[CR] คนไทยคนแรกกับตุ๊กตาผีโอคิคุ ฮอกไกโด

กระทู้รีวิว
สวัสดีครับ วันก่อนผมได้ทำรีวิวเทศกาลนามาฮาเกะหรืองานหน้ากากปีศาจที่เมืองโอกะไปแล้ว ซึ่งผมได้สัญญาว่าจะทำรีวิวเกี่ยวกับตุ๊กตาผี
โอคิคุให้ได้อ่านกัน
เกริ่นก่อนว่าทริปนี้เป็นการเดินทาง 15 วันของผมตั้งแต่จากโตเกียวขึ้นไปสู่ฮอกไกโด แต่เป้าหมายใหญ่ในการเดินทางครั้งนี้ก็คือมาเยี่ยม
ชมตุ๊กตาผีโอคิคุของจริง ซึ่งผมเลือกวันเดินทางช่วงเดือนมีนาคมเพราะว่าจะมีพิธีกรรมตัดผมผีตนนี้ให้เห็น และเมื่อผมเดินทางไปถึงที่นั่น
ก็นับว่าเป็นวินาทีที่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก อีกทั้งพระที่นั่นยังบอกว่าผมเป็นชาวต่างชาติคนแรกที่มาถึงที่นี่เลยนะ
เรื่องราวการค้นหาตุ๊กตาผีตัวนี้เป็นอย่างไงลองมาอ่านกันดูครับ



ตุ๊กตาผีโอคิคุคืออะไร?



เล่าเรื่องราวของน้องเขานิดหนึ่งก่อนว่ามีความเป็นมายังไง เรื่องราวมีอยู่ว่าครั้งสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีคู่พี่น้องคู่หนึ่งที่พี่ชายชื่อ เอคิชิ ซูซูกิ
และน้องสาวที่ชื่อว่า คิคุโกะ ซูซูกิ ซึ่งมีอยู๋วันหนึ่งที่ขณะสองพี่น้องไปเที่ยวในงานเทศกาล คิคุโกะได้ขอร้องให้พี่ชายซื้อตุ๊กตาญี่ปุ่นโบราณที่
เขาเรียกกันว่า อิชิมารุ นินเกียว โดยหลังจากที่เอคิชิซื้อให้น้องสาวแล้ว เธอก็ตั้งชื่อตุ๊กตาตัวนี้ว่า โอคิคุ (Okiku) แต่คิคุโกะมีชีวิตอยู่ได้เพียง
ปีเดียวก็เสียชีวิตด้วยโรคร้าย ซึ่งจังหวะนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เอคิชิไปออกรบในช่วงสงครามโลก เขาจึงฝากตุ๊กตาโอคิคุไว้ที่วัดเมนเนนจิ
เวลาผ่านไปจนสงครามจบลง เอคิชิกลับมายังบ้านของตัวเองและกลับไปที่วัดเพื่อขอตุ๊กตากลับคืน เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่า...
ตุ๊กตาผมยาวขึ้นเอง!!!
เอคิชิก็หลอนสิครับ ตุ๊กตาจากที่ผมยาวปะบ่าตอนนี้กลับยาวถึงหัวเข่าราวๆ 25 เซนติเมตร เขาเลยไม่กล้าเอากลับไปบ้านด้วย เพราะเขาเชื่อ
ว่าวิญญาณของน้องสาวสิงอยู่ในตุ๊กตาตัวนี้ เอคิชิจึงตัดสินใจยกให้กับทางวัดแห่งนี้ไปโดยถาวรเลย ซึ่งทางวัดก็ต้องทำพิธีสะกดวิญญาณและ
ค่อยตัดผมตุ๊กตาให้สั้นลงตามเดิมทุกวันที่ 21 มีนาคมของทุกๆ ปี
เรื่องราวนี้จึงเป็นที่โด่งดังเป็นอย่างมากที่วัดแห่งนี้

