เสียงหัวเราะจาก คำเมือง(ภาษาเหนือ) ที่แสนคิดถึง

จขกท เรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือค่ะ
จบมาจะครบปีแล้ว เวลาผ่านไปเร็วมาก (เรียนตรี ต่อโท รวมทั้งหมดที่ใช้ชีวิตอยู่ราวๆ 7 ปีเศษกันเลยทีเดียว)

จากเด็กสาวภาคกลาง(ตอนบน)ธรรมดาๆ เกิดในเมือง ที่บ้านใช้ภาษาไทยแท้ ไปปรับตัวใช้ชีวิตห่างไกลอยู่ทางเหนือ
ทั้งภาษา ทั้งวัฒนธรรม ทั้งอาหารการกิน วิถีชีวิตความเป็นอยู่ แรกๆก็ต้องปรับ แต่พอห่างหายมานาน กลับคิดถึงซะนี่

ปล เพื่อนสนิท เป็นคนเจียงฮายสองนาง ละปูนบ้านเหล่าแมวหนึ่งนาง สาวละปูนลี้คนงามหนึ่งนาง เจียงใหม่สันปาตอง และเจียงใหม่รอบๆ

วันนี้ก็เลยจะมาเล่าถึงเรื่องตลกๆ ที่น้ำหูน้ำตาเล็ดให้ฟังกันค่ะ ใครที่ไม่เคยสัมผัสคำเมือง อาจไม่อิน
*ไคที่เป๋นคนเมืองแต้ๆมาอ่าน ข้าเจ้าอาจจะอู้จะเลอะจะเกิ่มไปพ่อง สุมาเตอะเจ้า

ช่วงแรกที่ไปเรียนทางเหนือ ยอมรับเลยค่ะว่าเหมือนไปต่างประเทศ ทั้ง Wording ทั้ง Stress ทั้ง Meaning
ไม่ต่างกะการไปอยู่ยุโรปเลยค่ะ ซับไตเติลวิ่งให้พล่าน 555

เริ่มแรกเลยนะคะ
เรื่องที่หนึ่ง "ล่น"
รับน้องค่ะ ด้วยความที่จะมีการรับน้องปีหนึ่ง รุ่นพี่ก็เรียกๆๆๆๆ เราไปยืนรวมๆกัน แล้วสั่งให้กลับหอค่ะ
แต่นางตะโกนว่า "ขะใจ๋ล่นแล่!!!!"

ลองคิดถึงคนภาคกลางสิคะ ตีความไม่ออกซักคำ!! ทำไงละทีนี้ เดาค่ะ หลักการเดาคำศัพท์เป็นสิ่งที่คนเรียนภาษาจำเป็นต้องงัดมาใช้
อาการ ล่น หรือ ร่น ทางภาคกลางหมายถึง ไอ่อาการที่ถุงเท้ามันย้วยแล้วล่นลงไปไม่ยึดติดกับน่อง หรือไม่มียางยืดกางเกงถอยร่นตกลงไป

แล้วพี่สั่งให้ ล่น!! เราต้องทำไง คุกเข่าเลยค่ะ แต่ก่อนที่จะได้เลื้อยท่าหนอนกระดืบไปตามพื้น (ตามที่ตัวเองจิตนาการไว้)
เพื่อนรุ่นเดียวกันดันคว้าข้อมือกระชากวิ่งซะก่อน อ่อออ...ถ้าสั่ง ล่น คือการให้ (วิ่ง???)  นี่เอง...

เรื่องที่สอง "ปื้น"
กิจกรรมรับน้องยังไม่หมดค่ะ เข้าค่ายเชื่อมสัมพันธ์กัน โดยไปนอนรวมกันเล่นกิจกรรมตอนกลางคืนด้วยกัน เป็นเกมส์ต่อภาพค่ะ โดยแบ่งเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละราวๆ 10 กว่าคน แล้วจะมีกระดานที่มีจิ๊กซอว์ที่ขาดหายไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง ส่วนอีกฝั่งจะเป็นภาพที่วาดบนแผ่นไม้ (ชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ที่จะเอาไปต่อที่กระดาน) ก็เริ่มนกหวีด ปี๊ดดดดดดดด
ทุกคนก็ส่งเสียงเชียร์คนที่วิ่งมา(ตะโกนถามกันเซงแซ่) : ภาพไหนนๆๆๆ อันไหนๆๆๆ"
เพื่อน : อันปื้นอ่ะ อันปื้น
ขณะที่ทุกคนกำลังหากัน ก็มีนางนึงค่ะ(เราเอง) พยายามพลิกทุกอันสลับกันไปหมด พลิกทั้งแผ่นบนแผ่นล่าง
เพื่อน : อันปื้นน่ะก่ะคิงงง
นางนี่ก็ยังคงพลิกหาต่อไป ด้วยเข้าใจว่า "ปื้น" คืออันที่มีรอยเปื้อนสีดำเป็นปื้นๆ T^T
เพื่อน : อิงัว อันปื้นนนนนนนนน(อันที่พื้น)

