ความไม่ยุติธรรมในการพิจารณาตัดสิทธิ์กู้ กยศ มหาลัยผิดหรือ กยศ. ผิดเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับตัวเอง อาจจะยาวหน่อยนะครับแต่ต้องการให้ทุกคน ได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้บ้าง
ไม่ได้ต้องการร้องเรียนใครแค่ต้องการแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนได้รู้ นะครับ รบกวนอ่านให้จบด้วยนะคับ ...
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดครับ เป็นคนภาคอีสาน มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดยมีพี่สาวเกิดห่างแค่2ปี และมีพี่ชายฝาแฝดอีก1คน
สถานนะทางบ้านค้อนข้างยากจนเพราะพ่อและแม่เคยเป็นบุคคลล้มละลาย และตอนนั้นพ่อทำงานเป็นแค่ลูกจ้างศูยน์ราชการ แม่เป็นแม่ค้าข้าวแกง
ทำให้รายได้ไม่พอใช้ในครอบครัวเพราะมีลูกหลายคนที่เรียนพร้อมๆกัน ผมและพี่ๆจะช่วยงานพ่อแม่ทุกอย่าง ผมทำงานพิเศษ เช่น ส่งหนักสือพิมพ์
เสริฟอาหาร และรับจ้างขายของ ชีวิตประจำวันคือตื่นเช้า กวาดบ้าน ไปโรงเรียน ตอนเที่ยง ลงมาขายอาหารกลางวันช่วยแม่ที่ รร ตอนเย็นไปส่ง นสพ.
กลับมาทำกับข้าวช่วยแม่ไปขายที่ตลาด เมื่อ 1 ทุ่มครึ้งจะต้องออกไปลากรถเข็นกลับบ้านให้แม่เพราะแม่ปวดขา และบางครั้งก็มีรับจ๊อบงานเสริมบ้าง ถ้าว่าง ...ทำอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต...
เมื่ออยู่ ม.4 พี่ชาย พี่สาวและผมได้กู้ กยศ. เพราะเราคิดว่าจะได้ไม่ยากเมื่อจะไปกู้ต่อมหาลัย เราทั้ง3คนได้รับทุน กยศ ครั้งนั้นเพราะทาง รร พิจารณาว่าครอบครัวมีบุตรหลายคน และรายได้ของบิดามีความมั่นคงแค่คนเดียว และมีรายได้ต่อเดือนที่น้อยเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่าย
พี่สาวผม เรียนครูที่ มรภ.นครราชสีมา ตอนนี้อยู่ปี 3 ผมและพี่ชายตัดสินใจเรียนที่ มรภ.... ย่านซังฮี้ เพราะเป็นสาขาที่อยากเรียนทั้งสองคน แต่พ่อแม่บอกเสมอว่ากลัวไม่มีเงินส่ง มันไกลบ้าน แต่ผมได้บอกพ่อแม่ว่าเราจะอยู่หอด้วยกันเพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ และก็มี กยศ คอยช่วยเรื่องค่าเทอม ทำให้พ่อแม่หนักแค่เรื่องค่ากินของลูก เมื่อผมเข้าปี1 ผมและพี่ชายได้ยื่นเรื่องกู้ กยศ ต่อทันที และได้รับสิทธิ์นั้นต่อ ผมกับพี่ชายแบ่งปันค่าใช้จ่ายเป็นค่าครองชีพคนล่ะ 2200 2คน เป็น 4400 นั้นเป็นค่าห้อง เราจะไม่เปิดแอร์ในห้องเพื่อให้ค่าห้องถูกและพอดีกับค่ารายเดือนที่ทาง กยศ ให้ และ ผมกับพี่ชายก็ได้ทำงานพิเศษพร้อมๆกันไปด้วย และเราต้องใจเีรียนทั้งสองคน เพื่อให้ได้เกรดดีๆ เกรดของผม3กว่า เพราะเคยคิดว่าเกรดดีจะเป็นปัจจัยที่ช่วยในการพิจารณาทุนทุกปี
