แชร์ข้อคิดและประสบการณ์ จากความรัก สู่ความอดทนและการบอกเลิกยุติรัก ตลอด 1 ปี สู่การจะรวมตัวเป็นครอบครัวเดียว

แชร์ข้อคิดและประสบการณ์
จากความรัก
สู่ความอดทนและการบอกเลิกยุติรัก ตลอด 1 ปี สู่การจะรวมตัวเป็นครอบครัวเดียว ผ่านอะไรมากกว่าที่คิด

ชีวิตผมกว่าจะผ่านอะไรมาได้
ผมอาจทำเรื่องที่ผิด และถูกมากพอๆกัน
ขอบคุณทุกคนในีชิวิตทั้งในเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว ที่ให้ทั้งความรู้ ความสุขและการให้อภัย ที่ผมทำให้ผมเดินมาถึงตรงนี้ได้
******* กระทู้นี้ อาจะใช้เวลาในการอ่านสักหน่อยผมจะเขียนเป็นส่วนเป็นต่างๆ  และเพื่ออธิบายให้ครบอาจต้องใช้เวลาอ่านสักหน่อย ดังนั้นท่านที่มีเวลาจำกัด ค่อยอ่านในตอนที่ท่านสะดวกนะครับ
****** กระทู้นี้เขียนตามลำดับเหตุการณ์จริง อาจมีกระโดดไปกระโดดมาเพื่อเล่าเรื่องต่างๆ อาจลำดับเหตุการณ์หรือการใช้ภาษาในการอ่านไม่ดีเท่าไร ต้องขออภัยมาเป็นอย่างสูง ณ ที่นี้ เพราะว่าไม่ใช่นักเขียนอาชีพ และมีทักษะด้านการเล่าเรื่องหรือการนำเสนอถือว่าน้อย แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ
**** ไม่ว่าใครจะมองอย่างไรผมก็ยังรักและเทิดทูนและรักแฟน ภรรยาและแม่ของลูกในอนาคตคนนี้ผมไม่เคยเปลี่ยนแน่นอนครับ ที่ต้องเล่าตรงนี้เพราะว่า อ่านทั้งหมดจบไป แนวทางในการเลือกการใชีวิต ถ้าคุณเป็นผมอาจจะมีหลายทางเลือก แต่ผมเลือกทางเดียวคือการมีชีวิตอยู่ด้วยกันให้มีความสุขให้ได้

คุณจะเจออะไรในการอ่านกระทู้นี้
- การเล่าจากประสบการณ์จริง ของคู่รัก
ในมุมที่ผู้ชาย ถูกบอกเลิกไม่ต่ำว่า 100 ครั้งในรอบปีที่ผ่านมา
(เกือบทุกสัปดาห์ / มีทั้งแบบพลั้งปากประมาณ  90ครั้ง และนอกนั้นก็จริงจัง 10 ครั้งที่ต้องแก้สถานการณ์จริงจัง)
- มุมมองในการปรับความเข้าใจทั้งผู้ชายและผู้หญิง
ที่อาจพอเป็นแนวทางในการปรับความเข้าใจในการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้ครับ
- มุมมองการแก้ไขปัญหาการเงิน เวลา และ การใชีวิตร่วมกัน ที่จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยากครับ
- เป็นการบอกว่า ผมรักแฟน ภรรยา และแม่ของลูกในอนาคตคนนี้มากแค่ไหน และเพื่อเตือนตัวเองให้เดินหน้าและไม่ท้อต่อไปครับ

เขียนทำไม
ผมเชื่อว่าหลายคู่หลายคนที่อยู่ในวัยหลังจากสำเร็จการศึกษา และสร้างตัว มีความรักและกำลังสร้างครอบครับ ต้องผ่านจุดแบบนี้เหมือนกันหมด คล้ายๆกับตอนที่เรากำลังจะเปลี่ยนผ่านจากเด็กไปเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว ถ้าผ่านไปไดด้วยดีก็จะเป็นเรื่องที่ดี
ถ้าผ่านไปด้วยประสบการณ์หรือเลือกเส้นทางที่ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีหรือผิด ชีวิตก็จะดิ่งเลว

