Philippines First time ❤️

ก่อนอื่น เราต้องขอเกริ่นก่อนนิดนึง กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา ก่อนจะเล่าประสบการณ์สุดมันส์ที่ฟิลิปปินส์ ประเทศนี้เป็นประเทศที่เราไม่ได้อยากไปอะไรมากมาย แต่ก็คิดๆว่า ถ้ามีโอกาสเราคงต้องไปให้ได้ซักครั้ง เป็นจังหวะพอดีกับที่เพื่อนชาวฟิลิปปินส์จะกลับบ้านพอดี เราเลยบอกว่าไปด้วย ขอไปเที่ยวด้วย ทริปนี้จึงเริ่มต้นขึ้น...

เราเดินทางโดยสายการบิน Cebu Pacific สายการบินโลว์คอสสัญชาติฟิลิปปินส์ ขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ ค่าตั๋วไปกลับก็ประมาณ หกพันกว่าบาท ไม่รวมอาหาร แต่รวมกระเป๋า 15 โล



เครื่องที่นั่งไปเป็นเครื่องเล็ก มีที่นั่งเพียง 186 ที่นั่งเท่านั้น โดยรวมถือว่าบริการดี เราไปไฟล์ทดึกเพื่อให้ถึงที่นู่นเช้า ขาไปของเราเลยไม่ค่อยได้รายละเอียดอะไรมากนักเกี่ยวกับบนเครื่อง เพราะพอเครื่องขึ้นปุ๊บ เราก็หลับโดยทันที ข้อดีคือแอร์น่ารัก บริการดี เป็นกันเอง ข้อเสียมีข้อเดียวคือเบาะปรับเอนไม่ได้ค่ะ



และแล้ว เราก็ถึงจุดหมายซักที ถึงสนามบิน Ninoy Aquino International Airport Terminal 3 คือเครื่องของ Cebu ทุกลำจะมาจอดที่เทอมินัลนี้นะ เป็นเทอมินัลที่สร้างใหม่ ขนาดก็ไม่ใหญ่เท่าไหร่ค่ะ



จากนั้นก็มาเจอนี่เลยค่ะ เป็นฟอร์มที่ทุกคนต้องกรอกค่ะ



กรอกเสร็จก็เดินผ่านช่องนี้เลยค่ะ



จากนั้นก็เดินผ่าน ตม. รอรับกระเป๋า ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย มีอย่างนึงค่ะ ตอนรอรับกระเป๋า คือเรางงมาก เดินผ่านจาก ตม. มาก็ลงบันไดเลื่อนมาเจอกับสายพานเลย แต่...หายังไงก็ไม่มีป้ายบอกค่ะ ว่าไฟล์ทของเราต้องรับกระเป๋าที่สายพานไหน ผ่านไปหลายนาทีเราก็เริ่มใจไม่ดีว่าเราตาเซ่อหากระเป๋าไม่เจอรึป่าว สรุปรอไปเกือบๆ 20 นาทีค่ะ มีเจ้าหน้าที่มาตะโกนบอกว่าไฟลท์ไหนรับกระเป๋าสายพานไหน แล้วเรากับกระเป๋าเราก็ได้เจอกัน สรุปขั้นตอนนี้นานที่สุดเลยค่ะ ทั้งๆที่ถ้าเป็นที่อื่นขั้นตอนนี้ควรจะเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลาสั้นที่สุดเลย

พอรับกระเป๋าเสร็จ ที่ลากกระเป๋าเราหักค่ะ แล้วไม่สามารถเคลมกับสายการบินได้เนื่องจากเป็นสายการบินโลว์คอส แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรค่ะ ไว้ค่อยมาซ่อมที่บ้านเราก็ได้



.....

