สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
คงพูดไม่ได้หรอกว่ามันไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่เชื่อว่าคงเพราะว่าทั้งคาแร็กเตอร์ของตัวศิลปินเองกับตัวแฟนคลับต่างหากที่ทำให้มันดูเป็นผืนน้ำที่เรียบสงบในสายตาคนอื่น สำหรับแฟนที่ตามมาตั้งแต่เดบิวท์ คงเห็นและรู้สึกถึงปัญหามากมายภายในพื้นผิวน้ำที่เรียบสงบนี้
ตอนแรกๆ ชายนี่ก็ไม่ได้ดูรักกันขนาดนี้เลยซักนิดเมื่อเทียบกับวงรุ่นพี่วงอื่น ใช้เวลาหลายปีกว่าแฟนคลับอย่างเราจะรู้สึกว่าน้องรักกันจริงๆ จนถึงตอนนี้ที่กลายเป็นความผูกพันธ์ ไม่ใช่กับแค่สมาชิกในวง แต่กับแฟนๆเองก็เช่นกัน ถ้าตามตั้งแต่แรกจะรู้ว่าเป็นวงที่เว้นระยะห่างกับแฟนคลับไว้พอตัว ด้วยระยะห่างนี้เองมั้งที่ทำให้แฟนด้อมดูสงบสุขดี บวกกับแฟนคลับตั้งแต่แรกส่วนมากที่โตกว่าน้อง วัฒนธรรมในแฟนด้อมมันเลยเป็นความรักแบบอยากให้มากกว่าอยากได้ เป็นความเอ็นดูศิลปิน แถมโพรเทคน้องสุดชีวิต แบบที่ต่อให้รู้เรื่องอะไรมา ก็ไม่ค่อยมีคนพูดกันแชร์กัน อันนี้ชัดมากถ้าได้สัมผัสกับแฟนคลับคนเกาหลี จะรู้ว่าประคบประหงมกันสุดๆ นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่แม้แต่แฟนคลับด้วยกันเองก็ยังไม่รู้ว่ามีดราม่าอะไรบ้าง
ส่วนเรื่องค่าย กับตัวศิลปิน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีปัญหาอะไรเลย เราไม่เคยคิดว่าค่ายปฏิบัติต่อน้องยุติธรรมหรือไม่มากไปกว่าวงไหน แต่คิดว่าที่น้องผ่านทุกอย่างมาได้จนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะตัวน้องเอง เป็นเพราะความตั้งใจของทุกคนในวงนั้นตรงกัน เป็นเพราะทุกคนอดทนและพยามด้วยกันอย่างหนัก มีกี่วงกันที่ จนกระทั่งเข้าปีที่ 7 ของการเป็นไอดอล ยังคงพูดคำว่า พยายาม จะพยาม จะพยามให้ดียิ่งขึ้นอีก จะทำตัวให้ดีขึ้นอีก เหมือนกับคิดอยู่เสมอว่าตัวเองยังดีไม่พอ ในฐานะแฟนคลับฟังแล้วก็เจ็บเบาๆนะ แต่ชายนี่ก็เป็นแบบนี้แหละ ถึงได้รัก
.
.
.
.
เห็นด้วยกับคห.7 เรื่องนี้เรื้อรังมากนานละ เหนื่อยใจแทนน้องมาก ไม่รู้จะช่วยยังไง ปัญหา"หน้าเทา" 5555
ตอนแรกๆ ชายนี่ก็ไม่ได้ดูรักกันขนาดนี้เลยซักนิดเมื่อเทียบกับวงรุ่นพี่วงอื่น ใช้เวลาหลายปีกว่าแฟนคลับอย่างเราจะรู้สึกว่าน้องรักกันจริงๆ จนถึงตอนนี้ที่กลายเป็นความผูกพันธ์ ไม่ใช่กับแค่สมาชิกในวง แต่กับแฟนๆเองก็เช่นกัน ถ้าตามตั้งแต่แรกจะรู้ว่าเป็นวงที่เว้นระยะห่างกับแฟนคลับไว้พอตัว ด้วยระยะห่างนี้เองมั้งที่ทำให้แฟนด้อมดูสงบสุขดี บวกกับแฟนคลับตั้งแต่แรกส่วนมากที่โตกว่าน้อง วัฒนธรรมในแฟนด้อมมันเลยเป็นความรักแบบอยากให้มากกว่าอยากได้ เป็นความเอ็นดูศิลปิน แถมโพรเทคน้องสุดชีวิต แบบที่ต่อให้รู้เรื่องอะไรมา ก็ไม่ค่อยมีคนพูดกันแชร์กัน อันนี้ชัดมากถ้าได้สัมผัสกับแฟนคลับคนเกาหลี จะรู้ว่าประคบประหงมกันสุดๆ นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่แม้แต่แฟนคลับด้วยกันเองก็ยังไม่รู้ว่ามีดราม่าอะไรบ้าง
ส่วนเรื่องค่าย กับตัวศิลปิน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีปัญหาอะไรเลย เราไม่เคยคิดว่าค่ายปฏิบัติต่อน้องยุติธรรมหรือไม่มากไปกว่าวงไหน แต่คิดว่าที่น้องผ่านทุกอย่างมาได้จนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะตัวน้องเอง เป็นเพราะความตั้งใจของทุกคนในวงนั้นตรงกัน เป็นเพราะทุกคนอดทนและพยามด้วยกันอย่างหนัก มีกี่วงกันที่ จนกระทั่งเข้าปีที่ 7 ของการเป็นไอดอล ยังคงพูดคำว่า พยายาม จะพยาม จะพยามให้ดียิ่งขึ้นอีก จะทำตัวให้ดีขึ้นอีก เหมือนกับคิดอยู่เสมอว่าตัวเองยังดีไม่พอ ในฐานะแฟนคลับฟังแล้วก็เจ็บเบาๆนะ แต่ชายนี่ก็เป็นแบบนี้แหละ ถึงได้รัก
.
