Bofors ak 5 ปืนไรเฟิลเพื่อคนสวีเดน

หากพูดถึงกองทัพที่เน้นการพยายามพึ่งพาตนเองแล้วเราอาจจะนึกถึงกองทัพสวีเดนเป็นชาติแรกๆ เนื่องจากประเทศนี้อยู่ท่ามกลางความขัดแย้งมาอย่างยาวนานตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 จนมาถึงปัจจุบันทำให้กองทัพประเทศนี้ต้องพยายามดิ้นรนเพื่อเสริมเขี้ยวอยู่อย่างเสมอโดยการเน้นการพึ่งพาตนเอง สวีเดนก็ไม่ต่างจากชาติอื่นๆที่พยามยามพึ่งพาตนเองโดยการซื้ออาวุธและซื้อลิขสิทธิ์เพื่อนำมาผลิตเองในประเทศ และนำองค์ความรู้มากมายจากการผลิตใช้เองมาออกแบบอาวุธและผลิตในฉบับของตนเอง จนปัจจุบันสวีเดนกลายเป็นชาติที่สามารถส่งอาวุธออกขายภายในแบรนด์ของตัวเองอย่างมากมาย วันนี้ผมจะมาพูดถึงเจ้าปืนไรเฟิลประจำชาติของกองทัพนี้กัน

ความต้องการ
         ในทศวรรศที่ 1970 สวีเดนได้ซื้อลิขธิ์ของปืนอย่าง hk g3 มาผลิตเองภายในประเทศโดยตั้งชื่อว่า  Automatkarbin 4 (หรื่อในชื่อภาษาอังกฤษ automatic carbine 4)โดยเรียกสั้นๆว่า"ak4" เพื่อทดแทนปืนไรเฟิลแบบเก่าของตนเองอย่าง Ljungman Ag m1942b ที่ประจำการมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
กองทัพสวีเดนกับปืน ak4

ปืน Ljungman Ag m1942b

แต่ถึงกระนั้นทางกองทัพสวีเดนก็ประจำการปืน ak 4 เพียงแค่ 30% จากทั้งหมดของทัพเท่านั้นโดยที่ 70% ยังคงใช้ปืนแบบ ag 1942b แบบเก่า จนกระทั้งทศวรรศที่ 1980 สวีเดนต้องการปืนประจำการชนิดใหม่ส่วนนึงเพื่อเอามาประจำการทดแทนปืนแบบ ag 1942b แบบเก่าทั้งหมด ทำให้สวีเดนจัดหาปืนประจำกายแบบใหม่อีกครั้งโดยคุณสมบัติง่ายๆคือมันต้องทนอุณภูมิ -30 องศาของสวีเดนได้และตัวปืนต้องเบากว่าเจ้า ak4  โดยตอนนั้นทางสวีเดนได้มองไปยังปืนของค่ายฝั่งนาโต้ที่ตอนนั้นส่วนใหญ่จะใช้กระสุนแบบ 5.56x45mm และทางฝั่งค่ายวอร์ซอร์อย่างปืนตระกูล ak ทั้งหลายที่ใช้กระสุนแบบ 7.62x39 และ 5.45x39 เป็นส่วนใหญ่ โดยสุดท้ายทางสวีเดนได้เลือกปืนของฝั้งค่ายนาโต้ เพราะทางสวีเดนสนใจเจ้ากระสุน 5.56x45mm เป็นอย่างมากเพราะอานุภาพมันก็ไม่ได้ห่างจากเจ้ากระสุนอย่าง 7.62x51mm มากนักแถมจุได้เยอะกว่าเบากว่า โดยหลังจากบริษัทผู้ผลิตปืนทั้งหลายทราบความต้องการของทางกองทัพสวีเดนแล้วก็ได้ทำการส่งปืนเข้าประกวดได้แก่ 1.Beretta M70 2.FN CAL 3.FN FNC 4.Heckler & Koch HK33 5.IMI Galil 6.M16A1 7.SIG 540 8.Steyr AUG โดยปืนทั้งหมดถูกทดสอบท่ามกลางสนามทดสอบที่มีอุณภูมิประมาณเกือบ -30 องศาโดย m16a1ถูกคัดออกไปกระบอกแรกเนื่องจากปัญหาอันมากมายของตัวปืน hk33 ก็ถูกคัดออกเนื่องจากไส้ในแทบไม่ได้ต่างจากของเดิมมากนัก galil นั้นหนักเกินไป steyr aug ถูกตัดออกไปเพราะตัวปืนส่วนใหญ่ทำจากพลาสติก(ในสมัยนั้นยังไม่ค่อยมีใครนิยมปืนที่ทำจากพลาสติกมากนัก)จนสุดท้ายหวยมาออกที่ fn fnc โดยทางกองทัพได้ประกาศให้ปืน fn fnc เป็นปืนประจำกายมาตรฐานแบบใหม่ของกองทัพสวีเดน โดยทางสวีเดนได้ซื้อลิขสิทธิ์ตัวปืนมาผลิตเองภายในประเทศ
รูปของ fn fnc


