Lovesucks งานกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกของนักแสดงสาวมากฝีมือ โดนัท มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล
ความรู้สึกจากการดูหนัง :
จุดด้อย - หนังน่าเบื่อ น่าอึดอัด น่ารำคาญอย่างมาก ตลอดช่วงครึ่งแรก
1. การถ่ายภาพที่เน้นแช่กล้องเป็นส่วนใหญ่ ซ้ำมุมภาพยังไม่ดีนัก การจัดแสงไม่น่าดูชม การแช่กล้องนิ่งๆเป็นสไตล์ของหนังอินดี้-อาร์ตหลายเรื่องที่ถ้าถ่ายสวยมันก็น่าดูน่าติดตาม (คอหนังอาร์ตคงเข้าใจ) แต่เรื่อง Lovesucks จะว่าอาร์ตก็ไม่อาร์ต ว่าด้วยเรื่องการถ่ายภาพเหมือนถ่ายไม่เก่งมากกว่า จัดแสงสว่างโร่เหมือนละครโทรทัศน์ ทำให้ภาพดูไม่ราบรื่นและเชย มุมกล้องบางฉากดีบางฉากไม่ดี จขกท อาจไม่มีความรู้เรื่องการถ่ายภาพ แต่ขอใช้ประสบการณ์ในการเป็นคอหนังที่เสพหนังเยอะมาวิจารณ์ การถ่ายภาพของหนังเรื่องนี้แปลกๆ ฝีมือยังไม่คงที่ บางฉากเหมือนถ่ายกันเล่นๆ แต่มันดูผิดพลาดในการถ่ายมากกว่าจะดูเรียล ฉากที่จงใจจัดก็ดูจงใจเกินเป็นหนังโฆษณา ซึ่งถ้าถ่ายภาพดีกว่านี้ น่าจะช่วยหนังได้เยอะมาก
2.การตัดต่อ ไม่ดีเท่าไหร่ น่าจะเป็นจุดบกพร่องใหญ่ร่วมไปกับการถ่ายภาพ ถ้ามีลูกเล่น หนังจะน่าเบื่อน้อยลง
3.บุคลิกของตัวละครนางเอกที่แสดงโดย เทย่า โรเจอร์ น่ารำคาญมาก เราไม่รู้สึกร่วมไปกับตัวละครว่าเธอเศร้าเธออกหัก แต่เหมือนมาแสดงให้ดูว่าฉันกำลังเศร้ามากนะ อาจจะเพราะหนังไม่มีการปูเรื่องให้เราผูกพันกับตัวละครเลย อยู่ๆก็ต้องมาดูผู้หญิงที่ดูบ้า เสียสติคนหนึ่งที่ไม่รู้สึกอยากเอาใจช่วย แต่รำคาญ จริงๆบุคลิกตัวละครแบบนี้น่าสนใจนะ ออกแนวป่วยป่วง บ้า เมา ล้มเหลวทางอารมณ์ แต่อาจจะรวมด้วยการถ่ายภาพและจังหวะการตัดต่อหนังด้วยที่ทำให้มันน่าเบื่อคูณสอง เราว่าถ้าถ่ายอีกแนวหนึ่งและปรับบุคลิกตัวละครหน่อยน่าจะดีกว่านี้
จุดดี
1.หลังจากที่หนังดูน่ารำคาญอย่างมาก พอถึงจุดพลิกผันที่นางเอกคิดได้ สงบลง กลับรู้สึกว่าหนังดูดีขึ้น และจบได้สวยงามมีพลัง ตอนจบรู้สึกมีอิมแพคบางอย่างเหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ทำให้งงๆว่าตกลงตั้งใจให้คนดูรำคาญอึดอัดหรือเปล่า เพราะพอถึงจุดพลิก อารมณ์หนังก็ประสบผลเหมือนกัน แต่ยังยืนยันคิดว่าความน่าเบื่อน่ารำคาญของหนังในช่วงต้นเกิดจากการถ่ายภาพและการตัดต่อ รวมถึงการแสดงของเทย่า
2.คอนเซ็ปต์ดี เหมือนหนัง coming of age ของผู้หญิงอกหักวัย 30 บทมีความน่าสนใจอยู่ถ้าปรับให้มีอะไรมากขึ้น ซึ่งน่าเสียดายที่ทำออกมาไม่ลงตัวนัก เหมือนหนังของมือใหม่หัดทำมากๆ ซึ่งก็จริง โดนัทเป็นมือใหม่...
