" ขอขอบคุณทุกท่านที่เผลอกดเข้ามาอ่านกระทู้นี้ก่อนเลยนะครับ เอิ๊ก ๆ "
สวัสดีครับผม... ก่อนอื่นขอผมแนะนำตัวก่อนสักนิดนะครับ อิอิ
ผมเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกที่อยู่ใกล้กับทะเลมากกกกก (ถ้าจะอธิบายขนาดนี้ก็บอกชื่อมหาวิทยาลัยเถอะจ่ะ)
คือตั้งแต่ผมเรียนในระดับอุดมศึกษามายังไม่เคยได้ไปออกค่ายที่ไหนเลย ใจนึงก็อยากไปมาก แต่ก็ไม่รู้จะไปกะใคร ไปไหนยังไง
แต่แล้ว... สิ่งที่ผมรอคอยก็มาถึง 55555 มีวันนึงเพื่อนผมคนนึงได้ติดต่อผมให้ไปช่วยถ่ายรูปให้ ผมก็ถามรายละเอียดไปเรื่อยๆ
พอได้ยินคำว่า... " ค่ายอาสา " ผมนี่หูผึ่งเลยครัช แทบจะตอบตกลงไปช่วยในแทบจะทันที
แต่ใจจริงตอนนั้นคือ เอาละวะ เดี๋ยวได้ไปดูน้องๆหนูๆ เด็กนักเรียนวัยกำลังเติบโต(เอิ่มมม... เดี๋ยวๆ ไหนบอกอยากไปทำค่าย)
หลังจากนั้นผมก็รออยู่เรื่อยมา เรื่อยมา และเรื่อยมา(ทำไมมันนานจังวะ ? ใจจะขาดแล้วโว้ยยยยยย)
นั่น.. ผมเกือบลืมบอกไปเลยว่าค่ายที่ว่านี้ก็คือ...
" ค่ายคนเปื้อนชอร์ก Special #7 " โดยคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาครับ
และแล้ววววว.... สิ่งที่ผมรอคอยก็มาถึง(แอบหัวเราะแบบจิตๆนิดนึง) วันที่ 19 มิถุนายน 2558
ผมแทบจะไม่ได้นอนก่อนที่จะอาบน้ำแต่งตัวแล้วเก็บสัมภาระออกจากหอพัก เอาจริงๆคือมันตื่นเต้นที่จะได้ไปออกค่าย ไปเจอน้องๆ ไปทำกิจกรรมข้างนอกรั้วมหาวิทยาลัย แต่ถามว่าตอนนั้นมีอาการง่วงมั้ย ? บอกได้เลยว่า... แทบจะไม่มีอยู่ซักกะนิด 5555

พอน้องๆนักเรียนที่เดินทางกันมาจากทั่วทุกสารทิศลงทะเบียนเสร็จเราก็เข้าห้องประชุมเพื่อรอท่านประธานทำพิธีเปิดค่าย
ในระหว่างที่กำลังรอท่านประธาน เราก็มีสันทนาการโดยทีมงาน " มะพร้าว " ซึ่งเป็นกองสันทนาการของคณะศึกษาศาสตร์ ม.บูรพา
มีทั้งร้อง ทั้งเต้น ทั้งเล่นเกม เยอะแยะไปหมด บางจังหวะผมเองก็มีหลุดโยกไปกับเค้าด้วย อิอิ

ก็สนุกสุดเหวี่ยงกันอยู่เป็นพักๆ น้องๆนักเรียนหลายคนก็ดูจะมีความสุขกับกิจกรรมสันทนาการก็ถือว่าได้อารมณ์ไปอีกแบบ

หลังจากนั้นก็เสร็จสิ้นการสันทนาการต่อด้วยเปิดค่ายและออกเดินทาง ซึ่งช่วงนี้ผมไม่มีรูปเลยซักกะใบ(ก็มัวแต่ไปนั่งเล่นกีตาร์จีบสาวอยู่ข้างนอกห้องประชุม พอขึ้นรถก็พักสายตา มันจะมีรูปได้ไงละ เห้อออออ) แต่ไม่เป็นไรหรอกเนอะ ลัดไปตอนถึงโรงเรียนเลยก็ได้

ต๊ะ ดามมมม ม มม ม.... ถึงโรงเรียนแล้วครัชชชชชช ก่อนอื่นก็ขอเล่าถึงโรงเรียนคร่าวๆก่อนเลย
โรงเรียนวัดทุ่งเหียง เป็นโรงเรียนประถมที่อยู่ในชนบทแห่งหนึ่งในอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี โดยจะอยู่ติดกับวัดทุ่งเหียง(ซึ่งข้างๆโรงเรียนติดเมรุเผาศพ และวันที่ผมไปก็ดันมีงานศพวันแรกซะด้วย อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้)

