ผู้ชายชื่อคณิน ... เติบโตขึ้นมาในยุคเปลี่ยนผ่าน ในวันเวลาที่ย่านชุมชนชาวจีนปกครองกันด้วยระบบกลุ่มแก๊งค์กันมายาวนาน อย่างแก๊งค์เหยี่ยวแดงยึดหัวหาดใหญ่ที่ปากน้ำโพ นครสวรรค์ กลุ่มแก๊งค์มีทรงอิทธิพลเหล่านั้นจะเรียกว่า "นักเลง" เสียทีเดียวก็ไม่ได้ อาจจะเรียกว่าเป็นผู้คุมกฎในชุมชนชาวจีนแถวนั้นเสียล่ะมากกว่า ก็หลากหลายพื้นเพและหลากหลายธุรกิจล่ะนะที่เติบโตแผ่ขยายกันอยู่ตรงนั้น เมื่อระบบอาวุโสระบบกลุ่มก้อนมีขึ้นเพื่อปรามให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันเข้ารูปเข้ารอย บทบาทผู้คุมกฎก็เรียกว่าสำคัญทีเดียว ณ เวลานั้น หากในขณะเดียวกัน คนรุ่นใหม่ ๆ ที่ได้รับการศึกษาอย่างที่เรียกว่า "ศิวิไลซ์" ก็อดที่จะคิดว่ามันช่างโบร่ำโบราณคร่ำครึ แถมออกจะขัดกับกฎบ้านกฎเมืองเสียอีก
เฮียคิ้ม หรือ คุณคณิณ ลูกชายเสี่ยเส็งก็ว่ายังงั้นเหมือนกันล่ะ หลังจากใช้ชีวิตเป็นพ่อพวงมาลัยลอยชายสบายอารมณ์อยู่นอกบ้านเสียหลายปี การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงอย่างบางกอกกรุงเทพฯฟ้าเมืองอมร ทำให้คณินเห็นโลกกว้างที่แตกต่างออกไปจากเดิม ระบบต่อสู้ห้ำหั่นโดยใช้กำลังประหนึ่งสำเร็จวิชาลงดอยเส้าหลินมา กลุ่มแก๊งค์เหยี่ยวแดงเหยี่ยวดำ เสือสิงกระทิงแรดอะไรนั่น .... มันคงไม่ใช่วิถีคนมีการศึกษาระดับสูง ถึงแม้ในวาระนั้นนโยบายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้ายังไม่เกิดขึ้น แต่เฮียคิ้มเองก็คงมีความคิดไปในแนวเดียวกัน เอาเวลามาหาตังค์เมคมันนี่ดูจะเพลิดเพลินสำราญจิตมากกว่าปีนป่ายมีอิทธิพลว่าใครจะใหญ่จะเล็กในถิ่นนี้
จนกระทั่งเขาประสบอันตรายที่เกือบถึงแก่ชีวิต จากกลุ่มแก๊งค์ที่ตัวเองเคยคิดว่ามันคร่ำครึนั่นแหละ จึงได้ดวงตาเห็นธรรม ว่าถ้าไม่ "ใหญ่" ในวงการนี้เสียก่อน ไอ้เรื่องที่จะเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า เอ๊ย ไม่ใช่ ไอ้ที่จะเปลี่ยนพลวัตรสังคมให้ศิวิไลซ์อย่างที่ต้องการ ไอ้การที่จะปกป้องพ่อแม่น้อง ครอบครัวและการค้าของตัวเองให้ปลอดภัยเห็นทีจะไม่ได้การ ดังนั้นมันจึง ถึ้งงงเวลาที่เฮียคิ้มจะต้องกลับมาประจำการบ้านเกิดหมู่เฮาเสียที
ความแสบสันรักอิสระที่ฉาบหน้าด้วยความขี้เล่นจึงได้เผยความคมคายออกมาให้คนอื่นได้รู้ซึ้งถึงฤทธิ์เดช
