[CR] ซุปตาร์พาเที่ยว เขลางค์นคร 4 วัน 3 คืน : ภูเก็ต-เชียงใหม่-ลำปาง-เชียงใหม่-ภูเก็ต

กระทู้รีวิว

เที่ยวภูเขา บันทึกนักเดินทาง โรงแรมรีสอร์ท เที่ยววัด

ต่อจากกระทู้ล่าสุด เมื่อผมใส่ชุดไทยท่องเที่ยวยุโรป http://pantip.com/topic/33636773
สัปดาห์ที่แล้วผมได้มีโอกาสเดินทางทริปสั้นๆไปจังหวัดลำปาง หรือ เขลางค์นคร 12-15 มิถุนายน 2558 ไฮไลท์ของทริปนี้คือไปไหว้พระธาตุลอยฟ้าที่วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ อ.แจ้ห่ม Unseen Thailand ที่ดอยภูผาหมอก

สาเหตุที่ผมจัดทริปกระทันหันประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนเดินทาง เนื่องจากโปรโมชั่นของบางกอกแอร์เวย์ ให้ใช้คะแนน Flyer Bonus เพียง 50% โดยเดินทางภายในประเทศปกติ 100 คะแนนต่อตั๋วเครื่องบิน 1 เที่ยว แต่โปรโมชั่นเพียง 50 คะแนน ต่อเที่ยว ดังนั้นทริปนี้ผมใช้คะแนน Flyer Bonus เพียง 100 คะแนน ซึ่งต้องเดินทางก่อนวันที่ 20 มิถุนายน 2558 สำหรับตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ เส้นทาง ภูเก็ต-เชียงใหม่-ภูเก็ต

อาหารบนเครื่องเป็น ข้าวราดแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย พิมพ์ไปน้ำลายไหลไป

ทริปนี้ผมเช่ารถจาก AVIS THAILAND รับรถที่สนามบินเชียงใหม่ ราคาพิเศษจองผ่านเวปไซต์ วันละ 761 บาท และซื้อประกันอีก 160 บาท ต่อวัน แบบคุ้มครองค่า Access ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เบื้องต้น 8000 บาทหากเกิดอุบัติเหตุ (ปกติจะไม่ซื้อประกันส่วนนี้ แต่ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ทริปนี้ผมซื้อประกันเพิ่ม แล้วก็เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยจริงๆ ติดตามในเนื้อหาด้านล่างครับ)

ถึงเชียงใหม่ประมาณ บ่ายสองโมง ก็ต้องหาอาหารกลางวันทานซักหน่อย ผมแวะร้าน โอ้กะจู๋ เป็นร้านอาหารที่ปลูกผักแบบออร์แกนิค ผักสด อร่อยเพื่อสุขภาพ มื้อนี้จัดสเต๊ก พอร์คช็อป กับน้ำผัก I For Liver

ทานเสร็จก็ขับรถไปยังเขลางค์นคร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็ถึงตัวเมืองลำปาง คืนนี้เราพักที่โรงแรม Ma Chic & Cozy Boutique Hotel เป็นเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ในคืนวันที่ 12 มิถุนายน 2558 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปีการเปิดโรงแรม ทางโรงแรมมีการให้จับฉลาก ผมได้รางวัลพักฟรี 1 คืน แบบไม่รวมอาหารเช้า โชคดีจริงๆ ตั๋วเครื่องบินก็ฟรี แล้วยังพักโรงแรมฟรีอีก ห้องพักน่ารักมากสีสันสดใส สะอาด อยู่ตรงข้ามเซ็นทรัลลำปางเลยครับ มีที่จอดรถสะดวกสบาย

วันแรกมาถึงก็ลองขับรถไปไหว้พระธาตุลำปางหลวง แต่พอไปถึง พระธาตุปิดแล้วเพราะเราไปถึงเวลา 17.30 น ซึ่งพระธาตุปิดให้เข้านมัสการเวลา 17.00 น. ก็ได้แค่เพียงถ่ายรูปจากด้านนอก

จากนั้นก็ขับรถกลับเข้ามายังตัวเมืองลำปาง เพื่อนั่งรถม้าชมเมืองลำปางรอบเล็ก ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ค่าใช้จ่าย 200 บาท

พักที่นี่ 1 คืนตื่นเช้ามา พนักงานแจ้งว่ามีแขกที่พักอยู่ขับรถเฉี่ยวรถที่ผมเช่ามาในช่วงเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ทางโรงแรมเห็นว่าเช้ามากเลยไม่ปลุกผม แต่แขกผู้ที่เฉี่ยวชนก็ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้และยินดีที่จะรับผิดชอบ นี่คือเหตุบังเอิญที่ผมซื้อประกันรถยนต์เพิ่มพอดีเลยไม่จำเป็นต้องหาคู่กรณี ซึ่งปกติจะไม่ซื้อ ถือว่าโชคเข้าข้างซุปตาร์ซะแล้ว มีรอยถลอกด้านหน้าขวาของกันชนเห็นได้ชัดเจน ก็โทรไปแจ้งกับ AVIS เค้าบอกว่าไม่เป็นไร ก็ให้มาเซ็นเอกสารระบุเหตุการณ์ตอนเอารถไปคืน เราก็คิดว่าแค่นี้เองเหรอ ? ไม่ถามถึงคู่กรณีเลยเหรอ ? แล้วก็แค่นี้จริงๆ