สรุป การแข่งครั้งนั้นก็พ่ายแพ้ไปอย่างสวยงาม เพราะพอเค้าจะหยิบอันที่พื้น เราก็พลิกมันปนกันไปหมดแล้ว 555

เรื่องที่สาม "ป่อง"
ฝนตกค่ะ ทุกคนก็กลัวของในห้องแล็ปจะเปียกน้ำ ก็ตะโกนขึ้นมาว่า
เพื่อน : ปิดป่องแล่
เพื่อน 2 : ฮาบ่ะว่าง (ชื่อเรา) ปิดป่องหื้อกำ
เรา : จิตนาการและ ป่อง ? ปล่องไฟ ? เดินตามหา สิ่งที่เหมือนปล่องไฟค่ะ เดาเพิ่มด้วยอีกนิดหน่อยว่า
น่าจะเป็นรูตามพื้นที่น้ำอาจจะไหลเข้ามาได้ เพราะฝนตก (เก่งป่ะล่ะ) ก็เดินวนไปวนมา เดินหารูตามพื้น ก็ดูจะไม่มีป่อง
เพื่อน : อิห้าซ่ำ ไปปิดป่องง ฝนสาดหมดแล้ว
เรา : พัฒนาขึ้นนิดนึง จากคำว่าฝนสาด ก็คิดว่า ป่องน่าจะอยู่สูงขึ้นมาอีกนิดหน่อย ป่องน่าจะเป็นรูบนโต๊ะหรือบนหลังคา (หรออออ?)
ยังคงเดินหาต่อไป
เพื่อน : ฮาไปปิดเองกะได้
เรา ยืนมอง อ้ออออ ป่อง คือ หน้าต่าง.....

เรื่องที่สาม(ย่อย) "งามใบ้งามง่าว"
งาม เนี่ยค่ะ พอเข้าใจ แต่ ใบ้ (ที่เหมือนคนเป็นใบ้) และ ง่าว (ที่แปลว่าโง่) นี่ตกลงว่า ด่า หรือ ชม สวยแล้วไม่พูดแล้วก็ยังโง่ด้วย....

เรื่องที่สี่ "ใส่เตี่ยวแดงเตว"
ในวงสนทนาค่ะ
เพื่อน 1 : บะห้านั่น กล้าเนาะ
เพื่อน 2 : น่ะก่ะ ใส่เต่วแดงเตวแวดมอ
เรา จิตนาการฟุ้ง เต่ว หรือ เตี่ยว นึกถึงผ้าเตี่ยวซูโม่ ที่เป็นผ้าคาดๆ (น้อยๆชิ้นอ่ะค่ะ) โหย แล้วยังสีแดงอีก เดินรอบ มหาลัย
เรา : โหยกล้าเนาะ
เพื่อน 1&2 : น่ะก่ะ
สรุป เค้าแค่ใส่กางเกงสีแดงสดเดินเฉยๆ แต่ภาพในหัวเรานี่ ผู้ชายคนนี้แก้ผ้าเดินรอบ ม กันเลยทีเดียว
(ไม่ได้รู้เรื่องแต่ก็เข้าใจไปกะบทสนทนาเค้า 555)

เรื่องที่ห้า "ไข" เรื่องนี้ตลกขั้นสุด เพราะเป็นภาษาโบราณที่ไม่ค่อยมีใครใช้กันด้วยมั้งคะ
เรียนกันอยู่ในห้องแล็ปค่ะ มือพวกก็ถือพวกหลอดไวออล (หลอดแก้วก้นกลมที่วางไม่ได้อ่ะค่ะ)
กันอยู่พะรุงพะรัง มันก็มีฝาปิดด้วย แล้วต้องเติมสารอย่างนึงลงไป
เพื่อน1 จะเป็นคนเติม เพื่อน2ก็จะถือ แต่ของเพื่อน1อยู่ในมือของเพื่อน2ด้วย

เพื่อน2 : (ชื่อเพื่อน1) ไข
เพื่อน1 : ฮา (ของกู) (คงเข้าใจว่าถามว่าของใคร)
เพื่อน2: ไข...
เพื่อน1 : ก็บอกว่าของฮา
เพื่อน2 : ฮาหื้อไข
เพื่อน1 : ก่อของฮา เสร็จละให้(ชื่อ)ถือต่อ
เพื่อน2 : ฮาบอกหื้อคิงไข!! (กูบอกให้เมิงเปิดดด)
หัวเราะตาย

