สำหรับท่านใดที่ยังไม่ได้อ่านภาค 1 สามารถติดตามอ่านได้จาก link นี้เลยนะครับ
http://pantip.com/topic/33826510
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"บทสนทนาระหว่าง นพ.อ.อ่าง กับ คุณแม่ และข้าพเจ้า"
นพ.อ.อ่าง: เป็นแผลตรงไหนเหรอ
ข้าพเจ้า : ที่ส้นเท้าข้างซ้ายครับโดนตะปูแทงที่ส้น
นพ.อ.อ่าง : ตะปู ? (แสดงน้ำเสียงตกใจและสงสัย)
ข้าพเจ้า : ครับ
แม่ : ตะปูแทงไม่ถึงกับลึกมาก เมื่อวันที่ 24 ตุลา หมอก็รักษา จนเนื้อค่อยๆ ไหม้ดำไปหมด นี่ประมาณ 10 วันแล้วจึงขึ้นขอบสีดำ
นพ.อ.อ่าง: เดินลงน้ำหนักไม่ได้เลยใช่มั๊ย?
ข้าพเจ้า : คือลงได้แต่ลงได้ไม่เต็มเท้าครับต้องเดินเขย่ง
นพ.อ.อ่าง : คือมันเป็นลักษณะของการติดเชื้ออ่านะ ไม่ใช่เชื้อบาดทะยัก แต่เป็นเชื้อแบคทีเรีย
แม่ : ตอนที่เริ่มแข็งก็ถามหมอ หมอคนหล่อๆ ชื่ออะไรนะน้องเอก (แม่จำชื่อหมอไม่ได้)
ข้าพเจ้า : หมอสน
แม่ : ก็ถามหมอ หมอก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย พอวันรุ่งขึ้นมันก็ยังแข็งเหมือนเดิม หมอก็แต่งแผลให้นิดๆ หน่อยๆ แล้วแผลมันก็ดำขึ้น
เรื่อยๆ จากนั้นแผลก็ดำขึ้น จะถ่ายรูปไว้ดูเป็นระยะ ๆก็จะมีภาพไล่ลำดับมาเรื่อยๆ ตอนแรกก็ไม่ได้ถ่าย เพราะไม่นึกว่าจะเกิดเหตุ
นพ.อ.อ่าง : เจ็บเหรอครับ ? (ตอนนี้หมอเปิดดูแผล)
ข้าพเจ้า : ไม่รู้สึกเจ็บตรงที่เป็นสีดำเลย
นพ.อ.อ่าง : น่าจะต้องเลาะออกน่ะ ตะปูตำลึกมั๊ย?
แม่ : ไม่ลึกค่ะ มันเป็นตะปูที่อยู่บนกระดาน แต่ว่าตะปูขึ้นสนิม แล้วก็ไปเช็ดกระจก แล้วก็บังเอิญว่าเดินไปเหยียบพอรู้สึกตัวก็รีบกระตุกเท้าขึ้น ไม่ได้กระโดดลงไปโดนตะปูเลยค่ะ แล้วตะปูก็ทะลุรองเท้าด้วย
นพ.อ.อ่าง : มันไม่ใช่เชื้อบาดทะยักนะแต่เป็นเชื้อตัวอื่นที่ติดมากับตะปู
แม่ : แล้วเห็นรูปร่างลักษณะแผลแล้วทำไมเค้าไม่สงสัยบ้างว่าแผลติดเชื้อ ปล่อยให้มันเป็นแผลดำ เวลาล้างแผลก็ใช้เบตาดีนอยู่เรื่อยๆ ใช้ตลอดเลย จนถึงเมื่อวันเสาร์พยาบาลคนหนึ่งก็มาบอกว่าแห้งแล้ว ไม่ต้องล้างแล้ว
นพ.อ.อ่าง : เดี๋ยวเอาอย่างนี้นะ คงต้องให้หมอผ่าตัดเค้าช่วยดูแผลให้นะว่าจะทำยังไงได้
แม่ : ถ้าเราละเลยก็ว่าไปอย่าง มาหาหมอทุกวัน
ข้าพเจ้า : เขาจำหน้าได้จะทั้งโรงพยาบาลอยู่แล้ว
นพ.อ.อ่าง : คุณหมอสนดูเมื่อวันไหน
ข้าพเจ้า : น่าจะวันที่ 3 แต่จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน
นพ.อ.อ่าง : ในนี้เขียนว่าวันที่ 3 พ.ย. น่ะ
ข้าพเจ้า : น่าจะประมาณนั้นครับ
แม่ : แต่วันนั้นเนื้อยังไม่ทันดำ
ข้าพเจ้า : มันเป็นแบบเนื้อขาวๆ ซีดๆ อยู่
แม่ : วันที่ 3 ขอบยังไม่ดำ แต่วันที่ 4 เริ่มเป็นขอบสีดำๆ แล้ว
นพ.อ.อ่าง : วันนี้หมอศัลยกรรมคนไหนอยู่เหรอ(ถามผู้ช่วยพยาบาล)
ผู้ช่วยพยาบาล : หมอกิต (นามสมมติ) ค่ะ
แม่ : หมอนัดแล้วก็หมอไม่มาคะ แล้วก็เลื่อนนัดมาเป็นวันอังคาร ก็รู้สึกว่ายิ่งช้าไปเรื่อยไม่รู้อะไร ก็เลยมาวันนี้
นพ.อ.อ่าง : วันเสาร์หมอไม่อยู่เหรอ ?