จากนั้นก็ไปหาอาหารเช้ารับประทาน เดิมทีวางแผนไว้ว่าจะทานก๋วยจั๊บชื่อดังที่สถานีรถไฟนครลำปาง แต่ก็เจอร้านโจ๊กแม่ลำแปลงซะก่อนดูน่ากิน กลิ่นหอมโชยมา รสชาติอร่อยมาก ขอแนะนำเลยครับ

จากนั้นก็แวะไปถ่ายภาพสภานีรถไฟนครลำปาง บรรยากาศดีมาก แดดร้อนจึงรีบถ่ายรูปรีบเดินทางต่อไปครับ

ซุปตาร์ตัดสินใจ ขับรถกับไปนมัสการพระธาตุลำปางหลวงอีกครั้งครับ เพราะเมื่อวานไปไม่ทัน เชิญร่วมอนุโมทนาบุญกันนะครับ

จากนั้นก็เดินทางผ่านตัวเมืองลำปางก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ มายังอำเภอแจ้ห่ม เพื่อมากราบนมัสการพระธาตุลอยฟ้า ณ วัดเฉลิมพระเกียรติ มาถึงจุดแรกเป็นลานจอดรถ เราก็เอารถจอดไว้ แล้วซื้อตั๋วรถปิ๊กอัพเพื่อนำพวกเราขึ้นไปยังยอดดอย ค่ารถคนละ 100 บาท ไป-กลับ

ใช้เวลาประมาณ 10 นาที เราก็มาถึงจุดพักรถ

เริ่มต้นเดินกันแล้วครับ ณ จุดนี้

เดินทางราบมาได้ประมาณ 500 เมตร เราก็ถึงจุดพลิกผันของทริป เป็นจุดเริ่มทางเดินขึ้นยอดดอย อีกประมาณ 300 เมตร เป็น 300 เมตรที่เหนื่อยมาก แต่เนื่องจากซุปตาร์ออกกำลังกายประจำ เดินแค่นี้สบายมากครับ

ภาพระหว่างทาง แฮ่กๆๆๆๆ เราโชคดีแค่ไหนแล้วที่เค้าทำบันไดไว้ให้เดิน นึกถึงคนบุกเบิกสิครับ จะเหนื่อยขนาดไหน

ถึงแล้วครับ

พักเหนื่อยซักแป๊บก็ปีนบันไดไม้ไผ่ ขึ้นไปชมพระธาตุบนยอดดอย อุ๊ยลืมแขม่วพุง

ถึงแล้วครับ หายเหนื่อยเลย วิวสวยมาก 360 องศาเลย

เดินลงมาจัดกาแฟสดซักแก้ว ที่ร้านนี้ชื่นใจก่อนลงรถกลับไปยังตีนดอย เพื่อกลับไปเอารถ

เนื่องจากหิวมาก แต่ผมแพลนไว้แล้วว่าจะต้องมาทานอาหารร้านนี้ ชื่อร้านแอ่วอิ่ม อยู่ตรงข้ามหมวดการทางแจ้ห่ม
อาหารน่ากิน และอร่อยมาก เยอะด้วย เป็นร้านที่เด่นที่สุดในแจ้ห่มเลยทีเดียว

จากนั้นก็เดินทางไปยังรีสอร์ตที่จองไว้ ไร่หญ้าแจ้ซ้อนรีสอร์ต ขับรถต่อไปประมาณ 19 กิโลเมตร เข้าที่พักชาร์จแบตได้ซักพัก ก็เดินทางเข้าอุทยานเพื่อไปแช่น้ำแร่ มโนว่าเป็น อองเซ็น ยามอากาศหนาวที่ญี่ปุ่น แต่จริงๆ ร้อนมาก แล้วต้องมาแช่น้ำร้อนอีก 555 แช่ได้แค่เท้านะครับ

จากนั้นก็กลับมาดินเนอร์ที่รีสอร์ต ไร่หญ้าแจ้ซ้อนรีสอร์ต ถ้าเป็นหน้าหนาว ที่นี่คงสวย และน่าพักน่าดู อาหารก็อร่อย บรรยากาศดี แถมที่นี่ยังปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่เองด้วยนะครับ

พักที่นี่ 1 คืน ก็ขับรถกลับมาเชียงใหม่ ใช้เส้นทางดอยสเก็ต ลัดเลาะภูเขาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มาพักที่โรงแรม Hug Collection แถวถนนนิมมานต์ ครับ
ห้องพักน่ารักมาก จองผ่าน อโกด้า คืนละ 900 บาทเองครับ แวะจิบกาแฟ