สำหรับการที่ผมมาเขียนกระทู้ครั้งนี้เพราะ
1. สำหรับผู้ชายที่คิดว่า ความรักไม่ต้องการการดูแลมาก อันนั้นต้องคิดใหม่ มันทำได้ทุกวันและไม่ได้ทำยาก
2. ให้สุภาพสตรีได้อ่านและเป็นมุมหนึ่งที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า บางครั้ง การทำแบบไม่นี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ
มันอาจไม่ได้แลกด้วยความรักที่ดี อาจสูญเสียคนรักเราไปหากเราไม่เข้าใจกันพอ
3. เป็นทางเลือกหากเกิดปัญหาใกล้เคียงกันกับผม
4. ยังไงทางเลือกในชีวิตผมก็ยังไม่เปลี่ยน
ผมยังรักแฟนคน เธอก็คือ ทางเลือกเดียวที่ผมจะมีชีวิตคู่ร่วมกันต่อไป ภรรยาและแม่ในอนาคตของลูกชายและลูกสาวผมต่อไปในอนาคตครับ

บทเริ่มต้น
ผมกับแฟนผมเจอกันครั้งแรกใน เพ็ซบุ๊คของเพื่อนแฟนผมครับ บริษัทของผมทำเกี่ยวกับการพัฒนาที่ดินและเป็นเพื่อนของเพื่อนเธอ และมีโอกาสได้เห็นภาพใน facebook ครั้งแรกผมก็บอกตัวเองเลยว่า นี่นางฟ้าหรือเปล่า (อาจจะดูเวอร์สักหน่อยแต่ในมุมมองของผมแฟนผมสวยมากจริงๆครับ) แต่ในตอนนั้นเธอก็ยังไม่โสดและมีปัญหากับคนรักของเธอที่เป็นชาวต่างประเทศ สักราวๆ ปีกว่าๆ ได้ที่ผมตามรอดูและประเมินสถานการณ์ว่า เรามีหวังไหม ในขณะนั้นผมก็เรียกได้ว่าใช้ชีวิตแบบคนบ้างานและสร้างอนาคตของตัวเองให้ดีที่สุด และทำชีวิตให้ไม่ยุ่งเหยิงรอ การที่สักวันเธอตอบรับคงจะมีความสุขในชีวิตกันได้

บทที่ 1 สาวในฝัน
พอหลังจากที่เธอมีปัญหากับคนรักชาวต่างชาติของเธอในตอนนั้น ผมสังเกตและประเมินจาก สถานะใน facebook ของเธอ และเริ่มมีการเดินทางคนเดียว เช็คอินที่ต่างๆทั้งในและตางประเทศคนเดียว และไปเที่ยวแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อน แล้วก็ค่อยๆแนะนำตัวทำความรู้จักเข้าไปทักก็ราวๆ 4 -5 เดือนเพื่อให้กลายเป็นคนวงใน ชีวิตเธอให้ได้
จนกระทั่งสองปีก่อน ผมก็ตัดสินใจแล้วว่า ในช่วงต้นปีใหม่ตอนนั้น เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะทำความรู้จักและบอกเธอจริงจัง ว่าผมรักเธอตกหลุมรักเธอ ทั้งๆที่ยังไม่ทันได้เจอ
ช่วงนั้นเราทั้งคุยโทรศัพท์ ไลน์ เฟ็ซไทม์ทุกรูปแบบที่คุยกันได้ เท่าที่เธอจะว่าง นอกจากเธอสวยแล้วสิ่งที่ผมประทับใจในตัวเธอคือ
1. เธอเป็นผู้หญิงที่โตมาแบบไม่มีความพร้อมอะไรเลย พ่อแม่แยกทางแต่เป็นเด็กที่รักดีมากไม่ทำในเร่ืองที่ไม่ดีไม่เป็นเด็กติดยา และกริยามารยาทและคำพูดเรียบร้อย
2. เป็นคนที่ทำงานหาเงินเก่งมาก และเก็บเงินเก่งมาก อันนี้เห็นจากการที่เธอมีบริษัทและกิจการสปาของตัวเองที่เติบโตเร็วมาก
3. เป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมากๆ หัวจรดเท้า
สวยแบบมีคุณภาพว่างั้นเถอะครับ
4. เป็นคนที่จิตใจดีมาก ไม่เคยด่าใคร จนถึงทุกวันนี้เป็นแบบนั้นจะใช้วิธีนั่นเงียบหรือไม่พูด ไม่สนใจไปแทน  เธอมีฐานะที่มั่งคั่งมาก แต่ถูกหุ้นส่วนทางธุรกิจและอดีตคนรักโกงไปหลายล้าน เธอก็ไม่คิดจะเอาคืนเลยแม้แต่บาทเดียว และเลือกที่จะไม่พูดถึงมันอีก
5. เป็นคนที่มีเสน่าห์มาก แค่ได้คุยโทรศัพท์ด้วยก็ยังชอบแล้วนั่นคือตอนนั้นนะครับ
ถ้าใน social network ของเธอแค่ขนาดลงเรื่องงาน ที่มีรูปตัวเองอยู่บ้างเพื่อโปรโมต สปาของตัวเอง ยังมีคนแบบขอเป็นแฟน จีบมาตลอด ทุกวันนี้ก็ยังมีมาเรื่อยๆ ตลอดนะครับ แต่โชคดีว่าเธอเป็นคนวางตัวเป็น เรื่องแบบนี้เลยไม่ค่อยเป็นกังวลใจผมเท่าไร

