เกริ่นก่อนว่าตัวผมได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตดิ้นรนอยู่ในเมืองฟ้าอมร กรุงเทพมหานคร มาก็หลายปีครับ และเป็นคนที่เปลี่ยนงานค่อนข้างบ่อย
ดังนั้นแทบจะเรียกได้ว่าทุกแถบทุกโซนในเมืองหลวงแห่งนี้ ผมมีโอกาสได้ไปสัมผัส ใช้ชีวิต และเสี่ยงชีวิตกับทุกรูปแบบในการเดินทางแล้วครับ
วันนี้เลยอยากจะนำประสบการณ์ที่เคยพบเจอในการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะของเมืองที่วุ่นวายแห่งนี้ มาแบ่งปันให้ทุกๆท่านรับทราบ
ซึ่งแน่นอนว่าการจัดอันดับนี้มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมทั้งสิ้น ดังนั้นหากท่านใดจะแย้งในจุดใดๆก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่ครับ
เกริ่นซะยาวมากแล้ว มาเริ่มกันเลยดีกว่า ลุย ลุย!
อันดับ5 มิสเตอร์ TAXI TAXI! ค่าความเสี่ยง 2/10
หลายคนอาจจะลุกขึ้นโวยเลยว่า "โห TAXI นี่มีคนตั้งกระทู้ด่าไม่เว้นวันเลยนะ แค่อันดับ5 ได้ไง!?" แต่ใจร่มๆนิดนึงครับ จากส่วนตัวที่เคยพบเจอ
แทบจะ 8ใน10 คันเลยครับ ที่เป็น TAXI ที่ไว้วางใจได้ตลอดการเดินทาง อันนี้ผมไม่ได้คิดเรื่องปฏิเสธผู้โดยสารนะครับ คิดเฉพาะเมื่อได้ตกลง
ปลงใจร่วมโดยสารขึ้นรถมาด้วยกันแล้ว ปัญหาที่พบบ่อยๆก็มักเป็นพวก TAXI พูดมากชวนคุยไม่หยุด โดยส่วนตัวจะเลี่ยงปัญหานี้ง่ายๆด้วยการบอก
ไปประมาณว่า "พี่ ผมอยากคุยกับพี่นะ แต่ในหัวผมตอนนี้แม่มมีอีกหลายเรื่องให้คิดเลย ขอนั่งคิดไรแบบเงียบๆสักพักนะพี่" ค่อนข้างได้ผลครับ
บางคนก็เงียบไปเลย บางคนบอกแบบเขิลๆ "เดี๋ยวพี่เปิดเพลงนะ" หรือบางคนก็ค่อยๆเบาเสียงวิทยุให้เลย แต่น้อยครับที่จะเจอแบบนี้ โดยส่วนมาก
TAXI จะไม่ค่อยชวนคุยหรอกครับ จะเป็นผมซะมากกว่าที่ชวนคุยซะเอง (ฮา) ก็แหม่คุณจะรู้อะไรการได้แลกเปลี่ยนทัศนคติกับคนหลากหลายอาชีพ
แบบนี้มันทำให้เราเห็นอะไรหลายอย่าง ที่บอกว่าหลากหลายอาชีพเพราะบ่อยครั้งที่ผมมักจะเจอพวกที่มาขับ TAXI แบบพาร์ทไทม์ว่างจากงานประจำที่ทำ
ซึ่งบางคนมีทั้ง ตำรวจ, พนักงานบัญชี, ฝ่ายบุคคล หรือแม้กระทั่งที่ผมแปลกใจที่สุดคือ ผมจำไม่ได้ว่าตำแหน่งเป๊ะๆคืออะไร แต่ประมาณว่า เป็นนักบินรบ
และทำงานที่หอบังคับการบินประมาณนี้ครับ ซึ่งผมมักจะเกริ่นก่อนว่า "พี่ ไหนๆเราก็คงได้เจอกันแค่ครั้งเดียว เราไม่รู้จักกันอยู่ละ ผมถามหน่อยเถอะ..."