เรื่องที่หก "ว้าย"
กำลังขับมอไซด์อยู่ค่ะ เป็นคนขับ เพื่อนเชียงรายซ้อนท้าย
เพื่อนเชียงราย : (ชื่อเรา) ว้ายรถ
เราก็ยังคงขับต่อไป เพราะคิดว่ารถเฉี่ยวมาใกล้ๆ แล้วมันร้อง ว้าย
เพื่อนเชียงราย : ว้ายรถ
เรายังคงขับตรงๆต่อไป อะไรวะ วันนี้ รถขับแย่กันเนาะ ท่าทางจะมีแต่พวกขับเป๋ไปเป๋มาใกล้ๆ (ละมั้ง)
เพื่อนเชียงราย : ฮาบอกฮื้อคิงว้ายรถ!
เรา : แล้วว้ายน่ะ มันคือต้องทำไงเล่า!!
เพื่อนเชียงราย : สุมาเตอะ ลืมไป แล้วก็หัวเราะอย่างเดียว

ปล ว้ายรถ แปลว่า กลับรถค่ะ
ปล2 เลยจาก Destination มาไกลมาก ขอบอก ควรกลับรถตั้งนานแล้ว

เรื่องที่เจ็ด "หน้าไก้"
นั่งดูรูปกันค่ะ รูปที่ถ่ายด้วยกันในกลุ่มเพื่อนๆ เพื่อนคนนึงบอกว่า (ชื่อเรา) หน้าไก้!!!
ไอ่เราก็อยู่หน้าสุด เราก็เข้าใจว่า มันหมายความว่า "หน้า ใกล้ กล้อง"

แต่เปล่าเลยยย มันหมายถึง ไก้ ที่แปลว่า อืด บวม พองระยะสุดท้าย อาการสิ่งของที่แช่น้ำจนบึน (บึนก็เมืองอีก) บานนน ก็ได้ 55

เรื่องที่แปด "อึ่งกั๊ดเม่า"
โดนว่าค่ะ โดนเพื่อนว่า (ช่วงนั้นอืดมาก) บอกว่า "อิอึ่งกั๊ดเม่า" เราก็ไม่สะทกสะท้าน ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองถูกด่า
ยังรู้สึกว่าน่ารักดี กั๊ดเม่าๆ 555 (คล้ายๆกั๊ดจังในอาราเล่)

จนกระทั่งรู้ความหมายค่ะ "อึ่ง"อ่าง ที่ "กั๊ด" (อิ่มจนพุงกาง แน่น อาการที่กินอะไรไม่เข้าอีกแล้ว ท้องป่อง) เนื่องจากกิน แมง"เม่า"
โหย เห็นภาพสิคะ อิอึ่งกั๊ดเม่า (อึ่งอ่างที่นอนหงายท้องเพราะกินแมงเม่ามากเกินไป คือนี่จะบอกว่ากุอ้วนนน มันยิ่งกว่าอ้วนอ่ะ"
หลังจากนั้นไม่รู้สึกว่ามันน่ารักอีกเลยค่ะ 555

เรื่องที่เก้า "ตัวเก่า"
เคยมีรุ่นพี่คนนึงที่เราไปปรึกษาด้วย เค้าสอนๆๆๆเราอยู่ (เรื่องซีเรียส) แล้วบอกว่า "ตัวเก่าก็ฮู้"
ณ ขณะนั้นไม่รู้สึกซีเรียสอีกเลยค่ะ สงสัยแทน ตัวเก่าคือไรวะ? แล้วถ้ามีตัวเก่า แล้วตัวใหม่ล่ะ? แล้วตัวไหนอีก ตัวนู้น ตัวนี้
ตกลงตัวเก่าคือไยย
(พี่เค้ายิ่งเห็นหน้าเราโง่ ยิ่งคิดว่าเราเครียด ยิ่งอธิบายมาใหญ่ จริงๆในใจแบบ ตัวเก่าาา ตัวใหม่ คือไรรร จะถามก็ขัดอารมณ์เค้าอ๊ะ)

เรื่องที่สิบ "ตะไหล และ ป๊าก"
ทำกับข้าวกันอยู่ในครัว
เพื่อน1 : (ชื่อเรา) กำตะไหลให้ฮากำ
เรา คิดในใจ ตะไหลคือไรวะ ยืนโง่ไปชั่วขณะ
เพื่อน1 : ยะหยังเนิบๆ บ่ต้องละ เพื่อน2 โจ้งตะไหลหื้อฮากำ (ชื่อเรา) คิงไปเตรียมคดข้าว เอาป้ากไปโตย
เรา ยืนดูเพื่อนมันโยนถาด (ตะไหลคือถาดค่ะ) แล้วก็ยืนเงิบต่อ อิห่า รู้ละว่าตะไหลคือไร  (ขออนุญาตหยาบคายเพื่ออรรถรส)
ทีนี้เจือกเกิดมาเปลี่ยนคำสั่งให้เอาป๊ากไปอีก ยืนโง่ต่อ
เพื่อน1 : ป๊ากอ่ะ ป๊าก ภาษาไทยเปิ้นฮ้องหยังวะ
เพื่อน2 : ทัพพี!!
เพื่อน1 : เออ เอาทัพพีไปเตรียมตักข้าว ไป๊
เรา : T^T !!