หลังจากนี้การผจญภัยของเรากำลังจะเริ่มต้นขึ้นล่ะ..
ตอนก่อนไป เพื่อนเราเค้าล่วงหน้ากลับไปทำธุระที่บ้านเค้าก่อน เค้าก็ถามว่าจะถึงกี่โมง เราบอกถึงตีสี่ มันเช้ามาก เดี๋ยวไปเอง จะนั่งรถเมล์รึ jeepney ไปโรงแรมเอง เค้าตกใจมากบอกว่าไม่ได้หรอก ผู้หญิงคนเดียวด้วยให้นั่งแท็กซี่ เพราะสายรถกับถนนหนทางบ้านเค้ามันงงมาก แต่เราก็ยืนยันว่าจะไปเองให้ได้ มันจะยากซักแค่ไหนกันเชียว เราถามทางไปโรงแรมจากเพื่อนชาวฟิลิปปินส์จนมั่นใจว่าเราจะไม่หลงแน่นอน!

ก่อนที่เราจะเดินออกจากประตูสนามบิน เราแวะไป information เพื่อไปเช็คให้แน่ใจว่าทิศที่เรากำลังจะมุ่งหน้าไปเราจะเจอรถ jeepney แน่ๆ เค้าก็ยังแนะนำให้เรานั่งแท๊กซี่ เราก็ขอบคุณเค้าแล้วมุ่งหน้าเดินไปหา jeepney ของเราต่อไป

ระหว่างทางเดินไปหา jeepney เจอคนที่เรียกตัวเองว่าไกด์ (ซึ่งมารู้วันหลังๆ ว่าใครที่พานักท่องเที่ยวเที่ยวในเมืองเค้าจะเรียกตัวเองว่าไกด์หมด เช่น ตุ๊กๆพาฝรั่งเที่ยว เค้าก็จะบอกว่าเค้าเป็นไกด์ เป็นต้น) เดินมาถามว่าเราจะไปไหน ผมนี่จับกระเป๋าแน่นเลยครับ เตรียมพร้อมวิ่ง ฮ่าๆ เราก็ทำหน้าตาปกติบอกเค้าว่ากำลังเดินหา jeepney เค้าก็เกลี้ยกล่อมให้นั่งแท๊กซี่ บอกว่าเชื่อใจเค้าได้ เนี่ยเดี๋ยวคิดให้ถูกๆ ไม่เหมือนตรงหน้าสนามบินหรอก ไปมั้ยแค่ 500 เปโซ (ประมาณ 378 บาท) เราบอกไม่เป็นไรค่ะ เราตั้งใจจะไป jeepney ยังไงก็จะต้องไปให้ได้ เค้าจึงยอมปล่อยเราไป

และแล้วการเดินทางก็ได้เริ่มต้นขึ้นค่ะ เพื่อนเราบอกให้เราเดินไปที่ Nichols ซึ่งมันเป็นอารมณ์ป้ายรถเมล์ค่ะ เราก็เดินไปตามเซนส์ บวกกับที่ถามคนข้างทางมา ก็คือออกจากประตูสนามบินเดินเลี้ยวซ้าย แล้วก็ตรงไปเรื่อยๆ เดินออกไปตรงถนนใหญ่เลยค่ะ.. ใช่ค่ะถนนใหญ่! ถนนที่รถจะเข้ามาส่งคนในสนามบินนั่นแหละค่ะ ข้ามทางม้าลายไปแล้วเลาะๆถนนไป ก็จะเห็น Jeepney อยู่ไม่ไกล จริงๆเพื่อนเราบอกให้นั่งไป Buendia แต่พอดีเจอคนข้างทาง เค้าเลยบอกให้นั่งไปลง Edsa เราก็โอเค จัดไป ขึ้นรถด้วยความตื่นเต้น จ่ายเงินไป 8 เปโซ (ประมาณ 6 บาท) เราบอกคนขับว่า เราจะไป Makati โรงแรมเราอยู่แถวนั้น คนขับคันนี้ใจดีน่ารักมาก เค้าบอกว่าเราต้องลง Buendia ก่อน แล้วต่อรถเมล์