แล้วก็ตามด้วยคำถามที่เจาะลึก แบบที่เมื่อฟังคำตอบแล้วต้องร้องว่า "โห แม่ม นี่จริงปะเนี่ยพี่!!" ทั้งเรื่องบนดิน ใต้ดิน บนสะดือ ใต้สะดือ รู้หมดครับ
แต่จะเชื่อหรือไม่ก็ต้องใช้วิจารณญาณส่วนตัวกันเอานะครับ ส่วนอีกเรื่องที่หลายๆคนกังวลนั่นก็คือเรื่อง TAXI พาอ้อมอันนี้แก้ง่ายมากครับ โดยปกติแล้ว
เมื่อเราขึ้นนั่งบนรถปุ๊ป บอกจุดหมายปั๊ป TAXI ก็จะทำการลองเชิงว่า "ไปเส้นไหนน้อง?" ถ้าเรารู้เส้นทางก็บอกๆไปตามที่รู้ครับ แต่ถ้าเราไม่รู้ ไม่เคยไป
แนะนำครับ ทำใจให้สบาย บอกไปเลยครับ "ไม่รู้พี่ ไม่เคยไปเหมือนกัน พี่จะพาผมไปทางไหนแล้วแต่พี่เลย เอาที่พี่สบายใจ" เอ้า ก็คนมันไม่รู้นี่หว่า
แต่เกือบทุกครั้งที่ผมไปถึงที่หมายแล้วเพื่อนถามโดน TAXI ไปเท่าไร พอบอกจำนวนไปเพื่อนก็จะก็จะบอก "เออ ประมานนั้นแหละ" เสมอๆนะครับ
หรือบางทีพอเราบอกเส้นทางไปแล้ว TAXI อาจมีแย้งขึ้นมาว่า "พี่ว่าไปเส้นนี้ ตัดเข้าตรงนี้ ใกล้กว่านะน้อง" ผมก็จะบอกว่า "ถ้าพี่ว่าไง ผมก็ว่าตามกัน
แต่ปกติผมไปตรงนี้มัน xxxบาทนะ ถ้าไปเส้นพี่แล้วมันเกินผมจ่ายแค่ xxxบาทน้าาา" ถ้าโอเคก็ไปและเกือบทุกครั้งเส้นที่พาไปก็มักจะถูกกว่าจริงๆครับ
โดยรวมแล้วสำหรับผม TAXI ยังเป็นระบบขนส่งสาธารณะที่ยังน่าคบหากว่าอีก 4 อันดับที่เหลืออยู่ครับ


อันดับ4 ซุ้มรถปากซอย ค่าความเสี่ยง 4/10
เรียกง่ายๆก็ วินมอ'ไซค์ แหละครับ เอาแค่ที่ผมเคยเห็นกับตามานี่มีประมาณไม่ต่ำกว่า 5ครั้งแล้วครับที่ผมได้เห็น พี่วินฯ ประสบอุบัติเหตุพร้อมผู้โดยสาร
ในตำแหน่งที่ผมกำลังซ้อนกับ พี่วินฯ อีกคันอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในซอยที่การจราจรคับคั่งครับ สาเหตุหลักๆก็คงเป็นความมั่นใจในความคล่องตัวและ
ทักษะการบังคับรถของ พี่วินฯ ทั้งนั้นครับ บางทีผมก็อยากทราบเหลือเกินว่าที่แกรีบนี่เพราะจะเร่งทำรอบหรือหวังดีกลัวเราไปเข้างานไม่ทัน ซึ่งถ้าเป็น
อย่างหลังผมอยากจะบอกพี่ว่า "ถ้ากรุรีบ เดี๋ยวกรุบอกเองครับพี่" คืออยากสัมผัสบรรยากาศลมปะทะหัว ชมวิวทิวทัศน์ข้างทาง สัมผัสแสงแดดอ่อนๆ