.
.
.
เห็นด้วยกับคห.7 เรื่องนี้เรื้อรังมากนานละ เหนื่อยใจแทนน้องมาก ไม่รู้จะช่วยยังไง ปัญหา"หน้าเทา" 5555
ความคิดเห็นที่ 3
ผมว่า shinee เป็นวงที่ sm ปฏิบัตต่อวงอย่างยุติธรรมที่สุดแล้วหล่ะครับ แบบเท่าเทียมกันทั้ง 5 คน ใครมีปัญหาสุขภาพก็ให้พัก คนในวงไม่ครบก็ออกmvแค่ 4 คนก็ได้ไม่ต้องรอเพื่อนที่เหลือ ในคอนเมมเบอร์ไม่ครบก็ให้เทรนนี่มาขึ้นแทน อัลบั้มก็ออกสม่ำเสมอ ให้ทำงานวาไรตี้ที่ตัวเองชอบ เปิดโอกาสให้แต่งเพลงเอง เป็นmc เป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ต่างๆ โปรโมทไม่มากไม่น้อยกำลังพอดี ใครมีปัญหาสุขภาพก็ให้พัก ช่วงนั้นก็ปล่อยโซโล่เดี่ยวไปอย่างแทมินเมื่อปีที่แล้วช่วงที่อนยูพักรักษาเส้นเสียง ทุกๆอย่างอยู่ในความพอดีไม่มากไม่น้อยเกินไป ทำให้ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกับค่ายเท่าไหร่ ผมว่าโชคดีทั้งตัวshineeและแฟนคลับเอง (หรือบางทีอาจมีปัญหาบ้าง แต่ก็ไม่หนักเท่าไหร่)
ในขณะที่วงอื่นๆ เริ่มที่รุ่นพี่tvxq ก็มีปัญหาเรื่องผลตอบแทน ค่าแรง ทำงานหนักบลาๆ sjก็มีปัญหาเรื่องการทำงานของฮันเกิงเมมเบอร์ชาวจีนที่มีข้อจำกัดเกินไป และการที่ไม่ได้รับการโปรโมทหรือใส่ใจจากsmเท่าที่ควร snsdเป็นวงนึงที่ดูเหมือนเป็นลูกรักsmแต่ก็มีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตหรือพูดสั้นๆคือถูกตีกรอบด้านความเป็นอิสระในการเลือกเส้นทางตามความถนัดของตัวเอง fxผมว่าเป็นวงที่smปล่อยตามอิสระมากที่สุดใครอยากทำอะไร รับงานไหนก็รับเลยส่งผลถึงปัญหาของซอลลี่ที่ต้องหยุดชะงักไป อีกอย่างคือคัมแบคทุกปีแต่ก็โปรโมทน้อยเกินไป exoวงที่หลายคนบอกเป็นลูกรัก ลูกโอ๋ ใช่ครับคุณคิดถูกแล้ว exoเป็นลูกรักแต่โดยส่วนนึงก็เพราะsmปั้นเทรนนี่วงนี้มานานกว่าใคร เทรนกันมา6-7ปี ลงทุนไปเยอะแล้วหวังผลกำไรสูง และนั้นก็แลกมาด้วยการทำงานที่หนักเกินไป สุขภาพทรุดโทรมๆ มีข้อจำกัดในการรับงาน ส่งผลให้ครอบครัวพ่อเเม่เมมเบอร์จีนพยายามพาลูกหลานตัวเองกลับบ้าน นั่นแหละครับอะไรที่มันมากไปหรือน้อยไปมันก็มีผลออกมาเป็นแบบนี้แหละ
แต่ทำไมแฟนคลับsmก็ยังสนับสนุนวงเหล่านี้ต่อไป สังเกตแคสสิโอเปีย เอลฟ์ โซวอน f(fan) exo-l จะผ่านมากี่ปีก็ยังซัพพอร์ทกันต่อไป(พูดถึงที่ไม่ใช่ติ่งกระแสนะครับ) ทั้งๆที่smทำกับวงเค้าแบบนั้น คำตอบ ก็เพราะ sm อีกนั้นแหละครับ คำว่า'sm family' หลายคนฟังแล้วคงหัวเราะว่ามันเป็นครอบครัวตรงไหน เห็นแฟนคลับในค่ายตีทุกวันในขณะที่ศิลปินเค้าสนิทกันดี นั่นแหละครับไอ้ที่ตีกันนั่นแหละเป็นข้อดีของค่ายนี้ เพราะมันจะทำให้เกิดการแข่งขันกันเอง เกิดห่วงโซ่ความสัมพันธ์ที่สร้างความเเข็งแกร่งให้แฟนคลับแต่ละวงในค่าย พูดง่ายๆคือทุกวงในค่ายจะมีกลุ่มแฟนคลับที่มั่นคงและพร้อมซัพพอร์ท เรียกว่ารักแบบถวายหัวเลย หลายค่ายที่แฟนคลับรักกัน