แม่ : คือมาแล้วไม่เจอหมอ
นพ.อ.อ่าง : มาตอนกี่โมง
ข้าพเจ้า : มาตอนสี่โมง ในนี้หมอเค้าเขียนนัดไว้ว่าสี่โมงถึงห้าโมง
นพ.อ.อ่าง : เดี๋ยวหมอจะส่งให้หมอศัลยกรรมเขาดูนิดหนึ่งก่อนนะ น่าจะต้องผ่าตัดออกล่ะนะ
แม่ : ที่ติดใจก็คือทำไมเขาละเลยได้ขนาดนี้ทั้งๆ ที่เรามาตลอด จนกระทั่งหมอซันก็ได้ดูอีกครั้งหนึ่ง
นพ.อ.อ่าง : หมอซันดูเมื่อไหร่เหรอ ?
ข้าพเจ้า : ดูเมื่อไม่กี่วัน แล้วก็เขียนใบนัดให้พบกับหมอศัลยกรรม
นพ.อ.อ่าง : ในนี้เขียนไว้ว่าหมอดูเมื่อวันที่ 14 เป็น Dry gangrene คือปกติการ
รักษา Dry gangrene ต้องรอให้มันเป็นขอบชัดแบบนี้ล่ะนะ
แม่ : จึงจะรักษาได้ ?
นพ.อ.อ่าง : จึงจะผ่าตัด
ข้าพเจ้า : Dry gangrene คืออะไร
นพ.อ.อ่าง: Dry gangrene คือการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง ถ้าติดเชื้อรุนแรงก็คือจะเป็นหนอง แต่นี่มันจะแห้ง แล้วโดยทั่วไปมันจะหลุดได้เอง แต่ Dry gangrene มักพบที่ปลายนิ้ว
แม่ : สาเหตุการติดเชื้อน่าจะมาจากอะไรคะหมอ
นพ.อ.อ่าง : ก็มาจากตะปูน่ะ
แม่ : แสดงว่าตอนที่กรีดแผลทำไม่เกลี้ยงหรือว่ายังไง
นพ.อ.อ่าง : มันเกลี้ยงไม่ได้
แม่ : เราก็กังวล แต่พอถามหมอ ก็จะตอบว่าไม่เป็นไร ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็หาย
ข้าพเจ้า : มันก็ค่อยๆ ลอกขึ้นมาเรื่อยๆ
นพ.อ.อ่าง : ก็มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ว่าคนไข้ก็น่ากลัวอยู่นะ ก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่ามันเป็นแผลที่ไม่ธรรมดา เพราะว่าธรรมดาจะไม่เป็นอย่างนี้นะ
โดยทั่วๆ ไปจะเป็นหนองเสียมากกว่านะ แผลที่โดนตะปูตำโดยทั่วไปจะไปตามแนวลึก แต่นี้มันเป็นแนวกว้าง แต่ไม่ลึก ซึ่งแผลแบบนี้มันดีกว่า รอแปบหนึ่งนะ เดี๋ยวหมอจะติดต่อหมอศัลฯ ให้ ถ้าติดต่อได้ก็จะให้เขาดูให้เลยนะ แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องขอเป็นพรุ่งนี้
ข้าพเจ้า : ถ้าเป็นไปได้อยากได้วันนี้เลย
นพ.อ.อ่าง : ยังไงเดี๋ยวหมอจะแจ้งอีกทีนะ
ผู้ช่วยพยาบาล : เชิญรอด้านหน้าเลยคะ