เฮียคิ้มเป็นคนไม่มีปม ... การใช้ชีวิตของเฮียไม่อยู่ใต้อาณัติใคร เตี่ยที่ทำกิจการโรงสีข้าวที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับลูก ก็เสียงดังล้งเล้งไปงั้น ๆ ด่าก็งั้น ๆ แต่แท้ที่จริงเชื่อใจเจ้าลูกชายคนนี้มากกว่าใคร จากการเลี้ยงดูปล่อยอิสระคิดเอง ทำเอง ล้มเอง เจ็บเอง ก็ดูเอา ... เป็นหนี้ไม่กลับมาขอตังค์พ่อแต่ใส่เกียร์หมาวิ่งหนีชาวบ้าน มันก็แสดงความเป็น independent อยู่ระดับหนึ่ง เรียนผูกก็เรียนแก้ว่ากันไป ชอบที่จะเป็นอิสระ ผจญโลก คนเป็นพ่อก็รู้ ยิ่งกว่าเหมือนยิ่งยุ ยิ่งเรียกมันก็ยิ่งต้าน .... ถ้ามันคิดได้เมื่อไหร่เดี๋ยวมันก็มาเอง
และด้วยเหตุที่เป็นมนุษย์พันธุ์อิสระชอบผจญโลกและผู้คน ประกอบกับนิสัยกวนอวัยวะเบื้องล่างที่เปล่งประกายวิ้ง ๆ มาแต่เด็ก ทำให้เฮียคิ้มเติบโตมาเป็นชายหนุ่มกวนโอ๊ยแกว่งปากหาเรื่องได้ทุกเวลา ทำให้ชาวประชาประสาทเสียพร้อมกับเลือดขึ้นหน้าได้โดยง่าย คลับคล้ายว่าจะไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่ในความไม่เป็นโล้เป็นพาย มันประกอบด้วยความแสบแบบ "ซ่อนคม" บาดเนื้อศัตรูและคู่สนทนาให้เลือดโชก ในวาจาลดเลี้ยวเคี้ยวคดที่เหมือนพูดจาโอหังตลกบริโภคไปเรื่อยเปื่อย มันคือแผนที่ขบคิดวิเคราะห์มาอย่างดีล่อให้ตัวใหญ่มาตกหลุมพราง ประมาณว่า ฉลาดเฉลียวเชี่ยวชิน กลเวทโกวิทจิตจินต์ สำแดงแจ้งศิล ปศาสตร์ก็จบสบสรรพ์ ยังไงยังงั้น
และความแสบแซ่บของเฮียคณิณก็ยังเผื่อแผ่ไปในเรื่องความรักด้วย สมชื่อ "แรด" อย่างมาก ทั้ง บุก รุก ถอย นั้นครบถ้วน อาจจะมีเสียรังวัดในตอนจูบครั้งแรกไปบ้าง ก็ว่าไม่ได้ คนมันถูกใจก็มีสตันกันบ้างนิดนึง แต่นิสัยช่างวางแผนก็ทำให้เฮียคิ้มกลับมา บุก รุก ถอย ได้อีก เรียกว่าคืนฟอร์ม ขโมยหอมได้หนึ่งรอบ แถมรั้งหญิงไว้กับตัวแถมพกไปอีกหนึ่งดอก เตี่ยผู้รู้ใจและไส้พุงลูกชาย เห็นแล้วก็ได้แต่หัวเราะหึหึ ว่าสงสัยยังไงคงต้องดองกับตระกูลผีพนันเป็นแน่แท้ แต่อย่างว่าเด็กมันก็ดี ลูกชายเรามันชอบ และ เรื่องแค่นี้คนเป็นเตี่ยรู้ดี ลูกชายคนนี้ "มีน้ำยา" สัมปทานบัตรส่วนแบ่งข้าวยังเอามาได้ แล้วผู้หญิงคนเดียวมันจะกระไรหนักหนาเล่า (ฮา)
เรียกได้ว่าในความเปรี้ยวปรี๊ดและความแสบซ่าชนิดมะนาวโซดาเรียกพ่อของเฮียคณิณมันคือ Naughty boy บวก Macho man ยังแก่นเซี้ยวเหมือนเด็กผู้ชายเฮี้ยว ๆ กวน ๆ คนหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีองค์ประกอบความเป็นผู้ใหญ่ ความรับผิดชอบต่อครอบครัวอย่างลูกชายคนโต ความตระหนักในหน้าที่ต่อส่วนรวมอย่างคนที่ก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ความศิวิไลซ์ที่คิดจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้สังคมที่อาศัยให้หลุดออกจากระบบผู้คุ้มครองระบบแก๊งค์ และ สุดท้ายความรักซื่อตรงหนักแน่นให้กับผู้หญิงคนนึง ... ที่ไม่สัญญาหรอกนะว่าจะไม่ทำให้ร้องไห้ แต่ "จะทำ" ให้ดู
