรกตั้งใจจะทำทีมในไทย แต่แยกกันทำคนละทีม" เนวินกล่าวเพราะสโมสรนี้ มีจุดเด่นอยู่ที่....ระบบพัฒนาทีมพัฒนาทีมเยาวชนที่มีคุณภาพแห่งหนึ่งในอังกฤษ ซึ่งตำแหน่งแชมป์ระดับเยาวชน 3 ปีติดต่อกันเป็นสิ่งการันตีได้เป็นอย่างดี และการวางแผนพัฒนาเยาวชนไทยโดยการส่งเด็กๆไปฝึกบอลที่นั่นตั้งแต่อายุน้อยๆเพราะที่นี่เอาระบบที่มีคุณภาพพร้อมทั้งเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วย (1 ในนั้นที่เคยไปฝึกที่นี่ คือ "เชาวัฒน์ วีระชาติ"ด้วย)
สำหรับ 11 นักเตะ ประกอบด้วย เชาว์วัตน์ วีระชาติ, ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา, อาทิตย์ พรหมขันธ์, ปิยพงษ์ หอมขจร คมสันต์ ถนอมแนว, วิทวุฒิ เนตรคำ, นิรุจน์ ยาปัน,ป้องเพชร ทองเกล็ด, อานนท์ อมรเลิศศักดิ์, กันตวัฒน์ สุวรรณภาญกูร และ ปวเรศ อาจพิบูลย์พร
นอกนั้นเนวินยังสร้างสนาม 3 สนาม หอพัก อยู่ในบุรีรัมย์ สปอร์ตคอมเพล็กซ์ และสนามที่ไม่มีลู่วิ่ง มีความจุถึง"32,600 ที่นั่ง"หลังจากมีการปิดปรับปรุงเพื่อต่อเติมอัฒจันทร์สำหรับสนาม "นิว ไอโมบาย สเตเดี้ยม" รังเหย้าของทีม "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด"โครงสร้างประกอบด้วยเหล็กและไฟเบอร์ ซึ่งสร้างด้วยงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท
โดยเป็นเงินสนับสนุนของไอ-โมบายและบางส่วนของนายเนวิน ชิดชอบและจัดเป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนามและผ่านมาตรฐานฟีฟ่า , เอเอฟซี และ เอเอฟเอฟและยังผ่านมาตรฐานระดับเอคลาสสเตเดียมจากเอเอฟซี และยังผ่านมาตรฐานระดับเวิลด์คลาสจากฟีฟ่าและยังได้บันทึกลงกินเนสบุ๊คว่าเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าแห่งเดียวในโลกที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วันที่นี่เป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุด มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อมที่สุด และเป็นสนามที่ดีที่สุดสนามหนึ่ง ในไทยพรีเมียร์ลีก และติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างที่ได้มาตรฐานสามารถจัดการแข่งขันเวลากลางคืน
ได้สนามฟุตบอลของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีห้องพักนักกีฬาทีมเหย้า 1 ห้อง และ ทีมเยือน 1ห้อง ห้องปฐมพยาบาล 1 ห้อง ห้องตรวจสารกระตุ้น หรือ ห้องตรวจโด๊ป 1 ห้องห้องปฏิบัติงานสื่อมวลชน 1 ห้อง มีเจ้าหน้าที่ และอุปกรณ์สื่อสารให้บริการสื่อมวลชน และ มีความพร้อมที่จะถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ และ วิทยุกระจายเสียง ได้ทุกนัดที่มีการแข่งขันห้องประชุมคณะกรรมการตัดสินและควบคุมการแข่งขัน 1 ห้อง ห้อง VIP 7 ห้อง ห้องควบคุมปฏิบัติการเครื่องเสียงและสกอร์บอร์ด ห้องห้องจำหน่ายสินค้าที่ระลึก 3 ห้อง ห้องสุขา10 ห้อง
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในสนามแข่งขัน และ บริเวณภายนอก รอบสนามอย่างมากเพื่อความปลอดภัยของนักฟุตบอล คณะกรรมการผู้ตัดสิน และผู้เข้าชมการแข่งขัน
ทีมในดวงใจ