จากสนามบินมาไม่นานค่ะ ประมาณครึ่งชั่วโมง พอถึงที่หมายมันเป็นถนนใหญ่ประมาณ แปดเลนส์ ที่มีเกาะกลางทึบๆที่ไม่สามารถข้ามฝั่งไปหากันได้ ต้องใช้สะพานลอย ซึ่งตอนแรกเราไม่รู้ค่ะ คนขับบอกให้รีบลงไปขึ้นรถเมล์คันสีแดงที่เขียนว่าไป Buendia เราก็ลง รีบหอบกระเป๋าวิ่งไปแต่ก็ไม่ทันรถเมลล์คันนั้นค่ะ เดินข้ามถนนไปมา นึกว่าเป็นเรื่องปกติของเค้าเพราะเห็นคนก็ข้ามๆกัน ที่ไหนได้ รู้ตัวอีกทีคือยืนอยู่กลางถนนโดนบีบแตร อายมากเลยค่ะ ☺️ คนขับ Jeepney คนนั้นเค้ายังเป็นห่วงเราอยู่ค่ะ คงเห็นเราเงอะๆงะๆ ฮ่าๆ เค้ารีบเรียกเราให้ออกมาจากกลางถนน แล้วชี้ไปที่บัสหนึ่งคัน(จริงๆมันก็คือรถเมล์บ้านเราแหละค่ะ แต่สภาพมันคือมินิบัส แต่ที่นั่งข้างในไม่ได้โอเคขนาดนั้นนะคะ ก็พอนั่งได้ค่ะ) เราเห็นป้ายเขียนที่หมายที่เราจะไปละค่ะแต่... เราหาประตูไม่เจอ เราเดินวนรอบรถเลยค่ะ อายอีกแล้ว คนคงคิดว่าเราเป็นบ้า "แบบนังนี่มาทำอะไรกลางถนน ฮ่าๆ" พอประตูบัสเปิดเราก็บอกคนขับว่าจะไป "เบินได" เค้าไล่เราค่ะ เราเลยเอากระดาษที่จดชื่อมาให้ดู เค้าเลยยอมให้เราขึ้นรถ ซึ่งจริงๆที่ๆเราจะไปเค้าอ่านกันว่า "เบินเดีย" ค่ะ ... เพี้ยนไปนิดเดียวเองงง 😅 คันนี้จ่ายไป 12 เปโซค่ะ (ประมาณ 9 บาท)

วิวที่ถ่ายได้บนเมล์จาก Edsa ไป Buendia ค่ะ สภาพบ้านเมืองที่นู่นจะเป็นแบบนี้เยอะมากนะคะ ไม่ต้องแปลกใจเลย



และแล้วเราก็ถึง Buendia ค่ะ เราก็ถามคนขับอีกเช่นเคยว่าเราจะไป Kalayaan Ave. เพื่อจะไป Makati อีกทีต้องต่อรถตรงไหน พอดีมีคนได้ยินเค้าบอกว่าจะไปแถวMakati พอดีมันนั่ง Jeepney ที่เดียวกัน เค้าเลยพาเราไปด้วย เค้าใจดีนะ บอกว่าเคยมาเมืองไทย แล้วก็ชวนคุยนู่นนี่เยอะแยะไปหมดเลย แล้วก็มาถึงถนน เค้าบอกว่าเค้าต้องลงก่อน มารู้ทีหลังอีกตามเคยว่าตรงที่เค้าลงจริงๆถ้าเราลงกับเค้าเดินไปอีกนิดเดียวก็จะถึงโรงแรมแล้วว แต่..ในแผนที่เพื่อนบอกให้ไป Kalayaan Ave. โอเค เราก็ไป รอบนี้จ่ายไป 18 เปโซ (ประมาณ 14 บาท) ถึงที่เปลี่ยว คนรถก็ทิ้งเราบอกตรงนี้แหละๆ กับคนนี้สื่อสารไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะเค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ พอเราลงเราก็หาป้าย Mercado St. ที่เป็นถนนตัดเข้าโรงแรมเรา หายังไงก็ไม่เจอ ถามคนแถวนั้นก็ไม่มีใครรู้จัก เวลาตอนนั้นก็เริ่มสายแล้ว คือเริ่มร้อน ตัวเริ่มเปียกโชก  เราถามทางอีกคนนึง เค้าดีมากอธิบายให้เราละเอียดเลยเขียนในกระดาษให้เราด้วย แต่พอเราเอากลับมาดู ชื่อถนนมันเป็นชื่อที่เราผ่านมาแล้วทั้งนั้น ทั้ง Edsa, Buendia 😱😱😱