มันจะเป็นลักษณะฉันสนับสนุนทุกวงในค่ายนี้ แต่พอแบ่งย่อยเป็นแค่วงๆเดียว คุณจะไม่สามารถสู้รบปรบมือกับแฟนคลับวงของsmได้ smอาจเป็นค่ายที่แย่ในด้านการดูแลศิลปินแต่เอาจริงๆมีค่ายที่แย่กว่านี้อีกเยอะครับในเกาหลี ผมนับถือคุณอาลีซูมานเพราะสามารถปั้นไอดอลปั้นคนธรรมดา มาฝึกฝนให้มีชื่อเสียง แค่มีพรสวรรค์เล็กน้อยก็พอ ไม่ต้องมาสายศิลปิน ไม่ต้องมีสกิลขั้นเทพอะไร ขอแค่มีความมุมานะและเพียรพยายาม ก็ก้าวไปถึงฝั่งฝันได้ มันเหมือนกับเวลาคุณมีฝันอยากเป็นอะไรสักอย่าง เช่นคุณอยากเป็นหมอ แต่คุณหัวไม่ดีเอาซะเลย วันนึงมีครูคนนึงหยิบยื่นโอกาสให้คุณด้วยการฝึกสอน บอกเทคนิคลัด คุณเองก็ขยันอ่านหนังสือ อดทนพยายาม ท้ายที่สุดคุณก็สอบหมอติด ถึงจะเข้ามาด้วยคะแนนสุดท้ายของคณะแต่คุณก็ทำตามความฝันได้สำเร็จ นี่แหละครับคือโอกาสที่ลีซูมานหยิบยื่นให้ศิลปิน ถ้าsmแย่ขนาดนั้นศิลปินคงฟ้องร้องกันทั้งค่ายแล้วหล่ะครับ คุณจะไม่ได้ยินศิลปินในค่ายขอบคุณอาลีซูมานแทบทุกครั้งที่ได้รางวัล กล่าวขอบคุณสตาฟและทีมงานsmเสมอ คุณคงไม่เห็นเมมเบอร์จีนและตปท.เหลืออยู่ในค่ายแม้แต่คนเดียว คุณคงเทรนนี่ที่มาออดิชั่น ไม่เห็นสตาฟที่มาสมัครงานในsmมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เห็นความเติบโตของบริษัท smมีทรัพยากรคนที่มีคุณภาพเยอะมากครับในบริษัท ดูอย่างคนออกแบบคอนเซปต์exo pathcodeที่ทำเอาฟค.กลายเป็นโคนัน นักออกแบบท่าเต้นเทพๆอย่าง s**tkingz ชิมแจวอนsm performance directorสุดอัฉริยะ และโปรดิวเซอร์นักแต่งเพลงมีฝีมือมากมาย
SM ฝึกเทรนนี่หนัก มีคนถอดใจไปเยอะ สุขภาพร่างกายก็ทรุดลงทุกวัน แต่นั่นมันเป็นหนทางที่คุณเลือกตอนที่มาออดิชั่น คุณเลือกทำตามความฝันสายนี้ ถ้าคุณได้เดบิวต์สิ่งที่ได้รับตอบแทนจากค่ายนี้แน่ๆคือชื่อเสียง และความสำเร็จ แต่คุณต้องถามใจคุณดูว่าคุณยอมแลกอิสระในการใช้ชีวิต แลกเวลาของตัวเองของครอบครัว และสุขภาพกับการทำงานหนัก เพื่อใช้สิ่งนั้นให้ความสุขกับแฟนคลับ ให้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะกับคนอื่นหรือเปล่า ถ้าคุณยอมแรกได้การเลือกมาเป็นศิลปินSMนั่นก็เป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้วหล่ะครับ ผมเองบางทีก็เป็นแฟนคลับที่เห็นแก่ตัว รู้ทั้งรู้ว่าศิลปินจะเหนื่อยแต่ก็ยังอยากเห็นผลงานเห็นเพลงใหม่ๆmvใหม่ๆของวงเมนเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายพวกเค้าเหล่านี้จะเลือกเดินทางไหน จะเป็นศิลปินไปอีกนานเท่าไหร่ ขอแค่ทุกวันนี้มีความสุขกับการได้เป็นแฟนคลับได้ติดตามอยู่อย่างนี้ก็พอ