นั่นคือทั้งหมดตอนก่อนที่จะได้เจอกัน
พอเจอกันแล้วแม่เจ้านาทีแรกที่ผมได้เจอเธอ
เหมือนหัวใจจะหลุดออกจากตัว จำนาทีนั้นได้เลย
ผมตาค้างตะลึง ประมาณ 2 นาทีจริงๆนะครับ
จนแฟนผมเธอบอกผมเองให้พูดอะไรไม่ใช่เอาแต่ยิ่มเหมือนเด็กเอ๋อ

ผิวเธอสวยมากจนผมละสายตาไม่ได้เลย
รูปร่างทุกส่วนเหมือนหลุดจากปฎิธินนางแบบออกมาเลย
ฟันที่สวยมาก
ขาที่เรียวขาวและเรียบสวยเหมือนตะเขียบ
แขนที่สวยมาก

นั่นคือเดทแรกและเป็นการเริ่มต้น
บทที่ 2 พันธะสัญญา
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ภายในหนึ่งวันที่ได้ใช้เวลาด้วยกัน
เราได้มีพันธะสัญญาเกิดขึ้นว่า
ปีแรกถ้าเราไปกันรอด
ซึ่งตลอด 1 ปีที่ทำมาตลอดคือ
- รับส่งเธออำนวยความสะดวกเท่าที่ทำได้
- ส่งอาหารและของกินอร่อยๆ
- แอบไปซื้อของบำรุงร่างกาย และวิตามิน
กับเครื่องสำอางที่เธอชอบมาให้
- แอบไปจ่ายค่าไฟให้เธอทุกเดือน
- แอบไปจ่ายค่าโทรศัพท์ให้ทุกเดือน
- แอบไปจ่ายค่าเช่าคอนโดของเธอให้ทุกเดือน
- แอบไปจ่ายค่างวดรถของเธอให้ทุกๆเดือน
- แอบไปจ่ายค่าเช่าร้านสปาของเธอให้ทุกเดือน
- แอบไปซื้อเสื้อผ้าที่เธอชอบมาให้เธอ
-  แอบเอาถังน้าและอุปกรณ์ล้างรถไปล้างรถให้เธอ

ที่ต้องบอกว่าแอบเพราะว่าเธอไม่เห็นด้วยที่จะให้ทำ
เพราะว่าเธอบอกว่าเธอทำเองได้
และก็ทำเองปกติ
แต่ผมบอกว่าผมอยากทำให้
อยากช่วยแบ่งเบาภาระให้
แล้วก็จะจบลงท้ายในการทำแต่ละเรื่อง
ด้วยการที่เธองอนไม่พูดและอยากเหมือนอยู่คนเดียว
ประมาณ 2-3 วัน
แล้วก็ขอบคุณผมแล้วก็คุยกันใหม่ดีกัน
จนผมทำเรื่องใหม่ที่กล่าวด้านบนก็จะวนเวียน
แบบนี้ในรอบปี จนเข้าใจและปรับตัวได้ในที่สุด