ข้าพเจ้ากับคุณแม่ก็ออกไปรอที่ด้านนอกห้องตรวจ พร้อมกับความรู้สึกวิตกกังวลพอสมควร ว่าจะรักษายังไงต่อไป ถ้าต้องผ่าตัด เมื่อผ่าตัดแล้วแผลจะเป็นยังไงบ้าง เมื่อรอได้ซักพักก็มีผู้ช่วยพยาบาลเรียกให้เข้าไปพบ นพ.อ.อ่าง อีกครั้ง และข้อความต่อไปนี้ก็เป็นการสนทนาระหว่างข้าพเจ้า นพ.อ.อ่าง และคุณแม่
นพ.อ.อ่าง : คุยกับหมอผ่าตัดแล้ว คงต้องผ่า หมอว่าจะให้นอนเลยนะ เดี๋ยวตอนเย็นน่าจะได้ทำ มีโรคประจำตัวอะไรบ้างมั๊ย
ข้าพเจ้า : ภูมิแพ้อากาศอย่างเดียวครับ
นพ.อ.อ่าง: ไม่น่าจะเกี่ยว ในคนปกติเป็นได้นะ ภูมิต้านทานปกติเป็นได้ เดี๋ยวหมอคงต้องเช็คดูนะว่าจะมีโรคอะไรซ่อนอยู่บ้างรึเปล่า
แม่ : ที่ยังไม่เจอใช่มั๊ยคะ
นพ.อ.อ่าง: ต้องบอกตามตรงนะ เช่น โรคเอดส์
ข้าพเจ้า : เป็นได้ไง ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใครเลย
นพ.อ.อ่าง : ไม่มีใช่มั๊ย
ข้าพเจ้า : ไม่มี
นพ.อ.อ่าง : โอกาสจะเป็นน้อยมากนะ แต่หมอต้องไม่เชื่อไว้ก่อน เข้าใจมั๊ย คือคุณเองก็ปลอดภัยด้วย แม่ก็จะได้สบายใจด้วย เช็คไว้จะดีกว่านะ ไม่รู้สิ เผื่อบังเอิญไปเจอเข็มตำอะไรที่ไหน ตะปูยังตำได้เลย เผื่อวัยรุ่นขี้ยาใช้แล้วเราไปตำโดยที่ไม่รู้ตัว มันก็เป็นไปได้นะ ถ้าเกิดว่าเรายังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใคร งั้นหมอขอเช็คเลยนะ
ข้าพเจ้า : ต้องเจาะเลือดตอนนี้เลยใช่มั๊ย
นพ.อ.อ่าง : เดี๋ยวจะให้นอนโรงพยาบาลแล้วเจาะเลือดนะ ต้องงดอาหาร แล้วก็ให้น้ำเกลือ เจาะเลือดแล้วก็ให้น้ำเกลือทีเดียวเลย
ข้าพเจ้า : นี่ต้องเป็นผู้ป่วยในเลยเหรอ
นพ.อ.อ่าง : มีประกันด้วยใช่มั๊ย
แม่ : มีค่ะ
แม่ : เป็นผู้ป่วยในเลยเหรอ ไม่ได้เตรียมตัวเลยใช่มั๊ย
ข้าพเจ้า : ไม่นึกว่าจะได้เป็นผู้ป่วยใน
แม่ : นี่โชคดีที่มหาลัยยังปิดอยู่นะลูก
ข้าพเจ้า : อืม
แม่ : แผลลักษณะนี้ถ้าผ่าตัดแบบนี้นานมั๊ยคะ
นพ.อ.อ่าง : ตื้นนะ เท่าที่ดู แต่ยังไงๆ พอผ่าแล้วนะ แผลน่ะ มันก็ต้องใช้เวลาอยู่ดี
นพ.อ.อ่าง : เมื่อกี้มันมีขาวๆ อยู่ตรงด้านไหนนะ
แม่ : ขาวๆ คือ ?
ข้าพเจ้า : ที่เนื้อลอกตรงนี้
นพ.อ.อ่าง : ทำไมมันลอกอ่ะ?