ที่มากระทบกับผิวหนัง อะไรแบบนี้บ้าง แต่ตัดมาภาพความเป็นจริงคือชายหนุ่มร่างใหญ่อยู่ในท่าตะบี้ตะบันบิดคันเร่งจนเส้นเลือดที่ข้อมือปูดโปนแทบแตก
จังหวะทิ้งน้ำหนักตามโค้งที่ทิ้งซะแบบมริงไหลข้ามไปอีกเลนครึ่งตัวแล้ว ซึ่งแน่นอนถนนนี้มีแค่สองเลนและอีกเลนก็มีรถสวนมาแบบไม่มีความปราณีเช่นกัน
แต่อย่าห่วงไปชายหนุ่มคนนั้นกระตุกข้อมือเพียงนิด รถคู่ใจของเขาก็สามารถแทรกผ่านช่องว่างได้ราวกับปาฏิหาริย์ แบบฉิวเฉียด เฉียดขนาดที่ว่า
ผมในฐานะคนซ้อนสามารถได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาจากภายในรถคันที่สวนไปได้เลยว่า "โอ่!! ไอ้ครัววววว..." ท้ายเสียงหายไปเพราะรถผ่านไปเสียก่อน
ชายหนุ่มนักบิดยืดตัวเล็กน้อยเหมือนภูมิใจในทักษะการขับขี่ของตน ส่วนผมนี่แทบอยากจะถอดหมวกกันน็อคบนหัวเขา เอามาฟาดกระบาลให้แตกคามือ
อีกหนึ่งความประทับใจที่มีต่อ พี่วินฯ นั่นก็คือเรื่องค่าโดยสารที่สามารถผันผวนได้ตามอะไรของแม่มก็ไม่รู้ครับ เคยไหมครับที่เรานั่งเข้าไปในซอย 15บาท
พอขากลับขึ้นรถที่จุดเดียวกันที่เขามาส่ง และลงรถที่จุดเดียวกันที่เราขึ้น เราก็โชว์ความมืออาชีพควักเหรียญมาวางใส่มือ พี่วินฯ อย่างฉับไว 15บาทถ้วน
แต่พอเมื่อเราหันหลังจะเดินจากไป ก็มีเสียงห้าวๆตามหลังมาว่า "ขาด5บาทน้อง" เอ้า งงสิครับแบบนี้หันกลับไปถามแบบงงๆ "ขาเข้าไปมัน 15บาทนะพี่"
พี่วินฯ ยกกระจกกันลมหมวกกันน็อคขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมีพลังว่า "ออกมาปากซอย 20ทั้งนั้นน้อง เขาเป็นงี้มานานแล้ว" เขา?? เขาคือใครว๊ะ
เขาคือผู้กำหนดว่าระยะทางเท่ากัน แต่ขาออกมาปากซอยกรุขอบวกเพิ่ม5บาท บวกกับอะไร เพราะอะไร ไม่มีใครรู้ แต่เขาบวกมานานแล้ว งงเลยครับเจองี้
แต่ก็ตัดสินใจกัดฟันจ่ายไปครับ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับเขาหรืออาจเป็น พวกเขา ครับ แต่ครับแต่อย่าเพิ่งคิดว่าการนั่งวินฯในซอยคือที่สุดของความมันส์