การพัฒนาต่อยอด
      ในช่วงปี 1981-1985 สวีเดนได้นำมาปืน fn fnc มาดัดแปลงและต่อยอดแบบใหม่เพื่อผลิตใช้ในแบบของตนเองโดยบริษัท bofors carl gustav ได้รับการว่าจ้างในการดัดแปลงและพัฒนาครั้งนี้ โดยตัวปืนได้ถูกเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่าง(แบบยกเครื่อง)ไม่ว่าจะเป็นการระบบเหนี่ยวไกแบบใหม่และไกปืนได้ถูกออกแบบให้ใหญ้และกว้างขึ้นเพื่อให้สามารถสอดถุงมือเข้าไปได้(ถุงมือของกองทัพสวีเดนจะค่อนข้างหนากว่ากองทัพทั่วๆไปเพื่อให้ความอบอุ่น เนื่องจากบ้านเขาหนาว)ทำให้สามารถเหนี่ยวไกโดยขณะใส่ถุงมือได้ เปลี่ยนระบบปฏิบัติการแก๊สและตัว bolt แบบใหม่โดยพัฒนาและถอดแบบมาจาก ak 47 เปลียนกระโจมมือแบบใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม เปลี่ยนปลอดลดแสงแบบใหม่ พานท้ายแบบใหม่ ศูนย์เล็งแบบใหม่ เท็คนิคภายในรังเพลิงแบบใหม่และตัวช่องแม็กกาซีนถูกดัดแปลงให้สามารถใส่แม็กซีนแบบ stanag แบบ m16 ซึ่งเป็นแม็กกาซีนขนาดมาตรฐานาโต้ได้ และได้ตัดโหมดยิง 3 นัดออกไปเหลือแต่แบบ semi  และ full auto โดยทางสวีเดนได้ตั้งชื่อปืนว่า Automatkarbin 5 (หรื่อในชื่อภาษาอังกฤษ automatic carbine 5) โดยมีชื่อเรียกสั้นๆว่า ak5 ได้ผลิตและเข้าประจำการในกองทัพในปี 1986
รูปของ ak5


เวอร์ชั่นต่างๆ
1.ak5b คือการนำเจ้าปืน ak5 มาดัดแปลงสำหรับพลแม่นปืนโดยเฉพาะ โดยตัวปืนได้ติดตั้งกล้องแบบ l9a1 กำลังขยาย 4x และเพิ่ม cheek pad ตรงพานท้ายปืนโดยตัวปืนมีน้ำหนัก 4.8kg
รูปของ ak5b

2.ak5d เป็นรุ่นสำหรับหน่วยรบพิเศษโดยเฉพาะ โดยตัดลำกล้องให้สั้นลงและเปลี่ยนกระโจมมือแบบใหม่ โดยได้เพิ่มรางติดตั้งอุปกรณ์บนตัวปืนสำหรับติดตั้งอุปกรณ์เสริม
รูปของ ak5d