3.หนังให้อารมณ์ผู้หญิงๆดี รวมถึงสื่อความเป็นตัวตนชัดเจน เหมือนคุณโดนัทใส่ตัวตนบางอย่างเข้าไปในหนัง ทำให้มีลายเซ็นที่น่าสนใจ ซึ่งถ้าคุณโดนัทพัฒนาในงานชิ้นต่อไป และยังคงตัวตน มุมมองของตัวเองไว้ น่าจะเป็นผู้กำกับหญิงที่น่าสนใจคนหนึ่ง อยากให้ทำต่อ ผู้กำกับหญิงมีน้อย
สรุป :
เป็นหนังไทยที่นำเสนอตัวตน มุมมอง อารมณ์ได้น่าสนใจ แต่ต้องใช้ความอดทนในการดูสูง เป็นเหมือนหนังที่ฉายให้ดูว่า นี่แหละผู้หญิงอกหัก ฟูมฟาย น่ารำคาญ น่าเบื่อ นี่แหละตัวฉัน
การแสดงของเทย่า โรเจอร์ ช่วงแรกๆดูล้นและขัดๆ แต่โดยรวมก็ทำหน้าที่ได้ดี และชัดเจน
หนังทำให้เรามองผู้หญิงในด้านลึกว่า ผู้หญิงหลายคนให้ความสำคัญกับความรักและแฟนมากจริงๆ เหมือนเป็นโลกทั้งโลกของเธอ เวลามีรักก็สดใสโลกเป็นสีชมพูทั้งใบ เวลาผิดหวังก็เหมือนโลกทั้งใบหมดสิ้น... เป็นหนังที่เหมือนคำขอโทษต่อตัวเองที่งี่เง่าฟูมฟายในเรื่องความรัก และขอก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็ง
เป็นหนังที่ดูดิบ ข้อบกพร่องในการถ่ายทำเยอะ ยังดีที่จบสวยและมีพลังทางอารมณ์ เลยให้อภัย
คะแนน 6/10 แม้ช่วงครึ่งแรกจะรู้สึกว่าหนังแย่มาก แต่พออดทนดูจนจบหนังกลับมีพลังกระทบอารมณ์สูง จนเกือบให้ 8/10 แต่คิดแล้วขอลบคะแนนการดำเนินเรื่องและการถ่ายทำบางฉากที่ชวนเดินออกจากโรงมากๆ
[CR] Lovesucks : พยายามดี แต่ยังไม่ลงตัว : น่าเบื่อ น่ารำคาญ แต่จบสวย
Lovesucks งานกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกของนักแสดงสาวมากฝีมือ โดนัท มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล
ความรู้สึกจากการดูหนัง :
จุดด้อย - หนังน่าเบื่อ น่าอึดอัด น่ารำคาญอย่างมาก ตลอดช่วงครึ่งแรก
1. การถ่ายภาพที่เน้นแช่กล้องเป็นส่วนใหญ่ ซ้ำมุมภาพยังไม่ดีนัก การจัดแสงไม่น่าดูชม การแช่กล้องนิ่งๆเป็นสไตล์ของหนังอินดี้-อาร์ตหลายเรื่องที่ถ้าถ่ายสวยมันก็น่าดูน่าติดตาม (คอหนังอาร์ตคงเข้าใจ) แต่เรื่อง Lovesucks จะว่าอาร์ตก็ไม่อาร์ต ว่าด้วยเรื่องการถ่ายภาพเหมือนถ่ายไม่เก่งมากกว่า จัดแสงสว่างโร่เหมือนละครโทรทัศน์ ทำให้ภาพดูไม่ราบรื่นและเชย มุมกล้องบางฉากดีบางฉากไม่ดี จขกท อาจไม่มีความรู้เรื่องการถ่ายภาพ แต่ขอใช้ประสบการณ์ในการเป็นคอหนังที่เสพหนังเยอะมาวิจารณ์ การถ่ายภาพของหนังเรื่องนี้แปลกๆ ฝีมือยังไม่คงที่ บางฉากเหมือนถ่ายกันเล่นๆ แต่มันดูผิดพลาดในการถ่ายมากกว่าจะดูเรียล ฉากที่จงใจจัดก็ดูจงใจเกินเป็นหนังโฆษณา ซึ่งถ้าถ่ายภาพดีกว่านี้ น่าจะช่วยหนังได้เยอะมาก
2.การตัดต่อ ไม่ดีเท่าไหร่ น่าจะเป็นจุดบกพร่องใหญ่ร่วมไปกับการถ่ายภาพ ถ้ามีลูกเล่น หนังจะน่าเบื่อน้อยลง