หากคุณยังไม่เคยลองนั่งวินฯระยะไกลผ่านถนนเส้นหลักในชั่วโมงเร่งด่วน ขอบอกเลยว่าที่สุดของแจ้ครับ เอาตรงๆนะการปาดซ้าย ป้ายเข้าขวา ฉวัดเฉวียน
แบบนี้ผมค่อนข้างรับได้นะ หรือการขับเลาะเลียบไล้เหล่ากระจกรถยนต์สองฝั่งด้วยความเร็วเหมือนขับรถบนทางด่วน นั่นก็เป็นสิ่งที่ผมพอจะรับไหว
แต่ที่ผมเจอนี่คือเหตุการณ์ที่ผมจะนั่งไปลงอีกซอยนึง ซึ่งอยู่อีกฝั่งจะต้อง U-Turn ค่อนข้างไกลเพื่อวกเข้าซอย แต่ก่อนถึงซอยนั้นจะมีอีกหนึ่ง U-Turn ซึ่ง
อยู่เยื้องๆปากซอยมาหน่อยจะต้องสวนเลนไปเพื่อขึ้นฟุตบาทเข้าปากซอย คุณรู้ใช่มั้ยครับว่า พี่วินฯ ของเราเลือกเส้นทางไหน แน่นอนครับพี่แกจัดการ
หักคอรถเลี้ยวป้าบและเตรียมตัดหน้ารถอีกนับร้อยเพื่อสวนเลนไปเข้าซอย และรถที่พี่แกเลือกจะตัดหน้านั้นไม่ใช่ใครที่ไหนครับ รถเมล์! รถเมล์ครับเจ้านาย!!
รถเมล์สายเลขตัวเดียวอันดับต้นๆของไทยด้วย สมองผมนี่สั่งการให้อุทานมาแบบเฉียบพลันเลยครับ "เxี้ยยยยยยยยยย!!" เสียงรถเมล์เบรกดังเอี๊ยดดดดด
ลั่นไปทั่วถนน มาพร้อมกับเสียงแตรที่ดังไม่แพ้กัน หยุดอยู่ในสภาพที่ผมแทบจะเอามือไปลูบไล้กันชนรถเมล์เล่นได้อย่างทะนุถนอม พี่วินฯ แกคงตั้งสติได้
ยกมือขอโทษขอโพยปะหลกๆ ผมหันไปดูอาการพี่โชว์เฟอร์รถเมล์แล้ว บอกได้เลยว่าคำหยาบทุกชนิดบนโลกคงได้ส่งมาถึงตัวผมและพี่วินฯแบบครบถ้วน
หลังขอโทษเสร็จจังหวะพี่วินฯกำลังจะบิดออกตัวไปครับ เสี้ยววินาทีนั้นมีลมตีผ่านหน้าเราทั้งสองคนอย่างแรงพร้อมเสียง "ฟวุ่วววววววววบ!!" ใช่ครับมันคือ
มอ'ไซค์ ที่แซงซ้ายผ่านรถเมล์ไปแบบความเร็วแสง ตัดผ่านหน้ารถพี่วินฯไปในหน่วยระยะมิลลิเมตร ทุกสิ่งทุกอย่างมันเงียบไปชั่วขณะครับ ผมและพี่วินฯ
รวมทั้งเสียงจากพี่โชว์เฟอร์รถเมล์หายไปในพริบตาคาดว่าแกคงตกใจเหมือนกัน หลังจากถึงปากซอยผมก็ลงครับ พี่วินฯ ถามด้วยความเป็นห่วง "ไม่ให้ไปส่ง
ในซอยเหรอน้อง?" ผมได้แต่ตอบไปว่า "ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวเดินเข้าไปครับ นิดเดียว" แต่ในใจที่คิดคือ "มริงช่วยรีบๆออกไปจากความทรงจำกรุสักทีเถอะ!!"
