เมื่อต้นเดือนมิถุนาที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสไปเรียนภาษาอังกฤษฟรีที่ลอนดอน 2 สัปดาห์ ซึ่งโอกาสดีๆที่ได้ก็เป็นรางวัลจากการประกวด Photo Contest ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนส่งภาพถ่ายเข้าประกวดในหัวข้อ”งานฉลองเปิดตัวสาขาใหม่ในประเทศไทย” ของสถาบันสอนภาษาชื่อดังแห่งหนึ่ง เราเลยอยากจะกลับมาเล่าและแบ่งปันประสบการณ์การการใช้ชีวิตในเมืองผู้ดีให้เพื่อนๆได้ฟัง ปล.ครั้งนี้เป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกของเรา แถมยังไปคนเดียวด้วย เลยตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ แล้วพอยิ่งรู้ว่าได้ไปอังกฤษ เรายิ่งฟินเข้าไปอีก เหมือนฝันกำลังจะกลายเป็นจริงอะไรแบบนั้นเลย ดีใจเวอร์
การเตรียมตัวก่อนเดินทาง
วีซ่าและเอกสารการเดินทางต่างๆ ส่วนใหญ่พี่ๆทีมงานที่ไทยจะดูแลเรื่องเอกสาร จัดการเรื่องวีซ่า และเดินเรื่องให้เราทุกอย่าง เราแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ฮ่าๆ ส่วนเรื่องสถานที่เรียน เราสามารถเลือกเมืองได้ว่าอยากเรียนเมืองไหนในประเทศอังกฤษ แต่ด้วยความที่เราไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน ไม่ค่อยมีประสบการณ์การเลือกเมืองสักเท่าไหร่ เราเลยเลือกจากเมืองที่เดินทางสะดวกที่สุด แหล่งกิน ช้อป เที่ยวเยอะที่สุด ก็เลยเป็นสาเหตุให้เราเลือกลอนดอน เรื่องโฮสเราก็บอกรายละเอียดกับพี่ๆทีมงานไว้ว่าเราแพ้อะไรไหม กินเนื้อหรือๆไม่กินเนื้อสัตว์ก็แจ้งพี่ๆไว้ แล้วเขาก็จะหาบ้านโฮสที่เหมาะกับเราไว้ให้ ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบิน ไฟล์ทต่างๆ พี่ๆที่นี่ก็เป็นคนจองและดูแลให้หมดทุกอย่าง ซึ่งเราได้ไปของสายการบิน British Airway บิน 12 ชั่วโมงตรงถึง Heathrow เลย บริการดีมาก พร้อมมีอาหารระหว่างการเดินทางให้ 2 มื้อ เลอค่ามากเบยย ฮ่าๆๆ
หลังจากนั้นพอถึงสนามบินก็จะมีเจ้าหน้าที่มารอรับ พร้อมชูป้ายโรงเรียนแบบที่เคยเห็นกันในทีวี แล้วบรรยากาศที่นู่นดีมากก อากาศเย็นๆ บ้านเมืองก็สะอาด เป็นระเบียบ
ที่พักและการเดินทาง
นี่เป็นทางไปบ้านโฮสเราเอง จะเห็นว่าบ้านที่นี่มันจะติดๆกัน แล้วในภาพตอนนั้นก็เป็นวันที่เราไปถึงวันแรก เวลาประมาณ 3 ทุ่มเกือบๆ 4 ทุ่มแต่ท้องฟ้ายังสว่างอยู่เลย อากาศดีมากกกก เย็นแบบสบายๆ (หรืออาจจะเพราะเราชอบอากาศเย็นด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ 555) จากสนามบินไปบ้านโฮสใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที บ้านที่เราอยู่ก็อยู่โซน 2 Mount View Rd ใช้เวลาจากบ้านไปโรงเรียนก็ประมาณ 30 นาที แค่เดินไปขึ้น Bus ลง Finsbury Park Station แล้วต่อ Tube ไปอีกทีนึง แต่ทุกอย่างไม่ได้ซับซ้อนแบบที่คิด เพราะที่นู่นการเดินทางสะดวก เป็นระบบ และเคร่งครัดเรื่องเวลามาก ทั้งป้ายที่รอรถ Bus และ Tube จะมีป้ายบอกเวลาขึ้นตลอดว่าอีกกี่นาทีรถจะมา ซึ่งจะทำให้เราคำนวณเวลาได้ว่าควรจะออกจากบ้านกี่โมงถึงจะไปขึ้นรถ Bus ทัน
แล้วนี่ก็เป็นห้องนอนของเราเอง อยู่ชั้นแรกเลย (บ้านโฮสเรามี 2 ชั้นและชั้นใต้หลังคาอีกชั้นนึง) ติดกับห้องครัวและห้องนั่งเล่น ส่วนในห้องโฮสเราเตรียมหนังสือภาษาอังกฤษ ดิกชันนารี่ นิยาย หนังสือพิมพ์อะไรแบบนี้ไว้ให้ที่ชั้นหนังสือ แล้วก็มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำการบ้านให้
อาหารการกิน
เรื่องนี้หลายคนคงพอรู้กันอยู่แล้วว่าคนอังกฤษจะชอบกินพวกขนมปัง พาสต้า ตอนเช้าก็จะเป็นซีเรียล แซนด์วิช อะไรประมาณนี้ ซึ่งตลอดเวลา 2 อาทิตย์อาหารเช้าเราก็จะเป็น English Breakfast บางวันก็ซีเรียลกับนม ส่วนกลางวันก็จะซื้อที่ Sainsbury’s Local แล้วไปนั่งกินที่ Park หรือบางทีก็กินร้านที่ไม่ไกลจากโรงเรียนมาก และนี่ก็เป็นร้านแรกที่ไปกินกับเพื่อนวันแรก (เราจำชื่อร้านไม่ได้งะ -*- แต่อยู่ใกล้ๆ Holbourn) ขนาดคนกินเก่งๆอย่างเราเจอเมนูนี้เข้าไปยังกินไม่หมด ต้องแบ่งกับเพื่อนคนละครึ่ง ฮ่าๆ
ตอนไปแรกๆเรากินแต่คิทแคทกับสตรอเบอรรี่ ชอบมากกก แล้วที่นู่นยิ่งน่ากิน เพราะนอกจากจะลูกใหญ่แล้ว กลิ่นยังหอมน่าชวนให้อยากกินเข้าไปอีก
ส่วนมื้อเย็นโฮสก็จะเตรียมไว้ให้เราอยู่แล้ว ซึ่งแต่ละวันเมนูก็จะหลากหลาย และแตกต่างกันไป โฮสเราเป็นคนรักสุขภาพมาก คือไม่ว่าวันไหนเมนูจะเป็นอะไร จะต้องมีสลัดด้วยเสมอ ด้วยความที่ติดรสชาติแบบไทยๆ ตอนไปเลยอดคิดถึงอาหารไทยไม่ได้ เรียนๆอยู่บางทีก็ส้มตำเอย ไก่ย่างเอย ลอยมาเต็มหัวไปหมด แต่สำหรับเราร้าน Nando’s ก็พอจะช่วยได้ให้หายคิดถึงอาหารไทยได้อยู่นะ ถึงแม้จะไม่ใช่ร้านอาหารไทย แต่ก็มีทั้งไก่ (ซึ่งเป็นของโปรดเราอยู่แล้ว ^++^) เบอร์เกอร์ สลัด สเต็ก และสิ่งที่พอจะแทนที่อาหารไทยได้ก็คงเป็นซอสของที่นี่นี่และ Spicy เผ็ดถึงลิ้นมาก แบบ..แซบลืมมมมม
คอร์สเรียน