ตอนนั้นอารมณ์เหมือนจะร้องไห้ เกือบยอมแพ้นั่งแท๊กซี่ เพราะร้อนมากก แต่คิดอีกทีทำมาตั้งขนาดนี้จะยอมแพ้ได้ไง ยังไงเราก็ต้องบุกไปให้ถึงโรงแรมให้ได้

จากนั้นเราก็ยืนหายใจอยู่แป๊บนึง ตัดสินใจเดินไปตามเซนส์ลูกผู้หญิงค่ะ แล้วเราก็ไปเจอสถานที่แห่งนึงที่ฟิลิปปินส์เค้าเรียกว่า Barangay อ่านว่า "บารางไก" ค่ะ เป็นเหมือนที่ทำการของหมู่บ้าน หรือประมาณ อบต. อะไรประมาณนั้นอ่ะค่ะ บารางไกมันเป็นหน่วยปกครองส่วนท้องถิ่นของฟิลิปปินส์น่ะค่ะ ต่อค่ะ..เราเดินไปเจอ Barangay Pinagkaisahan เรากะแค่ไปถามทางค่ะ เราเอาบุคกิ้งโรงแรมของเรายื่นให้เค้าดู เค้าก็บอกให้เรารอแป๊บนึงๆ แล้วเค้าก็วุ่นวายกันพักนึงค่ะ ซักพักเดินกลับออกมาบอกว่าเดี๋ยวเจ้าหน้าที่คนนึงจะไปส่งเราเอง เราซาบซึ้ง ปลาบปลื้มใจมากค่ะ ณ ตอนนั้นคือรู้สึกโชคดีสุดๆ อีกอย่างคือเค้าจะขี่มอเตอร์ไซค์สามล้อพ่วงข้างไปส่งเราด้วย เราเลยตื่นเต้นด้วยน่ะค่ะ เราแอบเกรงใจที่มาทำเค้าวุ่นวายเหมือนกันนะคะ ตอนนั้นไม่มีอะไรติดตัวไปเลย นอกจากขนมปังเน่าๆที่กินไม่หมด ก็ไม่กล้าให้เค้าค่ะ อาย ฮ่า

ตอนออกมากจาก Barangay Pinagkaisahan ไม่ทันได้ถ่ายรูปค่ะ ทันถ่ายแต่ป้าย



ระหว่างทางเห็นคนใส่ชุดเหลืองๆ ทำหน้าที่เป็นจราจร แต่คือเค้ามีทุกแยกเลย พอมาถามเพื่อนที่หลังก็รู้ว่าเค้าไม่ได้เป็นตำรวจ แต่ก็เป็นจราจรแหละค่ะ คอยจัดการรถทุกสี่แยก เฟรนด์ลีดีด้วยนะคะ



และนี่ก็คือรถที่เค้าขี่มาส่งเราค่ะ เราชอบใจมาก เพราะเราได้เห็นวิวข้างทางแบบเต็มที่เลยค่ะ