แม่ : ก็สงสัยอยู่
ข้าพเจ้า : มันพองน้ำเข้าด้วยตรงนี้ งงกับมัน
นพ.อ.อ่าง : ก็นานๆ นะ ที่จะเจอแบบนี้
แม่ : เอก (นามสกุล) ทีหลังอย่ากลัวอะไรนะ พอกลัวแล้วมันจะเป็น
ข้าพเจ้า : จริง
นพ.อ.อ่าง : กลัวอะไร ?
แม่ : กลัวแบบว่ากลัวตะปูตำเท้า เอ่อนี่คือแผลที่ถ่ายเมื่อกี้คะ (เปิดกล้องให้หมอดูรูปแผล)
นพ.อ.อ่าง : ถ่ายเมื่อกี้ ?
แม่ : ถ่ายเมื่อกี้ค่ะ
นพ.อ.อ่าง : ไม่เป็นไร ตรงนี้มันยังอยู่ในโซนของเนื้อตายอยู่น่ะ ที่มันเห็นขาวๆ คือโซนเนื้อดีเวลาผ่าก็ต้องรื้อไปถึงโซนเนื้อดี
แม่ : แล้วเนื้อใหม่ก็จะงอกมาเต็มเหมือนเดิม
นพ.อ.อ่าง : แน่นอน
ข้าพเจ้า : ใช้เวลาประมาณเดือนหนึ่งได้มั๊ย
นพ.อ.อ่าง : น่าจะไม่ถึงนะครับ
นพ.อ.อ่าง: ปวดตามข้อ อะไรแบบนี้ มีบ้างมั๊ย
ข้าพเจ้า : ไม่ปวดเลยครับ
นพ.อ.อ่าง : แพ้แสงหละ มีบ้างมั๊ย
ข้าพเจ้า : ไม่มีครับ แพ้อย่างเดียวคือแพ้เหงื่อเวลาเหงื่อออกมาก ๆ จะเป็นผื่น
นพ.อ.อ่าง : หอบ หืด ลมชัก มีบ้างมั๊ย
ข้าพเจ้า : ไม่มีครับ
นพ.อ.อ่าง : ไม่มีแพ้ยาอะไรใช่มั๊ย
ข้าพเจ้า : แพ้ Penicillin อย่างเดียวครับ ซึ่งก็ได้บอกพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่มารักษาที่นี่แล้ว
แม่ : อาการที่แพ้เนี้ย เราก็ไม่ได้ทดสอบด้วยวิธีอื่น แต่ตอนที่เอกไม่สบายตอนเล็กๆ แล้วพาไปรักษาที่โรงพยาบาลซึ่งก็ได้ให้ยาที่เป็น Penicillin แล้วก็กินติดต่อกัน แล้วก็เป็นผื่นตามตัว หลังจากนั้นก็ไม่ได้ใช้ยาตัวนี้อีกเลยค่ะ
นพ.อ.อ่าง : ไม่ได้กินยาตัวนี้เลย เพราะคิดว่าแพ้ตลอด
แม่ : เพราะคิดว่าแพ้จากอาการนั้น
นพ.อ.อ่าง : มันเป็นจังหวะพอดีแหละนะ เพราะว่ามันเริ่มเป็นขอบปรากฎชัดนะ ซึ่งปกติพวก Dry Gangrene ต้องรอให้เห็นขอบแบบนี้ล่ะนะ จึงจะ
ทำอะไรได้ แต่ถ้ายังไม่ขึ้นขอบชัดมันจะไม่จบไม่สิ้น เอ่อ อาจจะไม่มีห้องนะ แต่ยังไงหมอก็จะหาห้องให้นะ
เมื่อข้าพเจ้าต้องนอนโรงพยาบาล ก็ได้เกิดความรู้สึกงงและตกใจมาก เนื่องจากชีวิตนี้ยังไม่เคยนอนโรงพยาบาลมาก่อนเลย ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกทำใจไม่ได้ ปรับตัวไม่ทันเพราะคิดว่าแผลถูกตะปูตำเท้า แต่มันบานปลายกลายเป็นแผลติดเชื้อ ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อทำการผ่าตัดเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว
ในการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล ได้ใช้สิทธิประกันชีวิตของ ING ในการรักษา โดยก่อนเข้าพักในโรงพยาบาลก็ต้องมีการเซ็นเอกสารรับรองสำเนาบัตรประกันชีวิต สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาต่างๆ
>>>> ไว้มาติดตามเรื่องราวกันต่อในภาค 3 นะครับ
บันทึกเรื่องเล่าการบาดเจ็บ (ตะปูตำเท้า) ภาค 2
http://pantip.com/topic/33826510
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"บทสนทนาระหว่าง นพ.อ.อ่าง กับ คุณแม่ และข้าพเจ้า"
นพ.อ.อ่าง: เป็นแผลตรงไหนเหรอ
ข้าพเจ้า : ที่ส้นเท้าข้างซ้ายครับโดนตะปูแทงที่ส้น
นพ.อ.อ่าง : ตะปู ? (แสดงน้ำเสียงตกใจและสงสัย)
ข้าพเจ้า : ครับ
แม่ : ตะปูแทงไม่ถึงกับลึกมาก เมื่อวันที่ 24 ตุลา หมอก็รักษา จนเนื้อค่อยๆ ไหม้ดำไปหมด นี่ประมาณ 10 วันแล้วจึงขึ้นขอบสีดำ
นพ.อ.อ่าง: เดินลงน้ำหนักไม่ได้เลยใช่มั๊ย?