มาถึงเรื่องการเรียนการสอนของสถาบันสอนภาษาที่เราได้ทุนมา วันแรกก็จะมีปฐมนิเทศ ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ และสอบวัดระดับ โดยแบ่งเป็น 6 ระดับ เริ่มจาก elementary > lower intermediate > intermediate > higher intermediate > advanced > proficiency หลังจากนั้นเขาก็จะจัดตารางเรียนมาให้เรา ตอนนั้นเราได้คลาสเรียนตอนบ่าย แต่ด้วยความที่ไปเรียนแค่ 2 อาทิตย์ อยากใช้เวลาที่นู่นให้คุ้ม และเที่ยวให้เยอะที่สุด 5555 เราเลยไปขอเปลี่ยนเป็นเรียนเช้าแทน แต่จะเปลี่ยนตารางเรียนก็ต้องใช้เวลา สรุปคืออาทิตย์แรกเราได้เรียนบ่าย และอีกอาทิตย์เรียนเช้า ฮ่าๆ บรรยากาศการเรียนดีมาก ได้พูด ได้แสดงความคิดเห็นบ่อย บางทีก็มีเล่นเกมบ้าง เพื่อนๆที่นู่นก็หลากหลาย ในคลาสเรามีท้ัง รัสเซีย จีน เยอรมัน เกาหลีใต้ บราซิล และฝรั่งเศส คือ จริงอยู่ว่าทุกคนมาจากคนละมุมโลก อายุ หรือนิสัยใจคอก็อาจจะแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่ทุกๆคนมีคือความตั้งใจที่จะพัฒนาทักษะทางภาษา ทุกคนกล้าพูด กล้าถาม กล้าเถียงในประเด็นที่ตัวเองมั่นใจ (สำหรับเราถ้าเรียนที่ไทยบรรยากาศมันจะเงียบๆ) เวลาเรียนที่นี่มันเลยเต็มไปด้วยความสนุก และเสียงหัวเราะ
เที่ยวอังกฤษ
ปกติที่โรงเรียนจะมีตารางกิจกรรมของนักเรียนให้อยู่แล้ว ทั้งดูหนัง ไป Boat Trip ชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ปั่นจักรยาน เที่ยวนอกเมืองในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ รวมไปถึงทริปเที่ยว Paris, Amsterdam, Bruges และ Edinburgh อีกด้วย ตรงนี้เรามีสิทธิ์เลือกว่าจะไปหรือไม่ไปก็ได้ แต่เราเลือกไปทุกที่ที่โรงเรียนพาไปเลย ไหนๆก็ได้มาแล้ว ขอจัดเต็มนิดนุง มาเริ่มกันที่ทริปแรก ไป Oxford and Cambridge ที่โรงเรียนก็จะมีไกด์คอยพาเราเที่ยว คอยแนะนำว่าควรไปไหน ทำอะไร อาหารร้านไหนอร่อย จำได้ว่าตอนนั้นไปถึงประมาณ 9 โมงเช้า เริ่มจาก Cambridge ก่อน (เสียดายที่วันนั้นไม่ได้เข้าไปข้างในมหาลัย เพราะตรงกับวันสอบพอดี TT ) ตอนนั้นบรรยากาศดีมากเลย คนไม่พลุกพล่าน อารมณ์เหมือนอยู่ในแฮร์รี่พอตเตอร์
มาถึง Market Hill เป็นตลาดทั่วๆไป มีอาหาร เครื่องประดับต่างๆขาย อาหารไทยก็มีนะ หรือถ้าอยากลองสัมผัสบรรยากาศผู้ดีอังกฤษก็จะมีร้านชา กาแฟ ท้องถิ่นให้ลองเช่นกัน
และแล้วก็มาถึงที่ที่เรารอคอย Punting Time บนแม่น้ำแคมรอบๆ University of Cambridge ไม่ได้เข้าไปข้างใน อย่างน้อยได้เห็นข้างนอกก็ยังดี เรามั่นใจว่าถ้าใครได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้จะต้องรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่ทำให้เราอยากมาเรียนที่นี่ หรือไม่ก็รู้สึกขยันขึ้นอีกแน่นอน!
