*** เป็นเรื่องราวของแฟนผมนะครับ ***
ยาวหน่อยนะคะอ่านกันเพลินๆ
เรื่องมีอยู่ว่าเรามีธุรกิจเล็กๆของตัวเองแต่โชคไม่ดีเรามาเจอช่วงเหตุการณ์บ้านเมืองกำลังวุ่นวาย เศรษฐกิจกำลังแย่ลงเรื่อยๆ และเราเริ่มลงทุนจากเงินส่วนตัวนิดหน่อยแต่ทุนก้อนใหญ่ต้องยืมมา สินค้าขายแทบไม่ได้เลย หลายๆวันไม่ได้เปิดบิล ทุกเดือนเราต้องหาเงินมาจ่ายค่าเช่าและเงินลงทุนเพิ่ม.... เมื่อปีก่อนเราเลยยื่นขอสินเชื่อกับธ.สีแท่หม้ายและอีกแบงค์นึงในเวลาใกล้เคียงกัน โชคดีเราผ่านทั้งสองแบงค์ต่อชีวิตธุรกิจของเรามา แล้วหลังจากนั้นนานเท่าไหร่ไม่รู้ทางแบงค์ทั้งสองส่งจดหมายเรียนเชิญเพิ่มวงเงินสินเชื่อมา ให้เหตุผลว่าเพราะเป็นลูกค้าชั้นดี ส่งเงินตรงมาตลอด (หลายคนที่เคยทำสินเชื่อน่าจะรู้ ต้องเคยได้รับกันใช่ไม๊คะ^^) แล้วก็มีแบงค์อื่นๆ โทรมาชวนทำเหมือนกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่เซล์ของแบงค์จะติดต่อมาซึ่งต่างจากการส่งจดหมายเชิญมาอะเน๊อะ หุหุ
เราเลือกยื่นกับแบงค์ใหม่ที่ยังไม่มีสินเชื่อ เพราะคิดเอาเองว่าน่าจะได้เยอะกว่า555 แล้วเราก็เช็กมาแล้วว่าดอกเบี้ยถูกกว่านิดนึง.... หลังจากส่งเอกสารไป 2-3วัน เจ้าหน้าที่โทรมาสอบถามข้อมูลเบื้องต้น และหลังจากนั้นอีก 2-3วัน เราก็ทราบผล ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่ผ่านค่ะ!!! แต่เราไม่ติดใจอะไรนะ เพราะคิดว่าเค้าอาจจะเห็นว่าเรามีสินเชื่อกับที่อื่นอยู่แล้ว
เราจำเป็นต้องท้าวความยาว ไม่งั้นคุณมา..... นามสกุล ถม.... ฝ่ายอนุมัติสินเชื่อธนาคารสีแม่หม้ายอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมแค่การrejected เราต้องออกมาโวยวายด้วย ต่อนะคะ... (^_^)
หลังจากที่เราอกหักจากแบงค์อื่น เราเลยหันกลับมาซบไหล่ธ.สีแม่หม้ายและอีกแบงค์นึงที่ส่งจดหมายเชิญมาอีกครั้ง เราเลือกยื่นธ.สีแม่หม้ายเพราะอีกแบงค์ให้วงเงินน้อยกว่า พอเราส่งเอกสารไปน้องพนักงานที่เราติดต่อไปแนะนำให้เรายื่นสินเชื่ออีกตัวเราจะได้วงเงินมากกว่าเราก็ kk ตามนั้น...
