[CR] Limestone Bar and Bistro เชียงใหม่ ร้านอาหารสไตล์ออแกนิค ท่ามกลางหุบเขา

แรมริมนาร้านอาหารกลางหุบเขาทอดยาวขนานกับทุ่งนาขั้นบันได ไร่ผักออร์แกนิกและเส้นขอบฟ้าสีคราม ผ่อนคลายไปกับบรรยากาศกลางหุบเขาแห่งเมืองเหนือ

วันนี้พามาทานอาหารกลางหุบเขาแถวอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ อำเภอนี้เรียกได้ว่า ร้านอาหาร ร้านกาแฟดังๆ มาอยู่กันแถวนี้เยอะ แต่ร้านที่จะพาไปวันนี้รับรองว่าไกล อ้าวไกลแล้วพามาทำไม? แต่รับรองว่าไกลแต่คุ้มคะ

การเดินทาง วิ่งรถบนถนนสายเชียงใหม่-แม่ริม ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 นาที เมื่อเห็นป้ายวัดป่าดาราภิรมย์ ให้เลี้ยวเข้ามา มันก็จะเป็นทางตรง ตรงไปเรื่อยๆขับเลยวัดไป จนถึงที่ทำการประปาจะมีซอยเลี้ยวซ้าย ที่เหลือก็ขับตามป้าย ป้ายเป็นสีส้มๆไม่ใหญ่มากนัก ต้องสังเกตดีๆนะ แล้วถนนก็จะเป็นคอนกรีตเล็กๆ ก็ขับกินลมชมวิวกับธรรมชาติข้างทางขนานไปกับแนวเขา จนในที่สุดเราก็มาถึง “แรมริมนา”



เมื่อคุณมาถึงที่นี่จะสัมผัสได้ถึงหุบเขาทอดยาวโอบล้อม นาแบบขั้นบันได เสียงนกที่พากันขับขานต้อนรับผู้มาเยือน ฝูงแกะ ฝูงม้าที่เกาะกลุ่มเล็มใบหญ้าอย่างมีความสุข และการต้อนรับจากพนักงานอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง




เมื่อได้อิ่มตาอิ่มใจกับบรรยากาศแล้ว มาอิ่มท้องกับอาหารออร์แกนิก ที่นี่เค้ารับประกันได้ว่าผักปลอดสารพิษ เพราะที่นี่เค้าปลูกเอง คัดเองและปรุงเอง โดยเฉพาะแอสปารากัส หรือหน่อไม้น้ำ ปลูกเอง เก็บใหม่วันต่อวันเพื่อนำมาปรุงอาหารเพื่อสุขภาพให้กับลูกค้า



ขับรถมาค่อนข้างไกล ไม่พูดพร่ำทำเพลงมาดูกันค่ะว่าจะสั่งอะไรทานกันดี



เมนูมีหลายอย่างเลย แต่ ที่นี่เค้าชูจุดเด่นว่าเป็นออร์แกนิกฟาร์ม เราเลยจัดอาหารออร์แกนิกมา 3 อย่างค่ะ
มาดูที่เมนูแรก
>>ซุปแอสปารากัส<<
ต้องบอกก่อนว่าที่นี่เค้ามีไร่แอสปารากัสเป็นของตัวเอง แบบว่าปลูกเอง แล้วก็นำมาทำอาหารซึ่งจะเก็บกันแบบสดๆวันต่อวัน  และยังมีแบบบรรจุถุงขายซึ่งก็ขายหมดทุกวันด้วย



โอ้โหเสิร์ฟมาในจานอลังการมากๆ สีของซุปคล้ายๆชาเขียว เนื้อของซุปไม่ข้นจนเกินไป  ตอนแรกคิดว่าซุปมันต้องเหม็นเขียวมากๆ แต่พอตักคำแรกเข้าปาก มันไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะมันไม่เหม็นเขียว ไม่ขม ไม่รู้สึกด้วยซ้ำเลยว่ามันทำมาจากแอสปารากัส  มาแค่จานแรกเราๆก็ให้ผ่านไปเลยคะ

มาต่อจานที่สองกันค่ะ >>สลัดเห็ดย่าง<<



จานนี้ก็เสิร์ฟมาแบบจานใหญ่ๆ มีผักไฮโดร แอสปารากัส เห็ดย่าง และน้ำสลัดนี่น่าจะเป็นน้ำสลัดบัลซามิค ออกเปรี้ยวๆนิดๆ เห็ดย่างนี่อร่อยมากค่ะ หอมกลิ่นย่างอ่อนๆ ส่วนแอสปารากัสก็กรอบมากและไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวเลย

จานที่ 3 ค่ะ เป็นเมนูสุดท้ายของอาหารออร์แกนิกที่เราสั่งกัน นั่นคือ >>แอสปารากัสพันเบคอน<<



จานนี้น่าทานมากๆค่ะ ห่อมาแบบพอดีคำ มีน้ำซอสราดมาด้วย พอทานเข้าไปนี่เต็มปากเต็มคำ แอสปารากัสกรอบมาก ส่วนซอสที่ราดมา ก็มีรสชาติค่อนข้างเผ็ด แต่ไม่แสบลิ้นคะ ก็อร่อยไปอีกแบบหนึ่ง

3 เมนูที่ผ่านมาเรียกได้ว่า อาหารออร์แกนิกมากๆ แต่จริงๆแล้ว เราไม่ได้เป็นพวกคอออร์แกนิกสักเท่าไหร่ ก็เลยต้องจัดทัพเมนูอื่นๆมาทานเพิ่ม

มาที่เมนูต่อมากันเลย เมนูที่ 4 >>ข้าวอบเนื้อ<<



จานนี้ สองในสมาชิกของเราชอบทานเนื้อคะ ก็เลยจัดมา 2 จาน ข้าวเป็นไรซ์เบอร์รี่ เสิร์ฟแยกมากับเนื้ออบ ซึ่งกลิ่นหอมมาก สำหรับคนชอบเนื้อนะ ส่วนรสชาติก็ถือว่ากลมกล่อมเข้มข้น ถึงรสถึงเครื่องเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความนุ่มนวล ต้องลองค่ะ

แต่คนไม่ทานเนื้อก็มีเลยจัด เมนูที่ 5 >>ข้าวผัดปู<< แต่ที่ร้านเค้าเคลมว่าเป็น ปูผัดข้าว งั้นไม่รอช้าจัดมาอีกจานนึงคะ



พอข้าวผัดปูมาถึง กลิ่นเนื้อปูหอมมาก การจัดวางก็ดูเรียบง่าย แน่...แต่เรื่องรสชาติไม่รอช้า ตักคำแรกขอปูเน้นๆข้าวนิดหน่อยพอเป็นพิธี เนื้อปูให้มาเยอะแล้วก็สด ทานได้เต็มปากเต็มคำเหมือนกับที่เคลมไว้ รสชาติของปูกับข้าวไรซ์เบอร์รี่เข้ากันได้ดีทีเดียวคะ

ในที่สุดก็มาถึงเมนูสุดท้ายซึ่งก็น่าจะสุดท้ายได้นานแล้ว แต่มาไกลทั้งทีต้องจัดหลายๆอย่างไปเลยคะ กับเมนู>>บาร์บีคิวซี่โครงหมู<<



ก็คล้ายกับซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง เนื้อหมูหั่นง่าย นุ่มชุ่มไปด้วยซอสบาร์บีคิวกับน้ำผึ้ง งานนี้จบที่เมนูสุดท้ายได้อย่างอร่อยอิ่มหนำสำราญกันเลยคะ

มาต่อกันที่เครื่องดื่ม วันที่เราไป ที่แรมริมนาแนะนำให้ดื่มน้ำลิ้นจี่ปั่นค่ะ เพราะว่าตอนนี้ที่นี่เค้าปลูกลิ้นจี่อยู่ โดยปลูกแบบธรรมชาติ คือไม่ใส่ปุ๋ย ไม่ใส่สารเคมีปล่อยให้โตเองตามธรรมชาติ



เพราะที่นี่เน้นเรื่องอาหารปลอดสารพิษ เน้นออร์แกนิก เวลาเดือนไหนเค้าปลูกอะไร เค้าก็จะนำมาทำเป็นเครื่องดื่มของเดือนนั้นๆ

สำหรับวันนี้เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับการเดินทางมากๆคะ ถึงจะเดินทางมาไกลแต่ก็ได้ทานอาหารอร่อย เราได้ทานอาหาร เดินเล่นภายในแรมริมนาถ่ายรูปมุมโน้นที มุมนี้ที เห็นทั้งหุบเขาที่ทอดยาว นาขั้นบันไดเขียวสดใส เห็นฝูงแกะกับฝูงม้าน่ารักๆ ทั้งเดินเล่น ทั้งกำลังเล็มหญ้า สัมผัสกับลมที่พัดมาตลอดเวลาที่เรานั่งทานอาหารกัน




มันเหมือนได้พักผ่อนหย่อนใจจากการทำงานเหนื่อยมาตลอดสัปดาห์ ถึงหนึ่งวันที่ได้หยุดมันจะผ่านไปเร็ว แต่การได้มาแรมริมนาในครั้งนี้ มันทำให้เราได้ชาร์จพลังตัวเองเพื่อกลับไปทำงานในวันใหม่ได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