พอขึ้นปี2เราก็ยื่นคำร้องข้อกู้ต่อ เจ้าหน้าที่ของทางมหาลัยบอกว่าพ่อของน้องเป็นพนักงานราชการแล้วนิ เบิกค่าใช้จ่ายค่าเทอมได้อยู่แล้ว ผมตอบกลับไปว่าใช่ครับ พ่อผมเพิ่งได้เป็นพนักงานราชการเร็วๆนี้ แต่ตำแหน่งของพ่อไม่สามารถเบิกค่าเล่าเรียนบุตรได้ เจ้าหน้าที่ก็เถียงกลับมาว่า ได้ เพราะพนักงานราชการก็เป็นข้าราชการระดับหนนึ่ง เราก็บอกว่าไม่สามารถเบิกได้ครับ ไม่งั้นพ่อผมคงเบิกแล้ว และเจ้าหน้าที่ของทาสงมหาลัยก็พูดมาว่า!!! ปีนี้คงไม่ได้หรอกนะ คนกู้เยอะ เงินเดือนพ่อน้องก็เกิน ผมเลยตอบว่าทางมหาลัยไม่พิจารณาปัจจัยอื่นหรอครับ เช่นบุตรที่กำลังศึกษาพร้อมกัน ค่าใช้จ่ายทางบ้าน...เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าคนลำบากกว่าน้องก็มีเยอะ ทำเอาผมเงียบเลยทีเดียว..
ต่อจากวันนั้นประมาณ3เดือนเป็นวันจ่ายค่าเทอมของมหาลัย และนักศึกษาที่กู้ กยศ จะต้องไปจ่ายวันนั้น และทางมหาลัยก็ไม่ได้แจ้งอะไรกลับมา เลยคิดว่าปีนี้ต้องได้แน่ๆ ผมและพี่ชายเดินไปที่เจ้าหน้าที่ กยศ กรอกข้อมูลเข้าระบบ แต่โดนปฏิเศษทั้งสองคน เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ของทางมหาลัย เจ้าหน้าที่บอกว่าน้องสองคนโดนตัดสิทธิ์ค่ะ เราสองคนนิ่งไปพักนึงผมถามว่าทำไมล่ะครับ ก็รายได้ของพ่อน้องเกินสองแสนต่อปี ผมถามกลับว่ามันเกินมาแค่ 1000 บาท ปีที่แล้วยังพิจารณาจากบุตรหลายคนเลย เจ้าหน้าที่บอกว่าก็ปีนี้เค้าไม่ให้ ทาง กยศ ใหญ่ไม่ให้เลยคนที่ครอบครัวรายได้เกิน ผมเดินออกมากับพี่ชายตอนนั้นยอมรับว่าเป็นร้องไห้หน้าตึก กยศ เพราะมันเป็นวันจ่ายค่าเทอมวันสุดท้าย โทรหาพ่อเงียบไปพักนึงและโทรกลับมาบอกว่าพ่อขอเวลา3วัน
เดี่ยวจะหาเงินมาให้ ผมกับพี่ชายยังไม่ละความพยายามเดินไปหาเจ้าหน้าที่ กยศ อีกครั้งถามเขาว่าผมต้องทำยังไงปีหน้ากู้ได้มั้ย เขาบอกว่ากู้ไม่ได้ตลอดชีวิต กู้ กรอ ไม่ได้เพราะอยู่ ปี 2 และบอกให้ผมไปหาค่าเทอมมาจ่าย ไม่งั้นจะโดนปรับและโดนพ้นจากสภาพนักศึกษาในที่สุด...
