บันทึกเรื่องเล่าการบาดเจ็บ (ตะปูตำเท้า) ภาค 2

สำหรับท่านใดที่ยังไม่ได้อ่านภาค 1 สามารถติดตามอ่านได้จาก link นี้เลยนะครับ
http://pantip.com/topic/33826510
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"บทสนทนาระหว่าง นพ.อ.อ่าง กับ คุณแม่ และข้าพเจ้า"

นพ.อ.อ่าง:    เป็นแผลตรงไหนเหรอ
ข้าพเจ้า        :    ที่ส้นเท้าข้างซ้ายครับโดนตะปูแทงที่ส้น
นพ.อ.อ่าง    :    ตะปู ?  (แสดงน้ำเสียงตกใจและสงสัย)
ข้าพเจ้า        :    ครับ
แม่        :    ตะปูแทงไม่ถึงกับลึกมาก  เมื่อวันที่ 24 ตุลา หมอก็รักษา  จนเนื้อค่อยๆ ไหม้ดำไปหมด  นี่ประมาณ  10 วันแล้วจึงขึ้นขอบสีดำ
นพ.อ.อ่าง:    เดินลงน้ำหนักไม่ได้เลยใช่มั๊ย?
ข้าพเจ้า        :    คือลงได้แต่ลงได้ไม่เต็มเท้าครับต้องเดินเขย่ง
นพ.อ.อ่าง    :    คือมันเป็นลักษณะของการติดเชื้ออ่านะ  ไม่ใช่เชื้อบาดทะยัก  แต่เป็นเชื้อแบคทีเรีย
แม่        :    ตอนที่เริ่มแข็งก็ถามหมอ  หมอคนหล่อๆ ชื่ออะไรนะน้องเอก (แม่จำชื่อหมอไม่ได้)
ข้าพเจ้า        :    หมอสน
แม่        :    ก็ถามหมอ  หมอก็บอกว่าไม่เป็นไร  เดี๋ยวก็หาย  พอวันรุ่งขึ้นมันก็ยังแข็งเหมือนเดิม  หมอก็แต่งแผลให้นิดๆ หน่อยๆ  แล้วแผลมันก็ดำขึ้น
เรื่อยๆ   จากนั้นแผลก็ดำขึ้น  จะถ่ายรูปไว้ดูเป็นระยะ ๆก็จะมีภาพไล่ลำดับมาเรื่อยๆ ตอนแรกก็ไม่ได้ถ่าย  เพราะไม่นึกว่าจะเกิดเหตุ
นพ.อ.อ่าง    :    เจ็บเหรอครับ ?  (ตอนนี้หมอเปิดดูแผล)
ข้าพเจ้า        :    ไม่รู้สึกเจ็บตรงที่เป็นสีดำเลย
นพ.อ.อ่าง    :    น่าจะต้องเลาะออกน่ะ  ตะปูตำลึกมั๊ย?
แม่        :    ไม่ลึกค่ะ  มันเป็นตะปูที่อยู่บนกระดาน  แต่ว่าตะปูขึ้นสนิม  แล้วก็ไปเช็ดกระจก  แล้วก็บังเอิญว่าเดินไปเหยียบพอรู้สึกตัวก็รีบกระตุกเท้าขึ้น ไม่ได้กระโดดลงไปโดนตะปูเลยค่ะ  แล้วตะปูก็ทะลุรองเท้าด้วย
นพ.อ.อ่าง    :    มันไม่ใช่เชื้อบาดทะยักนะแต่เป็นเชื้อตัวอื่นที่ติดมากับตะปู
แม่        :    แล้วเห็นรูปร่างลักษณะแผลแล้วทำไมเค้าไม่สงสัยบ้างว่าแผลติดเชื้อ ปล่อยให้มันเป็นแผลดำ  เวลาล้างแผลก็ใช้เบตาดีนอยู่เรื่อยๆ  ใช้ตลอดเลย  จนถึงเมื่อวันเสาร์พยาบาลคนหนึ่งก็มาบอกว่าแห้งแล้ว  ไม่ต้องล้างแล้ว
นพ.อ.อ่าง    :    เดี๋ยวเอาอย่างนี้นะ  คงต้องให้หมอผ่าตัดเค้าช่วยดูแผลให้นะว่าจะทำยังไงได้
แม่        :    ถ้าเราละเลยก็ว่าไปอย่าง  มาหาหมอทุกวัน
ข้าพเจ้า        :    เขาจำหน้าได้จะทั้งโรงพยาบาลอยู่แล้ว
นพ.อ.อ่าง    :    คุณหมอสนดูเมื่อวันไหน
ข้าพเจ้า        :    น่าจะวันที่ 3 แต่จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน
นพ.อ.อ่าง    :    ในนี้เขียนว่าวันที่ 3 พ.ย. น่ะ
ข้าพเจ้า        :    น่าจะประมาณนั้นครับ
แม่        :    แต่วันนั้นเนื้อยังไม่ทันดำ
ข้าพเจ้า        :    มันเป็นแบบเนื้อขาวๆ  ซีดๆ  อยู่
แม่        :    วันที่ 3 ขอบยังไม่ดำ  แต่วันที่ 4  เริ่มเป็นขอบสีดำๆ แล้ว
นพ.อ.อ่าง    :    วันนี้หมอศัลยกรรมคนไหนอยู่เหรอ(ถามผู้ช่วยพยาบาล)
ผู้ช่วยพยาบาล    :    หมอกิต (นามสมมติ) ค่ะ
แม่        :    หมอนัดแล้วก็หมอไม่มาคะ  แล้วก็เลื่อนนัดมาเป็นวันอังคาร  ก็รู้สึกว่ายิ่งช้าไปเรื่อยไม่รู้อะไร  ก็เลยมาวันนี้
นพ.อ.อ่าง    :    วันเสาร์หมอไม่อยู่เหรอ ?
แม่        :    คือมาแล้วไม่เจอหมอ
นพ.อ.อ่าง    :    มาตอนกี่โมง
ข้าพเจ้า        :    มาตอนสี่โมง  ในนี้หมอเค้าเขียนนัดไว้ว่าสี่โมงถึงห้าโมง
นพ.อ.อ่าง    :    เดี๋ยวหมอจะส่งให้หมอศัลยกรรมเขาดูนิดหนึ่งก่อนนะ  น่าจะต้องผ่าตัดออกล่ะนะ
แม่        :    ที่ติดใจก็คือทำไมเขาละเลยได้ขนาดนี้ทั้งๆ  ที่เรามาตลอด  จนกระทั่งหมอซันก็ได้ดูอีกครั้งหนึ่ง
นพ.อ.อ่าง    :    หมอซันดูเมื่อไหร่เหรอ ?
ข้าพเจ้า        :    ดูเมื่อไม่กี่วัน  แล้วก็เขียนใบนัดให้พบกับหมอศัลยกรรม
นพ.อ.อ่าง    :    ในนี้เขียนไว้ว่าหมอดูเมื่อวันที่ 14  เป็น  Dry gangrene  คือปกติการ
รักษา  Dry gangrene ต้องรอให้มันเป็นขอบชัดแบบนี้ล่ะนะ
แม่        :    จึงจะรักษาได้ ?
นพ.อ.อ่าง    :    จึงจะผ่าตัด
ข้าพเจ้า        :    Dry gangrene คืออะไร
นพ.อ.อ่าง:    Dry gangrene คือการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง  ถ้าติดเชื้อรุนแรงก็คือจะเป็นหนอง แต่นี่มันจะแห้ง  แล้วโดยทั่วไปมันจะหลุดได้เอง  แต่ Dry gangrene  มักพบที่ปลายนิ้ว
แม่        :    สาเหตุการติดเชื้อน่าจะมาจากอะไรคะหมอ
นพ.อ.อ่าง    :    ก็มาจากตะปูน่ะ
แม่        :    แสดงว่าตอนที่กรีดแผลทำไม่เกลี้ยงหรือว่ายังไง
นพ.อ.อ่าง    :    มันเกลี้ยงไม่ได้
แม่        :    เราก็กังวล  แต่พอถามหมอ  ก็จะตอบว่าไม่เป็นไร  ใจเย็นๆ  เดี๋ยวก็หาย
ข้าพเจ้า        :    มันก็ค่อยๆ  ลอกขึ้นมาเรื่อยๆ  
นพ.อ.อ่าง    :    ก็มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ  แต่ว่าคนไข้ก็น่ากลัวอยู่นะ  ก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่ามันเป็นแผลที่ไม่ธรรมดา  เพราะว่าธรรมดาจะไม่เป็นอย่างนี้นะ  
โดยทั่วๆ ไปจะเป็นหนองเสียมากกว่านะ  แผลที่โดนตะปูตำโดยทั่วไปจะไปตามแนวลึก  แต่นี้มันเป็นแนวกว้าง  แต่ไม่ลึก  ซึ่งแผลแบบนี้มันดีกว่า  รอแปบหนึ่งนะ  เดี๋ยวหมอจะติดต่อหมอศัลฯ ให้ ถ้าติดต่อได้ก็จะให้เขาดูให้เลยนะ แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องขอเป็นพรุ่งนี้
ข้าพเจ้า        :    ถ้าเป็นไปได้อยากได้วันนี้เลย
นพ.อ.อ่าง    :    ยังไงเดี๋ยวหมอจะแจ้งอีกทีนะ
ผู้ช่วยพยาบาล    :    เชิญรอด้านหน้าเลยคะ

ข้าพเจ้ากับคุณแม่ก็ออกไปรอที่ด้านนอกห้องตรวจ  พร้อมกับความรู้สึกวิตกกังวลพอสมควร  ว่าจะรักษายังไงต่อไป  ถ้าต้องผ่าตัด  เมื่อผ่าตัดแล้วแผลจะเป็นยังไงบ้าง  เมื่อรอได้ซักพักก็มีผู้ช่วยพยาบาลเรียกให้เข้าไปพบ  นพ.อ.อ่าง อีกครั้ง  และข้อความต่อไปนี้ก็เป็นการสนทนาระหว่างข้าพเจ้า  นพ.อ.อ่าง  และคุณแม่

นพ.อ.อ่าง    :    คุยกับหมอผ่าตัดแล้ว  คงต้องผ่า  หมอว่าจะให้นอนเลยนะ เดี๋ยวตอนเย็นน่าจะได้ทำ  มีโรคประจำตัวอะไรบ้างมั๊ย
ข้าพเจ้า        :    ภูมิแพ้อากาศอย่างเดียวครับ
นพ.อ.อ่าง:    ไม่น่าจะเกี่ยว  ในคนปกติเป็นได้นะ  ภูมิต้านทานปกติเป็นได้ เดี๋ยวหมอคงต้องเช็คดูนะว่าจะมีโรคอะไรซ่อนอยู่บ้างรึเปล่า
แม่        :    ที่ยังไม่เจอใช่มั๊ยคะ
นพ.อ.อ่าง:    ต้องบอกตามตรงนะ  เช่น  โรคเอดส์
ข้าพเจ้า        :    เป็นได้ไง  ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใครเลย
นพ.อ.อ่าง    :    ไม่มีใช่มั๊ย
ข้าพเจ้า        :    ไม่มี
นพ.อ.อ่าง    :    โอกาสจะเป็นน้อยมากนะ  แต่หมอต้องไม่เชื่อไว้ก่อน  เข้าใจมั๊ย  คือคุณเองก็ปลอดภัยด้วย  แม่ก็จะได้สบายใจด้วย  เช็คไว้จะดีกว่านะ ไม่รู้สิ  เผื่อบังเอิญไปเจอเข็มตำอะไรที่ไหน  ตะปูยังตำได้เลย  เผื่อวัยรุ่นขี้ยาใช้แล้วเราไปตำโดยที่ไม่รู้ตัว  มันก็เป็นไปได้นะ  ถ้าเกิดว่าเรายังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใคร  งั้นหมอขอเช็คเลยนะ  
ข้าพเจ้า        :    ต้องเจาะเลือดตอนนี้เลยใช่มั๊ย
นพ.อ.อ่าง    :    เดี๋ยวจะให้นอนโรงพยาบาลแล้วเจาะเลือดนะ  ต้องงดอาหาร  แล้วก็ให้น้ำเกลือ  เจาะเลือดแล้วก็ให้น้ำเกลือทีเดียวเลย
ข้าพเจ้า        :    นี่ต้องเป็นผู้ป่วยในเลยเหรอ
นพ.อ.อ่าง    :    มีประกันด้วยใช่มั๊ย
แม่        :    มีค่ะ
แม่        :    เป็นผู้ป่วยในเลยเหรอ  ไม่ได้เตรียมตัวเลยใช่มั๊ย
ข้าพเจ้า        :    ไม่นึกว่าจะได้เป็นผู้ป่วยใน
แม่        :    นี่โชคดีที่มหาลัยยังปิดอยู่นะลูก
ข้าพเจ้า        :    อืม
แม่        :    แผลลักษณะนี้ถ้าผ่าตัดแบบนี้นานมั๊ยคะ
นพ.อ.อ่าง    :    ตื้นนะ  เท่าที่ดู  แต่ยังไงๆ พอผ่าแล้วนะ  แผลน่ะ  มันก็ต้องใช้เวลาอยู่ดี
นพ.อ.อ่าง    :    เมื่อกี้มันมีขาวๆ อยู่ตรงด้านไหนนะ
แม่        :    ขาวๆ คือ ?
ข้าพเจ้า        :    ที่เนื้อลอกตรงนี้  
นพ.อ.อ่าง    :    ทำไมมันลอกอ่ะ?