นั่นก็เป็นอีกประสบการณ์ของผมกับระบบขนส่งสาธารณะที่คน กทม. ใช้บริการกันอยู่ในปัจจุบันอย่างต่อเนื่องครับ แต่นี่แค่อันดับ4ครับ อีก3อันดับหนักกว่านี้


ไม่ใช่เดี๋ยวมาต่อนะครับ บอกตรงๆว่าดูก่อนครับว่ามีคนอ่านไหม555 เพราะอีก3อันดับที่เหลือเรื่องราวยาวเหยียดเลยครับ

5 อันดับการขนส่งสาธารณะที่สะเทือนขวัญ สั่นประสาทชาว กทม. มากที่สุด
ดังนั้นแทบจะเรียกได้ว่าทุกแถบทุกโซนในเมืองหลวงแห่งนี้ ผมมีโอกาสได้ไปสัมผัส ใช้ชีวิต และเสี่ยงชีวิตกับทุกรูปแบบในการเดินทางแล้วครับ
วันนี้เลยอยากจะนำประสบการณ์ที่เคยพบเจอในการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะของเมืองที่วุ่นวายแห่งนี้ มาแบ่งปันให้ทุกๆท่านรับทราบ
ซึ่งแน่นอนว่าการจัดอันดับนี้มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมทั้งสิ้น ดังนั้นหากท่านใดจะแย้งในจุดใดๆก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่ครับ
เกริ่นซะยาวมากแล้ว มาเริ่มกันเลยดีกว่า ลุย ลุย!
อันดับ5 มิสเตอร์ TAXI TAXI! ค่าความเสี่ยง 2/10
หลายคนอาจจะลุกขึ้นโวยเลยว่า "โห TAXI นี่มีคนตั้งกระทู้ด่าไม่เว้นวันเลยนะ แค่อันดับ5 ได้ไง!?" แต่ใจร่มๆนิดนึงครับ จากส่วนตัวที่เคยพบเจอ
แทบจะ 8ใน10 คันเลยครับ ที่เป็น TAXI ที่ไว้วางใจได้ตลอดการเดินทาง อันนี้ผมไม่ได้คิดเรื่องปฏิเสธผู้โดยสารนะครับ คิดเฉพาะเมื่อได้ตกลง
ปลงใจร่วมโดยสารขึ้นรถมาด้วยกันแล้ว ปัญหาที่พบบ่อยๆก็มักเป็นพวก TAXI พูดมากชวนคุยไม่หยุด โดยส่วนตัวจะเลี่ยงปัญหานี้ง่ายๆด้วยการบอก
ไปประมาณว่า "พี่ ผมอยากคุยกับพี่นะ แต่ในหัวผมตอนนี้แม่มมีอีกหลายเรื่องให้คิดเลย ขอนั่งคิดไรแบบเงียบๆสักพักนะพี่" ค่อนข้างได้ผลครับ
บางคนก็เงียบไปเลย บางคนบอกแบบเขิลๆ "เดี๋ยวพี่เปิดเพลงนะ" หรือบางคนก็ค่อยๆเบาเสียงวิทยุให้เลย แต่น้อยครับที่จะเจอแบบนี้ โดยส่วนมาก
TAXI จะไม่ค่อยชวนคุยหรอกครับ จะเป็นผมซะมากกว่าที่ชวนคุยซะเอง (ฮา) ก็แหม่คุณจะรู้อะไรการได้แลกเปลี่ยนทัศนคติกับคนหลากหลายอาชีพ
แบบนี้มันทำให้เราเห็นอะไรหลายอย่าง ที่บอกว่าหลากหลายอาชีพเพราะบ่อยครั้งที่ผมมักจะเจอพวกที่มาขับ TAXI แบบพาร์ทไทม์ว่างจากงานประจำที่ทำ
ซึ่งบางคนมีทั้ง ตำรวจ, พนักงานบัญชี, ฝ่ายบุคคล หรือแม้กระทั่งที่ผมแปลกใจที่สุดคือ ผมจำไม่ได้ว่าตำแหน่งเป๊ะๆคืออะไร แต่ประมาณว่า เป็นนักบินรบ
และทำงานที่หอบังคับการบินประมาณนี้ครับ ซึ่งผมมักจะเกริ่นก่อนว่า "พี่ ไหนๆเราก็คงได้เจอกันแค่ครั้งเดียว เราไม่รู้จักกันอยู่ละ ผมถามหน่อยเถอะ..."
