เรื่องมันมีอยู่ว่า เพื่อนสาวยมีลูก จึงย้ายจากบ้านสามี ไปอยู่บ้านพ่อแม่สามี
เพื่อลดภาระเรื่องคนเลี้ยงลูก ปัญหาคือ สามีหาเรื่องไม่เว้นวัน
1. อ้างว่าน้องชายเมียไม่ชอบตน แต่ตัวเอง ชอบนินทาน้องชายเมีย ให้แม่เมียฟัง
( เช่น หน้าหงิกตอนเดินถือข้าวจากชั้นล่างขึ้นมาให้กิน, เล่นดนตรีทำไม มีแต่พวกขี้ยาเท่านั้นแหละ จะตัวรอดเหรอ,
พาแฟนมาบ้าน เล่นกันเสียงดัง, ชอบเล่นตนตรี รบกวน ซึ่งห้องที่สามีกับเมียอยู่ ติดแอร์ อยู่กันคนละชั้น
แต่พอออกไปเล่นข้างนอก ก็ด่าว่าทำตัวเสเพล่ ชอบเตร็ดเตร่, ไปรื้อค้นห้องเก็บของ พบว่าน้องแฟนมีซีดีโป้
ทำไมต้องส่งไปเรียนเอกชน พี่สาวก็เรียนเอกชน น้องชายส่งทำไมให้เรียนแค่รามก็พอ
ล่าสุด อยากให้แม่เมียตรวจดีเอ็นเอ ว่าลูกชายใช่ลูกจริงหรือเปล่า, สุดท้ายลามถึงพ่อแม่เมียว่า
คิดยังไงปล่อยให้ลูกสาว คือเมีย ไปอยู่กับตัวเอง ตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน คำถามตบหน้ามาก)
2. ตกงาน ก็ลำบากแล้ว รู้สึกว่า ถูกกดดัน เนื่องจากเมื่อต้นปี ทางบริษัทได้ให้ออกจากงาน แต่จ่ายชดเชยให้
เกิน 5แสน กึ่งกลางระหว่าง 5แสน - 1ล้าน เมียเห็นว่า มีเงิน จึงขอให้นำเงินส่วนหนึ่งไปฝากสำหรับอนาคตลูก
หลังจากตกงาน ก็ตั้งปณิภาณว่า จะไม่เป็นลูกจ้าง จะเป็นนายจ้างตัวเอง อาชีพนั้นก็คือการขายตรง
คาดหวังรายได้ต่อเดือน 3 แสนบาท ตอนนี้ตกงาน เกือบ 7 เดือน ยังไม่สามารถทำยอดได้ ถึง 20000 หมื่นบาท
ปัจจุบัน เงินกเหลือไม่เกิน 1 ใน 3 ของเงินที่ได้รับชดเชย เมียจึงอยากให้กลับไปหางานทำด้วย แต่สามีไม่ทำ
นำสินค้าที่ขายไม่ได้ มากินบำรุงตัวเอง เข้าฟิตเนส และเลี้ยงลูกช่วงเช้า ช่วงบ่ายหน้าที่แม่สามี
งานการในบ้านไม่หยิบจับ แต่ทิ้งขยะผ้าอ้อม ก็พูดทวงบุญคุณคนทั้งบ้าน
3. ไม่อยากลูกสาว เรียกตากับยาย ว่าอากงอาม่า บอกว่า มันไม่ยุติธรรมกับ ปู่กับย่า เพราะอยู่คนละบ้าน
เมียจึงถามว่า ไม่ให้เรียก แล้วระยะเวลาที่เลี้ยงอยู่ตรงนี้ จะให้เรียกว่าอะไร สามีบอกว่า ไม่ต้องเรียก
อะไรเลย เดี๋ยวโตไปเด็กก็รู้เองว่า 2 คนนี้คือใคร มันจะยุติธรรมกับ ปู่กับย่า
4. จับผิดคนทั้งบ้าน ทุกเรื่อง แม้กระทั่งเส้นผม ฟ้องแม่เมีย แล้วก็มาฟ้องเมีย แล้วทำตัวเป็นเทพบุตร
วันนี้ ก็บอกว่าหวังดีกับทุกคน โดยทำให้ทุกคนอยู่ไม่ถูก
5. รังเกียจอาชีพของพ่อเมีย พ่อเมียขายอาหารตามสั่ง (บ้านเป็นตึกแถว หลายชั้น) ไม่ต้องการให้ลูกสาว
ลงมาข้างล่าง กลัวลูกสาวป่วย ฝุ่น ควันจากการผัดกับข้าว รังเกียจสังคมของบ้านเมีย