เราพักที่ TUNE HOTEL สภาพดีเลยค่ะ เราค่อนข้างประทับใจ พนักงานโอเคค่ะ บริการดี แนะนำเลยนะคะ ใครที่จะไปฟิลิปปินส์ลองเก็บไว้เป็นทางเลือกนะคะ ช่วงเราไปพักตกคืนละพันกว่าบาทเองค่ะ

ส่วนรูปนี้คือ Jeepney ที่เรา want มากมายค่ะ จะไปไหนก็สังเกตป้ายที่เขียนข้างรถ เหมือนรถเมลล์บ้านเราเลยค่ะ มีเยอะพอๆกับรถเมล์บ้านเราเลย เผลอๆจะเยอะกว่าด้วยซ้ำ เหมือนเป็นทางสัญจรหลักของที่นี่เลยก็ว่าได้ค่ะ ช่วงเช้าๆก็จะมีคนต่อคิว เหมือนคิวรถตู้บ้านเราค่ะ









บางคันก็มีพัดลมส่วนตัว..



ตอนเย็นๆพอเพื่อนมาถึงก็เดินเล่นไปย่าน Rockwell กันค่ะ ย่านนี้เหมือนย่านกังนัมที่เกาหลี คือเป็นย่านคนรวย ถนนก็จะดูสะอาดผิดกับที่อื่นๆค่ะ ความปลอดภัยก็ดูแน่นหนากว่าที่อื่น

เรากับเพื่อนไปกินข้าวเย็นที่ร้าน Cafe Via Mare ที่ห้าง Powerplant Mall ค่ะ เป็นอาหารฟิลิปปินส์มื้อแรกในชีวิตเลยค่ะ รสชาติใช้ได้เลย ราคาก็เป็นราคาตามห้างเหมือนบ้านเรา ไม่ถือว่าแพงมากค่ะ เทียบกับปริมาณนี่ถือว่าคุ้มค่ะ!

มื้อแรกในฟิลิปปินส์ จานซ้าย ข้าวหมูกรอบ ในถ้วยเล็กๆก็คือกะปิบ้านเราค่ะ แต่เค็มกว่า กลิ่นต่างนิดนึง ตัดเลี่ยนด้วยมะม่วง ผ่านค่ะจานนี้

จานขวาเป็นข้าวไข่เจียวปู จานนี้เลี่ยนไปหน่อยค่ะ ชอบข้าวหมูกรอบมากกว่า

มื้อนี้ค่าเสียหายทั้งหมด 567₽ ประมาณ 430 บาท





ระหว่างทางกลับแวะ 7-11 ประทับใจถุงมากค่ะ เค้าใช้ถุงกระดาษแทนถุงพลาสติก



เริ่มต้นวันที่ 2 วันนี้เที่ยวในมะนิลากับอากาศที่ร้อนมาก ไม่เคยเหงื่อเปียกตั้งแต่หัวลงมาที่ปลายเท้า ฮ่าๆ

สถานีแรก นั่ง Jeepney จาก makati ไป water mart 14₽ (ประมาณ 11 บาท) จริงๆไม่ต้องมาทางนี้ก็ได้ แต่เพื่อนเราจะมาหาน้องเลยมาทางนี้ แล้วก็แวะกินข้าวเช้าที่ Jollibee 99₽ (ประมาณ 75 บาท)



เลือกข้าวกับไก่ ก็พออร่อย แต่ถามว่าอิ่มมั้ยตอบเลยว่าไม่ ฮ่าๆ
ปล. Jollibee เป็นร้านอาหารฟาสฟู้ดที่หากินได้ทั่วไปในฟิลิปปินส์ มีเยอะเหมือน 7-11

ปล.2 ที่ฟิลลิปปินส์ดีอยู่อย่างคือในร้านอาหารทุกร้านจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำอยู่ในทุกๆร้าน กินไปก็รู้สึกปลอดภัยดีนะ ^^

[img]http://f.ptcdn.info/755/033/00
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่