รอวัน...จันทร์ส่องหล้า ตอนที่ 11

กระทู้สนทนา
วันรุ่งขึ้นหมอรักษาคนไข้จนคนไข้คนสุดท้ายกลับไปแล้วหมอก็กลับไปดูแม้นมาศแล้วจึงได้มาที่ไร่ลาวัลย์จนใกล้ค่ำแล้ว

" คุณหมอมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ "

ป้าสนถามหมออย่างแปลกใจที่เขามาที่นี่เวลานี้

" ผมมาเยี่ยมคุณวัลย์ครับ "
" ใครมาแม่สน "

เสียงย่าพวงครามร้องถาม

" คุณหมอมาเยี่ยมคุณวัลย์ค่ะคุณท่าน "
" เชิญขึ้นมาบนเรือนก่อนสิ  แม่สนนี่ก็นะไม่มีมารยาทเอาซะเลย "

ป้าสนจึงพาคุณหมอขึ้นไปนั่งบนบ้านย่าพวงครามขอบคุณคุณหมอที่นางคิดว่าช่วยหลานสาวของนางเอาไว้

" ต้องขอบคุณคุณหมออีกครั้งที่ได้ช่วยยายวัลย์ "

หมอรู้สึกละอายใจจนไม่กล้ามองสบตาท่านผู้เฒ่าตรงหน้าที่เอาแต่พูดพร่ำขอบคุณเขา

" ตอนนี้คุณวัลย์  เอ่ออ  เธอเป็นอย่างไรบ้างครับ "
" หายดีแล้วล่ะค่ะ  เพิ่งเดินทางกลับกรุงเทพฯไปเมื่อบ่ายนี้เองไปส่งเขาขึ้นเครื่องกลับมาถึงได้สักครู่คุณหมอก็มานี่แหละค่ะ "
" คุณวัลย์กลับไปแล้วหรือ "

หมอย้ำเสียงแผ่วรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก

" ค่ะ  ต้องรีบกลับเพราะเปิดเทอมแล้วนี่โชคดีนะคะรถล้มไม่เป็นอะไรมาก  แต่ขนาดไม่เป็นอะไรมากยังนอนซมซะสองวันไข้ขึ้นข้าวปลากินไม่ได้ "

หมอฟังย่าพวงครามเล่าอาการของลัยวัลย์อย่างไม่มีสมาธิเลย  จิตใจมีแต่ความรู้สึกผิดรู้สึกอายที่กลายเป็นคนไร้ความรับผิดชอบแล้วหลบหน้าเธอจนเธอกลับไปแล้ว  ลัยวัลย์ไม่ยอมบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครรู้แล้วกลับกรุงเทพฯเหมือนจะหนีทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอที่นี่ไป  แล้วเขาล่ะจะไม่รับผิดชอบอะไรกับเธอด้วยใช่ไหมจะปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านไปเฉยๆอย่างนั้นหรือ  เขาจะชั่วขนาดนั้นเชียวหรือที่ไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเมื่อไม่เรียกร้องก็ปล่อยให้มันจบไปเลย
วันเวลาผ่านไปแม้นมาศอาการทรุดลงเรื่อยๆกีรติปิดคลีนิคชั่วคราวแล้วมาเฝ้าดูแลเธออย่างใกล้ชิด

" กริมคะ "
" คุณจะเอาอะไรหรือ "
" ทำไมคุณต้องมาดูแลฉัน "
" ไม่เอาน่า  ผมเป็นหมอนะไม่ดูแลคนไข้แล้วจะไปดูแลใคร "
" ฉันอยากคุยอะไรกับคุณ "
" ผมจะฟังคุยมาเถอะ "
" ทำไมคุณไม่มีคนอื่น "

