หาความหมายของชีวิต ปฏิบัติธรรม ถือศีล8 วัดมเหยงคณ์​ อยุธยา

หลายๆคนคงเคยผ่านปัญหามามากมาย บางปัญหาก็แก้ได้ บางปัญหาก็แก้ไม่ได้
ปัญหาที่แก้ไม่ได้มันก็เกิดความทุกข์ ความเสียใจ รบกวนจิตใจ ให้เราต้องคิดหาทางแก้ คิดจนเหนื่อย ไม่อยากคิดแล้ว จนบางครั้งรู้สึกว่าทำไมต้องเกิดกับเรา ทำไมคนอื่นไม่มีปัญหาอย่างเราเลย ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้ว ทุกคนล้วนเจอกับปัญหาและความเศร้าโศกเสียใจทั้งสิ้น เพียงแต่มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับบุญแต่กรรมของแต่ละคน

เจ้าของกระทู้เป็นสมาชิกของพันทิปมาพักนึงแล้วแต่ไม่เคยรีวิวอะไรเลย เคยแต่แอบไปอ่านกระทู้ต่างๆ  วันนี้ก็เลยอยากจะมารีวิวบ้างเผื่อว่าจะมีประโยชน์กับท่านอื่นที่กำลังประสบปัญหาและอยากสงบ อยากให้ตัวเองมีสติในการหาทางแก้ปัญหาได้
พูดถึงการหาความสงบให้ตัวเองก็คงไม่พ้นการไปวัด ทำบุญ ถวายสังฆทาน ปล่อยสัตว์ ทำบุญโลงศพ และอื่นๆ แต่วันนี้เจ้าของกระทู้ขอรีวิวการเอาตัวไปปฏิบัติ การนุ่งขาวห่มขาวและทานอาหารวันละ 2 มื้อ รวมถึงการถือศีล 8

“วัดมเหยงคณ์” สถานที่ปฏิบัติธรรมที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ อยู่ที่จังหวัดอยุธยา

ช่วงอาทิตย์ก่อนเราได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดมเหยงคณ์ เหตุเกิดมาจากช่วงนั้นเพิ่งลาออกจากงาน แล้วอีกวันนึงลุงเราก็เสีย ก็ไม่ใช่ลุงแท้ๆแต่ว่าตอนเป็นเด็กเราก็ไปบ้านลุงเค้าบ่อยๆ เพราะว่าเป็นซอยเดียวกับบ้านยายเรา ก็ไปๆมาๆ อยู่ตลอด  ลุงเคยเป็นอัมพาตแต่ก็ตอนหลังหายดีแล้วสามารถเดินได้แล้ว แต่ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆก็ตาม หรือด้วยเวรกรรมก็ทำให้ลุงถ่ายเป็นเลือด แล้วไม่ได้บอกลูกๆ ตอนหลังมารู้ ก็เอาตัวส่งโรงพยาบาล อยู่โรงพยาบาลไม่ถึงอาทิตย์เลย  แม่บอกว่าลุงดีขึ้นแล้วในวันที่แม่กับพ่อไปเยี่ยม แต่เราก็ติดตามข่าวคราวจากทางเฟสบุ๊คลูกพี่ลูกน้องเรา ซึ่งก็คือลูกของลุง  
2 คืนก่อนที่เราตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมลุง  เราก็เห็นคนมาโพสในเฟสของลูกพี่ลูกน้อง แบบขอแสดงความเสียใจด้วยกับการจากไป  เราเลยโทรไปหาป้าจะเที่ยงคืนแล้ว ปรากฏว่าลุงได้จากไปแล้วจริงๆ  มันทำให้เรานึกถึงตอนที่ย่าเสียเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้เสียใจมากๆ คือร้องไห้หนักมาก แต่กับลุงอาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้ใกล้ชิดมากมั้ง ก็เลยพอทำใจได้ แต่ถามว่า
ตกใจไหม บอกเลยว่าตกใจเพราะว่าตั้งใจจะไปเยี่ยมลุงที่โรงพยาบาลวันเสาร์ที่จะถึง วันที่ลุงเสียคือวันพฤหัส ทำให้เราคิดได้ว่าคนเราเมื่อถึงเวลาก็ต้องไปจากโลกนี้  ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ เมื่อถึงเวลาที่เราหมดบุญหมดกรรมในชาตินี้ เราก็ต้องไปตามกฎแห่งกรรม ไม่มีอะไรมายั้งเราไว้ได้ แต่อย่างน้อยๆลูกๆก็ได้ดูแลจนวินาทีสุดท้าย