ปีที่สอง ถ้ามันผ่านปีแรกไปได้
และผมการ์ดไม่ตก เรามาเป็นคนรักแต่งงานสร้างครอบครัวกันนะครับ
ทั้งหมดนี้ถ้ามันฟังดูบ้าและไม่อยากมีผมต่อ
ไล่ผมไปได้เลยนะครับ ผมบอกเธออย่างนั้นในตอนนั้น ซึ่ง (เธอก็ใช้สิทธิ์นี้บ่อยมาก แต่ผมก็เข้าใจครับ เพราะว่าผมให้สิทธิ์นั้นกับเธอ และผมก็โหวดตัวเองกลับมาในสนามชีวิตของเธออีกครั้ง หน้าหนาหน้าด้านมากเลยผม 555)

บทที่ 3 เข้าใจตัวเอง
สิ่งที่ผมทำให้รักเธอมากอีกอย่างคือ
เธอทำให้ผมเข้าใจและเห็นตัวเองมากขึ้น
ว่าเป็นเด็กเนิร์ด ที่อยู่ในร่างผู้ใหญ่
ทำอะไรต้องระวังตัวเอง
ผมเป็นคนปากไว และเก็บความลับ
ไม่ค่อยอยู่ ก็ได้เธอคอยบอกคอยสอนแนะนำ
ไม่งั้นหลายอย่างในชีวิตคงได้พังคามือไปมากกว่านี้ครับ

บทที่ 4 เข้าใจผู้หญิง
สิ่งที่คนอย่างผมไม่เคยรู้และไม่เคยเข้าใจมาก่อน
ว่าผู้หญิงกว่าจะสวยมันต้องทำขนาดไหน
ไม่ว่าคนนั้นจะสวยแค่ไหนก็ตาม
แฟนผมบอกมันเป็นแค่ทุนเดิมอยากสวย
และดูดีตั้งตั้งใจ
และผมก็ได้เรียนรู้และผมก็ปรับชีวิตผมตามไปด้วย
เริ่มจาก
1. เธอไม่ทานน้ำที่ไม่สะอาดเลย พูดง่ายๆก็เป็นน้ำขวดเท่านั้นเลย ทานน้ำแร่เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็น้ำธรรมดาก็มี  แรกๆผมก็แบบว่าต้องขนาดนี้เลยหรือ แต่เธอก็ให้เหตุผลและให้ความเปลี่ยนแปลงกับตัวผมด้วยคือ ไตทำงานดีขึ้น ผลการตรวจร่างกายผมดีขึ้นส่วนหนึ่งก็จากน้ำสะอาด ที่เธอเลือกให้ทาน
แต่ถ้าไปอยู่ในพื้นที่ที่ต้องทานน้ำ จากแหล่งที่มาที่เธอไม่ทราบเธอก็เลือก ทำตัวให้กลมกลืน แต่ไม่ได้รังเกียจ และไม่ทานน้ำแทน
2. เธอเป็นคนรักษาผิวของเธอดีมาก ถ้าโดนแดดผิวเธอจะปวดแสบปวดร้อนและแดง หน้าที่ผมคือ คอยหาร่มอันใหญ่ที่กันยูวีที่มากที่สุดให้ได้
เปลี่ยนฟิล์มกันความร้อนในรถให้ หาพัดลมไอน้ำมาให้และให้เธอเข้าร่วมและหาที่เย็นๆให้ได้เร็วที่สุดเวลาเจออากาศร้อน
3. ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัว แต่งหน้า ราว 4 ชม. อันนี้จริงๆเลยครับ กว่าผู้หญิงจะสวยเข้าใจเลย
แต่ทุกวันเธอก็ปรับตัวได้ดีขึ้นมาก เหลือแค่สองชั่วโมง
นั่นคือ ก่อนเดินทางทุกครั้งต้องมีสองชั่วโมงให้เธอ
4. อาหารการกิน โชคดีว่าเราชอบทานอาหารอีสาน เพราะว่าเป็นคนอีสานเหมือนกัน พื้นเพ เหมือนกัน
เป็นคนกินอะไรง่ายๆ แต่ผมประเภทชอบกินร้านข้างทาง เธอก็เหมือนกันแต่ว่าขอให้เป็นร้านที่สะอาดและปรุงสุกใหม่ๆ เท่านั้นถ้าอาหารเย็นต้องไปทำให้อุ่นก่อน และถ้าเป็นอาหารปรุงสำเร็จจะไม่ทานในรถเพราะว่ามันจะเหม็นและทานไม่ถูกสุขลักษณะต้องจอดรถทานซึ่งผมก็ปรับตัวและเข้าใจในความคิดและเจตนาที่ดีของเธอครับ
5. เธอสอนให้ผมกันเงินเป็นส่วนๆ ก่อนที่หนี้จะมา เพื่อไม่ให้มีปัญหาทางการเงิน
6. เธอสอนให้ผมใช้เงินเหรียญให้พอเหมาะ ถ้าจ่ายของเยอะๆ อย่าใช้เงินเหรียญมากเพราะว่ามันดูไม่ดี ให้ไปแลกมาก่อนคำว่าเยอะนี่คือเกิน 40 บาทขึ้นไปครับ เพราะว่าเธอถือว่าให้เกียรติคนรับเงินหรือเราไปใช้บริการด้วย
6. เธอเป็นคนที่ให้ทิปหนักมาก ยกกระเป๋าหรือเปิดรถให้ก็ 100 บาทเป็นอย่างน้อยครับ เพราะว่าเธอถือว่า ทุกคนก็คนเหมือนกัน ทุกวันนนี้ผมก็เลยติดทำแบบเธอมาและมีมุมมองเหมือนเธอมาด้วยเลย
7. เริ่มต้นจากวิตามิน คอลาเจน และเครื่องสำอาง ที่ประมาณ เดือนละเกือบ 40,000 บาท ทุกเดือน
เมื่อก่อนเป็นรายจ่ายที่เธอต้องจ่าย
ทุกวันนี้เหมือนกัน เพียงแค่ผมย้ายจากรายรับของผมให้เป็นรายรับให้เธอเก็บและใช้จ่ายแทนครับ
8. การศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิตได้จริงๆ ครับ
โดยธรรมชาติแม้แฟนผมจะดูดีแต่เธอก็ปรับ
แก้จมูกสองรอบ เพราะว่า มันไม่ได้รูปและมันอักเสบ
และทำหน้าอก สองอย่างรวมกันก็อาจจะสองแสน แต่ผมคิดว่า มันคือต้นทุนชีวิต และเธอก็ไม่ได้ขอให้ผมออกเงินให้หรือทำอะไรให้แต่ผมคิดว่าถ้าผมทำอะไรให้เธอได้ ผมไม่รอรีสักนาที ที่จะทำ