กีรติเงียบ

" ฉัน  บางทีฉันคงเข้าใจอะไรผิดไป  แต่ฉันก็ยังอยากรู้ว่าในใจของคุณยังเกลียดฉันมากไหม "
" เรื่องมันนานมาแล้ว  ผมลืมมันไปหมดแล้วล่ะมาศ "
" ไม่จริง  คุณไม่เคยลืมมันเลย  ฉันรู้จักคุณดี "
" ถึงผมไม่ลืมแต่ผมก็ไม่นึกถึงมันอีกแล้ว "

แม้นมาศยิ้มขื่น

" ฉันขออะไรคุณอย่างหนึ่งได้ไหมถือว่าเป็นการขอกันครั้งสุดท้าย "
" ถ้าสิ่งที่คุณขอแล้วให้ได้ผมก็จะให้ "
" ฉันอยากพบตริน  ฉันอยากพบเขา "

กีรติหลับตาข่มใจที่แม้นมาศขอเขาเช่นนั้น

" สิ่งนี้ผมคงคงให้คุณไม่ได้ "

แม้นมาศน้ำตาร่วงเผาะทันทีกีรติต้องเมินหน้าหนีอย่างเจ็บปวด

" ค่ะ  ฉันก็คิดอยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ "
" คุณเหนื่อยมากแล้วผมว่าคุณพักผ่อนเถอะ "
" ฉันได้พักแน่กริม  ฉันจะหลับไปพร้อมกับความทรมานที่ไม่มีโอกาสลาคนที่ฉันรักเขาสุดชีวิตและรอคอยเขามาตลอด  สำหรับคุณฉันขอโทษ  ขอโทษ "

แม้นมาศน้ำเสียงแผ่วโหย  และในคืนนั้นเธอก็จากไปอย่างทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ  กีรติจัดงานศพของอดีตคู่หมั้นอย่างเงียบๆรู้กันเพียงคนในบ้านเท่านั้นและฝังร่างของเธอเอาไว้ที่สวนดอกไม้ด้านหลังตึก

" พี่คงทำไม่ผิดนะนินที่ฝังมาศไว้ที่สวนดอกไม้ "
" ครับ  ถ้าพี่กริมคิดว่าเหมาะสมผมก็ไม่ว่าอะไร "
" มาศไม่มีใคร  แม้แต่คนที่เขาคิดว่ารักเขาที่สุดยังทอดทิ้งอย่างไม่แยแส  พี่จึงคิดว่าให้เธออยู่ใกล้เราอย่างน้อยมันก็ไม่ทำให้เธอเดียวดายจนเกินไป"
" พี่พูดอย่างนี้แสดงว่าพี่ไม่เคยเลิกรักเขาเลย  ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร "
" นิน  ถ้านินรักใครอย่างจริงใจสักคน  นินจะรู้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นชั่วช้าร้ายแรงแค่ไหนใจมันก็ยังรักเสมอ  สำหรับพี่กับมาศเราไม่เพียงแต่รักกันเท่านั้นพี่กับเขาผูกพันมาตั้งแต่เล็ก  จนพี่ไม่สามารถแยกได้ว่าพี่รักเขาสถานใดกันแน่รักอย่างคนรักหรือรักอย่างพี่น้องร่วมสายโลหิต  เพราะถึงจะเจ็บอย่างไรพี่ก็ห่วงเขาเหลือเกิน  พี่ถึงยอมทุกอย่างเพื่อไม่ให้เขาต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้ "
" ครับ  ผมเข้าใจแล้ว  แต่ต่อไปนี้ผมอยากให้พี่เปิดใจรับชีวิตใหม่ที่พี่ควรจะเริ่มต้นซะที  พี่ทุ่มเทกับความเจ็บปวดและว่างเปล่ามามากแล้ว "

