เรื่องสั้น เงาของ"เรื่องสั้น เรื่องแรกครับ (ยังไม่จบ) อยากให้ลองอ่านกันครับ รับทุกคำวิจารณ์"

กระทู้คำถาม
ใครที่เคยอ่านกระทู้ "เรื่องสั้น เรื่องแรกครับ (ยังไม่จบ) อยากให้ลองอ่านกันครับ รับทุกคำวิจารณ์" กระทู้นี้ เป็นเรื่องที่ผมแต่มาพร้อมกัน ครับ เป็นด้าน ตรงกันข้ามกับ ตัวเดินเรื่องชาย แต่เพราะผมไม่เข้าใจ ความรู้สึกของผู้หญิง เลย แต่งยังไม่จบครับ แต่อยาก ให้ ลองอ่านกันครับ รับทุกคำวิจารณ์
V
V
V
“นี้เธอ…คือเรามีเรื่องอยากจะบอก…. คือเราคิดว่าเธอกับเราเหลือเวลาอยู่ไม่กี่เดือนที่จะได้เจอกันแน่นๆ เพราะต่างคนก็จะเรียนจบแล้ว….”
เป็นคำพูดที่ทำให้ฉันต้องหันไปมองชายคนที่ฉันแอบรักมานานถึง สามปีกว่า กำลังนั่งคุกเข่าลงหน้าเก้าอี้ไม้ตัวสวยในรั้วมหาวิทยาลัย พร้อมดอกไม้ช่อใหญ่

“เราเลยถือโอกาส วันนี้ที่เป็น วันวาเลนไทน์… คือเราอยากจะบอกเธอว่า เราชอบเธอนะ เป็นแฟนกับเราน่ะ” คำพูดนี้ทำเอาฉันต้องอึ้งและรู้สึกเหมือนกับ จะหายใจยังไงก็ไม่เต็มปอดสักที่

เวลาเหมือนมันหยุดนิ่งไปนานมาก นานจนเหมือนมันจะหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น

“คะ” เสียงตอบสั้นๆ กับมือเรียวสวยยื่นออกไปรับช่อดอกไม้ พร้องกับการพยักหน้าที่แดงระเรื่อ ทำให้เวลาที่ดั่งจะหยุดนิ่งหมุนเร็วขึ้นอีกครั้ง

…….

เสียงปรบมือฮาเฮ ดีใจดังขึ้นรอบๆ จากเพื่อนๆ ที่อยู่ด้วยกัน สี่ห้าคน ที่มาติวข้อสอบกันตั้งแต่เช้า ดังขึ้น ฉันพอตั้งสติได้ก็ ปรบมือ ไปกับเพื่อนๆ ด้วย เพื่อนสนิทที่สุดของฉัน มีคนมาบอกรัก จะไม่ให้ฉัน ดีใจได้ยังไงล่ะ ถึงแม้คนที่บอกรักเพื่อนฉันจะเป็นคนที่ฉันแอบชอบก็ตามเถอะ… แต่อาการ ที่หายใจไม่เต็มปอดสักที่นี้สิ ทำฉันอึดอัดมากเลย เป็นอะไรของมันนะ ยิ่งอยู่นาน ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนมีอะไรมาติดอยู่ที่คอ หายใจไม่ค่อยออกเลย ในบรรยากาศ ที่เพื่อนๆ รุมหยอกล้อคู่รักใหม่อยู่นั้น

“ฉันรู้สึก ไม่ค่อยสบาย พักใหญ่แล้วล่ะ ฉันขอกลับก่อนนะ ” ฉันบอกกับเพื่อนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วก็ ลุกออกไปจากกลุ่มโดยไปรอคำตอบ ฉันคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป แล้วยังอยู่ในกลุ่ม ตัวฉันจะทำให้ความสุขของเพื่อนๆ เสียไปเพราะฉัน จึงรีบออกมา

……

ระหว่างทางที่เดินมา ก็เห็นคนหลายคู่ มีความสุข ในวันแห่งความรักนี้กันจัง พอพยายามทำใจให้ว่างความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว
=ทำไมใช่ฉันที่เขาบอกรัก ทำไมถึงไม่ใช่ฉัน ทำไมต้องเป็นเพื่อนฉัน ไม่อยากกลับไปเจอหน้า เพื่อนคนนี้เลย ไม่อยากเจอ=
แล้วอาการที่เป็นอยู่ก็มากขึ้น ทำยังไงดี!!!

“ไปหาพี่สาวที่บางซื่อดีกว่า ของที่จำเป็นก็อยู่ในเป้แล้ว…” ฉันบอกกับตัวเองแล้วก็พามันเดินไป ที่ป้ายรถสองแถวอย่างที่เคย มายืนรอรถ ทุกวันสุดสัปดาห์ ที่ไม่ต้องอยู่มหาลัยเพื่อทำงานส่งเพื่อไปต่อรถไฟ ไป บริษัทใหญ่ ที่ทำงานของพี่สาว ที่อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟบางซื่อ

พอไปถึงที่ป้ายรถสองแถว ก็เห็นชายร่างโปรง สวมเสื้อแจ๊กเก็ตแขนยาว พร้องกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ ยืนอยู่แค่คนเดียว รถสองแถวคงจะผ่านไปไม่นานก่อนที่เจ้าแว่น คนนี้จะมายืนรอรถสินะ

ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรมาติดอยู่ที่คอและหายใจไม่เต็มปอด ยังมีอยู่ และยิ่งมีมากขึ้นอีกเมื่อ…

ติ้งหน่อง!!... เสียงแอปพลิเคชันในมือถือที่กำลังฮิตอยู่ดังขึ้นที่สมาร์ตโฟนของฉันดังขึ้น ฉันยกมันขึ้นดู ข้อความในแอปพลิเคชัน
/// อยู่ไหน เป็นอะไรหรือเปล่า/// ข้อความจะเพื่อนสนิทฉัน ส่งมาความรู้สึกเหมือนคำเยอะเย้ยยังไงไม่รู้….แต่ก็ไม่ไปสนใจมัน

ยืนรอได้ครู่ใหญ่แล้ว..ตอนนี้ เริ่มจะมีคนมารอ รถสองแถวมากขึ้น

ติ้งหน่อง!!...เสียงแอปพลิเคชัน เดินดังขึ้นอีกครั้ง ที่นี้ฉันปิดเครื่องแล้วพยายามยัดมันลงในกระเป๋าเป้ ในใจก็คิดว่า จะเอาอะไรกับฉันนักหนา นะ!!! จะไปมีความสุขกันที่ไหนก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน!!! การมองเห็นของฉันก็เริ่มจะมองได้ลำบากมากขึ้น แล้วมีน้ำใสๆ หยดลงไปบนกระเป๋าเป้ฉัน

ไอ้เจ้าสมาร์ตโฟนบ้านี้!!! ก็ยัดลงไปในกระเป๋ายากเสียเหลือเกิน ทำยังไงมันก็ไม่ยอมลงไปสักที สายตาของคนรอบค้าง เริ่มจับจ้องมาที่ฉันแต่ฉันก็ สนใจแล้ว.... แต่ไม่ไหวแล้วละ ไอ้เจ้าสมาร์ตโฟนบ้านี้ จะลงไปในกระเป๋ามั้ย ไม่สนแล้ว มันหมดแรงที่จะทำอะไรแล้ว
แล้วฉันก็นั่งลงแล้วกอดเข่าอยู่ตรงฟุตบาท
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่