เชลซีคือทีมในดวงใจของบิ๊กเน ว่ากันว่าเขาเป็นแฟนตัวยง เช่นเดียวกับภรรยา"กรุณา ชิดชอบ" เวลาว่างที่ไปเยี่ยมลูกๆที่อังกฤษเขามักจะไม่พลาดในการไปชมเกมเข่งขันของเชลซี แต่ทีมที่พ่อชอบใช่ว่าลูกๆจะชอบไปด้วย ลูกๆของบิ๊กเนกลับเป็นแฟนตัวยงของปีศาจแดง"แมนยูฯ"คู่อริของทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ซะงั้น!;D;D;D
โค้ชสุดเลิฟด้วยบุคลิกและวิธีการทำทีมฟุตบอล จิตใจเข้มแข็ง ปลุกเร้าลูกทีมตลอดเวลา สู้สุดหัวใจ ของ"โฆเซ มูริญโญ๋" ซึ่งคล้ายกับบุคลิกของเนวินดังนั้นด้วยรูปแบบและความเป็นไอดอลของโค้ชจอมเครียด นี่จึงเป็นโค้ชในดวงใจของเขาคำต่อคำ "เนวิน ชิดชอบ"
๑.ได้ชื่อว่าเป็นคนที่ทำงานมาก มีหลักคิดอย่างไรทำอย่างไรให้สำเร็จคำถามนี้เชยจัง......สรุปว่า ให้มุ่งมั่นอย่าท้อถอย ถ้าคุณคิดว่าคุณคิดถูก คุณเดินไปเถอะคนอื่นไม่เข้าใจขอให้หัวใจเรารู้ว่าสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องดี เรื่องที่ถูกและเรามีเหตุผลในการทำทำไปใครว่าอะไรก็อย่าไปใส่ใจ เพราะสิ่งที่เราทำจะเป็นคำตอบต่อทุกสิ่งทุกอย่างเองว่าดีหรือไม่ดีถ้ามันดีก็โชคดีไปหากไม่ดีก็รับกรรมที่เกิดขึ้นไป กล้าทำก็กล้ารับ
๒.หมายความว่า ให้เราเอาความตั้งใจที่เราคิดว่าถูกต้องเป็นหลักแล้วลุยทำไป ส่วนผลออกมาอาจตรงข้ามได้ไม่เป็นไร?ใช่ เพราะตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่ามันผิดหรือถูก
๓. แล้วในชีวิตที่ผ่านมามีสิ่งที่ทำไปแล้วมารู้สึกว่าผิดพลาดบ้างหรือไม่?โอ๊ย!....เยอะแยะ
๔. พอรู้ว่าเราทำผิดพลาดไปแล้วทำยังไง?ชีวิตเรา เราก็ยูเทิร์นได้นี่๕. แล้วทำใจได้อย่างไรเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางเสียงวิพากษณ์วิจารณ์ที่หนักหน่วง?แม้จะถูกประนาฌ อย่าคิดมาก อย่าใส่ใจ
๕. หมายความว่าไม่อ่าน ไม่ฟังเลยหรือ?ไม่ใช่ ฟังทุกเรื่อง ฟังทุกความคิดเห็น อ่านทุกความเห็น แต่เราจะรู้สึกอย่างไรสำคัญที่สุดคือ"ใจเรา"รู้อยู่แก่ใจว่า สิ่งที่เขาว่ามามันใช่หรือไม่ถ้ามันไม่ใช่ เราบริสุทธิ์ใจว่ามันไม่ใช่ก็ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนคนเราถ้าใครไม่ชอบใคร บางทีอยากด่าเขา ทำให้เขาเสียหาย อยากทำให้เขาเจ็บอยากทำให้โกรธมันมีเยอะแยะไปยืนด่าคน แล้วในที่สุดไอ้คนที่ถูกด่าเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไร"ตัวเองกลับเป็นทุกข์มากกว่าคนที่ถูกด่า" ก็แค่นั้นเอง
๖. ไม่คิดจะอธิบายให้คนเข้าใจ?เพราะอธิบายก็บอกว่า"แก้ตัว" แต่ในที่สุด ผลที่ออกมาทุกเรื่องมันจะเป็นคำอธิบายสู่สังคมสู่ผู้คนอยู่แล้วว่าสิ่งที่เราทำ มันถูกหรือผิด ถึงบอกว่าถูกก็โชคดีไปถ้าผิดก็ต้องรับกรรมไป....ก็แค่นั้นเองหลักคิดหลักปฏิบัติมันมีอยู่แค่นี้เองมันไม่มีอะไรให้เราคิดให้ทำมากกว่านี้
๗. เมื่อมีความทุกข์มากมีหลักคิดอย่างไร?ก็ไม่คิดมัน อะไรคิดได้ก็คิด อะไรคิดไม่ได้ก็อย่าไปคิดมันเพราะหากคิดไม่ได้แล้ว ยังดันทุรังคิด มันก็ยังคิดไม่ได้อย่าไปคิดมัน...เดี๋ยวก็คิดได้เอง หลักเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว๘. คิดอย่างไรเวลาทำงานสำเร็จ เพราะเห็นบางคนเหลิง คิดว่าตัวเองแน่ ตัวเองเก่ง พูดง่ายๆบริหารความสำเร็จอย่างไรไม่ให้เหลิง?ก็อย่าไปให้ความสำคัญมันมากนัก ถือว่าสิ่งที่เราต้องทำคือ...หน้าที่เมื่อเราทำตามหน้าที่สำเร็จลุล่วงแล้วก็ให้มันจบแค่นั้นขอขอบ
คุณ WinWin Style เนวินชิดชอบ
เครดิต >> คุณ dargonheart / Thailandsusu