อนินเตือนสติพี่ชายกีรติเสียวแปลบในใจขึ้นมาทันที  เขาควรจะเริ่มต้นหรือ  เขาควรจะจะเริ่มหาทางรับผิดชอบกับอีกชีวิตหนึ่งที่เขาทำลายย่อยยับต่างหาก  ไม่ใช่เงียบอย่างไร้สำนึกไร้คุณธรรมอย่างนี้
สำหรับลัยวัลย์บาดแผลที่ติดตัวเธอมาคือฝันร้ายหลอกหลอนเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน  ทั้งหวาดกลัวทั้งเกลียดชังและไม่หลงเหลือความไว้วางใจกับมนุษย์ผู้ชายคนไหนอีก  เจ็บยังไม่ทันลดเธอก็ต้องพบกับความหวาดกลัวที่สุดในชีวิตขึ้นมาอีกเมื่อรอบเดือนของเธอขาดหายไปเกือบสองเดือนแล้ว  ลัยวัลย์ตัดสินใจแอบไปหาหมอตรวจให้เธอ  แล้วฝันร้ายที่เธอแสนจะหวาดกลัวมันก็เป็นความจริงเมื่อหมอบอกกับเธอว่า

“ หนูตั้งครรภ์นะคะ”
“ หมอ”

ลัยวัลย์หน้าซีดเผือด  หมอพอจะเดาออกว่าลัยวัลย์น่าจะมีปัญหากับการตั้งครรภ์ของเธอแน่

“ หนูกำลังเรียนอยู่ใช่ไหม”

ลัยวัลย์พยักหน้ารับน้ำตาไหลรินอย่างกลั้นไม่อยู่

“ ถ้าหนูยังไม่พร้อมหมอช่วยหนูได้นะ”
“ ช่วยหรือคะ”
“ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด  หมอหมายถึงหมอมีคำปรึกษาและหาทางออกให้หนูได้”
ลัยวัลย์ก้มหน้าใจสั่นระริก
“ หนูไม่กล้าบอกผู้ปกครองใช่ไหม”
“ ค่ะ”
“ แล้ว  เอ่อ  สามีของหนูล่ะเขาพอจะช่วยหนูเรื่องนี้ได้แค่ไหน”

ลัยวัลย์สั่นหน้า  หมอเข้าใจทันทีว่าลัยวัลยืคงเหมือนเด็กสาวทั่วไปที่รักสนุกจนเกิดปัญหานี้ขึ้นมาแล้วต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเองโดยฝ่ายชายไม่รับผิดชอบ

“ คืออย่างนี้นะ  พอดีช่วงนี้หมอมีปัญหาเรื่องขาดคนคอยดูแลคุณยายของหมอที่ต่างจังหวัด  ถ้าหนูต้องการที่พักเพื่อรอคลอดแล้วมีงานเล็กๆน้อยๆทำไปด้วยหมออยากจะเสนองานนี้ให้หนู”

หมอผู้อารีเสนอทางออกให้ลัยวัลย์เอามือปาดน้ำตายังตัดสินใจอะไรไม่ถูก

“ มันอาจจะยังสับสนทำใจไม่ได้อย่างนั้นหนูกลับไปคิดดูก่อนก็ได้ถ้าหนูอยากไปอยู่กับคุณยายของหมอก็โทรติดต่อหมอได้ตามเบอร์นี้นะคะ”

หมอหยิบนามบัตรส่งให้หญิงสาว  ลัยวัลย์กลับมาบ้านเหมือนคนที่มีแต่ร่างกายแต่ไม่มีจิตวิญญาณ  คุณมุกดามองลูกสาวอย่างแปลกใจและเป็นห่วง

“ วัลย์  ไม่สบายไปหรือเปล่าลูกทำไมหน้าซีดอย่างนี้”
“ วัลย์ปวดหัวค่ะแม่  ขอวัลย์ไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
“ ได้สิขึ้นไปนอนพักซะ  แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้วจะขึ้นไปตามลงมากินข้าวนะ”
“ ค่ะ”
“ อ้อ  พี่วินเขาโทรมาหาวัลย์นะ  บอกว่าตอนค่ำจะโทรมาคุยด้วย”
“ ค่ะ”

ลัยวัลย์ขึ้นมาบนห้องเมื่อล็อคประตูเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็โถมตัวเองลงบนที่นอนร้องไห้ซะจนแทบขาดใจราวินโทรศัพท์มาหาน้องสาวอีกครั้งหลังสองทุ่ม