แล้วก็ตามด้วยคำถามที่เจาะลึก แบบที่เมื่อฟังคำตอบแล้วต้องร้องว่า "โห แม่ม นี่จริงปะเนี่ยพี่!!" ทั้งเรื่องบนดิน ใต้ดิน บนสะดือ ใต้สะดือ รู้หมดครับ
แต่จะเชื่อหรือไม่ก็ต้องใช้วิจารณญาณส่วนตัวกันเอานะครับ ส่วนอีกเรื่องที่หลายๆคนกังวลนั่นก็คือเรื่อง TAXI พาอ้อมอันนี้แก้ง่ายมากครับ โดยปกติแล้ว
เมื่อเราขึ้นนั่งบนรถปุ๊ป บอกจุดหมายปั๊ป TAXI ก็จะทำการลองเชิงว่า "ไปเส้นไหนน้อง?" ถ้าเรารู้เส้นทางก็บอกๆไปตามที่รู้ครับ แต่ถ้าเราไม่รู้ ไม่เคยไป
แนะนำครับ ทำใจให้สบาย บอกไปเลยครับ "ไม่รู้พี่ ไม่เคยไปเหมือนกัน พี่จะพาผมไปทางไหนแล้วแต่พี่เลย เอาที่พี่สบายใจ" เอ้า ก็คนมันไม่รู้นี่หว่า
แต่เกือบทุกครั้งที่ผมไปถึงที่หมายแล้วเพื่อนถามโดน TAXI ไปเท่าไร พอบอกจำนวนไปเพื่อนก็จะก็จะบอก "เออ ประมานนั้นแหละ" เสมอๆนะครับ
หรือบางทีพอเราบอกเส้นทางไปแล้ว TAXI อาจมีแย้งขึ้นมาว่า "พี่ว่าไปเส้นนี้ ตัดเข้าตรงนี้ ใกล้กว่านะน้อง" ผมก็จะบอกว่า "ถ้าพี่ว่าไง ผมก็ว่าตามกัน
แต่ปกติผมไปตรงนี้มัน xxxบาทนะ ถ้าไปเส้นพี่แล้วมันเกินผมจ่ายแค่ xxxบาทน้าาา" ถ้าโอเคก็ไปและเกือบทุกครั้งเส้นที่พาไปก็มักจะถูกกว่าจริงๆครับ
โดยรวมแล้วสำหรับผม TAXI ยังเป็นระบบขนส่งสาธารณะที่ยังน่าคบหากว่าอีก 4 อันดับที่เหลืออยู่ครับ
อันดับ4 ซุ้มรถปากซอย ค่าความเสี่ยง 4/10
เรียกง่ายๆก็ วินมอ'ไซค์ แหละครับ เอาแค่ที่ผมเคยเห็นกับตามานี่มีประมาณไม่ต่ำกว่า 5ครั้งแล้วครับที่ผมได้เห็น พี่วินฯ ประสบอุบัติเหตุพร้อมผู้โดยสาร
ในตำแหน่งที่ผมกำลังซ้อนกับ พี่วินฯ อีกคันอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในซอยที่การจราจรคับคั่งครับ สาเหตุหลักๆก็คงเป็นความมั่นใจในความคล่องตัวและ
ทักษะการบังคับรถของ พี่วินฯ ทั้งนั้นครับ บางทีผมก็อยากทราบเหลือเกินว่าที่แกรีบนี่เพราะจะเร่งทำรอบหรือหวังดีกลัวเราไปเข้างานไม่ทัน ซึ่งถ้าเป็น
อย่างหลังผมอยากจะบอกพี่ว่า "ถ้ากรุรีบ เดี๋ยวกรุบอกเองครับพี่" คืออยากสัมผัสบรรยากาศลมปะทะหัว ชมวิวทิวทัศน์ข้างทาง สัมผัสแสงแดดอ่อนๆ
ที่มากระทบกับผิวหนัง อะไรแบบนี้บ้าง แต่ตัดมาภาพความเป็นจริงคือชายหนุ่มร่างใหญ่อยู่ในท่าตะบี้ตะบันบิดคันเร่งจนเส้นเลือดที่ข้อมือปูดโปนแทบแตก
จังหวะทิ้งน้ำหนักตามโค้งที่ทิ้งซะแบบมริงไหลข้ามไปอีกเลนครึ่งตัวแล้ว ซึ่งแน่นอนถนนนี้มีแค่สองเลนและอีกเลนก็มีรถสวนมาแบบไม่มีความปราณีเช่นกัน