เรากลับต่างจังหวัดเพื่อไปช่วยงานป้าแล้วก็ได้เจอญาติๆ ได้ช่วยญาติๆทำอาหารถวายพระและเตรียมอาหารให้ญาติๆที่มาแสดงความเสียใจ ฟังพระสวดมนต์ ในตอนเย็นๆ แต่หน้าที่หลักๆของเราก็คือการทำบัญชี คนที่มาร่วมทำบุญกับป้า
บางคนก็ให้ 100 200 300 มากสุดคือ 2000  ก็แล้วแต่ฐานะและความสนิทของแต่ละคน เราเองก็นอกจากจะช่วยงานป้าแล้วก็ร่วมเงินทำบุญกับป้าด้วย
คนไทยเราเวลามีงานศพ หลายๆคนก็มาช่วยงานในครัว ทำกับข้าว รวมถึงบางคนก็นอกจากจะช่วยในครัวแล้วก็ช่วยเงินทำบุญด้วย เนื่องจากในงานศพมีค่าใช้จ่ายอยู่เยอะเหมือนกัน

หลังจากเสร็จจากงานศพเราก็กลับมาที่กรุงเทพ รู้สึกว่าจิตใจไม่สงบ เสียใจทั้งเรื่องงานที่เพิ่งลาออกเพราะปัญหาบางอย่าง และเสียใจที่ลุงเสีย ไม่เข้าใจว่าว่าทำไมคนเราต้องมีอะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน

จริงๆใจลึกๆ คิดว่าอยากไปปฏิบัติธรรม อยากเอาตัวเองไปที่ที่สงบ พอดีได้คุยกับพี่คนนึงแกเคยไปที่วัดอัมพวัน แต่ว่าไปช่วงคนเยอะ ก็เลยไม่แนะนำ  แกบอกว่า  “เห็นเขาว่าวัดมเหยงคณ์ดีนะ”  พอกลับจากกินข้าวกับพี่คนนั้น เรากลับมา  search หา วัดมเหยงคณ์ ก็เจอในพันทิป นี่แหล่ะ


มีคนเคยไปและเขียนรีวิวไว้  อ่านไปซักพักก็คิดว่าน่าจะไป แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจไปนะ
จนอีกวันนึง  ก็ตัดสินใจจดเบอร์โทรรถตู้ที่อนุสาวรีย์ เพราะเราไม่มีรถ ก็เลยต้องเดินทางด้วยรถตู้ ซึ่งดูเหมือนจะสะดวกสุด  
หาชุดขาวในตู้เสื้อผ้า ซึ่งนานมากแล้วที่ไม่ได้ใส่ ล่าสุดเคยไปที่วัดเสถียรธรรมสถาน เมื่อกันยายน ปี   2557ช่วงวันเกิดพอดี  ก็ร่วม 9 เดือนแล้ว การหาชุดขาวสำหรับบวชเนกขัมมะ ก็เลยใช้เวลาอยู่ซักพัก กว่าจะหาเจอว่าอยู่ส่วนไหนของตู้ ก็หาไปหามาอยู่หลายรอบ



การเดินทาง

รถตู้อยู่ที่เกาะดินแดง ชื่อ    ST ราคารถตู้ก็ 60 บาท  ถูกกว่าค่ามอเตอร์ไซด์ที่นั่งจากที่พักไปอนุสาวรีย์อีก

