ได้ยินข่าวตอนแรก ผมก็ไม่เชื่อข่าวครับ คิดว่าน่าจะเต้าข่าว หรือข่าวผิดมากกว่า
แต่พอเชคดูว่าจริง ก็ขำ
ขำตัว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เองนั่นแหละครับ ขำว่าหลงลืมยังไง คิดยังไงถึงได้พาปืนไปด้วยแบบนั้น
เพราะขนาดผู้ก่อการร้ายระดับโลกยังไม่คิดจะทำ
ยุคนี้ ใครพกใครพาอาวุธขึ้นเครื่อง ไม่รอดครับ หาเรื่องเข้าคุกเปล่า ๆ
ผมจึงเชื่อว่า บิ๊กแจ๊ดแกคงลืมจริง ๆ
พาปืนไปเที่ยวญี่ปุ่นตั้งสามวัน จนจะขึ้นเครื่องกลับถึงโดนตรวจเจอ
จากข่าว บิ๊กแจ๊ดบอกว่า เป็นปืนแฟชั่นที่ซื้อไว้นานแล้ว นานจนลืม ลืมว่าอยู่ในกระเป๋าใบนั้น
พอโดนตรวจเจอ แถมดันไปเจอที่ญี่ปุ่น ก็ซวยสิ
ที่น่าขำอีกอย่าง บิ๊กแจ๊ดน่ะ เป็นตำรวจ หากมีเรื่องแบบนี้ที่เมืองไทย คงหยวน ๆ กันไป จบเรื่อง
แต่เมื่อเกิดเหตุที่ญี่ปุ่น อดีตตำรวจใหญ่อย่างบิ๊กแจ๊ดจึงได้แค่ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม
ที่ขำสุด ๆ จนทำให้ผมจากยิ้มจนจะกลายเป็นกร๊าก ก็คือ สลิ่ม
เอาใหญ่เชียว
เหมือนคิด เหมือนเชื่อเป็นตุเป็นตะจริง ๆ เชียวว่า บิ๊กแจ๊ดจงใจพกปืนไปจริง ๆ
และระบบออโต้ในสมองก็โยงหาทักษิณ โยงหายิ่งลักษณ์ปั๊บ
ก็อย่างว่า ประสาสลิ่มนั่นแหละนะ จะเอาไรมาก ได้แค่มองดูไปขำไป สมเพชไป
จะหาสาระอะไรมากกว่านี้จากสลิ่มได้ล่ะ
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เป็นใคร ตำรวจญี่ปุ่นเขาไม่รับรู้หรอกครับ
และแกก็ไม่ใช่คนเด่นคนดังอะไร ที่ตำรวจญี่ปุ่นจะต้องไปรู้จักไปเกรงอะไรแก
ก็ขนาดปี 1980 Paul McCartney คนดังระดับโลก ที่ยังไง ๆ ตำรวจญี่ปุ่นต้องรู้จักดี
มีกัญชาติดตัวนิดหน่อย ปริมาณแค่ไม่ถึงครึ่งปอนด์ ก็ตรวจเจอที่สนามบินเหมือนกันนี่แหละ ตำรวจญี่ปุ่นยังไม่เว้น
จับพอลนอนคุกซะสิบเอ็ดวัน ความจริงน่าจะนานกว่านั้นครับ แต่เพราะญี่ปุ่นโดนทางอังกฤษกดดัน เลยต้องปล่อย
แล้วบิ๊กแจ๊ดเป็นใคร
งานนี้ อาจได้นอนคุกญี่ปุ่นหลายวันหน่อย หรือหากซวยมาก อาจโดนพิพากษาเป็นปี ๆ ก็ได้
ส่วนเรื่องที่ว่า
ทำไมขาไปตรวจไม่เจอ ???