เรื่องที่สิบเอ็ด "ก็ยางมัน ผิ่ว"
นี่เลยค่ะ ขับรถกันไป อยู่ๆก็เริ่มจอดข้างทาง
เรา : เฮ้ย เกิดไรขึ้น
เพื่อน : เฮ้ยยย ต้องหาร้านยางแล้วหว่ะ (ไม่อธิบายอีกนะ)
เรา : เกิดไร ทำไม ยังไง
เพื่อน : รู้สึกว่า ยางมันผิ่ว
เรา : ..... (จิตนาการว่าย่ำเหยียบตะปู ยางระเบิดแตกไปแล้ว ) แล้วทำไงอ่ะ ต้องโทรเรียกช่างหรอ
เริ่มร้อนรน หาเบอร์ช่างซ่อมรถพัลวัน
เพื่อน : จริงๆ ก็บดไปถึงปั้มได้นะ
เรา : ไม่ดีมั้ง โทรเรียกประกันไหม (คือคิดว่า เกิดเคสหนักหนาจริงๆ อิยางผิ่วเนี่ย)
เพื่อน : แค่ยางผิ่วเอง
เรา : ยางผิ่วแปลว่าไรวะ
เพื่อน : กึดคำไทยก่อนเน้อ เปิ้นฮ้องว่าหยังหว่า อ่อ ยางอ่อน (ที่ลมจะรั่วออกตลอด)
เรา : ...... กุนึกว่ายางแตกไปแล้ว

เรื่องที่สิบสอง "หลุ"
ห้องอาจารย์ค่ะ อาจารย์เป็นคนภาคใต้ (ฮาา) คอมอาจารย์เปิดช่องใส่ CD ไม่ออก
เรา : ท่าจะได้ยกคอมไปซ่อมละค่ะ
อาจารย์ : จัดการให้ครูที
เรา+เพื่อน : ค่ะ
เพื่อน(บ่นเบาๆ) : ตังใดมันหลุล่ะนั่น
เรา : .....
อาจารย์ : เอาตังที่ครูสิ มันมีรูตรงไหน !? ครูทำไมไม่เห็น แต่ช่องใส่ CD เปิดไม่ออก
เรา : อาจารย์คะ มันน่าจะหมายถึง หลุที่แปลว่าพังน่ะค่ะ (แอบฮาในใจ หัวเราะออกหน้าออกตามากไม่ได้)
เพื่อน(ภาษากลางทันที) : มันเสียมานานรึยังคะอาจารย์

เรื่องที่สิบสี่ "บะก้วยเต้ด บะก้วยก๋า ผักกำปืน และ ผักป้อม"
นี่เลยค่ะ กินข้าวกันตอนพักเที่ยง
เรา : จะกินไรกันจะไปซื้อ
เพื่อน1 : ตำส้ม
เรา : ส้มตำ ? หรือตำส้มโอ ? หรือตำผลไม้ใส่ส้มเขียวหวาน
เพื่อน1 : ตำบะก้วยเต้ดน่ะก่ะ
เพื่อน2 : ซื้อบะก้วยก๋าฮื้อฮาโตย
เพื่อน3 : เปิ้นไค่อยากกินไส้กรอก แต่ตี้ร้านถ้ามันมีผัก หื้อกำผักป้อมมานักๆ
เพื่อน4 : เออ มะแลงนี้ต้มเต้าหู้บ๋ ถ้าคิงไปกาด ซื้อผักกำปืนมาเผื่อแลงนี้มัดนึงหื้อฮาโตย
(คนซื้อก็ฉลาดล้ำ เดาหมด ไม่ถามด้วย หยิ่ง เดาจากบริบทเอา บะก้วยก๋านี่เคยหน้าแหกมาแล้วรอบนึงเลยรู้ว่าฝรั่ง
แต่ไอ่เต๊ดๆ เทศๆ สงสัยตำมะเขือเทศ ผักป้อมตามร้านไส้กรอกก็มีอะไรก็หยิบๆมาละกัน ส่วนกำปืน เดาว่าใส่ต้มเต้าหู้ก็คงคลื่นช่ายมั้ง)