กลัวลูกจะเป็นอันตราย
6. ไม่ชอบบ้านเมีย เพราะรู้สึกว่า ลำเอียงไม่เข้าใจความหวังดีของตนเอง
7. ต้องการให้เมีย ค้ำประกันหนี้ผ่อนบ้าน 2 แห่ง ซึ่งเมียเองมีภาระหนี้สินรถยนต์ และหนี้บ้าน 2 แห่ง
ประมาณ 5 - 6 ล้านบาท ผ่อนดาวน์ไว้ตั้งแต่ตอนทำงาน แล้วผ่อนเสร็จ ทางโครงการให้
ให้อยู่ฟรี 1 ปี โดยไม่ต้องผ่อน แต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำเรื่องผ่อนบ้าน
ซึ่งเมียเองบอกว่า ประมาณตัวเองกับสามีแล้ว เอาไว้ก็ไม่รอด ให้สามีพยายามขายให้ได้กำไร
ผ่อนดาวน์สักนิดก็ยังดี หรือไม่ก็เท่าทุน เพราะ 5 - 6 ล้าน มันเยอะ ไหนจะค่าใช้จ่ายเรื่องลูกอีก
สามีก็ดึงดัน จนตอนนี้ มันเหมือนไฟนอลแล้ว ไม่ทำเรื่องก็ถูกยึด
สรุป ก็คือ ต้องการขอหย่า เพราะเมียไม่ไปทำเรื่องผ่อนบ้าน 2 แห่งด้วยกัน เมียเริ่มทนไม่ไหวกับพฤติกรรมรวมของสามี
ที่ปล่อยออกมาเป็นทั้งบุตเฟ่ต์ ทั้งคอกเทล จึงบอกว่า คงต้องหย่ากันแหละ เพราะความติดเห็นไม่ตรงกัน
ทะเลาะกันบ่อย ลามปาม ไม่ทำงาน แต่ก็ไม่ช่วยเหลืองานบ้าน ด่าว่าพ่อแม่เมีย ไม่ได้ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในบาท
นอกหารค่าใช้จ่ายเรื่องลูกกับเมีย มีเงินที่ได้จากชดเชยออกจากงาน ใช้กินใช้เที่ยวคนเดียว ซื้อสินค้ามาตุนเพื่อขายตรง
หลักแสน ขายไม่ได้ก็โทษเมีย ว่าไม่ช่วยไม่สนับสนุน เมียก็พยายามช่วยขาย เราก็เคยช่วยบ้านง แต่สินค้าเค้าแพงจริงๆ
แพงกว่า amway อีก ค่าสมัครก็ประมาณ 25000 บาท บินไปอบรมต่างประเทศเมื่อเร็วๆนี้
อ้างว่า ทำไมไม่เอาบ้านพ่อแม่ที่ชานเมืองมาค้ำหนี้ให้ตัวเอง บ้านเมียเห็นแก่ตัว อยุ่ด้วยไม่ได้
เห้ย ทำไมสามีเพื่อนเป็นคนแบบนี้ นี่เรากำลังดูละครน้ำเน่าอยู่หรือเปล่าค่ะ ให้เอาบ้านไปค้ำหนี้
หรือขายเพื่อมาซื้อบ้านตัวเอง พอเค้าช่วยไม่ได้ เพราะมันเป็นบ้านมรดก มีชื่อร่วมกันหลายคน ลุงป้าน้าอา
ก็หาว่าเค้าใจดำ ลำเอียง งกเงิน ที่ส่งลูกเรียนมหาลัยเอกชนได้ ทำไมซื้อบ้านลูกเขยขึ้นมาไม่ได้
พึ่งอ่านไลน์สามีเพื่อนล่าสุด บอกเหมือนกับว่าจะกลับบ้าน โดยไม่ช่วยเหลืออะไรสักอย่าง
แล้วจะกลับมาเล่าให้ลูกฟังที่หลังว่าไม่ได้ทิ้ง แต่ถูกรังแก ความจริงมันเป็นยังไง
ที่สามีเพื่อนเป็นอยู่ คือคนดี ที่ไร้ที่อยู่ ใช่ไหมค่ะ
ปล . ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เพราะ ได้อ่านไลน์ มาโดยตลอดที่เพื่อนมีปัญหา
ก็พยายามให้เพื่อนใจเย็น แต่บางทีเราก็ว่าสามีเพื่อนก็เยอะเกินไป