บทที่ 5 มุมมองของความขัดแย้ง
จากการที่กล่ามาข้างบน
ช่วงเวลาที่เธอทั้งผ่าตัดทั้งสองอย่างมา
มันจะมีช่วงเวลาที่ต้องพักฟื้น
ครั้งละประมาณ 1-2 เดือน
ซึ่งผมก็เป็นห่วงเธอ
ผมเลยเลือกวิธี
เอางานมานั่งทำที่บ้าน
แล้วก็ดูแลเธอไปพร้อมๆ กัน
ตรงนั้นละครับในปีที่ผ่านมาที่ทำให้
เธอยอมตอบตกลงที่จะใช้ชีวิตด้วยกัน
สรพนามก็เปลี่ยนเป็นจาก
ชื่อเป็นพ่อ กับแม่ แทน

ตรงนี้อีกเหมือนกันที่ผมหาเงินได้ช้าลง
เพราะว่าไม่ได้ออกไปดูที่ดิน
ทำการซื้อขายที่ดินในฐานะนายหน้า
ซึ่งเป็นรายได้หลักของผมเลย
และติดต่อทำขายฝากที่ดินรับค่าคอมมิชชั่น
อันนี้มันเป็นการเลือกของผมที่ผมต้องรับ
กับผลของมัน

ผมก็บอกเธอว่า ผมไม่มีปัญหาการเงินอะไร
ความจริง รายได้เท่าเดิมแต่รายจ่ายมากขึ้น
เป็นปัญหาแน่นอนครับแต่ผมไม่บอกเธอ ทำให้
เธอคิดว่าผมปิดบังอะไรไว้ ซึ่งเธอเป็นคนที่
ผมไม่มีทางโกหกอะไรได้เลย
มองตาผมก็อ่านผมออกหมด

ประกอบกับช่วงนั้นทั้งบริษัทผม
และสปาของเธอไม่ได้ไปดูแล
ใกล้ชิดเองทำให้ผลประกอบการณ์ไม่ดี
ต้องใส่อุดเงินเข้าไปทั้งคู่
(มีต่อครับ)
คั่นด้วยเพลงนะครับ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่