สุดท้ายเมนูอาหารได้แก่ ส้มตำมะเขือเทศ(ใส่เยอะมาก) แม่ค้าก็ทำหน้างง คนสั่งก็ทำหน้าง่าว
กลับมาถึงเพื่อนด่าจ้า บะก้วยเต้ด = มะละกอ
สรุป นังเพื่อน1 จะกินส้มตำธรรมดาๆเนี่ยแหละ เจือกสั่งไม่เคลียร์
เพื่อน2 ได้บะก้วยก๋าไปสมใจอยาก บะก้วยก๋า=ฝรั่ง
เพื่อน 3 ได้แตงกวากับกระหล่ำปลีไปแทนนะคะ ร้านไส้กรอกข้าวที่ไหนมีผักชีกัน ผักป้อม = ผักชี
เพื่อน 4 ได้คลื่นช่ายอย่างถูกต้อง ผักกำปืน=คลื่นช่าย

เรื่องที่สิบห้า "อิงัว"
อันนี้ความรู้สึกส่วนตัว ว่าการถูกด่าว่า อิงัว มันน่ารัก กว่า อิควาย ภาษากลางเยอะเลย ถึงภาษาเหนือมันจะเจ็บพอๆกันก็เถอะค่ะ

เรื่องที่สิบหก "สลีมัดตั้ง"
วันนั้นค่ะ นั่งอืดเล่นเกมส์อยู่หน้าคอมค่ะ
เพื่อน : อิห้านี่ วันๆกินกะนั่งบึน (บาน+อืด) หน้าจอคอม หุ่นเป็นสลีมัดตั้ง!!
เราก็งง : หือ อะไรตั้งๆ ??

มัน แปล อย่าง สุภาพ ที่สุด ว่า
หุ่นที่เหมือนฟูก(ที่นอนฟูๆ) ที่ม้วนๆๆ เอาเชือกมัด (มีรอยคอดนิดนึง) แล้วตั้งพิงข้างฝาไว้ ว่าง่ายๆว่า
ไม่มีอก เอว สะโพก มีแค่รอยคอดที่มัดเชือก นิดเดียวง่ะ T^T

เรื่องที่สิบเจ็ด "ตี่ถุง"
ปัญหามาจากถุงพลาสติก
เพื่อนยื่นถุงมาให้ค่ะ เราก็รับมา เป็นถุงแกง (ไซส์ใหญ่นิดนึง พอดีจะเอาใส่พวกตัวอย่างทดลองแช่ตู้เย็น)
เพื่อน : ตี่ถุงหื้อกำ
เรา จินตนาการล้ำเลิศ ตี่!! ตาตี่ คืออาการที่ลูกตาแบนๆแคบๆ เราก็เลยพยายาม ทำปากถุงให้มันแคบๆ เรียวๆ แบนๆ
เพื่อน : ตี่ถุงก่ะคิงงง
เรา : ก็ตี่แล้วนี่ไง ตี่อยู่ไม่ใช่หรอ
เพื่อน : ตี่แปลว่า แหก โว้ยยย
เรา : ไม่เมคเซนส์เลย ตาตี่ไม่ใช่ตาโตซะหน่อย
เพื่อน : - - ภาษาเมืองมันแปลว่า ถ่างให้กว้างๆๆๆ
เรา : เอ้า จริงไหมล่ะ รู้จักไหมตาตี่อ่ะ !!

เรื่องที่สิบแปด "ซั๊วะ"
ปัญหามาจากถุง Again
ทำความสะอาดโรงเรือนด้านหลังคณะกันค่ะ เพื่อนก็ถือถุงดำ แล้วก็มีกองขยะข้างๆ
เพื่อน : ตี่หื้อกำ (หลังจากที่เข้าใจคำว่าตี่แล้ว)
เรา รับถุงดำมา : คงจะอ้าถุงไม่ทันใจหรือว่าไงไม่ทราบ
เพื่อน : ซั๊วะ
ความคิดในหัวคืออาการสะบัดๆๆๆ คือ เสียง ซัวๆๆ ซอบแซบ แบบที่เราสะบัดถุงอ่ะค่ะ ก็สะบัดใหญ่ เขย่าๆๆๆ
เพื่อน : ซั๊วะ ก่ะ
เพื่อน : ปล่อยก่ะ!
เรา : T T (ซั่วะแปลว่าปล่อยค่ะ)

ต่อ Season 2 ได้ที่ คห 224 นะคะ
http://pantip.com/topic/33797138/comment224

Update ได้ที่ คห 337 นะคะ
http://pantip.com/topic/33797138/comment337
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 56
เพื่อน จขกท. โคตรเมืองเลย 5555
เราชอบ คำว่า อึ่งกั๊ดเม่า 55555555555555555555
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 224
Season 2 !! (ด้านบนมันเขียนต่อไม่ได้แหล่ว มันยาวนักล้ำไป)