ข้าพเจ้า : คือลงได้แต่ลงได้ไม่เต็มเท้าครับต้องเดินเขย่ง
นพ.อ.อ่าง : คือมันเป็นลักษณะของการติดเชื้ออ่านะ ไม่ใช่เชื้อบาดทะยัก แต่เป็นเชื้อแบคทีเรีย
แม่ : ตอนที่เริ่มแข็งก็ถามหมอ หมอคนหล่อๆ ชื่ออะไรนะน้องเอก (แม่จำชื่อหมอไม่ได้)
ข้าพเจ้า : หมอสน
แม่ : ก็ถามหมอ หมอก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย พอวันรุ่งขึ้นมันก็ยังแข็งเหมือนเดิม หมอก็แต่งแผลให้นิดๆ หน่อยๆ แล้วแผลมันก็ดำขึ้น
เรื่อยๆ จากนั้นแผลก็ดำขึ้น จะถ่ายรูปไว้ดูเป็นระยะ ๆก็จะมีภาพไล่ลำดับมาเรื่อยๆ ตอนแรกก็ไม่ได้ถ่าย เพราะไม่นึกว่าจะเกิดเหตุ
นพ.อ.อ่าง : เจ็บเหรอครับ ? (ตอนนี้หมอเปิดดูแผล)
ข้าพเจ้า : ไม่รู้สึกเจ็บตรงที่เป็นสีดำเลย
นพ.อ.อ่าง : น่าจะต้องเลาะออกน่ะ ตะปูตำลึกมั๊ย?
แม่ : ไม่ลึกค่ะ มันเป็นตะปูที่อยู่บนกระดาน แต่ว่าตะปูขึ้นสนิม แล้วก็ไปเช็ดกระจก แล้วก็บังเอิญว่าเดินไปเหยียบพอรู้สึกตัวก็รีบกระตุกเท้าขึ้น ไม่ได้กระโดดลงไปโดนตะปูเลยค่ะ แล้วตะปูก็ทะลุรองเท้าด้วย
นพ.อ.อ่าง : มันไม่ใช่เชื้อบาดทะยักนะแต่เป็นเชื้อตัวอื่นที่ติดมากับตะปู
แม่ : แล้วเห็นรูปร่างลักษณะแผลแล้วทำไมเค้าไม่สงสัยบ้างว่าแผลติดเชื้อ ปล่อยให้มันเป็นแผลดำ เวลาล้างแผลก็ใช้เบตาดีนอยู่เรื่อยๆ ใช้ตลอดเลย จนถึงเมื่อวันเสาร์พยาบาลคนหนึ่งก็มาบอกว่าแห้งแล้ว ไม่ต้องล้างแล้ว
นพ.อ.อ่าง : เดี๋ยวเอาอย่างนี้นะ คงต้องให้หมอผ่าตัดเค้าช่วยดูแผลให้นะว่าจะทำยังไงได้
แม่ : ถ้าเราละเลยก็ว่าไปอย่าง มาหาหมอทุกวัน
ข้าพเจ้า : เขาจำหน้าได้จะทั้งโรงพยาบาลอยู่แล้ว
นพ.อ.อ่าง : คุณหมอสนดูเมื่อวันไหน
ข้าพเจ้า : น่าจะวันที่ 3 แต่จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน
นพ.อ.อ่าง : ในนี้เขียนว่าวันที่ 3 พ.ย. น่ะ
ข้าพเจ้า : น่าจะประมาณนั้นครับ
แม่ : แต่วันนั้นเนื้อยังไม่ทันดำ
ข้าพเจ้า : มันเป็นแบบเนื้อขาวๆ ซีดๆ อยู่
แม่ : วันที่ 3 ขอบยังไม่ดำ แต่วันที่ 4 เริ่มเป็นขอบสีดำๆ แล้ว
นพ.อ.อ่าง : วันนี้หมอศัลยกรรมคนไหนอยู่เหรอ(ถามผู้ช่วยพยาบาล)
ผู้ช่วยพยาบาล : หมอกิต (นามสมมติ) ค่ะ
แม่ : หมอนัดแล้วก็หมอไม่มาคะ แล้วก็เลื่อนนัดมาเป็นวันอังคาร ก็รู้สึกว่ายิ่งช้าไปเรื่อยไม่รู้อะไร ก็เลยมาวันนี้
นพ.อ.อ่าง : วันเสาร์หมอไม่อยู่เหรอ ?
