[CR] My Singapore

กระทู้รีวิว
........นี่เป็นการเล่าประสบการณ์ของมือใหม่แบ็คแพ็คที่หอบมาม่าเป็นแพ็ค เพื่อลองไปใช้ชีวิตที่ใฝ่ฝัน ประหนึ่ง “lost in Singapore”  condition ในการเที่ยวครั้งนี้มีมากมายตั้งแต่ pocket money ที่มีจำกัด ภาษาอังกฤษแบบ native Thai แล้วก็ความเป็นมือใหม่ในการแบ็คแพ็คต่างประเทศ แต่กระนั้นเราก็บ่ยั่น ....จนเกิดทริปนี้มาสำหรับ 5 วันในการแฝงตัวอยู่กับชาวสิงคโปเรี่ยน

---------------------------------------Debut สู่สิงคโปร์----------------------------------------
    >>>เวลา 04:00 น. 22 พฤษภา ตามเวลาประเทศไทย.....เสียงนาฬิกาปลุกบอกให้รีบแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวตกเครื่องนะเว๊ย!! กระวีกระวาดอาบน้ำแต่งตัวแล้วใส่ชุด Debut เปิดตัวทริปนี้แบบพริ้วๆด้วยเดรสผ้ามัดย้อมที่เบาสบายเหมือนชุดนอน  เมื่อชุดก็พร้อม!!! กล้องพร้อม!! กระเป๋าพร้อม!! คนพร้อม!!! ก็เริ่มการเดินทาง
    >>>เพราะเราอยู่บนดอยกว่าเราจะได้ไปสิงคโปร์มันไม่ง่ายเลย ....ต้องขึ้นเครื่องบินถึง 2 ต่อกับ Shuttle bus อีก 1 เที่ยว คุณพระ!! ไม่ไฝ้ท์จริงๆคงทำไม่ได้  ต่อแรกเรานั่งเครื่อง Thai Lion Air CNX-DMK  ข้ามภูเขามาจนได้ landing สู่สนามบินที่มีวิวบ้านจัดสรรเรียงกันเป็นตับเหมือนในเกมเศรษฐี จากนั้นก็ต่อ Shuttle Bus ฟรี!!! ฝ่าถนนที่ขวักไขว่ กับบรรยากาศรถติดเป็นหางว่าวเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมงจนมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ
    
>>>บรรยากาศของการเดินทางมันเริ่มมาละ ...พวกเราก็รอเช็คอินกับสายการบิน Jet Star ที่ได้โปรไป-กลับมาในราคา 3000 ต้นๆ แต่ไม่ได้โหลดกระเป๋าไง เราเลยซื้อน้ำหนักก่อนมาอีก 15 kg กับสัมภาระแบ็คแพ็คของสามคน แค่ของเราก็ไปแล้วแปดโล แล้วเพื่อนอีกล่ะ ก็เลยต้องมีคนเสียสละหนึ่งคน carry on แบ็คแพ็คใบใหญ่ๆไป แล้วก็ฝากของใช้ที่เป็นน้ำๆโหลดใต้เครื่อง  พอไปเช็คอินเท่านั้นแหล่ะ น้ำหนักกระเป๋า 15.9 kg หัวใจเหี่ยวเลย ...กลัวว่าจะต้องเสียตังค์เพิ่มเพื่อซื้อน้ำหนักกระเป๋าแต่พี่จนท.ก็อนุโลมให้ผ่านมาได้ด้วยดี โล่งไป!!!

    >>>เช็คอินเสร็จก็ต้องไป >>ตรวจสัมภาระ แสกนร่างกาย>> ตม.ไทย>> ลัลล้าในดินแดน Duty free>>รอขึ้นเครื่องที่ Gate  เพราะพวกเราลงมาจากดอยตั้งแต่เช้ามืด กว่าจะได้ขึ้นเครื่องตีปีกไปสิงคโปร์ก็เกือบบ่าย  คงจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีอะไรตกถึงท้อง  จึงเดินตามหา food court ใน Duty Free นี่แหล่ะ เจอร้านอาหาร7-8 ร้านทั้งอาหารไทยและเทศเมื่อเจอราคาก็ตกตะลึง!! ผัดไทย 250฿ กะเพราทะเล 250฿ แต่ก็ไม่มีทางเลือกจริงๆครั้นจะไปกินพวกเบอร์เกอร์ก็กลัวไม่อิ่ม เดี๋ยวเลี่ยนไป เลยเป็นไงเป็นกัน กินอาหารไทยก็ได้ กินเผื่อไว้ยังไงก็จะไม่ได้กินอาหารไทยละอีก 5 วันต่อจากนี้ พอกินอิ่มก็เดินตามหาเกท สบจังหวะกับเจอทัวร์จีนกลุ่มใหญ่ประหนึ่งเช่าเหมาลำไปสิงคโปร์ อิโล้งโช้งเช้งกันใหญ่ พวกเราก็ได้แต่ปลีกวิเวกไปอีกที่หนึ่งเพื่อสงบจิตสงบใจเล่นอินสแกรม และเช็คอินเก๋ๆว่าเฮ๊ยจะบินแล้วนะ