** ถ้าช่วยกรุณากด + ทำให้ คห มัน เด้งไปด้านบนได้ จะขอบพระคุณมากค่ะ
เขียนตรงนี้ไม่รู้จะมีใครเห็นไหม

ก่อนอื่นต้องขอบคุณคอมเมนท์ที่ล้นหลาม (เกินกว่าที่คาดไว้)
เรื่องเหล่านี้ เขียนจากความทรงจำค่ะ
เลยอาจมีความผิดพลาดทางด้านตัวสะกดบ้าง บุคคลที่พูดบ้าง แต่ส่วนใหญ่ 95 เปอร์เซนต์แล้วจะมาจากความจริง
ที่หัวเราะลั่นทุกครั้งที่ย้อนกลับมารวมกลุ่มกันเม้าท์มอย

(เมื่อวานตอนกลางคืนค่ะ เพื่อนเราหลายคนแอบจับได้ว่าเราเป็นคนเขียน ส่งลิงค์มาให้ รุมถามกันใหญ่ แชร์กันเต็ม 5555)

ดังที่หลายๆความเห็นกล่าวว่า เจ้าหมู่เปิ้นนี่เมียงขนาดดด

เห็นหลายท่านท้าว่าถ้าเจอยองแล้วจะสาหัส
ขอบอกว่า เพื่อนเรามียองหลายคนค่ะ 5555555 ไม่งั้นไม่ได้ภาษาเมืองขนาดนี้หรอกค่ะ

คนยองบ่กินเป็ด!!โตยยย

เคยเห็นเพื่อนเชียงรายสองคนระเบิดอารมณ์ใส่กันทะเลาะกันไหมคะ ด่ากันนี่ฟังไม่ทัน แปลไม่ออกกันเลยทีเดียว
หาจังหวะห้ามไม่ได้เลยค่ะ ทั้งห้วน เร็ว แรง และพูดไรกันไม่รู้ T T

คนภาคกลางอย่างเราแบบที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไปเจอเชียงราย เจอยอง เจอพะเยา เจอไทใหญ่ มูเซอ
สาหัสกว่าที่คิดค่ะ 55555 แต่ก็รอดมาได้ตลอด 7 ปีอ่ะนะ แบบเดาๆ ฮาๆ ขำๆ กันไปตามจิตนาการ
(อันบรรเจิดของ จขกท ซะส่วนใหญ่)

เดี๋ยวมาเขียนต่อหลังพักเที่ยงน้า... (มีงานมีการทำค่ะ T^T อยากเขียนต่อมาก แต่ว่าติดประชุมค่ะ)

โอเค ตามนี้เนาะ // ขอเปิ้นกิ๋นข้าวตอนก่อนเน้อเจ้า

เรื่องที่สิบเก้า "ตกสะเกิด"
อาการ ตกสะเกิด เวลาท่านได้ยิน โดยที่ไม่รู้ความหมาย ท่านคิดว่าอาการแบบไหนคะ
สำหรับภาษาเมือง บางคำ การอธิบายความหมายมันก็ยากเย็นจริงๆ เวลาให้เพื่อนแปลว่า เป็นคำไทยว่าอะไร
อาจเป็นการ ตะลึง พรึงเพริด ทำไรไม่ถูก แต่ในจิตนาการของเราคือ

ตกสะเก็ด !!!! เคยเห็นแผลตกสะเก็ดไหมคะ มันแข็งๆ เป็นแผ่นๆ นั่นแหละค่ะ เราคิดว่าการตกสะเกิดคือการนิ่งค้าง
ทำไรไม่ถูก เหมือนแผลที่ตกสะเก็ดแหละค่ะ แบบว่า ตัวแข็งโป๊ก 555555555555 (บรรเจิดป่ะล่ะ)

เรื่องที่ยี่สิบ "ข้าวหลามแจ้ง"
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตลกอันดับต้นๆของชีวิตเลยค่ะ ที่เพิ่งจะนึกออก ความมีอยู่ว่า
ช่วงนั้นทำแล็ปค่ะ หลอดไฟกับหลอด UV ตู้ที่ใช้ทำแล็ปไฟมันอาร์คแล้วก็ดับค่ะ
เรา : ตู้เป็นไรง่ะ
เพื่อน : สีท่าจะหลอดขาด ไปโล๊ะพ่อกำ มีข้าวหลามแจ้งอันใหม่ก่อ
เรา : ลองคิดถึงคนภาคกลางได้ยินคำว่าข้าวหลามสิคะ -*- ได้แต่คิด ข้าวหลามเนี่ยนะ !! แล้วก็ยืนเงิบ
พอดี๊ พอดีว่า มันขยับไปขยับมาแล้วหลอดมันติด ก็เลยไม่ได้สนใจอะไรไป (ลืมมันไปไม่ทันได้ถามเพราะทำงานต่อก่อน)