แล้วพอเดินมาอีกนิดนึงก็ถึง Oxford College สมแล้วที่ได้รับฉายาว่า the City of Dreaming Spires
หลังจากจบทริปนี้แล้ว วันรุ่งขึ้นก็มีทริปไป Bath, Stonehenge และ Salisbury ต่อ หากดูจากชื่อเมือง Bath ก็น่าจะพอเดาได้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวน่าจะเป็นโรงอาบน้ำโรมันที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกนั่นเอง แต่นอกจากโรงอาบน้ำแล้ว บรรยากาศของเมืองนี้ก็ยังมีมนต์เสน่ห์ และเอกลักษณ์ลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย
จากนั้นไปต่อกันที่ Salisbury เป็นเมือทางตะวันเฉียงใต้ของลอนดอน ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของที่นี่ได้แก่ แท่นหิน Stonehenge ที่ได้การประกาศเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ทั้งสวย แถมอากาศก็ดี๊ดี
ความฝันเป็นจริง เมื่อได้ทุนไปอังกฤษ!!
เมื่อต้นเดือนมิถุนาที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสไปเรียนภาษาอังกฤษฟรีที่ลอนดอน 2 สัปดาห์ ซึ่งโอกาสดีๆที่ได้ก็เป็นรางวัลจากการประกวด Photo Contest ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนส่งภาพถ่ายเข้าประกวดในหัวข้อ”งานฉลองเปิดตัวสาขาใหม่ในประเทศไทย” ของสถาบันสอนภาษาชื่อดังแห่งหนึ่ง เราเลยอยากจะกลับมาเล่าและแบ่งปันประสบการณ์การการใช้ชีวิตในเมืองผู้ดีให้เพื่อนๆได้ฟัง ปล.ครั้งนี้เป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกของเรา แถมยังไปคนเดียวด้วย เลยตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ แล้วพอยิ่งรู้ว่าได้ไปอังกฤษ เรายิ่งฟินเข้าไปอีก เหมือนฝันกำลังจะกลายเป็นจริงอะไรแบบนั้นเลย ดีใจเวอร์
วีซ่าและเอกสารการเดินทางต่างๆ ส่วนใหญ่พี่ๆทีมงานที่ไทยจะดูแลเรื่องเอกสาร จัดการเรื่องวีซ่า และเดินเรื่องให้เราทุกอย่าง เราแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ฮ่าๆ ส่วนเรื่องสถานที่เรียน เราสามารถเลือกเมืองได้ว่าอยากเรียนเมืองไหนในประเทศอังกฤษ แต่ด้วยความที่เราไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน ไม่ค่อยมีประสบการณ์การเลือกเมืองสักเท่าไหร่ เราเลยเลือกจากเมืองที่เดินทางสะดวกที่สุด แหล่งกิน ช้อป เที่ยวเยอะที่สุด ก็เลยเป็นสาเหตุให้เราเลือกลอนดอน เรื่องโฮสเราก็บอกรายละเอียดกับพี่ๆทีมงานไว้ว่าเราแพ้อะไรไหม กินเนื้อหรือๆไม่กินเนื้อสัตว์ก็แจ้งพี่ๆไว้ แล้วเขาก็จะหาบ้านโฮสที่เหมาะกับเราไว้ให้ ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบิน ไฟล์ทต่างๆ พี่ๆที่นี่ก็เป็นคนจองและดูแลให้หมดทุกอย่าง ซึ่งเราได้ไปของสายการบิน British Airway บิน 12 ชั่วโมงตรงถึง Heathrow เลย บริการดีมาก พร้อมมีอาหารระหว่างการเดินทางให้ 2 มื้อ เลอค่ามากเบยย ฮ่าๆๆ