เล่าประวัติแล้ว มาถึงคราวที่ผมจะเล่าตอนที่ผมเดินมาตามหาน้องตุ๊กตาผมยาวกันบ้าง
อย่างที่บอกว่านอกจากทริปที่ผมจะมาท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว ไฮไลท์สำคัญของผมก็คือมาดูตุ๊กตาอาถรรพ์ตนนี้หน่อย
ผมซึ่งนั่งรถไฟขึ้นมาจากโตเกียวและพักเที่ยวเมืองซัปโปโรเป็นเวลา 3 วัน ซึ่ง ณ ตอนนั้นผมมีข้อมูลของที่อยู่น้องเขาเพียงแค่
1.อยู่ฮอกไกโด
2.อยู่วัดเมนเนนจิ
ตอนแรกผมเข้าใจว่าชาวฮอกไกโดจะรู้จักผีตุ๊กตาตัวนี้กันหมด แต่เปล่าเลยครับ แทบ 99% ไม่รู้จักชื่อนี้เลยด้วยซ้ำ ถือว่าเป็นเรื่องที่สร้างความ
แปลกใจให้แก่ผมมาก ตอนนั้นผมจึงต้องสืบทุกวิถีทาง โดยเริ่มแรกสอบถามข้อมูลจากทางโรงแรม ซึ่งทางโรงแรมได้สืบหาชื่อจากชื่อวัดที่ผม
บอกเขาไป (เมนเนนจิ) โชคดีที่เขาบอกว่าทั้งญี่ปุ่นมีอยู่สอง 2 คือที่เกียวโตกับที่ฮอกไกโด ผมเลยโล่งใจอยู่พอประมาณ เพราะกลัวว่าจะไปผิด
เมนเนนจินี้ไม่ฮาเลยนะ
เหมือนจะหมดเรื่องกังวลนะครับ แต่ข่าวร้ายเพิ่งจะเริ่มต้นแล้วต่างหาก...
เพราะว่าวัดแห่งนั้นไม่มีรถไฟผ่านนะครับพี่น้อง!!!
วันเดทไลท์ของผมคือวันที่ 21 มีนาคม ผมงี้ก็ไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไร จึงตัดสินใจไปยังสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ที่อยู่ก็คือที่
สถานีอิวามิซาว่า (Iwamizawa) ซึ่งเดินทางโดยรถไฟราวๆ 13 สถานีและใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการเดินทางจากสถานีซัปโปโร
เพื่อสอบถามรายละเอียดการเตรียมการให้แน่ชัดก่อน
"รถเมล์ก็ไม่มีน่ะค่ะ"
พระเจ้าช่วย! คำตอบของเจ้าหน้าที่รถประจำทางบอกผมทำเอาผมใจหายใจคว่ำเลย ทำไงล่ะทีนี้? ผมเหลือหนทางสุดท้ายก็คือขนส่ง
ที่แพงที่สุดของที่ญี่ปุ่น... แท็กซี่...
"ประมาณ 5000 เยนนะครับ"
ประเจ้าช่วยห้าพันเยนนี้เท่ากับ 1500 บาทเลยนะ ไปกลับก็ 3000 บาทแล้วล่ะงานนี้ แต่ถ้าผมก็ตั้งใจมาถึงตรงนี้แล้ว จะมายอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง
ผมจำใจต้องเลือกที่จะเดินทางโดยแท็กซี่

และแล้ววันที่ 21 มีนาคมก็มาถึง ผมงี้ตื่นตั้งแต่ 7 โมงเช้าและออกจากโรงแรมหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย โชคดีที่ผมถามเรื่องเวลาที่พิธีกรรม
จะเริ่มซึ่งก็คือ 11 โมงและจะเสร็จประมาณเที่ยงกว่าๆ หลังเช็คตารางเวลารถไฟ (รถไฟเขาตรงเวลามาก) เวลาเดินทางโดยแท็กซี่ ผมจะไปถึงที่หมาย
ก่อนพิธีเริ่ม 1 ชั่วโมง ซึ่งนับว่าเพียงพอสำหรับผมแล้ว
บรรยากาศการนั่งรถแท็กซี่พาผมเข้าไปยังหุบเขาที่ลึกและลี้ลับมากเลยครับ เพราะมีแต่กิ่งไม้แห้ง หิมะ บ้านนิดๆ หน่อยๆ ระหว่างทาง และภูเขาๆๆๆๆๆ
ดูแล้วสมแล้วที่ชาวญี่ปุ่นหลายคนจะไม่รู้จักตุ๊กตาผีตนนี้...