ถึงจะแสบแปล๊บถึงใจกว่าทิงเจอร์ ... หากในความแสบก็ซ่อนความคมคายแห่งสติปัญญาและการใช้ชีวิตเอาไว้
เรียกว่าไม่เบาทีเดียว สำหรับผู้ชายชื่อ "คณิณ"
ใต้ความแสบ คือ ความคม
ใต้คารมเลี้ยวลด คือ ความจริงใจ
ใต้อารมณ์ล้อเล่น คือ ความเอาใจใส่
และลึกที่สุดที่ซ่อนไว้ คือ ความจริงจัง
เลือดมังกร : แรด (กึ่งรีวิว) : คณิณ ... แสบ-ซ่อน-คม
เฮียคิ้ม หรือ คุณคณิณ ลูกชายเสี่ยเส็งก็ว่ายังงั้นเหมือนกันล่ะ หลังจากใช้ชีวิตเป็นพ่อพวงมาลัยลอยชายสบายอารมณ์อยู่นอกบ้านเสียหลายปี การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงอย่างบางกอกกรุงเทพฯฟ้าเมืองอมร ทำให้คณินเห็นโลกกว้างที่แตกต่างออกไปจากเดิม ระบบต่อสู้ห้ำหั่นโดยใช้กำลังประหนึ่งสำเร็จวิชาลงดอยเส้าหลินมา กลุ่มแก๊งค์เหยี่ยวแดงเหยี่ยวดำ เสือสิงกระทิงแรดอะไรนั่น .... มันคงไม่ใช่วิถีคนมีการศึกษาระดับสูง ถึงแม้ในวาระนั้นนโยบายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้ายังไม่เกิดขึ้น แต่เฮียคิ้มเองก็คงมีความคิดไปในแนวเดียวกัน เอาเวลามาหาตังค์เมคมันนี่ดูจะเพลิดเพลินสำราญจิตมากกว่าปีนป่ายมีอิทธิพลว่าใครจะใหญ่จะเล็กในถิ่นนี้
จนกระทั่งเขาประสบอันตรายที่เกือบถึงแก่ชีวิต จากกลุ่มแก๊งค์ที่ตัวเองเคยคิดว่ามันคร่ำครึนั่นแหละ จึงได้ดวงตาเห็นธรรม ว่าถ้าไม่ "ใหญ่" ในวงการนี้เสียก่อน ไอ้เรื่องที่จะเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า เอ๊ย ไม่ใช่ ไอ้ที่จะเปลี่ยนพลวัตรสังคมให้ศิวิไลซ์อย่างที่ต้องการ ไอ้การที่จะปกป้องพ่อแม่น้อง ครอบครัวและการค้าของตัวเองให้ปลอดภัยเห็นทีจะไม่ได้การ ดังนั้นมันจึง ถึ้งงงเวลาที่เฮียคิ้มจะต้องกลับมาประจำการบ้านเกิดหมู่เฮาเสียที
เฮียคิ้มเป็นคนไม่มีปม ... การใช้ชีวิตของเฮียไม่อยู่ใต้อาณัติใคร เตี่ยที่ทำกิจการโรงสีข้าวที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับลูก ก็เสียงดังล้งเล้งไปงั้น ๆ ด่าก็งั้น ๆ แต่แท้ที่จริงเชื่อใจเจ้าลูกชายคนนี้มากกว่าใคร จากการเลี้ยงดูปล่อยอิสระคิดเอง ทำเอง ล้มเอง เจ็บเอง ก็ดูเอา ... เป็นหนี้ไม่กลับมาขอตังค์พ่อแต่ใส่เกียร์หมาวิ่งหนีชาวบ้าน มันก็แสดงความเป็น independent อยู่ระดับหนึ่ง เรียนผูกก็เรียนแก้ว่ากันไป ชอบที่จะเป็นอิสระ ผจญโลก คนเป็นพ่อก็รู้ ยิ่งกว่าเหมือนยิ่งยุ ยิ่งเรียกมันก็ยิ่งต้าน .... ถ้ามันคิดได้เมื่อไหร่เดี๋ยวมันก็มาเอง