ผมรีบโทรหาพี่สาวถามว่าโดนตัดสิทธิ์มั้ย พี่สาวบอกว่าไม่โดน ผมเลยบอกว่าอาจจะโดนนะปีหน้าเพราะรายได้พ่อเกิน พี่สาวบอกว่าจะติดตามเรื่อยๆ
ผ่านไปอาทิตยพ่อโอนเงินค่าเทอมมาให้และบอกว่าจะเป็นยังไงพ่อจะหาเงินมาให้เรียนจนจบ อดทนไว้ ทำให้เราสองคนทำงานหนักขึ้น เพราะไม่มี กยศ คอยช่วยเหลือแล้ว และทำให้เทอมที่ผ่านมาพ่อแม่ผมได้ไปกู้ยืมเงินจากหนี้นอกระบบ เพราะครอบครัวหาเงินไม่ทัน ณ ตอนนี้ยอมรับเกรดเฉลี่ยต่ำลงบ้างผลจากการทำงานพิเศษมากขึ้น ขาดเรียนบ่อยบ้าง
"และในบ้างครั้งทำให้รู้สึกน้อยใจทางมหาลัยในการพิจารณาทุน กยศ เหตุผลที่ผมจะพูดในความไม่ยิติธรรมคือ"
1.มหาลัยไม่พิจารณาจากสถานะภาพทางครอบครัว มองแค่ในมุมของตัวเอง...
2.เจ้าหน้าที่ตรวจเช็คข้อมูลอ้างว่าบิดาเบิกจ่ายเล่าเรียนได้ โดยไม่ฟัง นักศึกษา
3.ทางมหาลัยไม่เช็คหรือว่าบุตร เรียนติดกันและพร้อมกันถึง3คน รายได้บิดา 200000 ต่อปี และรายได้มารดาที่ไม่แน่นอน
4. ข้อนี้เด็ดสุดๆ เพื่อนของกระผมพ่อแม่หย่าร้างกัน แต่อาศัยอยู่ ตายาย ได้รับการพิจารณา เพราะไม่มีพ่อแม่ แต่.....ทางมหาลัยรู้หรือไม่ว่าเพื่อนกระผมคนนั้นใช้ ไอโฟน 5 จัดฟัน โน๊ตบุ๊ค แอปเปิ้ล !!!!! นี่หรือที่บอกว่าเป็นมหาลัยที่มีความละเอียดในการตรวจเช็คประวัติ นศ มีความยุติธรรมในการพิจารณา
....อยากบอกไว้ตรงนั้นเลยว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่โดนแบบนี้ มี นศ อีกหลายคนที่โดนตัดสิทธิ์
และยังมี นศ อีกหลายคนที่ได้รับทุนทั้งที่ตัวเองพร้อมกว่าคนอื่น มหาลัยรู้หรือเปล่าคนพวกเขากู้ กยศ ไปทำไม
1.ไปจัดฟัน
2.ไปเสริมจมูก
3.ไปผ่อนโทรศัพท์
4.กู้มาใช้เล่นๆเพราะขี้เกียจขอพ่อแม่บ่อยๆ
ขอร้องล่ะครับถ้าพวกคุณไม่ได้เดือดร้อนเห็นใจคนที่เข้าเดือดร้อนจริงๆบ้าง ทุกวันนี้หมดความศรัทธราในเพื่อนของตัวเองหลายคน....
เรื่องนี้เกิดขึ้นได้1ปีแล้ว ตอนนี้ผมกำลังจะขึ้นปี3ตั้งใจว่าจะจบ3ปีครึ้ง แต่ที่นำประสบการณ์ครั้งนี้มาแชร์เพราะเมื่อวันสงกรานที่ผ่านมาผมกลับบ้าน
เพราะผมไม่ค่อยได้กลับบ้านเหมือนคนอื่นค่ารถไปกลับมันแพง สิ่งที่ผมเห็นคือแม่อายุ60ปี ทำงานหนักมาก ไม่ได้พักเลย พ่อก็แก่มากขึ้น ทำให้อยากใช้พื้นที่ตรงนี้ระบาย ส่วนตัวไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร ไม่เคยบอกพ่อแม่ว่าตัวเองทำงานพิเศษหนัก เพราะไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วง แต่การกลับบ้านครั้งนี้ทำให้รู้ว่าคนที่ลำบากเพื่อเราจริงๆคือ พ่อและแม่ แม้แต่วันหยุดแท้ๆแม่ก็ไม่ได้หยุดเพราะอยากได้เงินมาให้ลูกเรียนเยอะ ขอบคุณที่อ่านนะครับ ....
