คนที่นับถือเทวดาเชื่อว่าฝนตกเพราะเทวดาประทานฝนมาให้
จึงตัดไม้ทำลายป่ากันเสียเตียน เพราะคิดว่าไม่เกี่ยวกับการที่ฝนตก
เมื่อฝนแล้งขึ้นมาจึงได้ทำพิธีขอฝนจากเทวดากันอย่างที่โบราณเคยทำกันมา เช่น จุดบั้งไฟ แห่นางแมว แห่ปลัดขิก เป็นต้น
เมื่อบังเอิญไปทำตอนฝนใกล้จะตกแล้วฝนตกขึ้นมา ก็ยิ่งเชื่อว่าเทวดาดลบันดาลฝนมาให้จริง จึงได้มีความเชื่อมั่นสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
แต่พอทำพิธีแล้วฝนไม่ตก ก็โทษว่าตัวเองปฏิบัติไม่ดี หรือทำพิธีไม่ถูกตอง เทวดาจึงไม่ประทานฝนมาให้
เมื่อภัยแล้งมาถึง ก็ยังไม่รู้สึกตัว คงต้องรอให้ภัยพิบัติมาถึง ชนิดที่ไม่มีข้าวจะกิน ไม่มีน้ำจะใช้และอดอยากตายกันมากมายก่อนกระมัง จึงจะตื่นขึ้นมาเข้าใจถึงเหตุผลและความจริงของชีวิตและธรรมชาติ ไม่งมงายเชื่อเรื่องไร้เหตุผลกันอยู่เช่นนี้ รวมทั้งกลับมาสำนึกในพระคุณของป่าไม้ที่ได้ทำลายกันไปจนหมดสิ้นแล้ว
เมื่อไม่รู้เหตุผลตามความเป็นจริง ก็ทำให้ดำเนินชีวิตผิด แล้วก็ต้องได้รับผลจากการดำเนินชีวิตที่ผิดของตนเอง
จึงตัดไม้ทำลายป่ากันเสียเตียน เพราะคิดว่าไม่เกี่ยวกับการที่ฝนตก
เมื่อฝนแล้งขึ้นมาจึงได้ทำพิธีขอฝนจากเทวดากันอย่างที่โบราณเคยทำกันมา เช่น จุดบั้งไฟ แห่นางแมว แห่ปลัดขิก เป็นต้น
เมื่อบังเอิญไปทำตอนฝนใกล้จะตกแล้วฝนตกขึ้นมา ก็ยิ่งเชื่อว่าเทวดาดลบันดาลฝนมาให้จริง จึงได้มีความเชื่อมั่นสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
แต่พอทำพิธีแล้วฝนไม่ตก ก็โทษว่าตัวเองปฏิบัติไม่ดี หรือทำพิธีไม่ถูกตอง เทวดาจึงไม่ประทานฝนมาให้
เมื่อภัยแล้งมาถึง ก็ยังไม่รู้สึกตัว คงต้องรอให้ภัยพิบัติมาถึง ชนิดที่ไม่มีข้าวจะกิน ไม่มีน้ำจะใช้และอดอยากตายกันมากมายก่อนกระมัง จึงจะตื่นขึ้นมาเข้าใจถึงเหตุผลและความจริงของชีวิตและธรรมชาติ ไม่งมงายเชื่อเรื่องไร้เหตุผลกันอยู่เช่นนี้ รวมทั้งกลับมาสำนึกในพระคุณของป่าไม้ที่ได้ทำลายกันไปจนหมดสิ้นแล้ว