เด็กนักเรียนในโรงเรียนส่วนใหญ่เป็น
" ชาวเขาเผ่าม้ง " (ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกครับ แต่พอฟังน้องหลายๆคนพูดแล้วมันเป็นภาษาแปลกๆเลยถึงบางอ้อครับ) พออ่านถึงตรงนี้หลายคนอาจจะงงใช่มั้ยครับว่า... ที่ชลบุรีมีชาวเขาด้วยเหรอ ??? ไม่ยักกะรู้
คำตอบคือ... " ไม่ใช่ครับ " เด็กเหลา่นี้ไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ที่นี่หรือเกิดในแถบนี้ แต่เป็นเด็กที่หลวงพ่อท่านเจ้าอาวาสไปขอมาเลี้ยง ให้มาเรียนที่โรงเรียนนี้และให้มาอาศัยอยู่ที่วัดทุ่งเหียง โดยเด็กทั้งหมดที่ขอมาเลี้ยงกว่าหลวงพ่อท่านจะขอมาได้แต่ละคนก็ลำบากแทบตาย พ่อแม่เด็กแทบจะฆ่าแกงเอา(ผมฟังมานะครับ) ซึ่งท่านก็ไปรับมาจากทางภาคเหนืออย่างที่ท่านทั้งหลายคิดไว้นั่นแหละครับ ซึ่งพวกเขาต้องห่างบ้านมาเป็นระยะทางเกือบพันกิโลเมตร มีโอกาสได้กลับบ้านไปเจอหน้าพ่อแม่และครอบครัวแค่ช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคม เพราะช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนหลวงพ่อท่านจะให้บวชเรียนทั้งหญิงและชาย แต่เด็กที่นี่ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตลอดเวลานะครับ ทำตัวเหมือนที่นี่ไม่ได้ต่างจากบ้านของพวกเขา แล้วอีกอย่างคือ เด็กที่นี่จะมีสัมมาคารวะดีมาก เวลาที่เด็กๆเดินผ่านเรา เค้าจะก้มตัวเดินผ่านไปเหมือนกับเวลาที่เราเดินผ่านครูบาอาจารย์นั่นแหละครับ บ้างก็ยกมือไหว้ สวัสดีครับ... สวัสดีค่ะ... ตามประสาเด็ก บ้างก็วิ่งหนี(อันนี้ก็ไม่รู้ว่ากลัวกล้องหรือกลัวผมกันแน่) แต่โดยรวมให้ความร่วมมือดีมากครับ
*** ขอพักไว้แค่นี้ก่อนนะครับ 5 ชั่วโมงผ่านไป ตอนนี้ตาลายแล้ว ไว้จะมาต่อดึกๆครับ
จะรอให้คนอื่นมอบอะไรให้เรา.... หรือจะเอาอะไรไปมอบให้คนอื่น (ประสบการณ์ค่ายอาสาครั้งแรก)
สวัสดีครับผม... ก่อนอื่นขอผมแนะนำตัวก่อนสักนิดนะครับ อิอิ
ผมเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกที่อยู่ใกล้กับทะเลมากกกกก (ถ้าจะอธิบายขนาดนี้ก็บอกชื่อมหาวิทยาลัยเถอะจ่ะ)
คือตั้งแต่ผมเรียนในระดับอุดมศึกษามายังไม่เคยได้ไปออกค่ายที่ไหนเลย ใจนึงก็อยากไปมาก แต่ก็ไม่รู้จะไปกะใคร ไปไหนยังไง
แต่แล้ว... สิ่งที่ผมรอคอยก็มาถึง 55555 มีวันนึงเพื่อนผมคนนึงได้ติดต่อผมให้ไปช่วยถ่ายรูปให้ ผมก็ถามรายละเอียดไปเรื่อยๆ
พอได้ยินคำว่า... " ค่ายอาสา " ผมนี่หูผึ่งเลยครัช แทบจะตอบตกลงไปช่วยในแทบจะทันที
แต่ใจจริงตอนนั้นคือ เอาละวะ เดี๋ยวได้ไปดูน้องๆหนูๆ เด็กนักเรียนวัยกำลังเติบโต(เอิ่มมม... เดี๋ยวๆ ไหนบอกอยากไปทำค่าย)
หลังจากนั้นผมก็รออยู่เรื่อยมา เรื่อยมา และเรื่อยมา(ทำไมมันนานจังวะ ? ใจจะขาดแล้วโว้ยยยยยย)
นั่น.. ผมเกือบลืมบอกไปเลยว่าค่ายที่ว่านี้ก็คือ... " ค่ายคนเปื้อนชอร์ก Special #7 " โดยคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาครับ
และแล้ววววว.... สิ่งที่ผมรอคอยก็มาถึง(แอบหัวเราะแบบจิตๆนิดนึง) วันที่ 19 มิถุนายน 2558