ปล.หากพิมข้อความผิดขออภัยด้วยคับ
ความไม่ยุติธรรมในการพิจารณาตัดสิทธิ์กู้ กยศ มหาลัยผิดหรือ กยศ. ผิด
ไม่ได้ต้องการร้องเรียนใครแค่ต้องการแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนได้รู้ นะครับ รบกวนอ่านให้จบด้วยนะคับ ...
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดครับ เป็นคนภาคอีสาน มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดยมีพี่สาวเกิดห่างแค่2ปี และมีพี่ชายฝาแฝดอีก1คน
สถานนะทางบ้านค้อนข้างยากจนเพราะพ่อและแม่เคยเป็นบุคคลล้มละลาย และตอนนั้นพ่อทำงานเป็นแค่ลูกจ้างศูยน์ราชการ แม่เป็นแม่ค้าข้าวแกง
ทำให้รายได้ไม่พอใช้ในครอบครัวเพราะมีลูกหลายคนที่เรียนพร้อมๆกัน ผมและพี่ๆจะช่วยงานพ่อแม่ทุกอย่าง ผมทำงานพิเศษ เช่น ส่งหนักสือพิมพ์
เสริฟอาหาร และรับจ้างขายของ ชีวิตประจำวันคือตื่นเช้า กวาดบ้าน ไปโรงเรียน ตอนเที่ยง ลงมาขายอาหารกลางวันช่วยแม่ที่ รร ตอนเย็นไปส่ง นสพ.
กลับมาทำกับข้าวช่วยแม่ไปขายที่ตลาด เมื่อ 1 ทุ่มครึ้งจะต้องออกไปลากรถเข็นกลับบ้านให้แม่เพราะแม่ปวดขา และบางครั้งก็มีรับจ๊อบงานเสริมบ้าง ถ้าว่าง ...ทำอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต...
เมื่ออยู่ ม.4 พี่ชาย พี่สาวและผมได้กู้ กยศ. เพราะเราคิดว่าจะได้ไม่ยากเมื่อจะไปกู้ต่อมหาลัย เราทั้ง3คนได้รับทุน กยศ ครั้งนั้นเพราะทาง รร พิจารณาว่าครอบครัวมีบุตรหลายคน และรายได้ของบิดามีความมั่นคงแค่คนเดียว และมีรายได้ต่อเดือนที่น้อยเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่าย
พี่สาวผม เรียนครูที่ มรภ.นครราชสีมา ตอนนี้อยู่ปี 3 ผมและพี่ชายตัดสินใจเรียนที่ มรภ.... ย่านซังฮี้ เพราะเป็นสาขาที่อยากเรียนทั้งสองคน แต่พ่อแม่บอกเสมอว่ากลัวไม่มีเงินส่ง มันไกลบ้าน แต่ผมได้บอกพ่อแม่ว่าเราจะอยู่หอด้วยกันเพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ และก็มี กยศ คอยช่วยเรื่องค่าเทอม ทำให้พ่อแม่หนักแค่เรื่องค่ากินของลูก เมื่อผมเข้าปี1 ผมและพี่ชายได้ยื่นเรื่องกู้ กยศ ต่อทันที และได้รับสิทธิ์นั้นต่อ ผมกับพี่ชายแบ่งปันค่าใช้จ่ายเป็นค่าครองชีพคนล่ะ 2200 2คน เป็น 4400 นั้นเป็นค่าห้อง เราจะไม่เปิดแอร์ในห้องเพื่อให้ค่าห้องถูกและพอดีกับค่ารายเดือนที่ทาง กยศ ให้ และ ผมกับพี่ชายก็ได้ทำงานพิเศษพร้อมๆกันไปด้วย และเราต้องใจเีรียนทั้งสองคน เพื่อให้ได้เกรดดีๆ เกรดของผม3กว่า เพราะเคยคิดว่าเกรดดีจะเป็นปัจจัยที่ช่วยในการพิจารณาทุนทุกปี