ภาคต่อ
เรื่องที่ยี่สิบ(ย่อย)
ผ่านไปจนหน้าฝนเนี่ยแหละค่ะ วันนั้น หลังจากที่เรียนเสร็จ ก็ซื้อข้าวเย็นมากินด้วยกันที่หอ (ห้องเรา)
เรากะเพื่อนที่ต่างคนต่างแยกกันเดินก็ไม่ได้รู้ค่ะว่า ซื้ออะไรกลับมากันบ้าง คือก็มีพวกแกงถุง แกงป่า ขนมเบื้อง ห่อนึ่งหน่อส้ม
ทีนี้ค่ะ นั่งๆอยู่ ไฟมันตก ดับๆติดๆ แล้วก็ดับหายเงียบไปเลย T T แต่พอเปิดประตูไปดูห้องอื่นยังเปิดกัน อ่าว สงสัยหลอดขาดซะและ
เพื่อน : คิง มีข้าวหลามแจ้งก่อ
เรา คิดในใจ อิห่า ไฟดับมืดตื๋อ ยังจะเจือกถามหาข้าวหลามอีกนะ ถ้าเมิงจะหิว อยาก-ซะขนาดนั้น
(เข้าใจว่าเพื่อนจะกินข้าวหลามที่ตัวเองซื้อมาก่อนจะซ่อมไฟ)
เรา : เมิงไม่ไปซื้อหลอดไฟมาเปลี่ยนก่อนอ่ะ
เพื่อน : มีก่อล่ะ ข้าวหลามแจ้ง
เรา : - -? (นิ่ง.....)
เพื่อน : อั้นก็ไปเซเว่นซื้อเหีย
เรา : เซเว่นพร่อง มีข้าวหลามอ่ะ
เพื่อน : หลอดไฟโว้ย หลอดนีออน!!

เรื่องที่ยี่สิบเอ็ด "ฟูกิ(ชื่อเพื่อนญี่ปุ่น) vs ฮูขิ"
ตอนนั้นค่ะ มีเพื่อนชื่อ Fuki มาแลกเปลี่ยนที่ไทยค่ะ ก็สอนเค้าเรียนภาษาไทย ก ข ค ง งี้เนาะ
ทีนี้ มันจะมีตัวอักษรยกเว้นค่ะคือตัว Fu ถ้าเป็นภาษาญี่ปุ่นมันจะอยู่วรรค H หรือก็คือเสียง Fu+Hu ซึ่งคนไทยก็จะออกเสียงได้ตั้งแต่
ฟุ หุ ฮุ ออกรวมๆกัน ส่วน Ki คนไทยก็เขียนได้ตั้งแต่ กิ ขิ คิ  อ่ะเนาะ

ทีนี้ค่ะ เค้าก็อยาก อยากมากกกกกกก เขียนชื่อตัวเองเป็นภาษาไทย เราก็เอาผังอักษรเทียบเสียงยื่นให้เค้า แล้วก็บอกว่า
ลองเขียนมาก่อนถ้าผิดจะแก้ให้ค่ะ

นาง เจือก เลือก ใช้ ฮูขิ ทันทีที่เราเห็น เราระเบิดหัวเราะดังลั่นเลยค่ะ สรรหาเลือกอักษรมาก

(พอดีตัวเองเรียนทางเหนืออยู่แล้วไง)ฮูขิ ฮ สำหรับทางเหนือ ก็คือ ร ดังนั้น ฮูขิ มันก็เหมือน ฮูขี้ อ่ะแหละค่ะ

คนบ้าไรชื่อ ฮูขี้ 555555555555555555555555555555555 (โอ้ยนี่เขียนเองยังนั่งหัวเราะตัวเอง จนเจ้านายเหล่ตามอง)
ก็เลยต้องแก้ชื่อและวิธีเขียนให้ฟูกิ กันไป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เรื่องที่ยี่สิบสอง "ซอกบะเขือเผา"

เรื่องที่ยี่สิบสาม "แมงกำปุ้ง"

เรื่องที่ยี่สิบสี่ "แว่น"
- มีดยับ
- ไม้ยู
- สึ่งตึง
- บ่เลา
- ความแตกต่างของ โจ้ง และ เขวี้ยง
- มุย
- น้ำคุ
- คนไท
- เจ็บหงีบ

ความคิดเห็นที่ 22
มีเพื่อนเป็นคนกรุงเทพ  ขับรถไปเที่ยวกัน ทั้งคันมีมันเป็นคนกรุงเทพคนเดียว