3.บุคลิกของตัวละครนางเอกที่แสดงโดย เทย่า โรเจอร์ น่ารำคาญมาก เราไม่รู้สึกร่วมไปกับตัวละครว่าเธอเศร้าเธออกหัก แต่เหมือนมาแสดงให้ดูว่าฉันกำลังเศร้ามากนะ อาจจะเพราะหนังไม่มีการปูเรื่องให้เราผูกพันกับตัวละครเลย อยู่ๆก็ต้องมาดูผู้หญิงที่ดูบ้า เสียสติคนหนึ่งที่ไม่รู้สึกอยากเอาใจช่วย แต่รำคาญ จริงๆบุคลิกตัวละครแบบนี้น่าสนใจนะ ออกแนวป่วยป่วง บ้า เมา ล้มเหลวทางอารมณ์ แต่อาจจะรวมด้วยการถ่ายภาพและจังหวะการตัดต่อหนังด้วยที่ทำให้มันน่าเบื่อคูณสอง เราว่าถ้าถ่ายอีกแนวหนึ่งและปรับบุคลิกตัวละครหน่อยน่าจะดีกว่านี้
จุดดี
1.หลังจากที่หนังดูน่ารำคาญอย่างมาก พอถึงจุดพลิกผันที่นางเอกคิดได้ สงบลง กลับรู้สึกว่าหนังดูดีขึ้น และจบได้สวยงามมีพลัง ตอนจบรู้สึกมีอิมแพคบางอย่างเหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ทำให้งงๆว่าตกลงตั้งใจให้คนดูรำคาญอึดอัดหรือเปล่า เพราะพอถึงจุดพลิก อารมณ์หนังก็ประสบผลเหมือนกัน แต่ยังยืนยันคิดว่าความน่าเบื่อน่ารำคาญของหนังในช่วงต้นเกิดจากการถ่ายภาพและการตัดต่อ รวมถึงการแสดงของเทย่า
2.คอนเซ็ปต์ดี เหมือนหนัง coming of age ของผู้หญิงอกหักวัย 30 บทมีความน่าสนใจอยู่ถ้าปรับให้มีอะไรมากขึ้น ซึ่งน่าเสียดายที่ทำออกมาไม่ลงตัวนัก เหมือนหนังของมือใหม่หัดทำมากๆ ซึ่งก็จริง โดนัทเป็นมือใหม่...
3.หนังให้อารมณ์ผู้หญิงๆดี รวมถึงสื่อความเป็นตัวตนชัดเจน เหมือนคุณโดนัทใส่ตัวตนบางอย่างเข้าไปในหนัง ทำให้มีลายเซ็นที่น่าสนใจ ซึ่งถ้าคุณโดนัทพัฒนาในงานชิ้นต่อไป และยังคงตัวตน มุมมองของตัวเองไว้ น่าจะเป็นผู้กำกับหญิงที่น่าสนใจคนหนึ่ง อยากให้ทำต่อ ผู้กำกับหญิงมีน้อย
สรุป :
เป็นหนังไทยที่นำเสนอตัวตน มุมมอง อารมณ์ได้น่าสนใจ แต่ต้องใช้ความอดทนในการดูสูง เป็นเหมือนหนังที่ฉายให้ดูว่า นี่แหละผู้หญิงอกหัก ฟูมฟาย น่ารำคาญ น่าเบื่อ นี่แหละตัวฉัน
การแสดงของเทย่า โรเจอร์ ช่วงแรกๆดูล้นและขัดๆ แต่โดยรวมก็ทำหน้าที่ได้ดี และชัดเจน
หนังทำให้เรามองผู้หญิงในด้านลึกว่า ผู้หญิงหลายคนให้ความสำคัญกับความรักและแฟนมากจริงๆ เหมือนเป็นโลกทั้งโลกของเธอ เวลามีรักก็สดใสโลกเป็นสีชมพูทั้งใบ เวลาผิดหวังก็เหมือนโลกทั้งใบหมดสิ้น... เป็นหนังที่เหมือนคำขอโทษต่อตัวเองที่งี่เง่าฟูมฟายในเรื่องความรัก และขอก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็ง
เป็นหนังที่ดูดิบ ข้อบกพร่องในการถ่ายทำเยอะ ยังดีที่จบสวยและมีพลังทางอารมณ์ เลยให้อภัย
คะแนน 6/10 แม้ช่วงครึ่งแรกจะรู้สึกว่าหนังแย่มาก แต่พออดทนดูจนจบหนังกลับมีพลังกระทบอารมณ์สูง จนเกือบให้ 8/10 แต่คิดแล้วขอลบคะแนนการดำเนินเรื่องและการถ่ายทำบางฉากที่ชวนเดินออกจากโรงมากๆ