หลังจากนั้นพอถึงสนามบินก็จะมีเจ้าหน้าที่มารอรับ พร้อมชูป้ายโรงเรียนแบบที่เคยเห็นกันในทีวี แล้วบรรยากาศที่นู่นดีมากก อากาศเย็นๆ บ้านเมืองก็สะอาด เป็นระเบียบ
นี่เป็นทางไปบ้านโฮสเราเอง จะเห็นว่าบ้านที่นี่มันจะติดๆกัน แล้วในภาพตอนนั้นก็เป็นวันที่เราไปถึงวันแรก เวลาประมาณ 3 ทุ่มเกือบๆ 4 ทุ่มแต่ท้องฟ้ายังสว่างอยู่เลย อากาศดีมากกกก เย็นแบบสบายๆ (หรืออาจจะเพราะเราชอบอากาศเย็นด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ 555) จากสนามบินไปบ้านโฮสใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที บ้านที่เราอยู่ก็อยู่โซน 2 Mount View Rd ใช้เวลาจากบ้านไปโรงเรียนก็ประมาณ 30 นาที แค่เดินไปขึ้น Bus ลง Finsbury Park Station แล้วต่อ Tube ไปอีกทีนึง แต่ทุกอย่างไม่ได้ซับซ้อนแบบที่คิด เพราะที่นู่นการเดินทางสะดวก เป็นระบบ และเคร่งครัดเรื่องเวลามาก ทั้งป้ายที่รอรถ Bus และ Tube จะมีป้ายบอกเวลาขึ้นตลอดว่าอีกกี่นาทีรถจะมา ซึ่งจะทำให้เราคำนวณเวลาได้ว่าควรจะออกจากบ้านกี่โมงถึงจะไปขึ้นรถ Bus ทัน
แล้วนี่ก็เป็นห้องนอนของเราเอง อยู่ชั้นแรกเลย (บ้านโฮสเรามี 2 ชั้นและชั้นใต้หลังคาอีกชั้นนึง) ติดกับห้องครัวและห้องนั่งเล่น ส่วนในห้องโฮสเราเตรียมหนังสือภาษาอังกฤษ ดิกชันนารี่ นิยาย หนังสือพิมพ์อะไรแบบนี้ไว้ให้ที่ชั้นหนังสือ แล้วก็มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำการบ้านให้
เรื่องนี้หลายคนคงพอรู้กันอยู่แล้วว่าคนอังกฤษจะชอบกินพวกขนมปัง พาสต้า ตอนเช้าก็จะเป็นซีเรียล แซนด์วิช อะไรประมาณนี้ ซึ่งตลอดเวลา 2 อาทิตย์อาหารเช้าเราก็จะเป็น English Breakfast บางวันก็ซีเรียลกับนม ส่วนกลางวันก็จะซื้อที่ Sainsbury’s Local แล้วไปนั่งกินที่ Park หรือบางทีก็กินร้านที่ไม่ไกลจากโรงเรียนมาก และนี่ก็เป็นร้านแรกที่ไปกินกับเพื่อนวันแรก (เราจำชื่อร้านไม่ได้งะ -*- แต่อยู่ใกล้ๆ Holbourn) ขนาดคนกินเก่งๆอย่างเราเจอเมนูนี้เข้าไปยังกินไม่หมด ต้องแบ่งกับเพื่อนคนละครึ่ง ฮ่าๆ
ส่วนมื้อเย็นโฮสก็จะเตรียมไว้ให้เราอยู่แล้ว ซึ่งแต่ละวันเมนูก็จะหลากหลาย และแตกต่างกันไป โฮสเราเป็นคนรักสุขภาพมาก คือไม่ว่าวันไหนเมนูจะเป็นอะไร จะต้องมีสลัดด้วยเสมอ ด้วยความที่ติดรสชาติแบบไทยๆ ตอนไปเลยอดคิดถึงอาหารไทยไม่ได้ เรียนๆอยู่บางทีก็ส้มตำเอย ไก่ย่างเอย ลอยมาเต็มหัวไปหมด แต่สำหรับเราร้าน Nando’s ก็พอจะช่วยได้ให้หายคิดถึงอาหารไทยได้อยู่นะ ถึงแม้จะไม่ใช่ร้านอาหารไทย แต่ก็มีทั้งไก่ (ซึ่งเป็นของโปรดเราอยู่แล้ว ^++^) เบอร์เกอร์ สลัด สเต็ก และสิ่งที่พอจะแทนที่อาหารไทยได้ก็คงเป็นซอสของที่นี่นี่และ Spicy เผ็ดถึงลิ้นมาก แบบ..แซบลืมมมมม