เผือกเรื่องผัวเมียขาวบ้าน ตอน ผัวเพื่อนท้า ให้เอาแชทไปถามใครดูก็ได้ ว่าใครถูกใครผิด
เพื่อลดภาระเรื่องคนเลี้ยงลูก ปัญหาคือ สามีหาเรื่องไม่เว้นวัน
1. อ้างว่าน้องชายเมียไม่ชอบตน แต่ตัวเอง ชอบนินทาน้องชายเมีย ให้แม่เมียฟัง
( เช่น หน้าหงิกตอนเดินถือข้าวจากชั้นล่างขึ้นมาให้กิน, เล่นดนตรีทำไม มีแต่พวกขี้ยาเท่านั้นแหละ จะตัวรอดเหรอ,
พาแฟนมาบ้าน เล่นกันเสียงดัง, ชอบเล่นตนตรี รบกวน ซึ่งห้องที่สามีกับเมียอยู่ ติดแอร์ อยู่กันคนละชั้น
แต่พอออกไปเล่นข้างนอก ก็ด่าว่าทำตัวเสเพล่ ชอบเตร็ดเตร่, ไปรื้อค้นห้องเก็บของ พบว่าน้องแฟนมีซีดีโป้
ทำไมต้องส่งไปเรียนเอกชน พี่สาวก็เรียนเอกชน น้องชายส่งทำไมให้เรียนแค่รามก็พอ
ล่าสุด อยากให้แม่เมียตรวจดีเอ็นเอ ว่าลูกชายใช่ลูกจริงหรือเปล่า, สุดท้ายลามถึงพ่อแม่เมียว่า
คิดยังไงปล่อยให้ลูกสาว คือเมีย ไปอยู่กับตัวเอง ตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน คำถามตบหน้ามาก)
2. ตกงาน ก็ลำบากแล้ว รู้สึกว่า ถูกกดดัน เนื่องจากเมื่อต้นปี ทางบริษัทได้ให้ออกจากงาน แต่จ่ายชดเชยให้
เกิน 5แสน กึ่งกลางระหว่าง 5แสน - 1ล้าน เมียเห็นว่า มีเงิน จึงขอให้นำเงินส่วนหนึ่งไปฝากสำหรับอนาคตลูก
หลังจากตกงาน ก็ตั้งปณิภาณว่า จะไม่เป็นลูกจ้าง จะเป็นนายจ้างตัวเอง อาชีพนั้นก็คือการขายตรง
คาดหวังรายได้ต่อเดือน 3 แสนบาท ตอนนี้ตกงาน เกือบ 7 เดือน ยังไม่สามารถทำยอดได้ ถึง 20000 หมื่นบาท
ปัจจุบัน เงินกเหลือไม่เกิน 1 ใน 3 ของเงินที่ได้รับชดเชย เมียจึงอยากให้กลับไปหางานทำด้วย แต่สามีไม่ทำ
นำสินค้าที่ขายไม่ได้ มากินบำรุงตัวเอง เข้าฟิตเนส และเลี้ยงลูกช่วงเช้า ช่วงบ่ายหน้าที่แม่สามี
งานการในบ้านไม่หยิบจับ แต่ทิ้งขยะผ้าอ้อม ก็พูดทวงบุญคุณคนทั้งบ้าน
3. ไม่อยากลูกสาว เรียกตากับยาย ว่าอากงอาม่า บอกว่า มันไม่ยุติธรรมกับ ปู่กับย่า เพราะอยู่คนละบ้าน
เมียจึงถามว่า ไม่ให้เรียก แล้วระยะเวลาที่เลี้ยงอยู่ตรงนี้ จะให้เรียกว่าอะไร สามีบอกว่า ไม่ต้องเรียก
อะไรเลย เดี๋ยวโตไปเด็กก็รู้เองว่า 2 คนนี้คือใคร มันจะยุติธรรมกับ ปู่กับย่า
4. จับผิดคนทั้งบ้าน ทุกเรื่อง แม้กระทั่งเส้นผม ฟ้องแม่เมีย แล้วก็มาฟ้องเมีย แล้วทำตัวเป็นเทพบุตร
วันนี้ ก็บอกว่าหวังดีกับทุกคน โดยทำให้ทุกคนอยู่ไม่ถูก
5. รังเกียจอาชีพของพ่อเมีย พ่อเมียขายอาหารตามสั่ง (บ้านเป็นตึกแถว หลายชั้น) ไม่ต้องการให้ลูกสาว
ลงมาข้างล่าง กลัวลูกสาวป่วย ฝุ่น ควันจากการผัดกับข้าว รังเกียจสังคมของบ้านเมีย