เนี่ยแหละครับ ภาพข้างบนคือจุดที่แท็กซี่มาจอด ตอนแรกผมเข้าใจว่าจะเป็นวัดเก่าๆ โบราณๆ แต่ไหนเลยกลับเป็นเหมือนกับบ้านคนซะมากกว่า แต่ว่าไง
ก็ว่าตามกันครับ ผมเริ่มจากเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ วัดเมนเนนจิก่อนเลย







เงียบเหงาและรกร้างดีใช่ไหมครับ...
ทีนี้ก็ถึงเวลาที่ผมจะเข้าไปดูตุ๊กตาในตำนานนี้สักทีแล้ว
ตึกๆ... ตึกๆ...
ไม่ได้เขียนเวอร์นะครับ แต่วินาทีนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นจริงๆ มีหญิงวัยกลางคนเปิดประตูต้อนรับผม ผมก้าวเท้าเข้าไปในห้องกว้างราวๆ 60 ตรม. ซึ่งตกแต่งสำหรับเป็นห้องสวดมนต์ กลิ่นธูปและดอกไม้ฟุ้งรอบห้องจนรู้สึกได้ถึงความขลัง...
และแล้ว...

  

โออิคุที่ยืนจังก้าแน่นิ่ง ดูแล้วทรงพลังอย่างบอกไม่ถูก มีชาวบ้านกำลังจุดธูปกราบไหว้อยู่สามคน



ผมยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาและเฝ้าสังเกตการณ์ อยู่พักหนึ่ง จนพวกเขาออกไป มีพระญี่ปุ่นเดินเข้าเดินออกและป้าสูงวัย 4 คนที่มองผมด้วยความฉงนว่า "มันเป็นใครวะ?"
"โอไฮยโยโกไซมัช" แม้จะเป็นคนต่างชาติเช่นผม แต่มารยาทของชาวญี่ปุ่นก็ไม่เคยดูแคลนคนตัวดำๆ เช่นผม ครั้นยังกล่าวให้การต้อนรับด้วยซ้ำ
ผมที่เงอะๆ งะๆ อยู่สักพักในที่สุดก็เริ่มนั่งบนเก้าอี้ที่เขาจัดเตรียมมาให้ สักพักมีเด็กสาววัยรุ่นเดินเข้ามาถามผมด้วยภาษาอังกฤษว่ามีอะไรให้ช่วยไหม
ผมก็แจ้งความประสงค์กับเธอไป เธอนั้นถึงกับตกอกตกใจที่รู้ว่าผมลงทุนนั่งแท็กซี่เพื่อมาดูน้องตุ๊กตาโดยเฉพาะเลยเหรอ เธองี้รีบบอกให้ผมเขียน
สมุดที่แวะเยี่ยมเยียนวัดทันทีเลย ตอนนั้นเองผมสังเกตเห็นป้ายห้ามถ่ายรูปน้องตุ๊กตาโอคิคุ ผมใจแทบขาดแนะ ถ้ามาถึงนี้แล้วถ่ายรูปไม่ได้ เลยขอร้อง
น้องผู้หญิงให้บอกทางพระให้หน่อยว่าขอให้ผมเป็นกรณีพิเศษเพราะเดินทางมาไกลมาก ซึ่งหลังจากที่เธอหายไปได้สักพัก เธอก็เซย์เยสให้เองผม
ทำเอาผมแทบจะร้องเฮ่เลยครับพี่น้อง

อ๋อ ลืมบอกว่าก่อนหน้านี้ผมบอกว่าเขาประมาณการณ์ว่าค่าแท็กซี่น่าจะราวๆ 5000 เยน แต่เอาเข้าจริงผมโดนไป 7000 เยนนะครัช! เท่ากับ 2500 บาท
เลยทีเดียว (แค่ขาไปนะ) ฝากบอกสำหรับใครที่บ้าอยากไปดูเหมือนกับผมนะครับว่าอาจจะมีกระเป๋าฉีกกันเลยนะครับ แต่โชคดีที่ขากลับน้องผู้หญิง
อาสาไปส่งผมที่สถานีรถไฟ ทำให้ผมประหยัดเงินไปได้เยอะเลย

ต่อครับระหว่างนั้นผมก็สำรวจสิ่งที่อยู่รอบข้างผมก็เจอรูปถ่ายโบราณและเครื่องรางที่ขายในราคา 300 เยนหรือ 100 บาท (ซึ่งผมขนกลับมาเกือบ 10 อันสำหรับแจกเพื่อนๆ เลยเชียว) อีกทั้งยังมีรูปของ อสูรน้อยคิทาโร่ จากเกะเกะเกะ โนะ คิทาโร่ ที่วาดโดย อ.มิซุกิ ชิเกรุ ด้วย แต่ผมไม่แน่ใจว่ารูปนี้เป็น
รูปต้นฉบับจากฝีมือ อ.แกจริงเลยไหมนะ









