อุบัติเหตุจราจรบ้านเรามีเยอะ ผมว่าไม่ใช่เรื่องของจิตสำนึกหรอก แต่เพราะกฎหมายไม่ถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวดมากกว่า

ถ้าพูดเรื่องจิตสำนึก ผมว่าไทย ลาว ญี่ปุ่น จีน ฝรั่ง ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกครับ แต่การที่มีกฎหมายเข้มงวดและต้องมีการบังคับใช้อย่างจริงจัง น่าจะได้ผลมากกว่า

ผมเคยนั่งรถยนต์ส่วนบุคคลที่เพื่อนต่างชาติขับที่ต่างประเทศ ทั้งยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิ่งที่ทุกคนกลัว คือกฎหมาย กลัวทำผิดกฎ กลัวโดนยึดใบขับขี่ กลัวโดนตัดแต้ม

เคยขับรถเองที่นิว ซีแลนด์ ได้พุดคุยกับเพื่อนๆ คนไทย ที่ไปขับที่โน่น ทุกคนก็ทำตามกฎอย่างเคร่งครัด บนทางหลวงห้ามเกิน 100 กม/ชม ทุกๆคันก็พร้อมใจกันขับ 95-100 กม/ชม (เร็วเกิน เนวิเกเตอร์จะร้อง) ในเขตเมือง ห้ามเกิน 50 กม/ชม ทุกๆ คนก็ลดระดับความเร็วลงไม่เกิน 50 กม อย่างพร้อมเพรียงกันอย่างน่าประหลาดใจ

เคยไปเยี่ยมเพื่อนที่เมลเบริน วันนึงจะนั่งรถกลับบ้าน มีกัน 6 คน (เด็กเล็กคนนึง) กฎที่โน่นเขาห้ามคนนั่งหลังเกิน 3 คน ไอ้เจ้าเพื่อนผม ถึงกับต้องแบ่งให้เพื่อนอีกคนนั่งรถไฟกลับเลยทีเดียวเพราะกลัวตำรวจจับ (เวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วนะนั่น) เรียกว่าปฎิบัติตามกฏกันอย่างเคร่งครัดมาก  

ทีนี้ เวลาฝรั่งต่างชาติ เขามาเมืองไทย กฎหมายบ้านเราย่อหย่อนในการบังคับใช้ เรื่องการขับรถผมไม่ทราบเพราะไม่ค่อยเห็นต่างชาติขับรถในไทย แต่เรื่องทั่วๆ ไปเช่น การข้ามถนน การทิ้งขยะ ต่างชาติก็ทำไม่ได้ดีไปกว่าคนไทยเลย (ยกตัวอย่างเฉยๆ นะครับ ให้พอเห็นภาพว่า พอไม่มีอะไรมาคุม คนที่เคยทำตามกฏอย่างเคร่งครัด ก็กลายมาเป็นปล่อยปละละเลยไป)

สรุปผมว่า เรื่องวินัยจราจรอย่าพูดถึงเรื่องจิตสำนึกหรือความรู้สึกชั่วดีเลยครับ เร่งการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดดีกว่า ใครทำผิดจริง จับจริง ปรับจริง ติดกล้องไว้เยอะๆ ใครขับไวเกินที่กฎหมายระบุ ย้อนศร ปาดเลน ไม่สวมหมวก ไม่เปิดไฟ และอื่นๆ ส่งหมายเรียก จับปรับให้หมด น่าจะแก้ปัญหาได้นะครับ คนเราถ้ารู้ว่าถ้าฝ่าฝืนกฎแล้วมีโอกาสโดนจับได้สูงมาก การทำผิดน่าจะน้อยลง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่