แต่อย่าห่วงไปชายหนุ่มคนนั้นกระตุกข้อมือเพียงนิด รถคู่ใจของเขาก็สามารถแทรกผ่านช่องว่างได้ราวกับปาฏิหาริย์ แบบฉิวเฉียด เฉียดขนาดที่ว่า
ผมในฐานะคนซ้อนสามารถได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาจากภายในรถคันที่สวนไปได้เลยว่า "โอ่!! ไอ้ครัววววว..." ท้ายเสียงหายไปเพราะรถผ่านไปเสียก่อน
ชายหนุ่มนักบิดยืดตัวเล็กน้อยเหมือนภูมิใจในทักษะการขับขี่ของตน ส่วนผมนี่แทบอยากจะถอดหมวกกันน็อคบนหัวเขา เอามาฟาดกระบาลให้แตกคามือ
อีกหนึ่งความประทับใจที่มีต่อ พี่วินฯ นั่นก็คือเรื่องค่าโดยสารที่สามารถผันผวนได้ตามอะไรของแม่มก็ไม่รู้ครับ เคยไหมครับที่เรานั่งเข้าไปในซอย 15บาท
พอขากลับขึ้นรถที่จุดเดียวกันที่เขามาส่ง และลงรถที่จุดเดียวกันที่เราขึ้น เราก็โชว์ความมืออาชีพควักเหรียญมาวางใส่มือ พี่วินฯ อย่างฉับไว 15บาทถ้วน
แต่พอเมื่อเราหันหลังจะเดินจากไป ก็มีเสียงห้าวๆตามหลังมาว่า "ขาด5บาทน้อง" เอ้า งงสิครับแบบนี้หันกลับไปถามแบบงงๆ "ขาเข้าไปมัน 15บาทนะพี่"
พี่วินฯ ยกกระจกกันลมหมวกกันน็อคขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมีพลังว่า "ออกมาปากซอย 20ทั้งนั้นน้อง เขาเป็นงี้มานานแล้ว" เขา?? เขาคือใครว๊ะ
เขาคือผู้กำหนดว่าระยะทางเท่ากัน แต่ขาออกมาปากซอยกรุขอบวกเพิ่ม5บาท บวกกับอะไร เพราะอะไร ไม่มีใครรู้ แต่เขาบวกมานานแล้ว งงเลยครับเจองี้
แต่ก็ตัดสินใจกัดฟันจ่ายไปครับ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับเขาหรืออาจเป็น พวกเขา ครับ แต่ครับแต่อย่าเพิ่งคิดว่าการนั่งวินฯในซอยคือที่สุดของความมันส์
หากคุณยังไม่เคยลองนั่งวินฯระยะไกลผ่านถนนเส้นหลักในชั่วโมงเร่งด่วน ขอบอกเลยว่าที่สุดของแจ้ครับ เอาตรงๆนะการปาดซ้าย ป้ายเข้าขวา ฉวัดเฉวียน
แบบนี้ผมค่อนข้างรับได้นะ หรือการขับเลาะเลียบไล้เหล่ากระจกรถยนต์สองฝั่งด้วยความเร็วเหมือนขับรถบนทางด่วน นั่นก็เป็นสิ่งที่ผมพอจะรับไหว
แต่ที่ผมเจอนี่คือเหตุการณ์ที่ผมจะนั่งไปลงอีกซอยนึง ซึ่งอยู่อีกฝั่งจะต้อง U-Turn ค่อนข้างไกลเพื่อวกเข้าซอย แต่ก่อนถึงซอยนั้นจะมีอีกหนึ่ง U-Turn ซึ่ง
อยู่เยื้องๆปากซอยมาหน่อยจะต้องสวนเลนไปเพื่อขึ้นฟุตบาทเข้าปากซอย คุณรู้ใช่มั้ยครับว่า พี่วินฯ ของเราเลือกเส้นทางไหน แน่นอนครับพี่แกจัดการ
หักคอรถเลี้ยวป้าบและเตรียมตัดหน้ารถอีกนับร้อยเพื่อสวนเลนไปเข้าซอย และรถที่พี่แกเลือกจะตัดหน้านั้นไม่ใช่ใครที่ไหนครับ รถเมล์! รถเมล์ครับเจ้านาย!!