แม่ : คือมาแล้วไม่เจอหมอ
นพ.อ.อ่าง : มาตอนกี่โมง
ข้าพเจ้า : มาตอนสี่โมง ในนี้หมอเค้าเขียนนัดไว้ว่าสี่โมงถึงห้าโมง
นพ.อ.อ่าง : เดี๋ยวหมอจะส่งให้หมอศัลยกรรมเขาดูนิดหนึ่งก่อนนะ น่าจะต้องผ่าตัดออกล่ะนะ
แม่ : ที่ติดใจก็คือทำไมเขาละเลยได้ขนาดนี้ทั้งๆ ที่เรามาตลอด จนกระทั่งหมอซันก็ได้ดูอีกครั้งหนึ่ง
นพ.อ.อ่าง : หมอซันดูเมื่อไหร่เหรอ ?
ข้าพเจ้า : ดูเมื่อไม่กี่วัน แล้วก็เขียนใบนัดให้พบกับหมอศัลยกรรม
นพ.อ.อ่าง : ในนี้เขียนไว้ว่าหมอดูเมื่อวันที่ 14 เป็น Dry gangrene คือปกติการ
รักษา Dry gangrene ต้องรอให้มันเป็นขอบชัดแบบนี้ล่ะนะ
แม่ : จึงจะรักษาได้ ?
นพ.อ.อ่าง : จึงจะผ่าตัด
ข้าพเจ้า : Dry gangrene คืออะไร
นพ.อ.อ่าง: Dry gangrene คือการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง ถ้าติดเชื้อรุนแรงก็คือจะเป็นหนอง แต่นี่มันจะแห้ง แล้วโดยทั่วไปมันจะหลุดได้เอง แต่ Dry gangrene มักพบที่ปลายนิ้ว
แม่ : สาเหตุการติดเชื้อน่าจะมาจากอะไรคะหมอ
นพ.อ.อ่าง : ก็มาจากตะปูน่ะ
แม่ : แสดงว่าตอนที่กรีดแผลทำไม่เกลี้ยงหรือว่ายังไง
นพ.อ.อ่าง : มันเกลี้ยงไม่ได้
แม่ : เราก็กังวล แต่พอถามหมอ ก็จะตอบว่าไม่เป็นไร ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็หาย
ข้าพเจ้า : มันก็ค่อยๆ ลอกขึ้นมาเรื่อยๆ
นพ.อ.อ่าง : ก็มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ว่าคนไข้ก็น่ากลัวอยู่นะ ก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่ามันเป็นแผลที่ไม่ธรรมดา เพราะว่าธรรมดาจะไม่เป็นอย่างนี้นะ
โดยทั่วๆ ไปจะเป็นหนองเสียมากกว่านะ แผลที่โดนตะปูตำโดยทั่วไปจะไปตามแนวลึก แต่นี้มันเป็นแนวกว้าง แต่ไม่ลึก ซึ่งแผลแบบนี้มันดีกว่า รอแปบหนึ่งนะ เดี๋ยวหมอจะติดต่อหมอศัลฯ ให้ ถ้าติดต่อได้ก็จะให้เขาดูให้เลยนะ แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องขอเป็นพรุ่งนี้
ข้าพเจ้า : ถ้าเป็นไปได้อยากได้วันนี้เลย
นพ.อ.อ่าง : ยังไงเดี๋ยวหมอจะแจ้งอีกทีนะ
ผู้ช่วยพยาบาล : เชิญรอด้านหน้าเลยคะ