โนคอมเม้นท์ครับ
กรณี "บิ๊กแจ๊ด" พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง โดนจับที่ญี่ปุ่น ทำให้ผมยิ้มขำ ๆ มาสองวันแล้วครับ ตลกดี
ได้ยินข่าวตอนแรก ผมก็ไม่เชื่อข่าวครับ คิดว่าน่าจะเต้าข่าว หรือข่าวผิดมากกว่า
แต่พอเชคดูว่าจริง ก็ขำ
ขำตัว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เองนั่นแหละครับ ขำว่าหลงลืมยังไง คิดยังไงถึงได้พาปืนไปด้วยแบบนั้น
เพราะขนาดผู้ก่อการร้ายระดับโลกยังไม่คิดจะทำ
ยุคนี้ ใครพกใครพาอาวุธขึ้นเครื่อง ไม่รอดครับ หาเรื่องเข้าคุกเปล่า ๆ
ผมจึงเชื่อว่า บิ๊กแจ๊ดแกคงลืมจริง ๆ
พาปืนไปเที่ยวญี่ปุ่นตั้งสามวัน จนจะขึ้นเครื่องกลับถึงโดนตรวจเจอ
จากข่าว บิ๊กแจ๊ดบอกว่า เป็นปืนแฟชั่นที่ซื้อไว้นานแล้ว นานจนลืม ลืมว่าอยู่ในกระเป๋าใบนั้น
พอโดนตรวจเจอ แถมดันไปเจอที่ญี่ปุ่น ก็ซวยสิ
ที่น่าขำอีกอย่าง บิ๊กแจ๊ดน่ะ เป็นตำรวจ หากมีเรื่องแบบนี้ที่เมืองไทย คงหยวน ๆ กันไป จบเรื่อง
แต่เมื่อเกิดเหตุที่ญี่ปุ่น อดีตตำรวจใหญ่อย่างบิ๊กแจ๊ดจึงได้แค่ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม
ที่ขำสุด ๆ จนทำให้ผมจากยิ้มจนจะกลายเป็นกร๊าก ก็คือ สลิ่ม
เอาใหญ่เชียว
เหมือนคิด เหมือนเชื่อเป็นตุเป็นตะจริง ๆ เชียวว่า บิ๊กแจ๊ดจงใจพกปืนไปจริง ๆ
และระบบออโต้ในสมองก็โยงหาทักษิณ โยงหายิ่งลักษณ์ปั๊บ
ก็อย่างว่า ประสาสลิ่มนั่นแหละนะ จะเอาไรมาก ได้แค่มองดูไปขำไป สมเพชไป
จะหาสาระอะไรมากกว่านี้จากสลิ่มได้ล่ะ
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เป็นใคร ตำรวจญี่ปุ่นเขาไม่รับรู้หรอกครับ
และแกก็ไม่ใช่คนเด่นคนดังอะไร ที่ตำรวจญี่ปุ่นจะต้องไปรู้จักไปเกรงอะไรแก
ก็ขนาดปี 1980 Paul McCartney คนดังระดับโลก ที่ยังไง ๆ ตำรวจญี่ปุ่นต้องรู้จักดี
มีกัญชาติดตัวนิดหน่อย ปริมาณแค่ไม่ถึงครึ่งปอนด์ ก็ตรวจเจอที่สนามบินเหมือนกันนี่แหละ ตำรวจญี่ปุ่นยังไม่เว้น
จับพอลนอนคุกซะสิบเอ็ดวัน ความจริงน่าจะนานกว่านั้นครับ แต่เพราะญี่ปุ่นโดนทางอังกฤษกดดัน เลยต้องปล่อย
แล้วบิ๊กแจ๊ดเป็นใคร
งานนี้ อาจได้นอนคุกญี่ปุ่นหลายวันหน่อย หรือหากซวยมาก อาจโดนพิพากษาเป็นปี ๆ ก็ได้
ส่วนเรื่องที่ว่า
ทำไมขาไปตรวจไม่เจอ ???
โนคอมเม้นท์ครับ