รถเมล์สายเลขตัวเดียวอันดับต้นๆของไทยด้วย สมองผมนี่สั่งการให้อุทานมาแบบเฉียบพลันเลยครับ "เxี้ยยยยยยยยยย!!" เสียงรถเมล์เบรกดังเอี๊ยดดดดด
ลั่นไปทั่วถนน มาพร้อมกับเสียงแตรที่ดังไม่แพ้กัน หยุดอยู่ในสภาพที่ผมแทบจะเอามือไปลูบไล้กันชนรถเมล์เล่นได้อย่างทะนุถนอม พี่วินฯ แกคงตั้งสติได้
ยกมือขอโทษขอโพยปะหลกๆ ผมหันไปดูอาการพี่โชว์เฟอร์รถเมล์แล้ว บอกได้เลยว่าคำหยาบทุกชนิดบนโลกคงได้ส่งมาถึงตัวผมและพี่วินฯแบบครบถ้วน
หลังขอโทษเสร็จจังหวะพี่วินฯกำลังจะบิดออกตัวไปครับ เสี้ยววินาทีนั้นมีลมตีผ่านหน้าเราทั้งสองคนอย่างแรงพร้อมเสียง "ฟวุ่วววววววววบ!!" ใช่ครับมันคือ
มอ'ไซค์ ที่แซงซ้ายผ่านรถเมล์ไปแบบความเร็วแสง ตัดผ่านหน้ารถพี่วินฯไปในหน่วยระยะมิลลิเมตร ทุกสิ่งทุกอย่างมันเงียบไปชั่วขณะครับ ผมและพี่วินฯ
รวมทั้งเสียงจากพี่โชว์เฟอร์รถเมล์หายไปในพริบตาคาดว่าแกคงตกใจเหมือนกัน หลังจากถึงปากซอยผมก็ลงครับ พี่วินฯ ถามด้วยความเป็นห่วง "ไม่ให้ไปส่ง
ในซอยเหรอน้อง?" ผมได้แต่ตอบไปว่า "ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวเดินเข้าไปครับ นิดเดียว" แต่ในใจที่คิดคือ "มริงช่วยรีบๆออกไปจากความทรงจำกรุสักทีเถอะ!!"
นั่นก็เป็นอีกประสบการณ์ของผมกับระบบขนส่งสาธารณะที่คน กทม. ใช้บริการกันอยู่ในปัจจุบันอย่างต่อเนื่องครับ แต่นี่แค่อันดับ4ครับ อีก3อันดับหนักกว่านี้
ไม่ใช่เดี๋ยวมาต่อนะครับ บอกตรงๆว่าดูก่อนครับว่ามีคนอ่านไหม555 เพราะอีก3อันดับที่เหลือเรื่องราวยาวเหยียดเลยครับ