ปล.แต่ผมว่า sm เป็นค่ายที่ชอบทดลองและปรับปรุงนะ ถ้าตรงไหนที่ไม่ดีเค้าจะพยายามแก้ไข สังเกตตอนนี้ให้อิสระศิลปินในการแต่งเพลงเอง ออกโซโล่มากขึ้น เปลี่ยนแนวคัมแบคอยู่ตลอด ให้อิสระแก่เมมเบอร์จีนมากขึ้น เปิดstudio ห้องอัดเสียง ใครอยากทำงานอะไรก็พยายามส่งไป ก็ได้แต่หวังว่าsmจะเรียนรู้ข้อบกพร่องแล้วไม่ทำซ้ำรอยเดิมอีก ยาวไปหน่อยข้ามๆไปก็ได้ครับเม้นท์ผม เดี๋ยวคงโดนหาว่าอวยอีก ก็อวยจริงแหละครับเพราะผมนับถือลีซูมานมาก เคยคุยกับเพื่อนแล้วไปอ่านความคิดเค้า แล้วรู้สึกศรัทธาที่สร้างศิลปินในkpopจนมีทุกวันนี้ ฟค.ทั่วไปอาจไม่ได้คุ้นเคยกับเค้าเหมือนป๋าหยางหรือลุงผัก ไม่ได้ออกสื่อหรือเห็นหน้าบ่อยเหมือนประธานค่ายคนอื่นๆ ให้สัมภาษณ์ทางสื่อก็น้อยครั้ง แต่กลับเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลมากคนนึงในเกาหลีใต้ ผมว่าเค้าเป็นคนที่มองการไกลและเก่งมากทีเดียว เมื่อเห็นkpopในญี่ปุ่นเริ่มตกต่ำลง หลายๆวงไปโปรโมทที่ยุ่นกันมากขึ้นจนเยอะไปหมด ลีซูมานก็เปลี่ยนมาบุกตลาดจีน บุกเบิกตั้งแต่รุ่น sj-m แล้วมาจริงจังช่วง exo ทำให้ตอนนี้หลายวงก็หันไปบุกตลาดจีนกับเค้าบ้าง หลายค่ายก็เดบิวต์วงจีนกันยกใหญ่ ผมกำลังรอว่าต่อไป sm จะไปบุกตลาดอะไร บางทีอาจเป็นอินเดียหรือพวกอาหรับ? แต่เสียดายที่มีข้อจำกัดทางศาสนาที่เป็นปัญหาอยู่ ส่วนตลาดยุโรปหรืออเมริกาผมว่าอย่าบุกเลยครับ ถ้าไปบุกความเป็นkpopจะหายไปทันที
ในขณะที่วงอื่นๆ เริ่มที่รุ่นพี่tvxq ก็มีปัญหาเรื่องผลตอบแทน ค่าแรง ทำงานหนักบลาๆ sjก็มีปัญหาเรื่องการทำงานของฮันเกิงเมมเบอร์ชาวจีนที่มีข้อจำกัดเกินไป และการที่ไม่ได้รับการโปรโมทหรือใส่ใจจากsmเท่าที่ควร snsdเป็นวงนึงที่ดูเหมือนเป็นลูกรักsmแต่ก็มีข้อจำกัดในการใช้ชีวิตหรือพูดสั้นๆคือถูกตีกรอบด้านความเป็นอิสระในการเลือกเส้นทางตามความถนัดของตัวเอง fxผมว่าเป็นวงที่smปล่อยตามอิสระมากที่สุดใครอยากทำอะไร รับงานไหนก็รับเลยส่งผลถึงปัญหาของซอลลี่ที่ต้องหยุดชะงักไป อีกอย่างคือคัมแบคทุกปีแต่ก็โปรโมทน้อยเกินไป exoวงที่หลายคนบอกเป็นลูกรัก ลูกโอ๋ ใช่ครับคุณคิดถูกแล้ว exoเป็นลูกรักแต่โดยส่วนนึงก็เพราะsmปั้นเทรนนี่วงนี้มานานกว่าใคร เทรนกันมา6-7ปี ลงทุนไปเยอะแล้วหวังผลกำไรสูง และนั้นก็แลกมาด้วยการทำงานที่หนักเกินไป สุขภาพทรุดโทรมๆ มีข้อจำกัดในการรับงาน ส่งผลให้ครอบครัวพ่อเเม่เมมเบอร์จีนพยายามพาลูกหลานตัวเองกลับบ้าน นั่นแหละครับอะไรที่มันมากไปหรือน้อยไปมันก็มีผลออกมาเป็นแบบนี้แหละ
แต่ทำไมแฟนคลับsmก็ยังสนับสนุนวงเหล่านี้ต่อไป สังเกตแคสสิโอเปีย เอลฟ์ โซวอน f(fan) exo-l จะผ่านมากี่ปีก็ยังซัพพอร์ทกันต่อไป(พูดถึงที่ไม่ใช่ติ่งกระแสนะครับ) ทั้งๆที่smทำกับวงเค้าแบบนั้น คำตอบ ก็เพราะ sm อีกนั้นแหละครับ คำว่า'sm family' หลายคนฟังแล้วคงหัวเราะว่ามันเป็นครอบครัวตรงไหน เห็นแฟนคลับในค่ายตีทุกวันในขณะที่ศิลปินเค้าสนิทกันดี นั่นแหละครับไอ้ที่ตีกันนั่นแหละเป็นข้อดีของค่ายนี้ เพราะมันจะทำให้เกิดการแข่งขันกันเอง เกิดห่วงโซ่ความสัมพันธ์ที่สร้างความเเข็งแกร่งให้แฟนคลับแต่ละวงในค่าย