ผมแทบจะไม่ได้นอนก่อนที่จะอาบน้ำแต่งตัวแล้วเก็บสัมภาระออกจากหอพัก เอาจริงๆคือมันตื่นเต้นที่จะได้ไปออกค่าย ไปเจอน้องๆ ไปทำกิจกรรมข้างนอกรั้วมหาวิทยาลัย แต่ถามว่าตอนนั้นมีอาการง่วงมั้ย ? บอกได้เลยว่า... แทบจะไม่มีอยู่ซักกะนิด 5555
พอน้องๆนักเรียนที่เดินทางกันมาจากทั่วทุกสารทิศลงทะเบียนเสร็จเราก็เข้าห้องประชุมเพื่อรอท่านประธานทำพิธีเปิดค่าย
ในระหว่างที่กำลังรอท่านประธาน เราก็มีสันทนาการโดยทีมงาน " มะพร้าว " ซึ่งเป็นกองสันทนาการของคณะศึกษาศาสตร์ ม.บูรพา
มีทั้งร้อง ทั้งเต้น ทั้งเล่นเกม เยอะแยะไปหมด บางจังหวะผมเองก็มีหลุดโยกไปกับเค้าด้วย อิอิ
ก็สนุกสุดเหวี่ยงกันอยู่เป็นพักๆ น้องๆนักเรียนหลายคนก็ดูจะมีความสุขกับกิจกรรมสันทนาการก็ถือว่าได้อารมณ์ไปอีกแบบ
หลังจากนั้นก็เสร็จสิ้นการสันทนาการต่อด้วยเปิดค่ายและออกเดินทาง ซึ่งช่วงนี้ผมไม่มีรูปเลยซักกะใบ(ก็มัวแต่ไปนั่งเล่นกีตาร์จีบสาวอยู่ข้างนอกห้องประชุม พอขึ้นรถก็พักสายตา มันจะมีรูปได้ไงละ เห้อออออ) แต่ไม่เป็นไรหรอกเนอะ ลัดไปตอนถึงโรงเรียนเลยก็ได้
ต๊ะ ดามมมม ม มม ม.... ถึงโรงเรียนแล้วครัชชชชชช ก่อนอื่นก็ขอเล่าถึงโรงเรียนคร่าวๆก่อนเลย
โรงเรียนวัดทุ่งเหียง เป็นโรงเรียนประถมที่อยู่ในชนบทแห่งหนึ่งในอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี โดยจะอยู่ติดกับวัดทุ่งเหียง(ซึ่งข้างๆโรงเรียนติดเมรุเผาศพ และวันที่ผมไปก็ดันมีงานศพวันแรกซะด้วย อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้)
เด็กนักเรียนในโรงเรียนส่วนใหญ่เป็น " ชาวเขาเผ่าม้ง " (ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกครับ แต่พอฟังน้องหลายๆคนพูดแล้วมันเป็นภาษาแปลกๆเลยถึงบางอ้อครับ) พออ่านถึงตรงนี้หลายคนอาจจะงงใช่มั้ยครับว่า... ที่ชลบุรีมีชาวเขาด้วยเหรอ ??? ไม่ยักกะรู้
คำตอบคือ... " ไม่ใช่ครับ " เด็กเหลา่นี้ไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ที่นี่หรือเกิดในแถบนี้ แต่เป็นเด็กที่หลวงพ่อท่านเจ้าอาวาสไปขอมาเลี้ยง ให้มาเรียนที่โรงเรียนนี้และให้มาอาศัยอยู่ที่วัดทุ่งเหียง โดยเด็กทั้งหมดที่ขอมาเลี้ยงกว่าหลวงพ่อท่านจะขอมาได้แต่ละคนก็ลำบากแทบตาย พ่อแม่เด็กแทบจะฆ่าแกงเอา(ผมฟังมานะครับ) ซึ่งท่านก็ไปรับมาจากทางภาคเหนืออย่างที่ท่านทั้งหลายคิดไว้นั่นแหละครับ ซึ่งพวกเขาต้องห่างบ้านมาเป็นระยะทางเกือบพันกิโลเมตร มีโอกาสได้กลับบ้านไปเจอหน้าพ่อแม่และครอบครัวแค่ช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคม เพราะช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนหลวงพ่อท่านจะให้บวชเรียนทั้งหญิงและชาย แต่เด็กที่นี่ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตลอดเวลานะครับ ทำตัวเหมือนที่นี่ไม่ได้ต่างจากบ้านของพวกเขา แล้วอีกอย่างคือ เด็กที่นี่จะมีสัมมาคารวะดีมาก เวลาที่เด็กๆเดินผ่านเรา เค้าจะก้มตัวเดินผ่านไปเหมือนกับเวลาที่เราเดินผ่านครูบาอาจารย์นั่นแหละครับ บ้างก็ยกมือไหว้ สวัสดีครับ... สวัสดีค่ะ... ตามประสาเด็ก บ้างก็วิ่งหนี(อันนี้ก็ไม่รู้ว่ากลัวกล้องหรือกลัวผมกันแน่) แต่โดยรวมให้ความร่วมมือดีมากครับ
*** ขอพักไว้แค่นี้ก่อนนะครับ 5 ชั่วโมงผ่านไป ตอนนี้ตาลายแล้ว ไว้จะมาต่อดึกๆครับ