แม่        :    ก็สงสัยอยู่
ข้าพเจ้า        :    มันพองน้ำเข้าด้วยตรงนี้  งงกับมัน
นพ.อ.อ่าง    :    ก็นานๆ นะ  ที่จะเจอแบบนี้
แม่        :    เอก (นามสกุล)  ทีหลังอย่ากลัวอะไรนะ  พอกลัวแล้วมันจะเป็น
ข้าพเจ้า        :    จริง
นพ.อ.อ่าง    :    กลัวอะไร ?
แม่        :    กลัวแบบว่ากลัวตะปูตำเท้า  เอ่อนี่คือแผลที่ถ่ายเมื่อกี้คะ  (เปิดกล้องให้หมอดูรูปแผล)
นพ.อ.อ่าง    :    ถ่ายเมื่อกี้ ?
แม่        :    ถ่ายเมื่อกี้ค่ะ
นพ.อ.อ่าง    :    ไม่เป็นไร  ตรงนี้มันยังอยู่ในโซนของเนื้อตายอยู่น่ะ  ที่มันเห็นขาวๆ  คือโซนเนื้อดีเวลาผ่าก็ต้องรื้อไปถึงโซนเนื้อดี
แม่        :    แล้วเนื้อใหม่ก็จะงอกมาเต็มเหมือนเดิม
นพ.อ.อ่าง    :    แน่นอน  
ข้าพเจ้า        :    ใช้เวลาประมาณเดือนหนึ่งได้มั๊ย
นพ.อ.อ่าง    :    น่าจะไม่ถึงนะครับ
นพ.อ.อ่าง:    ปวดตามข้อ  อะไรแบบนี้  มีบ้างมั๊ย
ข้าพเจ้า        :    ไม่ปวดเลยครับ
นพ.อ.อ่าง    :    แพ้แสงหละ  มีบ้างมั๊ย
ข้าพเจ้า        :    ไม่มีครับ  แพ้อย่างเดียวคือแพ้เหงื่อเวลาเหงื่อออกมาก ๆ  จะเป็นผื่น
นพ.อ.อ่าง    :    หอบ  หืด  ลมชัก  มีบ้างมั๊ย
ข้าพเจ้า        :    ไม่มีครับ
นพ.อ.อ่าง    :    ไม่มีแพ้ยาอะไรใช่มั๊ย
ข้าพเจ้า        :    แพ้ Penicillin  อย่างเดียวครับ  ซึ่งก็ได้บอกพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่มารักษาที่นี่แล้ว
แม่        :    อาการที่แพ้เนี้ย  เราก็ไม่ได้ทดสอบด้วยวิธีอื่น  แต่ตอนที่เอกไม่สบายตอนเล็กๆ  แล้วพาไปรักษาที่โรงพยาบาลซึ่งก็ได้ให้ยาที่เป็น Penicillin แล้วก็กินติดต่อกัน  แล้วก็เป็นผื่นตามตัว  หลังจากนั้นก็ไม่ได้ใช้ยาตัวนี้อีกเลยค่ะ
นพ.อ.อ่าง    :    ไม่ได้กินยาตัวนี้เลย  เพราะคิดว่าแพ้ตลอด
แม่        :    เพราะคิดว่าแพ้จากอาการนั้น
นพ.อ.อ่าง    :    มันเป็นจังหวะพอดีแหละนะ  เพราะว่ามันเริ่มเป็นขอบปรากฎชัดนะ  ซึ่งปกติพวก  Dry Gangrene  ต้องรอให้เห็นขอบแบบนี้ล่ะนะ  จึงจะ
ทำอะไรได้  แต่ถ้ายังไม่ขึ้นขอบชัดมันจะไม่จบไม่สิ้น  เอ่อ อาจจะไม่มีห้องนะ  แต่ยังไงหมอก็จะหาห้องให้นะ

เมื่อข้าพเจ้าต้องนอนโรงพยาบาล  ก็ได้เกิดความรู้สึกงงและตกใจมาก  เนื่องจากชีวิตนี้ยังไม่เคยนอนโรงพยาบาลมาก่อนเลย  ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกทำใจไม่ได้  ปรับตัวไม่ทันเพราะคิดว่าแผลถูกตะปูตำเท้า แต่มันบานปลายกลายเป็นแผลติดเชื้อ  ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อทำการผ่าตัดเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว
ในการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล  ได้ใช้สิทธิประกันชีวิตของ ING  ในการรักษา  โดยก่อนเข้าพักในโรงพยาบาลก็ต้องมีการเซ็นเอกสารรับรองสำเนาบัตรประกันชีวิต  สำเนาบัตรประชาชน  และสำเนาต่างๆ

>>>> ไว้มาติดตามเรื่องราวกันต่อในภาค 3 นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่