พูดง่ายๆคือทุกวงในค่ายจะมีกลุ่มแฟนคลับที่มั่นคงและพร้อมซัพพอร์ท เรียกว่ารักแบบถวายหัวเลย หลายค่ายที่แฟนคลับรักกัน มันจะเป็นลักษณะฉันสนับสนุนทุกวงในค่ายนี้ แต่พอแบ่งย่อยเป็นแค่วงๆเดียว คุณจะไม่สามารถสู้รบปรบมือกับแฟนคลับวงของsmได้ smอาจเป็นค่ายที่แย่ในด้านการดูแลศิลปินแต่เอาจริงๆมีค่ายที่แย่กว่านี้อีกเยอะครับในเกาหลี ผมนับถือคุณอาลีซูมานเพราะสามารถปั้นไอดอลปั้นคนธรรมดา มาฝึกฝนให้มีชื่อเสียง แค่มีพรสวรรค์เล็กน้อยก็พอ ไม่ต้องมาสายศิลปิน ไม่ต้องมีสกิลขั้นเทพอะไร ขอแค่มีความมุมานะและเพียรพยายาม ก็ก้าวไปถึงฝั่งฝันได้ มันเหมือนกับเวลาคุณมีฝันอยากเป็นอะไรสักอย่าง เช่นคุณอยากเป็นหมอ แต่คุณหัวไม่ดีเอาซะเลย วันนึงมีครูคนนึงหยิบยื่นโอกาสให้คุณด้วยการฝึกสอน บอกเทคนิคลัด คุณเองก็ขยันอ่านหนังสือ อดทนพยายาม ท้ายที่สุดคุณก็สอบหมอติด ถึงจะเข้ามาด้วยคะแนนสุดท้ายของคณะแต่คุณก็ทำตามความฝันได้สำเร็จ นี่แหละครับคือโอกาสที่ลีซูมานหยิบยื่นให้ศิลปิน ถ้าsmแย่ขนาดนั้นศิลปินคงฟ้องร้องกันทั้งค่ายแล้วหล่ะครับ คุณจะไม่ได้ยินศิลปินในค่ายขอบคุณอาลีซูมานแทบทุกครั้งที่ได้รางวัล กล่าวขอบคุณสตาฟและทีมงานsmเสมอ คุณคงไม่เห็นเมมเบอร์จีนและตปท.เหลืออยู่ในค่ายแม้แต่คนเดียว คุณคงเทรนนี่ที่มาออดิชั่น ไม่เห็นสตาฟที่มาสมัครงานในsmมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เห็นความเติบโตของบริษัท smมีทรัพยากรคนที่มีคุณภาพเยอะมากครับในบริษัท ดูอย่างคนออกแบบคอนเซปต์exo pathcodeที่ทำเอาฟค.กลายเป็นโคนัน นักออกแบบท่าเต้นเทพๆอย่าง s**tkingz ชิมแจวอนsm performance directorสุดอัฉริยะ และโปรดิวเซอร์นักแต่งเพลงมีฝีมือมากมาย
SM ฝึกเทรนนี่หนัก มีคนถอดใจไปเยอะ สุขภาพร่างกายก็ทรุดลงทุกวัน แต่นั่นมันเป็นหนทางที่คุณเลือกตอนที่มาออดิชั่น คุณเลือกทำตามความฝันสายนี้ ถ้าคุณได้เดบิวต์สิ่งที่ได้รับตอบแทนจากค่ายนี้แน่ๆคือชื่อเสียง และความสำเร็จ แต่คุณต้องถามใจคุณดูว่าคุณยอมแลกอิสระในการใช้ชีวิต แลกเวลาของตัวเองของครอบครัว และสุขภาพกับการทำงานหนัก เพื่อใช้สิ่งนั้นให้ความสุขกับแฟนคลับ ให้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะกับคนอื่นหรือเปล่า ถ้าคุณยอมแรกได้การเลือกมาเป็นศิลปินSMนั่นก็เป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้วหล่ะครับ ผมเองบางทีก็เป็นแฟนคลับที่เห็นแก่ตัว รู้ทั้งรู้ว่าศิลปินจะเหนื่อยแต่ก็ยังอยากเห็นผลงานเห็นเพลงใหม่ๆmvใหม่ๆของวงเมนเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายพวกเค้าเหล่านี้จะเลือกเดินทางไหน จะเป็นศิลปินไปอีกนานเท่าไหร่ ขอแค่ทุกวันนี้มีความสุขกับการได้เป็นแฟนคลับได้ติดตามอยู่อย่างนี้ก็พอ