และด้วยเหตุที่เป็นมนุษย์พันธุ์อิสระชอบผจญโลกและผู้คน ประกอบกับนิสัยกวนอวัยวะเบื้องล่างที่เปล่งประกายวิ้ง ๆ มาแต่เด็ก ทำให้เฮียคิ้มเติบโตมาเป็นชายหนุ่มกวนโอ๊ยแกว่งปากหาเรื่องได้ทุกเวลา ทำให้ชาวประชาประสาทเสียพร้อมกับเลือดขึ้นหน้าได้โดยง่าย คลับคล้ายว่าจะไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่ในความไม่เป็นโล้เป็นพาย มันประกอบด้วยความแสบแบบ "ซ่อนคม" บาดเนื้อศัตรูและคู่สนทนาให้เลือดโชก ในวาจาลดเลี้ยวเคี้ยวคดที่เหมือนพูดจาโอหังตลกบริโภคไปเรื่อยเปื่อย มันคือแผนที่ขบคิดวิเคราะห์มาอย่างดีล่อให้ตัวใหญ่มาตกหลุมพราง ประมาณว่า ฉลาดเฉลียวเชี่ยวชิน กลเวทโกวิทจิตจินต์ สำแดงแจ้งศิล ปศาสตร์ก็จบสบสรรพ์ ยังไงยังงั้น
และความแสบแซ่บของเฮียคณิณก็ยังเผื่อแผ่ไปในเรื่องความรักด้วย สมชื่อ "แรด" อย่างมาก ทั้ง บุก รุก ถอย นั้นครบถ้วน อาจจะมีเสียรังวัดในตอนจูบครั้งแรกไปบ้าง ก็ว่าไม่ได้ คนมันถูกใจก็มีสตันกันบ้างนิดนึง แต่นิสัยช่างวางแผนก็ทำให้เฮียคิ้มกลับมา บุก รุก ถอย ได้อีก เรียกว่าคืนฟอร์ม ขโมยหอมได้หนึ่งรอบ แถมรั้งหญิงไว้กับตัวแถมพกไปอีกหนึ่งดอก เตี่ยผู้รู้ใจและไส้พุงลูกชาย เห็นแล้วก็ได้แต่หัวเราะหึหึ ว่าสงสัยยังไงคงต้องดองกับตระกูลผีพนันเป็นแน่แท้ แต่อย่างว่าเด็กมันก็ดี ลูกชายเรามันชอบ และ เรื่องแค่นี้คนเป็นเตี่ยรู้ดี ลูกชายคนนี้ "มีน้ำยา" สัมปทานบัตรส่วนแบ่งข้าวยังเอามาได้ แล้วผู้หญิงคนเดียวมันจะกระไรหนักหนาเล่า (ฮา)
เรียกได้ว่าในความเปรี้ยวปรี๊ดและความแสบซ่าชนิดมะนาวโซดาเรียกพ่อของเฮียคณิณมันคือ Naughty boy บวก Macho man ยังแก่นเซี้ยวเหมือนเด็กผู้ชายเฮี้ยว ๆ กวน ๆ คนหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีองค์ประกอบความเป็นผู้ใหญ่ ความรับผิดชอบต่อครอบครัวอย่างลูกชายคนโต ความตระหนักในหน้าที่ต่อส่วนรวมอย่างคนที่ก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ความศิวิไลซ์ที่คิดจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้สังคมที่อาศัยให้หลุดออกจากระบบผู้คุ้มครองระบบแก๊งค์ และ สุดท้ายความรักซื่อตรงหนักแน่นให้กับผู้หญิงคนนึง ... ที่ไม่สัญญาหรอกนะว่าจะไม่ทำให้ร้องไห้ แต่ "จะทำ" ให้ดู
เรียกว่าไม่เบาทีเดียว สำหรับผู้ชายชื่อ "คณิณ"
ใต้คารมเลี้ยวลด คือ ความจริงใจ
ใต้อารมณ์ล้อเล่น คือ ความเอาใจใส่
และลึกที่สุดที่ซ่อนไว้ คือ ความจริงจัง