3.cga5p คือ ak5d สำหรับใช้งานโดยตำรวจโดยเฉพาะหรือมีอีกชื่อว่า ak5dp โดยได้ถอดศูนย์เล็งออกโดยใช้การเล็งด้วยกล้องเสริมขนาด 2x และ 4x แทน
4.ak5c โดยในปี 2005 ได้มีการพัฒนายกเครื่องเจ้า ak5 อีกครั้ง
-เพิ่มความเชื่อถือได้ของกลไกโดยปืนโดยสามารถยิงได้ถึงเกือบๆ 2000 นัดโดยไม่มีอาการขัดลำ
-ตัดลำกล้องให้สั้นลงโดยเหลืองเพียง 13.8 นิ้วและใช้เกลียวแบบใหม่ทำให้ความแม่นยำยังเท่าเดิม
-การออกแบบวัสดุแบบใหม่ที่เบาและแข็งแรงแบบเดิมทำให้ตัวปืนน้ำหนักเหลือเพียง 3.8kg
-เปลี่ยนพานท้ายปืนแบบใหม่เป็นแบบพับได้
-ถอดศูนย์เล็งหลัก(ใช้การเล็งด้วยกล้องเล็งแทน)แล้วแทนที่ด้วยศูนย์เล็งสำรองแบบพับได้แทน โดยตัวศูนย์เล็งสำรองของตัวปืนมีระยะเล็งอยู่ที่ประมาณ 300 เมตร
-ระบบคัดปลอกปืนสามารถเปลี่ยนไปใช้ทั้งด้านซ้ายและขวา
-ดัดแปลงให้ใช้แม็กกาซีนแบบใหม่ที่ผลิตโดยทางกองทัพเอง โดยผลิตจากพลาสติกคุณภาพสูงทำให้มีน้ำหนักที่เบากว่าเดิม
-เพิ่มด้ามจับด้านของตัวปืน
-เปลี่ยนกระโจมมือแบบใหม่โดยมีรางติดอุปกรณ์เสริม 3 ด้านโดยมีด้านซ้าย ขวา และล่าง และเพิ่มรางติดอุปกรณ์เสริมด้านบนตัวปืน
-เปลี่ยนปลอกลดแสงแบบใหม่
-เปลี่ยนตัวสลิงแบบใหม่โดยทำจากไนลอนแทน
-โดยตัวปืนได้ติดตั้งกล้องเล็งแบบ aimpoint cs กำลังขยายขนาด 4x โดยตัวกล้องเล็งเป็นจุด red dot โดยทางกองทัพสวีเดนได้ประกาศให้กล้องเล็ง aimpoint cs เป็นกล้องเล็งมาตรฐานสำหรับปืน ak5c และกองทัพโดยตัวกล้องสามารถถอดออกได้เมื่อไม่ได้ใช้
โดยสวีเดนตั้งชื่อได้ตังชื่อปืนกระบอกที่ปรับปรุงใหม่เสร็จแล้วว่า ak5c โดยสวีเดนได้นำเจ้า ak5c นำเข้าประจำการแทนปืน ak5 แบบเก่าทั้งหมดและ ak5c ได้แทนที่ ak5 แบบเก่าทั้งหมดในปี 2010
รูปของเจ้า ak5 กับกล้องเล็งแบบ aimpoint cs

กองทัพสวีเดนกับเจ้า ak5c

นอกจากนี้ทางสวีเดนยังมีการนำปืน ak5 ไปดัดแปลงเป็นปืนแบบ bullpub ด้วย
รูป ak5 เวอร์ชั่น bullpub


ข้อมูลโดยรวม
ใช้กระสุนขนาด: 5.56x45mm
น้ำหนักปืนโดยรวม: ak5(4kg) ak5b(4.8kg) ak5c(3.8kg)
ความยาวลำกล้อง: ak5,ak5b(18นิ้ว) ak5c(13.8นิ้ว)
อัตราการยิง: 650-700 นัด/นาที
ระยะหวังผล: 600เมตร
ประเทศผู้ผลิต: สวีเดน


อ้างอิง
http://world.guns.ru/assault/swed/bofors-ak5-e.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Ak_5
http://www.military-today.com/firearms/ak5.htm
http://www.gotavapen.se/gota/ak/ak4_5/ak5_history.htm
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่