ปล.แต่ผมว่า sm เป็นค่ายที่ชอบทดลองและปรับปรุงนะ ถ้าตรงไหนที่ไม่ดีเค้าจะพยายามแก้ไข สังเกตตอนนี้ให้อิสระศิลปินในการแต่งเพลงเอง ออกโซโล่มากขึ้น เปลี่ยนแนวคัมแบคอยู่ตลอด ให้อิสระแก่เมมเบอร์จีนมากขึ้น เปิดstudio ห้องอัดเสียง ใครอยากทำงานอะไรก็พยายามส่งไป ก็ได้แต่หวังว่าsmจะเรียนรู้ข้อบกพร่องแล้วไม่ทำซ้ำรอยเดิมอีก ยาวไปหน่อยข้ามๆไปก็ได้ครับเม้นท์ผม เดี๋ยวคงโดนหาว่าอวยอีก ก็อวยจริงแหละครับเพราะผมนับถือลีซูมานมาก เคยคุยกับเพื่อนแล้วไปอ่านความคิดเค้า แล้วรู้สึกศรัทธาที่สร้างศิลปินในkpopจนมีทุกวันนี้ ฟค.ทั่วไปอาจไม่ได้คุ้นเคยกับเค้าเหมือนป๋าหยางหรือลุงผัก ไม่ได้ออกสื่อหรือเห็นหน้าบ่อยเหมือนประธานค่ายคนอื่นๆ ให้สัมภาษณ์ทางสื่อก็น้อยครั้ง แต่กลับเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลมากคนนึงในเกาหลีใต้ ผมว่าเค้าเป็นคนที่มองการไกลและเก่งมากทีเดียว เมื่อเห็นkpopในญี่ปุ่นเริ่มตกต่ำลง หลายๆวงไปโปรโมทที่ยุ่นกันมากขึ้นจนเยอะไปหมด ลีซูมานก็เปลี่ยนมาบุกตลาดจีน บุกเบิกตั้งแต่รุ่น sj-m แล้วมาจริงจังช่วง exo ทำให้ตอนนี้หลายวงก็หันไปบุกตลาดจีนกับเค้าบ้าง หลายค่ายก็เดบิวต์วงจีนกันยกใหญ่ ผมกำลังรอว่าต่อไป sm จะไปบุกตลาดอะไร บางทีอาจเป็นอินเดียหรือพวกอาหรับ? แต่เสียดายที่มีข้อจำกัดทางศาสนาที่เป็นปัญหาอยู่ ส่วนตลาดยุโรปหรืออเมริกาผมว่าอย่าบุกเลยครับ ถ้าไปบุกความเป็นkpopจะหายไปทันที
ความคิดเห็นที่ 9
เรื่องปัญหากับค่ายนี่เราว่าไม่น่าจะมีใครรู้แน่ชัดว่ามีรึเปล่านะคะ
เพราะศิลปินหลายๆคนเราก็ไม่เคยรู้กันมาก่อนว่าพวกเค้ามีปัญหาอะไรกับค่าย จนกระทั่งเรื่องมันตู้มออกมาให้ดราม่ากันนั่นแหละ
แต่สำหรับความเห็นของเรา เราคิดว่าที่ชายนี่ยังอยู่กันครบถ้วน 5 คน เป็นเพราะพวกเค้ายังมีความเห็น และเป้าหมายตรงกันอยู่ค่ะ
คือประมาณว่าทั้ง 5 คนยังมีความกระหายที่จะได้ขึ้นโชว์ ได้ร้องเพลง ได้พบปะกับแฟนเพลงเหมือนๆกันอยู่
สังเกตได้จากหลายๆครั้งในบทสัมภาษณ์ เมมเบอร์จะพูดอยู่เสมอว่าอยากขึ้นแสดง อยากร้องเพลง อยากพัฒนาไปข้างหน้า
แล้วก็ในแฟนแคมต่างๆก็จะไม่ค่อยเห็นแสดงอาการเหนื่อยออกมาให้เห็น เต้นเต็ม ร้องเต็มตลอด ถึงแม้ว่าจะขึ้นโชว์ในงานเล็กๆก็ตาม
ซึ่งอันนี้เราไม่ได้อวยนะคะ เพราะเอาจริงๆศิลปินทุกวงที่ยังอยู่ในวงการก็มีตรงนี้กันทั้งนั้นแหละ
แต่ปัญหาโดยส่วนมากที่ศิลปินบางคนเลือกที่จะออกจากวงมันมักจะเกิดจากความกระหายตรงนี้หายไป
บางคนอยากจะไปเป็นนักแสดง บางคนอาจจะอยากไปทำอาชีพอื่นๆ
หรือบางคนก็ยังมีความต้องการที่จะเป็นศิลปินเนี่ยแหละ แต่อาจจะอยากให้เหนื่อยน้อยลงอีกหน่อย ไม่อยากให้ตารางงานแน่นเหมือนเดิม
หรืออยากทำงานสบายขึ้นและได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วย
ดังนั้นสิ่งที่เค้าต้องการมันเลยไม่เหมือนกับคนอื่นๆในวงหรือต้นสังกัดแล้ว สุดท้ายก็เลยเกิดเป็นปัญหาขึ้นมา