ใช้เวลาเดินทางไปถึง  วงเวียนเจดีย์ประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ  บอกพี่คนขับว่าไปลงวงเวียนเจดีย์  แล้วต่อด้วยมอเตอร์ไซด์นั่งไปวัด 20 บาท
เบ็ดเสร็จ ไปถึงวัดด้วยค่าใช้จ่ายจากอนุสาวรีย์ถึงวัด ยังไม่ถึงร้อยเลยค่ะ
ส่วนคนที่มีรถยนต์ก็  GPS เอาแล้วกันนะคะ เพราะว่าเราเองก็ความสามารถในการจำทางแย่มาก  เอาเป็นว่าไปตามป้ายอยุธยานะคะ
หรือไม่ก็ลองอ่านวิธีการเดินทางที่  
http://www.watmaheyong.org/index.php/th

กว่าจะถึงวัดก็เกือบ 1 ทุ่มแล้ว คืออารมณ์ประมาณว่าแบกเป้ ไปหนึ่งไป เข้าไปวัดคือเงียบมาก มีรปภ.อยู่หน้าทางเข้า สองสามคน เข้าไปถามคนทำความสะอาดว่าจะมาบวชปฎิบัติธรรม เนื่องจากไม่มีใครอยู่จุดลงทะเบียนเลย

ที่ไหนได้เค้าทำวัตรเย็นกันอยู่จ้ะ  ก็แบกเป้เดินเข้าไปในศาลาทำวัตรเย็น
พอดีกำลังสวนมนต์กันอยู่เลย เราก็เข้าไปนั่งอยู่ท้ายๆ เห็นคนใส่ชุดขาวประมาณครึ่งศาลา โหไม่น่าเชื่อ คนเยอะขนาดนี้เลยเหรอ
แล้วนี่จะเอายังไง ยังไม่ได้ลงทะเบียน ไม่รู้จะนอนไหน แล้วจะไปนอนกับใคร ยังไง เกิดคำถามมากมาย

บอกก่อนว่าสำหรับคนที่ไม่เคยไปบวชที่วัดนี้ แนะนำไปตอนเช้าสักก่อน  8.30 โมงเช้าจะดีกว่านะคะ เนื่องจากเขาจะมีพิธีบวชทุกวันในตอน 9 โมงเช้าค่ะ
พอดีว่าเราไปเย็นมากๆ คือมืดแล้วก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นคนไม่ชอบตื่นเช้า ก็เลยกะว่าจะไปนอนวัดแล้วตื่นมาตอนเช้าบวชเลย  

ปรากฎว่ามีพี่นักบวชคนนึง เห็นเราถือกระเป๋าใบใหญ่ ตอนสวดมนต์ทำวัตรเย็นเสร็จ ถามเราว่ามีที่พักหรือยัง เราก็รีบบอกเลยว่ายังเลยค่ะ  งั้นก็เดินตามพี่มานะ

จริงๆแล้วที่พักของที่วัดก็มีเยอะนะคะ ส่วนมากเขาจะให้พักพี่ตึกสาวิกาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศาลาทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็นมากนัก แต่ที่พักที่เราได้นอนนี่เดินไปไกลนิดนึง ชื่อศาลาเนกขัมมะ  อยู่ในสุดเลย ใกล้กับโบสถ์ของวัด
ช่วงที่เรากำลังจะกลับ เขากำลังรื้อหลังคาทำใหม่เลย เป็นวันที่เราลาสิกขาพอดีเลย

หลังจากเข้าที่พักแล้วก็จัดแจงเสื่อ หมอนและปอกหมอน มุ้งซึ่งมีลักษณะคล้ายกลดพระเวลาไปธุดงค์  แล้วไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย นอนเกือบๆ 4 ทุ่มแล้ว  เตรียมตัวเข้าพิธีบวชอีกวันถัดไป  ........ วันนี้ขอไปนั่งสมาธิก่อนซักนิดนะคะ เริ่มง่วงแล้วค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่