พอขึ้นปี2เราก็ยื่นคำร้องข้อกู้ต่อ เจ้าหน้าที่ของทางมหาลัยบอกว่าพ่อของน้องเป็นพนักงานราชการแล้วนิ เบิกค่าใช้จ่ายค่าเทอมได้อยู่แล้ว ผมตอบกลับไปว่าใช่ครับ พ่อผมเพิ่งได้เป็นพนักงานราชการเร็วๆนี้ แต่ตำแหน่งของพ่อไม่สามารถเบิกค่าเล่าเรียนบุตรได้ เจ้าหน้าที่ก็เถียงกลับมาว่า ได้ เพราะพนักงานราชการก็เป็นข้าราชการระดับหนนึ่ง เราก็บอกว่าไม่สามารถเบิกได้ครับ ไม่งั้นพ่อผมคงเบิกแล้ว และเจ้าหน้าที่ของทาสงมหาลัยก็พูดมาว่า!!! ปีนี้คงไม่ได้หรอกนะ คนกู้เยอะ เงินเดือนพ่อน้องก็เกิน ผมเลยตอบว่าทางมหาลัยไม่พิจารณาปัจจัยอื่นหรอครับ เช่นบุตรที่กำลังศึกษาพร้อมกัน ค่าใช้จ่ายทางบ้าน...เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าคนลำบากกว่าน้องก็มีเยอะ ทำเอาผมเงียบเลยทีเดียว..
ต่อจากวันนั้นประมาณ3เดือนเป็นวันจ่ายค่าเทอมของมหาลัย และนักศึกษาที่กู้ กยศ จะต้องไปจ่ายวันนั้น และทางมหาลัยก็ไม่ได้แจ้งอะไรกลับมา เลยคิดว่าปีนี้ต้องได้แน่ๆ ผมและพี่ชายเดินไปที่เจ้าหน้าที่ กยศ กรอกข้อมูลเข้าระบบ แต่โดนปฏิเศษทั้งสองคน เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ของทางมหาลัย เจ้าหน้าที่บอกว่าน้องสองคนโดนตัดสิทธิ์ค่ะ เราสองคนนิ่งไปพักนึงผมถามว่าทำไมล่ะครับ ก็รายได้ของพ่อน้องเกินสองแสนต่อปี ผมถามกลับว่ามันเกินมาแค่ 1000 บาท ปีที่แล้วยังพิจารณาจากบุตรหลายคนเลย เจ้าหน้าที่บอกว่าก็ปีนี้เค้าไม่ให้ ทาง กยศ ใหญ่ไม่ให้เลยคนที่ครอบครัวรายได้เกิน ผมเดินออกมากับพี่ชายตอนนั้นยอมรับว่าเป็นร้องไห้หน้าตึก กยศ เพราะมันเป็นวันจ่ายค่าเทอมวันสุดท้าย โทรหาพ่อเงียบไปพักนึงและโทรกลับมาบอกว่าพ่อขอเวลา3วัน
เดี่ยวจะหาเงินมาให้ ผมกับพี่ชายยังไม่ละความพยายามเดินไปหาเจ้าหน้าที่ กยศ อีกครั้งถามเขาว่าผมต้องทำยังไงปีหน้ากู้ได้มั้ย เขาบอกว่ากู้ไม่ได้ตลอดชีวิต กู้ กรอ ไม่ได้เพราะอยู่ ปี 2 และบอกให้ผมไปหาค่าเทอมมาจ่าย ไม่งั้นจะโดนปรับและโดนพ้นจากสภาพนักศึกษาในที่สุด...