ข้าพเจ้ากับคุณแม่ก็ออกไปรอที่ด้านนอกห้องตรวจ พร้อมกับความรู้สึกวิตกกังวลพอสมควร ว่าจะรักษายังไงต่อไป ถ้าต้องผ่าตัด เมื่อผ่าตัดแล้วแผลจะเป็นยังไงบ้าง เมื่อรอได้ซักพักก็มีผู้ช่วยพยาบาลเรียกให้เข้าไปพบ นพ.อ.อ่าง อีกครั้ง และข้อความต่อไปนี้ก็เป็นการสนทนาระหว่างข้าพเจ้า นพ.อ.อ่าง และคุณแม่
นพ.อ.อ่าง : คุยกับหมอผ่าตัดแล้ว คงต้องผ่า หมอว่าจะให้นอนเลยนะ เดี๋ยวตอนเย็นน่าจะได้ทำ มีโรคประจำตัวอะไรบ้างมั๊ย
ข้าพเจ้า : ภูมิแพ้อากาศอย่างเดียวครับ
นพ.อ.อ่าง: ไม่น่าจะเกี่ยว ในคนปกติเป็นได้นะ ภูมิต้านทานปกติเป็นได้ เดี๋ยวหมอคงต้องเช็คดูนะว่าจะมีโรคอะไรซ่อนอยู่บ้างรึเปล่า
แม่ : ที่ยังไม่เจอใช่มั๊ยคะ
นพ.อ.อ่าง: ต้องบอกตามตรงนะ เช่น โรคเอดส์
ข้าพเจ้า : เป็นได้ไง ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใครเลย
นพ.อ.อ่าง : ไม่มีใช่มั๊ย
ข้าพเจ้า : ไม่มี
นพ.อ.อ่าง : โอกาสจะเป็นน้อยมากนะ แต่หมอต้องไม่เชื่อไว้ก่อน เข้าใจมั๊ย คือคุณเองก็ปลอดภัยด้วย แม่ก็จะได้สบายใจด้วย เช็คไว้จะดีกว่านะ ไม่รู้สิ เผื่อบังเอิญไปเจอเข็มตำอะไรที่ไหน ตะปูยังตำได้เลย เผื่อวัยรุ่นขี้ยาใช้แล้วเราไปตำโดยที่ไม่รู้ตัว มันก็เป็นไปได้นะ ถ้าเกิดว่าเรายังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใคร งั้นหมอขอเช็คเลยนะ
ข้าพเจ้า : ต้องเจาะเลือดตอนนี้เลยใช่มั๊ย
นพ.อ.อ่าง : เดี๋ยวจะให้นอนโรงพยาบาลแล้วเจาะเลือดนะ ต้องงดอาหาร แล้วก็ให้น้ำเกลือ เจาะเลือดแล้วก็ให้น้ำเกลือทีเดียวเลย
ข้าพเจ้า : นี่ต้องเป็นผู้ป่วยในเลยเหรอ
นพ.อ.อ่าง : มีประกันด้วยใช่มั๊ย
แม่ : มีค่ะ
แม่ : เป็นผู้ป่วยในเลยเหรอ ไม่ได้เตรียมตัวเลยใช่มั๊ย
ข้าพเจ้า : ไม่นึกว่าจะได้เป็นผู้ป่วยใน
แม่ : นี่โชคดีที่มหาลัยยังปิดอยู่นะลูก
ข้าพเจ้า : อืม
แม่ : แผลลักษณะนี้ถ้าผ่าตัดแบบนี้นานมั๊ยคะ
นพ.อ.อ่าง : ตื้นนะ เท่าที่ดู แต่ยังไงๆ พอผ่าแล้วนะ แผลน่ะ มันก็ต้องใช้เวลาอยู่ดี
นพ.อ.อ่าง : เมื่อกี้มันมีขาวๆ อยู่ตรงด้านไหนนะ
แม่ : ขาวๆ คือ ?
ข้าพเจ้า : ที่เนื้อลอกตรงนี้
นพ.อ.อ่าง : ทำไมมันลอกอ่ะ?