--------------------------------ตม.ตัวร้าย กับสาวไทยเจี๋ยมเจี้ยม-------------------------------

>>> ขาลอยเหนือแผ่นดินและผืนน้ำอยู่ 2 ชั่วโมง ก็ได้เหยียบแผ่นดินสิงคโปร์ซักที  แต่การเหยียบนี้ยังไม่ถูกต้องตามกฎหมายจนกว่าจะได้ตราประทับเข้าประเทศจาก ตม.สิงคโปร์  .......และนี่คือสิ่งที่เรากังวลมากถึงมากที่สุด เพราะกลัวว่านางจะไม่ให้นีร์ไทยอย่างเราเข้าประเทศนาง  อย่างแรกเลยคือ ประเทศนี้ค่อนข้างเข้มเรื่องคนเข้าประเทศอยู่แล้ว  อย่างสองคือ ช่วงที่ไปมันใกล้กับช่วงซีเกมส์ ก็เลยค่อนข้างจะเข้มงวดขึ้นไปอีก  หลังจากที่อ่านรีวิวโน่นนี่และถามพี่ๆเพื่อนๆที่เขาเคยไปมาก็บอกว่า ให้เตรียมเอกสาร passport  และ Booking ของโรงแรมแล้วก็ตั๋วกลับ ให้เค้าตรวจให้เรียบร้อย โดยเฉพาะHostel Booking นี่สำคัญ เพราะเราต้องเอาที่อยู่ของ Hostel มากรอกใบเข้าประเทศสีแดงๆที่เค้าแจกให้ด้วย  

>>>พอลงไปเจอด่าน Immigration ของ ตม. เท่านั้นแหล่ะ  ใจสั่นเลย  แต่ก็ต้องใจดีสู้เสือ พยายามเดินเข้าช่อง ตม.ที่หน้าตาแลดูเมตตาปราณีที่สุด .....แต่ ณ จุดๆนั้น ไม่มีค่ะ เจอแต่เจ้าหน้าที่แขกผิวสี หน้าตาเข้มๆ เอาวะ..เป็นไงเป็นกัน เราก็ยิ้มไว้ก่อน แล้วเดินเข้าไป หยิบ passport ให้ และ Booking ทั้งหลายให้  ตม.มองหน้า สองสามรอบ ถามว่ามาจากไหน  พักที่ไหน และวินาทีที่รอคอยก็มาถึง...นางปั๊ม passport เข้าประเทศให้แล้ว!!! ดีใจมาก  แล้วหลังจากนั้นเราก็ได้”เหยียบเกาะสิงคโปร์อย่างถูกกฎหมายเสียที”