หลังจากที่ผมนั่งรออยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็ได้เวลาเริ่มต้นพิธีกรรมสักที แต่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่น้องผู้หญิงแจ้งกับผมว่าวันนี้จะมีเพียงพิธี
สวดมนต์เท่านั้น จะไม่มีการตัดผมตุ๊กตาแต่อย่างใด (ถามผม ผมคิดว่าน้องคิคุโกะคงไปเกิดใหม่แล้วล่ะ ผมเลยคงจะเลิกยาวแล้ว)
ขณะที่ใกล้ที่พิธีกรรมกรรมจะได้เวลาเริ่มต้นขึ้น เหล่าชาวบ้านสูงวัยเริ่มทะยอยเข้ามาในห้องนี้ ทุกคนต่างมีวัยตั้งแต่ 50 ขึ้นไปหมด
ซึ่งมารวมกันประมาณ 15 คน



จนกระทั่งมาถึงช่วงเวลา 11 โมง พิธีกรรมจึงเริ่มต้นดำเนินโดยพระญี่ปุ่น 3 คน มีการเคาะกลองและ
ร้องบทสวดมนต์ที่ผมไม่เข้าใจ ระหว่างการทำพิธีมีการส่งรถเข็นที่มีการเผาขี้เถ้าส่งกลิ่นเผาไหม้ฟุ้งไปทั่วห้อง แม้แต่ผมเองก็ลองทำตาม
กับเขาพร้อมกับยกมือไหว้ขอพรให้มีสิ่งดีๆ กับตุ๊กตาโอคิคุ ซึ่งตอนนั้นมีคนบางคนจะเดินออกมาข้างหน้าและบริจาคเงินและไหว้ต่อหน้า
พระพุทธรูปไปด้วย



เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยพร้อมกับจ้องมองตาตุ๊กตาโอคิคุไปด้วย



จนในที่สุดพิธีกรรมก็เสร็จสิ้นและเจ้าอาวาส (ผมคิดว่านะ ดูจากการแต่งตัว) ยืนพูดให้พรเหล่าผู้คนที่มาร่วมพิธี ก่อนที่จะเชิญชวนให้
ทุกคนรวมทั้งผมไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน ซึ่งมีข้าวกล่องผัดเห็ดและของดอง พร้อมซุปให้รับประทาน









ทุกคนให้ความสนอกสนใจผมเป็นพิเศษเพราะไม่เคยเห็นชาวต่างชาติมาที่วัดนี้มาก่อน แต่ทุกคนต่างพูดคุยน่ารักดีมากเลยครับ
ให้ความต้อนรับและเป็นกันเองกับผมเป็นอย่างมาก และสุดท้ายก็มีหญิงสาวที่ผมเล่าตอนต้นเป็นคนไปส่งผมกลับยังสถานีรถไฟในตอนท้าย
น้องเขายังฝากทิ้งท้ายว่าพิธีกรรมมีการจัดเช่นนี้ปีละ 4 ครั้ง แต่ถ้าใครอยากจะไปดูให้ชัวร์ก็ไปวันที่ 21 มีนาคมดีกว่านะครับ

ซึ่งหลังจากที่ไปดูตุ๊กตาผีโอคิคุสมใจแล้ว ต้องบอกเลยว่าผมไม่รู้สึกเสียดายหรือผิดหวังที่มาที่นี่นะครับ ไม่ใช่ว่าผมได้เห็นสิ่งแปลกปลอม
หรือว่าอภินิหารของตุ๊กตาผีตนนี้นะครับ แต่การที่มาได้ดูสิ่งที่เป็นความเชื่อว่าเคยมีอาถรรพ์หรือความลี้ลับ อย่างเช่น ผีบ่อน้ำโอคิคุที่ปราสาท
ฮิเมจิ หรือศาลเจ้าโออิวะที่โตเกียว ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นเหมือนกับอินเดียน่าโจนส์ที่กำลังได้ผจญภัยในแดนลึกลับด้วยตัวของตัวเอง

ขอบคุณที่ทำให้ผมได้ก้าวออกมาค้นพบโลกอันน่าค้นหาแห่งนี้
โทมัส
ปล.มีคำถามแอดเฟรนผมที่เฟสบุ๊ค "ทอมมัส โฟเกิล (แฟนพันธุ์แท้ ผีนานาชาติ)" ได้นะครับ
ชื่อสินค้า:   ตุ๊กตาผีโอคิคุ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่