แต่สำหรับชายนี่ตอนนี้พวกเค้ายังรักในเรื่องเดียวกัน และมองไปในทางเดียวกันอยู่ ดังนั้นก็เลยดูไม่มีปัญหาอะไร
ซึ่งเอาจริงๆเราว่าภายในวงเองก็ต้องเคยมีการตบตีทะเลาะกันเรื่องความเห็นบ้างแหละ และทุกๆวงก็คงจะเป็น
แต่ตกลงและเคลียร์กันได้ ปัญหามันเลยไม่เกิด
ส่วนความสัมพันธ์ของคนในวงเราว่ามันก็มีส่วนเหมือนกัน
เพราะชายนี่ไม่เคยพูดว่ารักกันอย่างพี่น้อง ปานจะกลืนกิน หรือพวกเราสัญญาจะอยู่ด้วยกันตลอดไป อะไรทำนองนี้
แต่ส่วนใหญ่จะบอกแนวๆว่า อยากจะให้ทุกคนเดินไปด้วยกัน เป็นชายนี่ด้วยกันไปเรื่อยๆ
เราว่ามันเหมือนแต่ละคนก็หวังว่าเมมเบอร์คนอื่นๆจะคิดแบบเดียวกันและอยู่ด้วยกันต่อไป
แต่ไม่ใช่การพูดแทนกันไปเลยว่าพวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปแน่นอน (อันนี้เราอธิบายงงมั้ยหว่า)
คือเรามองว่าความสัมพันธ์ของคนในวงมันเป็นเหมือนผู้ร่วมงานที่สนิทกันมากๆ และมีผลประโยชน์ร่วมกัน มากกว่าเป็นแบบพี่น้องแท้ๆ
แบบว่าในโลกความเป็นจริงแต่ละคนก็จะมีกลุ่มเพื่อนสนิท แล้วก็ไลฟ์สไตล์ต่างกันออกไป
แต่พอโลกของการเป็นไอดอล การทำงาน ทั้ง 5 คนเนี้ยคือคนที่รู้ใจกันมากที่สุด ว่าแต่ละคนเป็นอะไรยังไงแบบไหน
ซึ่งเราว่ามันคือข้อดีอย่างนึงที่ทำให้มันเกิดความสมดุลของความสัมพันธ์ในวง แบบไม่ personal เกินไป งานคืองาน ประมาณนี้อ่าค่ะ
ส่วนเรื่อง sm ทำกับชายนี่ดีกว่าวงอื่นนี่อันนี้เราขอเถียงเบาๆค่ะ 555555
เราว่า sm ไม่เคยปฏิบัติกับวงไหนดีที่สุดเลยด้วยซ้ำ ก๊ากกกกกกกกก
ขนาดชายนี่ยังบอกเลยว่าวงเป็นเหมือนหนูทดลองของ sm
งานไหน รายการไหนมันแปลกๆ ทางค่ายอยากลองเสี่ยงไปออก
ก็ส่งชายนี่ไปก่อน ถ้าดีก็ค่อยให้วงอื่นไปบ้าง ถ้าไม่ดีก็ยกเลิกโปรเจ็ค
(ล่าสุดคือรายการ snl ของเกาหลี ยังดีที่ผลตอบรับค่อนข้างดี แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นผลแบบที่เอสเอ็มต้องการรึเปล่า)
แถมหลายครั้งก็เคยเห็นเมมเบอร์ให้สัมภาษณ์ว่าค่ายอยากให้ทำแบบนั้นแบบนี้ แต่พวกเค้าไม่ชอบ ก็มีเหมือนกันค่ะ
ยังไงต้นสังกัดก็มองเรื่องผลประโยชน์มาก่อนอยู่แล้ว ไม่มีหรอกค่ะความเป็นธรรม มีแต่ความเป็นเงิน 555555555555
เพราะศิลปินหลายๆคนเราก็ไม่เคยรู้กันมาก่อนว่าพวกเค้ามีปัญหาอะไรกับค่าย จนกระทั่งเรื่องมันตู้มออกมาให้ดราม่ากันนั่นแหละ
แต่สำหรับความเห็นของเรา เราคิดว่าที่ชายนี่ยังอยู่กันครบถ้วน 5 คน เป็นเพราะพวกเค้ายังมีความเห็น และเป้าหมายตรงกันอยู่ค่ะ
คือประมาณว่าทั้ง 5 คนยังมีความกระหายที่จะได้ขึ้นโชว์ ได้ร้องเพลง ได้พบปะกับแฟนเพลงเหมือนๆกันอยู่
สังเกตได้จากหลายๆครั้งในบทสัมภาษณ์ เมมเบอร์จะพูดอยู่เสมอว่าอยากขึ้นแสดง อยากร้องเพลง อยากพัฒนาไปข้างหน้า
แล้วก็ในแฟนแคมต่างๆก็จะไม่ค่อยเห็นแสดงอาการเหนื่อยออกมาให้เห็น เต้นเต็ม ร้องเต็มตลอด ถึงแม้ว่าจะขึ้นโชว์ในงานเล็กๆก็ตาม