ระหว่างขับรถไปทางค่อนข้างขรุขระ  บอกเพื่อนว่า
เรา : ระวังโม่งหนา
เพื่อน : ..... (ไม่ตอบแต่ขับไปเรื่อยๆ รถก็โยกซ้าย โยกขวา)
เรา : โฮ่ะ...บ่านี่  ฮาบอกว่าระวังโม่งๆ
เพื่อน : ..... (ไม่ตอบแต่ก็ยังขับไปเรื่อยๆ รถก็ยังคงโยกซ้าย โยกขวา)
เรา : คิงบ่ได้ฮินตี้ฮาบอกก๊ะว่าหื้อระวังโม่ง
เพื่อน : แล้ว Gu จะรู้มั๊ยว่าเค้าแห่ขบวนกันตรงไหน?
เรา : อะหยังคิงนิ  ก่ะหื้อระวังหลุมเนี่ย สุดตาง คิงบ่าหันก๊ะ
เพื่อน : หลุมก็ไม่หลุม  มาเรียก โม่งๆ Gu นึกว่าเค้าแห่นาคให้ระวัง

เป็นไงล่ะ เพื่อนนึกว่า " โม่ง โม่ง โม่ง โม่งตุ่มโม่งตุ่มโม่งตุ่มโม่ง"  เพี้ยนเพลีย


ยังมีอีกเรื่อง  คือพาสามีซึ่งเป็นคนกรุงเทพกลับบ้าน  คืนแรกหลังจากกินข้าวกินปลาเสร็จก็แยกย้ายกันเข้าห้องนอน  เช้ามาแม่ถามว่า
แม่ : ตะคืนอ้ายหลับก่  นอนได้เก่าก๊า
เรา : โค๊ะ...ตะคืนมันขนสุดคืนแอ่  น้องปอบ่าได้หลับ
สามีเรา : ป่าวครับแม่ผมหลับตั้งแต่ 2 ทุ่มแล้ว ไม่ได้ทำอะไรเลย (แล้วก็หันมาพูดกับเรา) เธอบอกแม่แบบนั้นเดี๋ยวแม่หาว่าฉันขโมยของนะ
เรา : ??? (งงแพ๊พพ)
แม่ : บ่ลั้งอ้ายมันกึดว่าน้องอู้หื้อแม่ฟังว่ามันขนของตลอดคืนแน่เลย
เรา : (ถึงบางอ้อ แล้วหันไปบอกสามีว่า) ขนในที่นี้หมายความว่า "กรน" ค่ะสามี
สามี : (ยิ้มเจื่อนๆเหมือนไม่มีบทพูดแล้วเดินจากไป)เต่าเอือม
ความคิดเห็นที่ 1
เราคนเหนือ จขกท เล่าได้ตลกมากอะ เพื่อนเราคนกรุงเทพติดใจกับคำว่า " อันล้ะ!" ของเรามากเลยค่ะ 555555555555
มันว่าเจ็บจะตายอยู่ละ ยังมาอันละๆ 5555

ปล.อันล้ะเป็นคำอุทาน เเปลประมาณว่า โอ้ย
ความคิดเห็นที่ 47
คำเมืองแบบขั้นกว่า (เมียงไบ้เมียงง่าว)

จะอั้นจะอี้ = อย่างงู้นอย่างงี้
ป่ะเล้อะป่ะเต๋อะ = เยอะแยะมากมาย
ขี้จ๊ะ = น่ารังเกียจ
ธัมโม สังโฆ = คำอุทานให้อารมณ์ ประหลาดใจ
ปุดโท้ะ ปั้ดโท้ะะ = คำอุทานให้อารมณ์ตกตะลึง
ยะหยังอั้นน่ะ = ทำไมทำแบบนั้นล่ะ
อิ่นลิ = อั้ยยะะ! อารมณ์แซวๆ

(คำที่มักใช้กับสี)
ดำขะลึงตึง = ดำคล้ำมาก
ดำขี้ตี้ = ดำจากสีไคล
ดำคึลึ = ดำคล้ำสุดๆ ไม่เห็นอะไรเลย
เขียวคึลึ้ = เขียวเข้ม
เขียวคะลึงตึง = เขียวขุ่นข้น
ขาวโจ๊ะโฟะ = ขาวผ่องมากๆ
ขาวเผอะขาวเผิก = ขาวซีด
แดงแจ๊ะแดงแจ๋ = แดงสด
เหลืองอ่ามห่าม = เหลืองอร่าม

โค้ะ ซะป้ะ กึ้ดบ่าออก มีนั๊กติกๆห่อ
ความคิดเห็นที่ 6
เพื่อนคนเหนือนั่งรถมาด้วยกัน มีรถข้างๆขับมาเบียดๆ เพื่อนบอกเสียงดังเลยว่า เต่กแก เต่กแกแล่
เราก็กำลังหัวเสีย หงุดหงิดขับรถอยู่ หันไปเสียงดังใส่มันว่า เต่กเมิงหน่ะซิ เต่กแกอะไรฟระ
เพื่อนบอกว่า เต่กแก แปลว่า กดแตร/บีบแตร

เอิ่มมมม..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่