แต่เรารู้สึกรอนานมากเป็นอาทิตย์ๆแล้วยังไม่มีความคืบหน้า เราเลยปันใจไปยื่นอีกแบงค์ที่วงเงินน้อยกว่า หลังจากmessenger เข้ามารับเอกสารอีก 2วันต่อมาช่วงเช้าพนักงานโทรมาเช็กข้อมูลเบื้องต้น แล้วตอนบ่ายก็โทรมาแจ้งว่าเราได้วงเงินเท่านี้นะ ยินดีรับไม๊... เราก็แอบอ้อนอยากได้เยอะกว่านี้อีกนิดมีทางช่วยไม๊คะ ทางน้องพนักงานก็ใจดีขอเวเลาเช็กแป๊บนึงแล้วก็โทรกลับมาบอกว่า ได้เท่านี้จ้าาา.... ตอนนั้น! ได้เท่านี้ก็เท่านี้ ยินดีรับจ้าาา5555 วันรุ่งขึ้นเงินก็โอนเข้าตั้งแต่เช้า
กลับมาธ.สีแม่หม้ายกันต่อค่ะ.... หลังจากนั้นนานเท่าไหร่จำไม่ได้และด้วยเหตุผลอะไรก็จำไม่ได้เหมือนกันค่ะ น้องบอกให้เรายื่นตัวเดิมที่ได้จดหมายเชิญมา โดยน้องเค้าต้องส่งเอกสารให้น้องพนักงานอีกคนที่ดูแลด้านนี้ไปทำงานต่อ (ตั้งแต่เริ่มยื่นจนมาถึงจุดนี้เกือบ 2อาทิตย์) หลังจากน้องเริ่มดำเนินการจากน้องคนแรกก็ประมาณปลายเดือนเมษา ไม่มีพนักงานโทรมาเช็กข้อมูลเราเลย เราเลยโทรถามน้องที่ดูแลเรื่อง น้องบอกน่าจะหลังวันวันที่ 8พฤษภา เพราะติดวันหยุดยาว เราก็เครค่ะ ตามนั้น! (แต่ในใจคิดแล้วที่ผ่านมาตั้งสองสามวันก่อนติดวันหยุดไม่ทำอะไรเลยเหรอคะ เป็นแบงค์อื่นคงเกือบทราบผลไปแล้ว หุหุ) เกินความคาดหมายเร็วกว่าที่คิด วันที่ 6พฤษภา คุณมา..... ถม..... จากฝ่ายอนุมัติสินเชื่อโทรมาถามข้อมูลเบื้องต้น คำถามแรกคือห้องที่ทำธุรกิจอยู่เลขทับอะไรคับ เราตอบไปทับ3 ค่ะ...เค้าตอบกลับมาว่า แต่ในสัญญาเช่าทับ2 เราก็อ้าววววว!!! งงดิ่ ไม่ได้ดูด้วยเพราะเราก็ต่อสัญญามาเรื่อยๆไม่ได้ดูด้วยซ้ำในสัญญาเขียนทับอะไร แต่ใบเสร็จค่าไฟที่ฝ่ายนิติของตึกส่งมาลงทับ3 เราก็อิงตามนี้ ก็ตอบกลับไปแบบไม่คิดอะไรว่า เจ้าของห้องมีห้องเช่าหลายห้องมาก(หลายห้อง หลายตึกจิงๆนะคะ)เค้าลงผิดหรือป่าวไม่ทราบ (อันที่จริงห้องนี้ไม่มีทับ แต่เจ้าของกั้นเป็น 2ห้องก็เลยใส่ทับ2เพื่อความเข้าใจมั้ง ส่วนตึกใส่ทับ3 อันนี้ไม่รู้จิงๆเพราะอะไร) แต่ไม่ได้คิดมากเพราะตอนยื่นผ่านครั้งแรกเอกสารก็เหมือนกัน...
หลังจากนั้นอีกวันสองวันน้องที่ดูแลเรื่องโทรมาบอกคุณ....ขอดูสัญญาเช่าย้อนหลัง โชคดีเราหาได้ 2ปี ก็รีบหาร้านส่งแฟ็กซ์ให้ทันทีเพราะน้องบอกเรื่องจะได้เร็วเพราะถ้าให้messenger ไปรับต้องรอพรุ่งนี้ ยอมเสียเงินดีกว่าเรื่องจะได้เสร็จไวๆ... okทุกอย่างผ่านไป ต่อมามีพนักงานโทรมาขอเข้าไปถ่ายรูปร้าน เราก็โอเคเข้าไปได้เลย แล้วเราก็โทรถามน้องคนดูแลเรื่องว่าต้องถ่ายด้วยเหรอเราไม่ได้ยื่นใหม่นะ อีกแบงค์ไม่เห็นทำอะไรเลย....น้องเค้าก็บอกนั่นสิคะเพราะปกติถ้าวงเงินไม่ถึง 500,000 ไม่ต้องถ่ายรูปนะคะ หรือว่าพี่จะได้วงเงินเพิ่ม เพราะสเตจเม้นพี่เดินดีมาก เงินนอนในบัญชีพี่ก็มีพอสมควรเลย พี่ผ่านทุกอย่างเลย หนูถามพี่อีกคนว่าเคสนี้จะผ่านไม๊ พี่เค้าก็บอกว่าน่าจะผ่านนะ ไม่น่ามีปัญหา ใจยังแอบคิดคงไม่เพิ่มหรอกน่าจะถ่ายไว้อ้างอิงว่ามีธุรกิจอยู่จิงมากกว่า....เราก้อ อคริ อคริ สบายใจแระเรา
หลังจากนั้นอีก2-3วัน มีพนักงานโทรเข้าเบอร์บ้าน แต่เราอาบน้ำอยู่ คนที่บ้านวิ่งเอาโทรศัพท์ไปให้พอดีที่บ้านเป็นโทรศัพท์ไร้สาย บอกแบงค์สีแม่หม้ายโทรมา เราคิดในใจ ซวยแล้วตู! ให้ที่บ้านรู้ว่าทำสินเชื่อไม่ได้ ไหนตอนถามน้องที่ดูแลเรื่องว่าจะโทรเข้ามาเช็กที่บ้านไม๊พี่จะได้คอยรับ (เราเล่าเหตุผลให้น้องเค้าฟังแล้ว) น้องบอกคนอื่นรับก็ไม่เป็นไรค่ะพี่เค้าจะไม่บอกข้อมูลของลูกค้าให้คนอื่นทราบจะโทรจนกว่าจะเจอตัว... ได้ยินเสียงทางบ้านบอกไปว่าโทรเข้ามือถือเค้าได้ไม๊คะ เค้าทำธุระอยู่.... คนที่บ้านบอกว่าทางพนักงานบอกไปว่า "ไม่ได้ค่ะ ต้องโทรเข้าเบอร์พื้นฐาน เป็นการเวิลข้อมูลขอสินเชื่อ" เด๋วอีก 10นาทีจะโทรมาใหม่ พอออกจากห้องน้ำเท่านั้นแหละเราโดนซักเละ! เราก็ทำงง ไม่ได้ทำสินเชื่อค่ะ โมเมไปว่าเพื่อนเอาชื่อเราไปให้พนักงานแบงค์ที่รู้จักจะให้ทำบัตรเครดิต แต่ดูท่าทางคนที่บ้านไม่ค่อยเชื่อ ประกบเราอยู่ในห้องจนพนักงานโทรเข้ามา😓 น้องแกก็ถามๆๆ เราก็พูดไม่ได้ ตอบไปว่าซักครู่ได้ไม๊คะ ถามมาอีกก็ตอบซักครู่ได้ไม๊คะ แล้วพนักงานที่น่ารักก็ย้อนถามมาว่า "2นาที พี่ตอบไม่ได้เหรอคะ" อยากจะย้อนกลับไปว่า ก็เมื่อกี๊คุณทิ้งระเบิดไว้ให้ดิฉัน แล้วดิฉันจะตอบคุณได้ยังงัยล่ะคะ แล้วก็ได้แต่ตอบกลับไปนิ่มๆว่า อีก 10นาทีโทมาใหม่ได้ไม๊คะ แล้วเค้าก็วางไปแบบไม่พอใจเท่าไหร่ (เราเชื่อว่าไม่ใช่เราครอบครัวเดียวหรอกที่ไม่ต้องการให้ทางบ้านรู้เรื่องการกู้ยืม เราต้องมีเพื่อนที่มีความรู้สึกเดียวกับเราแน่เลย^^) หลังจากนั้นเราก็โทรหาน้องที่ดูแลเรื่องอีก บอกว่ามีพนักงานโทรเข้าเบอร์บ้านพี่แล้วนะคะแต่พี่ไม่ได้รับคนที่บ้านพี่รับ น้องตอบกลับมา ไม่เป็นไรค่ะเค้าไม่คุยกะคนอื่นหรอกค่ะ เลยบอกน้องเค้าไม่ทันแล้วค่ะเค้าบอกที่บ้านพี่ไปหมดแล้ว ช่วยติดต่อให้เค้าโทรกลับมาตอนนี้เลยค่ะพี่รออยู่ น้องเค้าก็ตกใจแล้วก็บอกว่าจิงๆแล้วตามจรรยาบรรณเค้าจะไม่เอาข้อมูลลูกค้าไปบอกคนอื่นนะคะ.... แล้วเราก็รอยู่บนห้องชั่วโมงกว่า ไม่โทรมา เลยวางโทรศัพท์บ้านไว้บนห้องลงมาข้างล่างเพราะกัวโทรเข้ามาแล้วคนอื่นรับกะวิ่งขึ้นไปรับเอง พอลงมาไม่ถึง 10นาที เทอโทรเข้ามือถือค่ะ.... แล้วไหนตอนแรกที่บอกกับคนที่บ้านว่าโทรเข้ามือถือไม่ได้ ต้องโทรเข้าเบอร์พื้นฐาน เป็นการเวิลข้อมูลขอสินเชื่อ อัลไรกันคะเนี่ย!! งั้นก็เอาตามสะดวกพี่เลยค่ะ!!!!
ตอนเย็นเราโทรน้องที่ดูแลเรื่อง น้องบอกว่าวันนี้คุณมา.... โทรมาหาหนูพอดีค่ะ หนูเล่าให้เค้าฟัง หนูบอกพี่เค้าไปแล้วค่ะว่าตามจรรยาบรรแล้วไม่น่าเอาข้อมูลลูกค้าไปบอกคนอื่นนะคะ เราก็ตายแล้วววว!!! น้องไปพูดแบบนั้นเค้าจะไม่พอใจหรือป่าว น้องเค้าบอกไม่หรอกค่ะ พี่เค้าก็หัวเราะ.... ไคจะรู้ล่ะในเสียงหัวเราะนั้นจะแฝงอะไรอยู่55555
ถึงจุดสำคัญ!!!... วันรุ่งขึ้นช่วงบ่ายคุณมา.... ถม.... ฝ่ายอนุมัติสินเชื่อโทรมาถามด้วยคำถามเดิมที่เป็นคำถามแรกว่า คุณอยู่ห้องทับอะไรคับ เราก็ตอบเหมือนเดิม ทับ3ค่ะทับ3 >>>> คับ... แล้วก็วางสายไป แล้ววันนั้น วันที่ 13 พฤษภาคม 2558 เวลา 18:10 น. ก็ได้รับแมสเสจแจ้งมาว่า "ธนาคารไม่สามารถพิจารณาสินเชื่อSpeedy TopUpให้ท่านได้..... TopUp Rejected" ตั้งแต่ปลายเดือนเมษา ถึง 13 พฤษภา เวลาที่ยาวนาน... ความหวังที่นักธุรกิจตัวน้อยๆอย่างดิฉันเฝ้ารอ(เปรียบเปรยซะน่ารัก5555) นี่หรือคือคำตอบ!!!
เดี๋ยวมาต่อนะคะ............
พอกันทีธนาคารสีแม่หม้าย ทำเราบอบช้ำ!!
ยาวหน่อยนะคะอ่านกันเพลินๆ
เรื่องมีอยู่ว่าเรามีธุรกิจเล็กๆของตัวเองแต่โชคไม่ดีเรามาเจอช่วงเหตุการณ์บ้านเมืองกำลังวุ่นวาย เศรษฐกิจกำลังแย่ลงเรื่อยๆ และเราเริ่มลงทุนจากเงินส่วนตัวนิดหน่อยแต่ทุนก้อนใหญ่ต้องยืมมา สินค้าขายแทบไม่ได้เลย หลายๆวันไม่ได้เปิดบิล ทุกเดือนเราต้องหาเงินมาจ่ายค่าเช่าและเงินลงทุนเพิ่ม.... เมื่อปีก่อนเราเลยยื่นขอสินเชื่อกับธ.สีแท่หม้ายและอีกแบงค์นึงในเวลาใกล้เคียงกัน โชคดีเราผ่านทั้งสองแบงค์ต่อชีวิตธุรกิจของเรามา แล้วหลังจากนั้นนานเท่าไหร่ไม่รู้ทางแบงค์ทั้งสองส่งจดหมายเรียนเชิญเพิ่มวงเงินสินเชื่อมา ให้เหตุผลว่าเพราะเป็นลูกค้าชั้นดี ส่งเงินตรงมาตลอด (หลายคนที่เคยทำสินเชื่อน่าจะรู้ ต้องเคยได้รับกันใช่ไม๊คะ^^) แล้วก็มีแบงค์อื่นๆ โทรมาชวนทำเหมือนกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่เซล์ของแบงค์จะติดต่อมาซึ่งต่างจากการส่งจดหมายเชิญมาอะเน๊อะ หุหุ
เราเลือกยื่นกับแบงค์ใหม่ที่ยังไม่มีสินเชื่อ เพราะคิดเอาเองว่าน่าจะได้เยอะกว่า555 แล้วเราก็เช็กมาแล้วว่าดอกเบี้ยถูกกว่านิดนึง.... หลังจากส่งเอกสารไป 2-3วัน เจ้าหน้าที่โทรมาสอบถามข้อมูลเบื้องต้น และหลังจากนั้นอีก 2-3วัน เราก็ทราบผล ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่ผ่านค่ะ!!! แต่เราไม่ติดใจอะไรนะ เพราะคิดว่าเค้าอาจจะเห็นว่าเรามีสินเชื่อกับที่อื่นอยู่แล้ว
เราจำเป็นต้องท้าวความยาว ไม่งั้นคุณมา..... นามสกุล ถม.... ฝ่ายอนุมัติสินเชื่อธนาคารสีแม่หม้ายอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมแค่การrejected เราต้องออกมาโวยวายด้วย ต่อนะคะ... (^_^)
หลังจากที่เราอกหักจากแบงค์อื่น เราเลยหันกลับมาซบไหล่ธ.สีแม่หม้ายและอีกแบงค์นึงที่ส่งจดหมายเชิญมาอีกครั้ง เราเลือกยื่นธ.สีแม่หม้ายเพราะอีกแบงค์ให้วงเงินน้อยกว่า พอเราส่งเอกสารไปน้องพนักงานที่เราติดต่อไปแนะนำให้เรายื่นสินเชื่ออีกตัวเราจะได้วงเงินมากกว่าเราก็ kk ตามนั้น...
แต่เรารู้สึกรอนานมากเป็นอาทิตย์ๆแล้วยังไม่มีความคืบหน้า เราเลยปันใจไปยื่นอีกแบงค์ที่วงเงินน้อยกว่า หลังจากmessenger เข้ามารับเอกสารอีก 2วันต่อมาช่วงเช้าพนักงานโทรมาเช็กข้อมูลเบื้องต้น แล้วตอนบ่ายก็โทรมาแจ้งว่าเราได้วงเงินเท่านี้นะ ยินดีรับไม๊... เราก็แอบอ้อนอยากได้เยอะกว่านี้อีกนิดมีทางช่วยไม๊คะ ทางน้องพนักงานก็ใจดีขอเวเลาเช็กแป๊บนึงแล้วก็โทรกลับมาบอกว่า ได้เท่านี้จ้าาา.... ตอนนั้น! ได้เท่านี้ก็เท่านี้ ยินดีรับจ้าาา5555 วันรุ่งขึ้นเงินก็โอนเข้าตั้งแต่เช้า
กลับมาธ.สีแม่หม้ายกันต่อค่ะ.... หลังจากนั้นนานเท่าไหร่จำไม่ได้และด้วยเหตุผลอะไรก็จำไม่ได้เหมือนกันค่ะ น้องบอกให้เรายื่นตัวเดิมที่ได้จดหมายเชิญมา โดยน้องเค้าต้องส่งเอกสารให้น้องพนักงานอีกคนที่ดูแลด้านนี้ไปทำงานต่อ (ตั้งแต่เริ่มยื่นจนมาถึงจุดนี้เกือบ 2อาทิตย์) หลังจากน้องเริ่มดำเนินการจากน้องคนแรกก็ประมาณปลายเดือนเมษา ไม่มีพนักงานโทรมาเช็กข้อมูลเราเลย เราเลยโทรถามน้องที่ดูแลเรื่อง น้องบอกน่าจะหลังวันวันที่ 8พฤษภา เพราะติดวันหยุดยาว เราก็เครค่ะ ตามนั้น! (แต่ในใจคิดแล้วที่ผ่านมาตั้งสองสามวันก่อนติดวันหยุดไม่ทำอะไรเลยเหรอคะ เป็นแบงค์อื่นคงเกือบทราบผลไปแล้ว หุหุ) เกินความคาดหมายเร็วกว่าที่คิด วันที่ 6พฤษภา คุณมา..... ถม..... จากฝ่ายอนุมัติสินเชื่อโทรมาถามข้อมูลเบื้องต้น คำถามแรกคือห้องที่ทำธุรกิจอยู่เลขทับอะไรคับ เราตอบไปทับ3 ค่ะ...เค้าตอบกลับมาว่า แต่ในสัญญาเช่าทับ2 เราก็อ้าววววว!!! งงดิ่ ไม่ได้ดูด้วยเพราะเราก็ต่อสัญญามาเรื่อยๆไม่ได้ดูด้วยซ้ำในสัญญาเขียนทับอะไร แต่ใบเสร็จค่าไฟที่ฝ่ายนิติของตึกส่งมาลงทับ3 เราก็อิงตามนี้ ก็ตอบกลับไปแบบไม่คิดอะไรว่า เจ้าของห้องมีห้องเช่าหลายห้องมาก(หลายห้อง หลายตึกจิงๆนะคะ)เค้าลงผิดหรือป่าวไม่ทราบ (อันที่จริงห้องนี้ไม่มีทับ แต่เจ้าของกั้นเป็น 2ห้องก็เลยใส่ทับ2เพื่อความเข้าใจมั้ง ส่วนตึกใส่ทับ3 อันนี้ไม่รู้จิงๆเพราะอะไร) แต่ไม่ได้คิดมากเพราะตอนยื่นผ่านครั้งแรกเอกสารก็เหมือนกัน...
หลังจากนั้นอีกวันสองวันน้องที่ดูแลเรื่องโทรมาบอกคุณ....ขอดูสัญญาเช่าย้อนหลัง โชคดีเราหาได้ 2ปี ก็รีบหาร้านส่งแฟ็กซ์ให้ทันทีเพราะน้องบอกเรื่องจะได้เร็วเพราะถ้าให้messenger ไปรับต้องรอพรุ่งนี้ ยอมเสียเงินดีกว่าเรื่องจะได้เสร็จไวๆ... okทุกอย่างผ่านไป ต่อมามีพนักงานโทรมาขอเข้าไปถ่ายรูปร้าน เราก็โอเคเข้าไปได้เลย แล้วเราก็โทรถามน้องคนดูแลเรื่องว่าต้องถ่ายด้วยเหรอเราไม่ได้ยื่นใหม่นะ อีกแบงค์ไม่เห็นทำอะไรเลย....น้องเค้าก็บอกนั่นสิคะเพราะปกติถ้าวงเงินไม่ถึง 500,000 ไม่ต้องถ่ายรูปนะคะ หรือว่าพี่จะได้วงเงินเพิ่ม เพราะสเตจเม้นพี่เดินดีมาก เงินนอนในบัญชีพี่ก็มีพอสมควรเลย พี่ผ่านทุกอย่างเลย หนูถามพี่อีกคนว่าเคสนี้จะผ่านไม๊ พี่เค้าก็บอกว่าน่าจะผ่านนะ ไม่น่ามีปัญหา ใจยังแอบคิดคงไม่เพิ่มหรอกน่าจะถ่ายไว้อ้างอิงว่ามีธุรกิจอยู่จิงมากกว่า....เราก้อ อคริ อคริ สบายใจแระเรา
หลังจากนั้นอีก2-3วัน มีพนักงานโทรเข้าเบอร์บ้าน แต่เราอาบน้ำอยู่ คนที่บ้านวิ่งเอาโทรศัพท์ไปให้พอดีที่บ้านเป็นโทรศัพท์ไร้สาย บอกแบงค์สีแม่หม้ายโทรมา เราคิดในใจ ซวยแล้วตู! ให้ที่บ้านรู้ว่าทำสินเชื่อไม่ได้ ไหนตอนถามน้องที่ดูแลเรื่องว่าจะโทรเข้ามาเช็กที่บ้านไม๊พี่จะได้คอยรับ (เราเล่าเหตุผลให้น้องเค้าฟังแล้ว) น้องบอกคนอื่นรับก็ไม่เป็นไรค่ะพี่เค้าจะไม่บอกข้อมูลของลูกค้าให้คนอื่นทราบจะโทรจนกว่าจะเจอตัว... ได้ยินเสียงทางบ้านบอกไปว่าโทรเข้ามือถือเค้าได้ไม๊คะ เค้าทำธุระอยู่.... คนที่บ้านบอกว่าทางพนักงานบอกไปว่า "ไม่ได้ค่ะ ต้องโทรเข้าเบอร์พื้นฐาน เป็นการเวิลข้อมูลขอสินเชื่อ" เด๋วอีก 10นาทีจะโทรมาใหม่ พอออกจากห้องน้ำเท่านั้นแหละเราโดนซักเละ! เราก็ทำงง ไม่ได้ทำสินเชื่อค่ะ โมเมไปว่าเพื่อนเอาชื่อเราไปให้พนักงานแบงค์ที่รู้จักจะให้ทำบัตรเครดิต แต่ดูท่าทางคนที่บ้านไม่ค่อยเชื่อ ประกบเราอยู่ในห้องจนพนักงานโทรเข้ามา😓 น้องแกก็ถามๆๆ เราก็พูดไม่ได้ ตอบไปว่าซักครู่ได้ไม๊คะ ถามมาอีกก็ตอบซักครู่ได้ไม๊คะ แล้วพนักงานที่น่ารักก็ย้อนถามมาว่า "2นาที พี่ตอบไม่ได้เหรอคะ" อยากจะย้อนกลับไปว่า ก็เมื่อกี๊คุณทิ้งระเบิดไว้ให้ดิฉัน แล้วดิฉันจะตอบคุณได้ยังงัยล่ะคะ แล้วก็ได้แต่ตอบกลับไปนิ่มๆว่า อีก 10นาทีโทมาใหม่ได้ไม๊คะ แล้วเค้าก็วางไปแบบไม่พอใจเท่าไหร่ (เราเชื่อว่าไม่ใช่เราครอบครัวเดียวหรอกที่ไม่ต้องการให้ทางบ้านรู้เรื่องการกู้ยืม เราต้องมีเพื่อนที่มีความรู้สึกเดียวกับเราแน่เลย^^) หลังจากนั้นเราก็โทรหาน้องที่ดูแลเรื่องอีก บอกว่ามีพนักงานโทรเข้าเบอร์บ้านพี่แล้วนะคะแต่พี่ไม่ได้รับคนที่บ้านพี่รับ น้องตอบกลับมา ไม่เป็นไรค่ะเค้าไม่คุยกะคนอื่นหรอกค่ะ เลยบอกน้องเค้าไม่ทันแล้วค่ะเค้าบอกที่บ้านพี่ไปหมดแล้ว ช่วยติดต่อให้เค้าโทรกลับมาตอนนี้เลยค่ะพี่รออยู่ น้องเค้าก็ตกใจแล้วก็บอกว่าจิงๆแล้วตามจรรยาบรรณเค้าจะไม่เอาข้อมูลลูกค้าไปบอกคนอื่นนะคะ.... แล้วเราก็รอยู่บนห้องชั่วโมงกว่า ไม่โทรมา เลยวางโทรศัพท์บ้านไว้บนห้องลงมาข้างล่างเพราะกัวโทรเข้ามาแล้วคนอื่นรับกะวิ่งขึ้นไปรับเอง พอลงมาไม่ถึง 10นาที เทอโทรเข้ามือถือค่ะ.... แล้วไหนตอนแรกที่บอกกับคนที่บ้านว่าโทรเข้ามือถือไม่ได้ ต้องโทรเข้าเบอร์พื้นฐาน เป็นการเวิลข้อมูลขอสินเชื่อ อัลไรกันคะเนี่ย!! งั้นก็เอาตามสะดวกพี่เลยค่ะ!!!!
ตอนเย็นเราโทรน้องที่ดูแลเรื่อง น้องบอกว่าวันนี้คุณมา.... โทรมาหาหนูพอดีค่ะ หนูเล่าให้เค้าฟัง หนูบอกพี่เค้าไปแล้วค่ะว่าตามจรรยาบรรแล้วไม่น่าเอาข้อมูลลูกค้าไปบอกคนอื่นนะคะ เราก็ตายแล้วววว!!! น้องไปพูดแบบนั้นเค้าจะไม่พอใจหรือป่าว น้องเค้าบอกไม่หรอกค่ะ พี่เค้าก็หัวเราะ.... ไคจะรู้ล่ะในเสียงหัวเราะนั้นจะแฝงอะไรอยู่55555
ถึงจุดสำคัญ!!!... วันรุ่งขึ้นช่วงบ่ายคุณมา.... ถม.... ฝ่ายอนุมัติสินเชื่อโทรมาถามด้วยคำถามเดิมที่เป็นคำถามแรกว่า คุณอยู่ห้องทับอะไรคับ เราก็ตอบเหมือนเดิม ทับ3ค่ะทับ3 >>>> คับ... แล้วก็วางสายไป แล้ววันนั้น วันที่ 13 พฤษภาคม 2558 เวลา 18:10 น. ก็ได้รับแมสเสจแจ้งมาว่า "ธนาคารไม่สามารถพิจารณาสินเชื่อSpeedy TopUpให้ท่านได้..... TopUp Rejected" ตั้งแต่ปลายเดือนเมษา ถึง 13 พฤษภา เวลาที่ยาวนาน... ความหวังที่นักธุรกิจตัวน้อยๆอย่างดิฉันเฝ้ารอ(เปรียบเปรยซะน่ารัก5555) นี่หรือคือคำตอบ!!!
เดี๋ยวมาต่อนะคะ............