ผมรีบโทรหาพี่สาวถามว่าโดนตัดสิทธิ์มั้ย พี่สาวบอกว่าไม่โดน ผมเลยบอกว่าอาจจะโดนนะปีหน้าเพราะรายได้พ่อเกิน พี่สาวบอกว่าจะติดตามเรื่อยๆ
ผ่านไปอาทิตยพ่อโอนเงินค่าเทอมมาให้และบอกว่าจะเป็นยังไงพ่อจะหาเงินมาให้เรียนจนจบ อดทนไว้ ทำให้เราสองคนทำงานหนักขึ้น เพราะไม่มี กยศ คอยช่วยเหลือแล้ว และทำให้เทอมที่ผ่านมาพ่อแม่ผมได้ไปกู้ยืมเงินจากหนี้นอกระบบ เพราะครอบครัวหาเงินไม่ทัน ณ ตอนนี้ยอมรับเกรดเฉลี่ยต่ำลงบ้างผลจากการทำงานพิเศษมากขึ้น ขาดเรียนบ่อยบ้าง
"และในบ้างครั้งทำให้รู้สึกน้อยใจทางมหาลัยในการพิจารณาทุน กยศ เหตุผลที่ผมจะพูดในความไม่ยิติธรรมคือ"
1.มหาลัยไม่พิจารณาจากสถานะภาพทางครอบครัว มองแค่ในมุมของตัวเอง...
2.เจ้าหน้าที่ตรวจเช็คข้อมูลอ้างว่าบิดาเบิกจ่ายเล่าเรียนได้ โดยไม่ฟัง นักศึกษา
3.ทางมหาลัยไม่เช็คหรือว่าบุตร เรียนติดกันและพร้อมกันถึง3คน รายได้บิดา 200000 ต่อปี และรายได้มารดาที่ไม่แน่นอน
4. ข้อนี้เด็ดสุดๆ เพื่อนของกระผมพ่อแม่หย่าร้างกัน แต่อาศัยอยู่ ตายาย ได้รับการพิจารณา เพราะไม่มีพ่อแม่ แต่.....ทางมหาลัยรู้หรือไม่ว่าเพื่อนกระผมคนนั้นใช้ ไอโฟน 5 จัดฟัน โน๊ตบุ๊ค แอปเปิ้ล !!!!! นี่หรือที่บอกว่าเป็นมหาลัยที่มีความละเอียดในการตรวจเช็คประวัติ นศ มีความยุติธรรมในการพิจารณา
....อยากบอกไว้ตรงนั้นเลยว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่โดนแบบนี้ มี นศ อีกหลายคนที่โดนตัดสิทธิ์
และยังมี นศ อีกหลายคนที่ได้รับทุนทั้งที่ตัวเองพร้อมกว่าคนอื่น มหาลัยรู้หรือเปล่าคนพวกเขากู้ กยศ ไปทำไม
1.ไปจัดฟัน
2.ไปเสริมจมูก
3.ไปผ่อนโทรศัพท์
4.กู้มาใช้เล่นๆเพราะขี้เกียจขอพ่อแม่บ่อยๆ
ขอร้องล่ะครับถ้าพวกคุณไม่ได้เดือดร้อนเห็นใจคนที่เข้าเดือดร้อนจริงๆบ้าง ทุกวันนี้หมดความศรัทธราในเพื่อนของตัวเองหลายคน....
เรื่องนี้เกิดขึ้นได้1ปีแล้ว ตอนนี้ผมกำลังจะขึ้นปี3ตั้งใจว่าจะจบ3ปีครึ้ง แต่ที่นำประสบการณ์ครั้งนี้มาแชร์เพราะเมื่อวันสงกรานที่ผ่านมาผมกลับบ้าน
เพราะผมไม่ค่อยได้กลับบ้านเหมือนคนอื่นค่ารถไปกลับมันแพง สิ่งที่ผมเห็นคือแม่อายุ60ปี ทำงานหนักมาก ไม่ได้พักเลย พ่อก็แก่มากขึ้น ทำให้อยากใช้พื้นที่ตรงนี้ระบาย ส่วนตัวไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร ไม่เคยบอกพ่อแม่ว่าตัวเองทำงานพิเศษหนัก เพราะไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วง แต่การกลับบ้านครั้งนี้ทำให้รู้ว่าคนที่ลำบากเพื่อเราจริงๆคือ พ่อและแม่ แม้แต่วันหยุดแท้ๆแม่ก็ไม่ได้หยุดเพราะอยากได้เงินมาให้ลูกเรียนเยอะ ขอบคุณที่อ่านนะครับ ....
ปล.หากพิมข้อความผิดขออภัยด้วยคับ