>>>ชีวิตการเดินทางมันมักจะมีอุปสรรคให้แก้เสมอ......อุปสรรคแรกคือ เราจะไปหาซิมราคาถูกไว้ติดต่อให้คนที่บ้านผู้เป็นFCทริปนี้ได้ที่ไหน  เดินหานานมาก เดี๋ยวร้านนี้แพง  เดี๋ยวร้านนี้เน็ตไม่พอใช้  จนแล้วจนรอดก็ได้มาเป็น Net-Sim  5 วันของ Star –Hub ในราคาที่รับได้คือ 18 SGD (ประมาณ 450฿) พอใส่ซิมได้แล้วก็รีบโทรไลน์ส่งข่าวให้ที่บ้านรู้เลยว่าตอนนี้สบายดี ชิคๆเก๋ๆอยู่ Changi ละนะ  ....จากนั้นก็ถึงเวลาหาทางออกไปขึ้น MRT (Mass Rapid Transport ) เพื่อเข้าที่พักกัน  ด้วยความที่สนามบินใหญ่มาก เราก็หาทางออกไม่เจอละทีนี้  สีหน้าชิคๆเก๋ๆก็ถูกแทนที่ด้วยความงุนงงและกังวลว่าเมื่อไหร่จะออกไปได้  เวลาตอนนี้ก็ค่ำแล้วจะไปทันเวลาที่นัดกะ Hostel มั้ย   เพื่อนผู้นำฝูงทริปก็เลยเดินปรี่ไปหา จนท. ในสนามบินที่เป็นคุณปู่ท่าทางใจดี จนได้ความว่าให้ไปที่ terminal 2 แล้วออกไปขึ้น MRT  
>>>พอถึงทางเข้า MRT เราก็ต้องซื้อบัตร EZ-Link เพื่อเป็นตั๋วสำหรับการเดินทางตลอดทริปนี้ จ่ายไป 12 SGD แต่ใช้ได้ 7 SGD ที่เหลือคือค่าบัตร   แค่แตะบัตรที่แผงกั้นก็สามารถเข้าอาณาจักรใต้ดินได้ ณ บัดดล  ......พวกเราก็ตื่นเต้นกันใหญ่ หอบข้าวของพะรุงพะรังขึ้น MRT อย่างมีความหวัง หวังว่าจะได้นั่ง....แต่ความฝันสลายค่ะ  คนเยอะมาก  ยืนเบียดเสียดยัดเยียดดั่งปลากระป๋อง แต่ดีอย่างหนึ่งคือกลิ่นดี ไม่เปรี้ยวจนทำให้เป็นลม  และด้วยความที่กระเป๋าก็หนัก ข้าวก็หิว แล้วดันมาอยู่แถวรอยต่อระหว่างขบวนอีก  เวลา MRT มันแล่นทีนึกว่าแผ่นดินไหว มันโยกได้อีก  ลำพังแค่ยืนเฉยๆบน MRT ว่าลำบากแล้ว  เจอการโยกของขบวนไปนี่ลำบากไปอีก  ....ขึ้นไปซักพักก็มีที่นั่งได้นั่งพัก คุณพระ!! น้ำตาแทบไหล
>>> ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ป้ายบอกทางหรือภาษาอังกฤษเยอะๆก็ไม่มีสติที่จะอ่านมัน  จึงเกิดเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น  นั่นคือการขึ้น MRT หลงป้าย นั่นเอง  เพราะทางHostel เค้ากลัวเราไปไม่เป็นเลยส่ง Direction ที่บรรยายภาษาอังกฤษละเอียดยิบมาให้  ส่วนเราก็ไม่ไหวจะอ่านหมด  เลยอ่านคร่าวๆ แบบบรรทัดต่อบรรทัดไป  ไม่ยอมอ่านให้จบ  เลยทำให้ขึ้น MRT ผิด  ไปโผล่อีกทีก็สุดสายคนละทิศกับที่จะไป  แล้วเวลาก็มืดค่ำแล้ว  ก็พากันใจเสียกันใหญ่  พอได้สติก็ค่อยๆอ่านแผนที่ใหม่ แล้วที่สุดก็ไปจนถูก  แต่มันไม่จบแค่นั้น  ระหว่างที่เราเริงร่า เจอที่ติ๊ดออก MRT  เอาบัตรเอื้อมไปแตะเพื่อติ๊ดออก  อยู่ดีๆแผงกั้นก็ไม่เปิดซะงั้น  ตายแล้ว..ทำไงเนี่ย  เพิ่งใช้บัตรไปแค่รอบเดียว ทำไมมันใช้ไม่ได้ล่ะทีนี้  จึงเดินไปแจ้งกับเคาท์เตอร์ MRT แถวนั้น ก็ได้ความว่า ยูอยู่ใน MRT นานเกินไป มันเลยไม่ให้ออก จะออกได้ต้องโดนปรับ 2 SGD แล้วก็โดนปรับไปตามระเบียบ แลกกับอิสรภาพได้ออกจากแผงกั้น  เหนื่อยมาก เหนื่อยที่สุด  ........แต่มันยังไม่จบเท่านี้เราต้องเดินแบกเป้คนละ 7-8 โล เดินอีกกิโลกว่า ไปขึ้นสะพานลอย ( แต่ดีที่สะพานลอยเค้าเป็นบันไดเลื่อนช่วยทุ่นแรงได้เยอะ)  และด่านพิสูจน์ความอึดและถึกสุดท้ายของวันนี้คือการเดินขึ้นบันได 4 ชั้นเพื่อได้อยู่ที่กินที่นอนที่เราจองไว้......และเราก็ทำได้ กด Bell ติ๊งหนอด!!! ก็มีคนมารับที่ประตู

>>>>ประสบการณ์วันแรกสอนให้รู้ว่า  1.ตั้งสติก่อนสตาร์ต!!! จะได้ไม่หลงเนาะ
2.  เคยมีความคิดที่ว่าอยากนั่ง MRT เล่นๆ เดี๋ยวแวะสถานีนั้น นั่งรถคร่าเวลาไปสถานีโน้นในสิงคโปร์ แล้วค่อยออกรอบเดียวกำไรจะตาย!!  ก็ได้รู้แล้วแหล่ะว่าความคิดนี้ผิดมหันต์เมื่อโดนปรับค่าอยู่นาน 2 SGD จากการหลงใน MRT
3.  อยากกินหรือหิวอะไรก็กินก่อนเข้าสนามบิน
ชื่อสินค้า:   แบ็คแพ็ค singapore
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่