แม่ : ก็สงสัยอยู่
ข้าพเจ้า : มันพองน้ำเข้าด้วยตรงนี้ งงกับมัน
นพ.อ.อ่าง : ก็นานๆ นะ ที่จะเจอแบบนี้
แม่ : เอก (นามสกุล) ทีหลังอย่ากลัวอะไรนะ พอกลัวแล้วมันจะเป็น
ข้าพเจ้า : จริง
นพ.อ.อ่าง : กลัวอะไร ?
แม่ : กลัวแบบว่ากลัวตะปูตำเท้า เอ่อนี่คือแผลที่ถ่ายเมื่อกี้คะ (เปิดกล้องให้หมอดูรูปแผล)
นพ.อ.อ่าง : ถ่ายเมื่อกี้ ?
แม่ : ถ่ายเมื่อกี้ค่ะ
นพ.อ.อ่าง : ไม่เป็นไร ตรงนี้มันยังอยู่ในโซนของเนื้อตายอยู่น่ะ ที่มันเห็นขาวๆ คือโซนเนื้อดีเวลาผ่าก็ต้องรื้อไปถึงโซนเนื้อดี
แม่ : แล้วเนื้อใหม่ก็จะงอกมาเต็มเหมือนเดิม
นพ.อ.อ่าง : แน่นอน
ข้าพเจ้า : ใช้เวลาประมาณเดือนหนึ่งได้มั๊ย
นพ.อ.อ่าง : น่าจะไม่ถึงนะครับ
นพ.อ.อ่าง: ปวดตามข้อ อะไรแบบนี้ มีบ้างมั๊ย
ข้าพเจ้า : ไม่ปวดเลยครับ
นพ.อ.อ่าง : แพ้แสงหละ มีบ้างมั๊ย
ข้าพเจ้า : ไม่มีครับ แพ้อย่างเดียวคือแพ้เหงื่อเวลาเหงื่อออกมาก ๆ จะเป็นผื่น
นพ.อ.อ่าง : หอบ หืด ลมชัก มีบ้างมั๊ย
ข้าพเจ้า : ไม่มีครับ
นพ.อ.อ่าง : ไม่มีแพ้ยาอะไรใช่มั๊ย
ข้าพเจ้า : แพ้ Penicillin อย่างเดียวครับ ซึ่งก็ได้บอกพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่มารักษาที่นี่แล้ว
แม่ : อาการที่แพ้เนี้ย เราก็ไม่ได้ทดสอบด้วยวิธีอื่น แต่ตอนที่เอกไม่สบายตอนเล็กๆ แล้วพาไปรักษาที่โรงพยาบาลซึ่งก็ได้ให้ยาที่เป็น Penicillin แล้วก็กินติดต่อกัน แล้วก็เป็นผื่นตามตัว หลังจากนั้นก็ไม่ได้ใช้ยาตัวนี้อีกเลยค่ะ
นพ.อ.อ่าง : ไม่ได้กินยาตัวนี้เลย เพราะคิดว่าแพ้ตลอด
แม่ : เพราะคิดว่าแพ้จากอาการนั้น
นพ.อ.อ่าง : มันเป็นจังหวะพอดีแหละนะ เพราะว่ามันเริ่มเป็นขอบปรากฎชัดนะ ซึ่งปกติพวก Dry Gangrene ต้องรอให้เห็นขอบแบบนี้ล่ะนะ จึงจะ
ทำอะไรได้ แต่ถ้ายังไม่ขึ้นขอบชัดมันจะไม่จบไม่สิ้น เอ่อ อาจจะไม่มีห้องนะ แต่ยังไงหมอก็จะหาห้องให้นะ
เมื่อข้าพเจ้าต้องนอนโรงพยาบาล ก็ได้เกิดความรู้สึกงงและตกใจมาก เนื่องจากชีวิตนี้ยังไม่เคยนอนโรงพยาบาลมาก่อนเลย ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกทำใจไม่ได้ ปรับตัวไม่ทันเพราะคิดว่าแผลถูกตะปูตำเท้า แต่มันบานปลายกลายเป็นแผลติดเชื้อ ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อทำการผ่าตัดเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว
ในการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล ได้ใช้สิทธิประกันชีวิตของ ING ในการรักษา โดยก่อนเข้าพักในโรงพยาบาลก็ต้องมีการเซ็นเอกสารรับรองสำเนาบัตรประกันชีวิต สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาต่างๆ
>>>> ไว้มาติดตามเรื่องราวกันต่อในภาค 3 นะครับ