มาถึงเรื่องการเรียนการสอนของสถาบันสอนภาษาที่เราได้ทุนมา วันแรกก็จะมีปฐมนิเทศ ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ และสอบวัดระดับ โดยแบ่งเป็น 6 ระดับ เริ่มจาก elementary > lower intermediate > intermediate > higher intermediate > advanced > proficiency หลังจากนั้นเขาก็จะจัดตารางเรียนมาให้เรา ตอนนั้นเราได้คลาสเรียนตอนบ่าย แต่ด้วยความที่ไปเรียนแค่ 2 อาทิตย์ อยากใช้เวลาที่นู่นให้คุ้ม และเที่ยวให้เยอะที่สุด 5555 เราเลยไปขอเปลี่ยนเป็นเรียนเช้าแทน แต่จะเปลี่ยนตารางเรียนก็ต้องใช้เวลา สรุปคืออาทิตย์แรกเราได้เรียนบ่าย และอีกอาทิตย์เรียนเช้า ฮ่าๆ บรรยากาศการเรียนดีมาก ได้พูด ได้แสดงความคิดเห็นบ่อย บางทีก็มีเล่นเกมบ้าง เพื่อนๆที่นู่นก็หลากหลาย ในคลาสเรามีท้ัง รัสเซีย จีน เยอรมัน เกาหลีใต้ บราซิล และฝรั่งเศส คือ จริงอยู่ว่าทุกคนมาจากคนละมุมโลก อายุ หรือนิสัยใจคอก็อาจจะแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่ทุกๆคนมีคือความตั้งใจที่จะพัฒนาทักษะทางภาษา ทุกคนกล้าพูด กล้าถาม กล้าเถียงในประเด็นที่ตัวเองมั่นใจ (สำหรับเราถ้าเรียนที่ไทยบรรยากาศมันจะเงียบๆ) เวลาเรียนที่นี่มันเลยเต็มไปด้วยความสนุก และเสียงหัวเราะ
ปกติที่โรงเรียนจะมีตารางกิจกรรมของนักเรียนให้อยู่แล้ว ทั้งดูหนัง ไป Boat Trip ชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ปั่นจักรยาน เที่ยวนอกเมืองในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ รวมไปถึงทริปเที่ยว Paris, Amsterdam, Bruges และ Edinburgh อีกด้วย ตรงนี้เรามีสิทธิ์เลือกว่าจะไปหรือไม่ไปก็ได้ แต่เราเลือกไปทุกที่ที่โรงเรียนพาไปเลย ไหนๆก็ได้มาแล้ว ขอจัดเต็มนิดนุง มาเริ่มกันที่ทริปแรก ไป Oxford and Cambridge ที่โรงเรียนก็จะมีไกด์คอยพาเราเที่ยว คอยแนะนำว่าควรไปไหน ทำอะไร อาหารร้านไหนอร่อย จำได้ว่าตอนนั้นไปถึงประมาณ 9 โมงเช้า เริ่มจาก Cambridge ก่อน (เสียดายที่วันนั้นไม่ได้เข้าไปข้างในมหาลัย เพราะตรงกับวันสอบพอดี TT ) ตอนนั้นบรรยากาศดีมากเลย คนไม่พลุกพล่าน อารมณ์เหมือนอยู่ในแฮร์รี่พอตเตอร์
และแล้วก็มาถึงที่ที่เรารอคอย Punting Time บนแม่น้ำแคมรอบๆ University of Cambridge ไม่ได้เข้าไปข้างใน อย่างน้อยได้เห็นข้างนอกก็ยังดี เรามั่นใจว่าถ้าใครได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้จะต้องรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่ทำให้เราอยากมาเรียนที่นี่ หรือไม่ก็รู้สึกขยันขึ้นอีกแน่นอน!
หลังจากจบทริปนี้แล้ว วันรุ่งขึ้นก็มีทริปไป Bath, Stonehenge และ Salisbury ต่อ หากดูจากชื่อเมือง Bath ก็น่าจะพอเดาได้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวน่าจะเป็นโรงอาบน้ำโรมันที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกนั่นเอง แต่นอกจากโรงอาบน้ำแล้ว บรรยากาศของเมืองนี้ก็ยังมีมนต์เสน่ห์ และเอกลักษณ์ลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย