ลูกไม้ใต้ต้น อรรถพร ธีมากร ฝืมือไม่แพ้พ่อ พูนสวัสดิ์ ธีมากร จากการกำกับละคร ข้าบดินทร์


ผู้กำกับ รุ่นใหม่ไฟแรง ‘หนุ่ม อรรถพร’ ใส่ใจทุกฉาก ทุกตอน เพื่อความน่าสนใจ
มานั่งแท่นผู้กำกับด้วยความภาคภูมิใจ กับละครเรื่องล่าสุดฟอร์มยักษ์อย่าง “ข้าบดินทร์” ของค่ายทีวีซีน ที่มอบหมายให้หนุ่ม-อรรถพร นั่งแท่นผู้กำกับ“

„“หนุ่ม-อรรถพร ธีมากร” เราเชื่อว่าชื่อนี้ หลายคนรู้จักเขาดีจากงานแสดง แต่วันนี้เขาก้าวผ่านจากนักแสดงรุ่นใหม่มากฝีมือ มานั่งแท่นผู้กำกับด้วยความภาคภูมิใจ กับละครเรื่องล่าสุดฟอร์มยักษ์อย่าง “ข้าบดินทร์” ของค่ายทีวีซีน ที่มอบหมายให้หนุ่ม-อรรถพร นั่งแท่นผู้กำกับ และแน่นอนวันนี้เรามีโอกาสพูดคุยกับหนุ่ม จึงสอบถามถึงฉากเด็ด ฉากจำในดวงใจของหนุ่ม พร้อมทั้งเรื่องราวการทำงานที่หลายคนอย่างรู้ว่า ผู้กำกับสไตส์ อรรถพร เป็นแบบไหน วันนี้เราจะได้รู้กัน ว่าแล้วไปคุยกับหนุ่มกันเลยดีกว่า“

แรงบันดาลใจในการทำงาน?
“ความแปลกและแตกต่างของแต่ละงานที่เราได้รับ แต่ละงานมันไม่เหมือนกัน เราไม่เคยทำงานซ้ำกัน แอ๊คชั่นก็เป็นแอ๊คชั่นคาวบอยบ้าง ปัจจุบันบ้าง มีผีบ้างจะสลับ ๆ กัน ฉะนั้นแต่ละงานมันมีความน่าสนใจในตัวของมันเองที่ไม่ซ้ำกันเราก็เลยอยากทำ”


จำเป็นมั้ยที่ละครแต่ละเรื่องต้องมีฉากโชว์หรือฉากที่คนจดจำ?
“เราก็พยายามใส่ในงานของเราทุกเรื่องนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าคัตไหน หรือซีนไหนที่คนดูจะจำได้หรือไม่ได้ เพียงแต่ว่าเราพยายามทำทุกคัตให้มันน่าสนใจ และมีอะไรในตัวของมันในโอกาสที่เราสามารถทำได้แทรกได้ เราก็จะใส่เข้าไปให้คนดูเข้าใจได้ ส่วนเขาจะจำได้ในคัตไหนนั้นเราไม่รู้ มันไม่ได้เกิดจากความจงใจว่าคัตนี้ถ่ายออกมาแล้วจะต้องจำจะต้องเป็นลายเซ็นอะไรขนาดนั้น เราไม่ได้พยายามจะทำงานในสไตล์นั้น”

แล้วละครที่ทำมา หนุ่มประทับใจละครเรื่องไหนบ้าง?
“ก็ชอบทุกเรื่องที่ทำนะ ตั้งแต่ตะวันเดือด เป็นต้นมา ก็มีหลาย ๆ เรื่องที่มันเป็นภาพให้เราจดจำ แต่ตอนนี้มันมีภาพใหม่คือในเรื่อง “ข้าบดินทร์” ฉากที่เป็นคาราวานช้าง ออกไปคล้องช้างที่ถ่ายที่สุรินทร์ วันนั้นทำงานไปเราก็รู้สึกว่ามันใหญ่มากในความรู้สึกของเรา แบบว่าโหชีวิตหนึ่งเราจะได้ทำอะไรใหญ่ ๆ ขนาดนี้เลยเหรอ คือเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราเก่งหรือเจ๋งนะ ไม่ได้จะยกหางตัวเองเพียงแต่รู้สึกว่าเวลาอยู่ในซีนที่มันใหญ่โตจริง ๆ แบบนั้นมันก็เลยเป็นภาพจำที่ประทับใจ หรือฉากที่เหม (พระเอก) รำดาบอยู่กับช้าง คือเรามองไปเห็นมุมนึงซึ่งมันย้อนแสง ในจังหวะนั้นพอดี ก็รีบวิ่งไปบอกทีมงานเอาเจมส์ กับช้างมาอยู่ในตำแหน่งตรงนี้ให้ได้ในเวลานี้ เพราะฉากนี้ต้องเป็นแสงแบบนี้เท่านั้นในเวลา 10 นาที อะไรอย่างเนี้ย คือบางทีจังหวะเราไปเจอพอดีและตั้งใจเลยว่ามันต้องถ่ายทันทีก็สั่งขณะนั้นเลย  แล้วพอเรามาดูก็รู้สึกว่ามันสวยมาก ซึ่งนี่ก็เป็นอีกตัวอย่างที่ยกมาเล่าว่าเราจะพยายามทำทุกฉากให้มันได้อารมณ์ของมัน ฉะนั้นเรื่องภาพจำหรือฉากโชว์อะไรเราจึงไม่ได้วางไว้เฉพาะฉากใดฉากหนึ่งเท่านั้น แต่เราพยายามทำทุกฉากให้มันได้อารมณ์ของมันมากที่สุด ส่วนภาพจำต่าง ๆ นั้นคนดูจะเป็นคนตัดสินเราเอง”

หนุ่มเองก็เกิดจากหนังมาเหมือนกันนะ งั้นขอถามถึงหนังในดวงใจบ้าง มีกับเขาบ้างมั้ย?
“มีครับเรื่อง พัลพ์     ฟิคชั่น ครับ กี่ปีกี่ชาติก็ยังชอบเรื่องนี้ของ เครนติน ตารันติโน มันเป็นหนังสะท้อนสังคมอย่างรุนแรงช่วงหนึ่งของทั่วโลก มันเหยียดผิว ชนชั้น หรือว่าวิถีชีวิตอะไรบางอย่างที่แสดงออก อีกเรื่องคือ แนช เชอเริล บอร์น คิลเลอร์  ของ โอลิเวอร์ สโตน อันนี้ก็ชอบมาก มันสะท้อนถึงภาวะของสื่อในยุคหนึ่งของอเมริกัน ที่สามารถสร้างคนชั่วให้เป็นไอดอลได้ในชั่วข้ามคืน คือทั้งหมดมันเป็นเรื่องของสื่อเป็นคนที่ควบคุมโลกในยุคนึงเราชอบ ส่วนฉากที่ชอบของหนัง เรื่อง พัลพ์ ฟิคชั่น ผมชอบแนวคิดของเรื่อง เนื้อหามันสนุก ส่วนเรื่อง แนช เชอเริล บอร์น คิลเลอร์ ผมชอบฉากจบของเรื่อง”

ตัวหนุ่มเองมีทัศนคติในการทำงานอย่างไรบ้าง?
“ทุกวันมันคือวันใหม่ ตื่นเช้ามาก็เป็นวันใหม่แล้ว ฉะนั้นมันไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมหรอก มันมีความตื่นเต้นอยู่ตลอด เวลาเราทำงานมักจะมีแต่ปัญหามีความกดดันอะไรต่าง ๆ นานา ทำให้เราทำงานด้วยความไม่มั่นใจ หมายความว่าเราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำมันดีหรือไม่ดี ถูกต้องที่สุดแล้วหรือยัง แต่เราจะพยายามทำให้มันดีที่สุดในทุก ๆ วันที่เป็นปัจจุบัน เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันใหม่ที่เราจะไปเจอ ฉะนั้นเราต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ส่วนใหญ่งานโปรดักชั่นเป็นงานที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ฉะนั้นทำยังไงที่จะให้คงอารมณ์นั้นตอนที่เราอ่านบทไว้ให้ได้มากที่สุดและปรับใช้กับสถานการณ์อะไรอย่างเนี้ย”


ในฐานะที่ขึ้นแท่นผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จมาแล้วจากละครหลายเรื่อง คิดว่าการเป็นผู้กำกับที่ดี ต้องเป็นอย่างไร?
“เราบอกไม่ได้หรอกว่าผู้กำกับแบบไหนคือดี หรือไม่ดี เพราะการทำงานแต่ละเรื่องโจทย์ต่างกัน วิธีคิดก็ต่างกัน ผู้แสดงก็ต้องหลากหลายต่างกันในสไตล์ของชิ้นงานนั้น ๆ ฉะนั้นเราบอกไม่ได้ว่าสไตล์ของใครดีที่สุด เอาเป็นว่าสิ่งที่ผู้กำกับต้องมีคือ วุฒิภาวะทางอารมณ์ และทางความคิด งานโปรดักชั่นเป็นงานที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ฉะนั้นทำยังไงที่จะให้เราคงอารมณ์นั้นตอนที่เราอ่านบทไว้ให้ได้มากที่สุดและปรับใช้กับสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้กำกับจะต้องควบคุมอารมณ์ให้นิ่ง มีสติ ยอมที่จะรับฟังบางจุดที่มีคนทักท้วง แล้วพิจารณามันอย่างเปิดกว้างให้เกียรติในความคิดของทุกคนนะสำหรับผม ผมมองแบบบนี้”

„“อรรถพร ธีมากร” เขาคนนี้ถือว่าเป็นผู้กำกับรุ่นใหม่ ที่มีแนวทางชัดเจนในการทำงานอีกคน ส่วนจันทร์หน้าแน่นอนว่าเรายังมีคนเบื้องหลังที่จะเผยถึงช็อตเด็ดในดวงใจให้เราได้รู้กัน แต่จะเป็นใครนั้นต้องรอติดตามกันนะจ๊ะ.“

ที่มา :  เดลินิวส์ http://www.dailynews.co.th/entertainment/247000
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่