ซึ่งอันนี้เราไม่ได้อวยนะคะ เพราะเอาจริงๆศิลปินทุกวงที่ยังอยู่ในวงการก็มีตรงนี้กันทั้งนั้นแหละ
แต่ปัญหาโดยส่วนมากที่ศิลปินบางคนเลือกที่จะออกจากวงมันมักจะเกิดจากความกระหายตรงนี้หายไป
บางคนอยากจะไปเป็นนักแสดง บางคนอาจจะอยากไปทำอาชีพอื่นๆ
หรือบางคนก็ยังมีความต้องการที่จะเป็นศิลปินเนี่ยแหละ แต่อาจจะอยากให้เหนื่อยน้อยลงอีกหน่อย ไม่อยากให้ตารางงานแน่นเหมือนเดิม
หรืออยากทำงานสบายขึ้นและได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วย
ดังนั้นสิ่งที่เค้าต้องการมันเลยไม่เหมือนกับคนอื่นๆในวงหรือต้นสังกัดแล้ว สุดท้ายก็เลยเกิดเป็นปัญหาขึ้นมา
แต่สำหรับชายนี่ตอนนี้พวกเค้ายังรักในเรื่องเดียวกัน และมองไปในทางเดียวกันอยู่ ดังนั้นก็เลยดูไม่มีปัญหาอะไร
ซึ่งเอาจริงๆเราว่าภายในวงเองก็ต้องเคยมีการตบตีทะเลาะกันเรื่องความเห็นบ้างแหละ และทุกๆวงก็คงจะเป็น
แต่ตกลงและเคลียร์กันได้ ปัญหามันเลยไม่เกิด
ส่วนความสัมพันธ์ของคนในวงเราว่ามันก็มีส่วนเหมือนกัน
เพราะชายนี่ไม่เคยพูดว่ารักกันอย่างพี่น้อง ปานจะกลืนกิน หรือพวกเราสัญญาจะอยู่ด้วยกันตลอดไป อะไรทำนองนี้
แต่ส่วนใหญ่จะบอกแนวๆว่า อยากจะให้ทุกคนเดินไปด้วยกัน เป็นชายนี่ด้วยกันไปเรื่อยๆ
เราว่ามันเหมือนแต่ละคนก็หวังว่าเมมเบอร์คนอื่นๆจะคิดแบบเดียวกันและอยู่ด้วยกันต่อไป
แต่ไม่ใช่การพูดแทนกันไปเลยว่าพวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปแน่นอน (อันนี้เราอธิบายงงมั้ยหว่า)
คือเรามองว่าความสัมพันธ์ของคนในวงมันเป็นเหมือนผู้ร่วมงานที่สนิทกันมากๆ และมีผลประโยชน์ร่วมกัน มากกว่าเป็นแบบพี่น้องแท้ๆ
แบบว่าในโลกความเป็นจริงแต่ละคนก็จะมีกลุ่มเพื่อนสนิท แล้วก็ไลฟ์สไตล์ต่างกันออกไป
แต่พอโลกของการเป็นไอดอล การทำงาน ทั้ง 5 คนเนี้ยคือคนที่รู้ใจกันมากที่สุด ว่าแต่ละคนเป็นอะไรยังไงแบบไหน
ซึ่งเราว่ามันคือข้อดีอย่างนึงที่ทำให้มันเกิดความสมดุลของความสัมพันธ์ในวง แบบไม่ personal เกินไป งานคืองาน ประมาณนี้อ่าค่ะ
ส่วนเรื่อง sm ทำกับชายนี่ดีกว่าวงอื่นนี่อันนี้เราขอเถียงเบาๆค่ะ 555555
เราว่า sm ไม่เคยปฏิบัติกับวงไหนดีที่สุดเลยด้วยซ้ำ ก๊ากกกกกกกกก
ขนาดชายนี่ยังบอกเลยว่าวงเป็นเหมือนหนูทดลองของ sm
งานไหน รายการไหนมันแปลกๆ ทางค่ายอยากลองเสี่ยงไปออก
ก็ส่งชายนี่ไปก่อน ถ้าดีก็ค่อยให้วงอื่นไปบ้าง ถ้าไม่ดีก็ยกเลิกโปรเจ็ค
(ล่าสุดคือรายการ snl ของเกาหลี ยังดีที่ผลตอบรับค่อนข้างดี แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นผลแบบที่เอสเอ็มต้องการรึเปล่า)
แถมหลายครั้งก็เคยเห็นเมมเบอร์ให้สัมภาษณ์ว่าค่ายอยากให้ทำแบบนั้นแบบนี้ แต่พวกเค้าไม่ชอบ ก็มีเหมือนกันค่ะ
ยังไงต้นสังกัดก็มองเรื่องผลประโยชน์มาก่อนอยู่แล้ว ไม่มีหรอกค่ะความเป็นธรรม มีแต่ความเป็นเงิน 555555555555
แสดงความคิดเห็น
ในเอสเอ็มวงชายนี่ไม่ค่อยมีปัญหาจริงๆเหรอ