กลัวลูกจะเป็นอันตราย
6. ไม่ชอบบ้านเมีย เพราะรู้สึกว่า ลำเอียงไม่เข้าใจความหวังดีของตนเอง
7. ต้องการให้เมีย ค้ำประกันหนี้ผ่อนบ้าน 2 แห่ง ซึ่งเมียเองมีภาระหนี้สินรถยนต์ และหนี้บ้าน 2 แห่ง
ประมาณ 5 - 6 ล้านบาท ผ่อนดาวน์ไว้ตั้งแต่ตอนทำงาน แล้วผ่อนเสร็จ ทางโครงการให้
ให้อยู่ฟรี 1 ปี โดยไม่ต้องผ่อน แต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำเรื่องผ่อนบ้าน
ซึ่งเมียเองบอกว่า ประมาณตัวเองกับสามีแล้ว เอาไว้ก็ไม่รอด ให้สามีพยายามขายให้ได้กำไร
ผ่อนดาวน์สักนิดก็ยังดี หรือไม่ก็เท่าทุน เพราะ 5 - 6 ล้าน มันเยอะ ไหนจะค่าใช้จ่ายเรื่องลูกอีก
สามีก็ดึงดัน จนตอนนี้ มันเหมือนไฟนอลแล้ว ไม่ทำเรื่องก็ถูกยึด
สรุป ก็คือ ต้องการขอหย่า เพราะเมียไม่ไปทำเรื่องผ่อนบ้าน 2 แห่งด้วยกัน เมียเริ่มทนไม่ไหวกับพฤติกรรมรวมของสามี
ที่ปล่อยออกมาเป็นทั้งบุตเฟ่ต์ ทั้งคอกเทล จึงบอกว่า คงต้องหย่ากันแหละ เพราะความติดเห็นไม่ตรงกัน
ทะเลาะกันบ่อย ลามปาม ไม่ทำงาน แต่ก็ไม่ช่วยเหลืองานบ้าน ด่าว่าพ่อแม่เมีย ไม่ได้ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในบาท
นอกหารค่าใช้จ่ายเรื่องลูกกับเมีย มีเงินที่ได้จากชดเชยออกจากงาน ใช้กินใช้เที่ยวคนเดียว ซื้อสินค้ามาตุนเพื่อขายตรง
หลักแสน ขายไม่ได้ก็โทษเมีย ว่าไม่ช่วยไม่สนับสนุน เมียก็พยายามช่วยขาย เราก็เคยช่วยบ้านง แต่สินค้าเค้าแพงจริงๆ
แพงกว่า amway อีก ค่าสมัครก็ประมาณ 25000 บาท บินไปอบรมต่างประเทศเมื่อเร็วๆนี้
อ้างว่า ทำไมไม่เอาบ้านพ่อแม่ที่ชานเมืองมาค้ำหนี้ให้ตัวเอง บ้านเมียเห็นแก่ตัว อยุ่ด้วยไม่ได้
เห้ย ทำไมสามีเพื่อนเป็นคนแบบนี้ นี่เรากำลังดูละครน้ำเน่าอยู่หรือเปล่าค่ะ ให้เอาบ้านไปค้ำหนี้
หรือขายเพื่อมาซื้อบ้านตัวเอง พอเค้าช่วยไม่ได้ เพราะมันเป็นบ้านมรดก มีชื่อร่วมกันหลายคน ลุงป้าน้าอา
ก็หาว่าเค้าใจดำ ลำเอียง งกเงิน ที่ส่งลูกเรียนมหาลัยเอกชนได้ ทำไมซื้อบ้านลูกเขยขึ้นมาไม่ได้
พึ่งอ่านไลน์สามีเพื่อนล่าสุด บอกเหมือนกับว่าจะกลับบ้าน โดยไม่ช่วยเหลืออะไรสักอย่าง
แล้วจะกลับมาเล่าให้ลูกฟังที่หลังว่าไม่ได้ทิ้ง แต่ถูกรังแก ความจริงมันเป็นยังไง
ที่สามีเพื่อนเป็นอยู่ คือคนดี ที่ไร้ที่อยู่ ใช่ไหมค่ะ
ปล . ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เพราะ ได้อ่านไลน์ มาโดยตลอดที่เพื่อนมีปัญหา
ก็พยายามให้เพื่อนใจเย็น แต่บางทีเราก็ว่าสามีเพื่อนก็เยอะเกินไป