“ วัลย์  เป็นอะไรหรือเปล่าเสียงเหมือนคนไม่สบาย”
“ พี่วิน  ลงมาหาวัลย์ได้ไหมคะ”
“ ให้พี่กลับไปหาวัลย์น่ะหรือ  วัลย์มีอะไรบอกพี่ได้ไหม”
“ พี่วินมาได้ไหมคะวัลย์อยากพบพี่วิน”

เสียงของลัยวัลย์ปนสะอื้นจนราวินนึกเป็นห่วงน้องสาวที่สุดและคิดว่าเธอต้องมีปัญหาอะไรแน่นอน

“ ได้สิ  พี่จะลางานแล้วรีบกลับกรุงเทพฯเลยนะ”

ในยามนี้คนที่ลัยวัลย์จะพึ่งพาและช่วยเธอได้ก็มีเพียงพี่ชายของเธอเท่านั้น  แต่กับแม่ลัยวัลย์ไม่กล้าบอกแน่เพราะแม่คงเสียใจมากที่ลูกสาวท้องไม่มีพ่อแบบนี้  ไม่ใช่ปัญหานี้จะเกิดขึ้นกับลัยวัลย์เพียงคนเดียวเท่านั้นพัดชาต้นเหตุแห่งความยุ่งยากวุ่นวายทั้งหมดก็กำลังประสบชะตากรรมเดียวกันกับวัลย์  พัดชาเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ก็คิดที่จะทำลายเด็กในท้องเพราะเอทนยอมรับสภาพไม่ได้  พัดชาไปหาซื้อยาขับเลือดมาเพื่อจะกิน  เธอนั่งมองแก้วน้ำกับยาที่วางอยู่ตรงหน้าภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ  หลังจากเกิดเรื่องจนกระทั่งถึงวันที่ราวินกลับกรุงเทพฯเขาไม่เคยมาพูดอะไรกับเธอเลยแม้คำขอโทษสักคำก็ไม่มี  พัดชาทนอกตรมช้ำตรอมมาเป็นเวลาเกือบสองเดือนจนความโหดร้ายตามมาซ้ำเติมเธออีก  หญิงสาวหยิบยาใส่ปากแล้วดื่มน้ำตามจนหมดแก้วด้วยจิตใจเด็ดเดี่ยว

ได้เวลาอาหารมื้อเย็นย่าพวงครามนั่งรอหลานสาวที่โต๊ะอาหาร

“ แม่พัดเขาทำอะไรป่านนี้ไม่ออกมากินข้าวกินปลา”
“สนๆไปตามให้นะคะ”
“ ไปตามมา  เห็นทีต้องอบรมนิสัยกันบ้างแล้วอะไรไม่รู้จักเวล่ำเวลาเลย”

ป้าสนเข้ามาตามพัดชาที่ห้องแล้วต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นพัดชานอนฟุบเลือดแดงฉานอยู่หน้าห้องน้ำ

“ คุณพัด  ตายแล้ว  ช่วยด้วยค่ะช่วยคุณพัดด้วย”

ป้าสนร้องสุดเสียงพัดชาถูกพาตัวส่งคลินิกหมอกีรติอย่างเร่งด่วน

เวลาต่อมา

พัดชานอนลืมตานิ่งอยู่บนเตียงคนไข้  หมอกีรติเข้ามาดูอาการของเธอ

“ คุณย่าล่ะคะพี่หมอ”
“ ท่านกลับไปแล้ว”
“ พี่หมอคะ”
“ ทำไม  คุณถึงตัดสินใจทำแบบนี้”

หมอถามแต่พัดชาถึงกับร้องไห้โฮ

“ พัดไม่มีทางเลือก  พัดถูกข่มขืนแล้วพี่หมอจะให้พัดเก็บไอ้เด็กบ้านั่นเอาไว้อีกหรือ”

กีรติเย็นวาบไปทั้งตัว  จิตใจนึกถึงลัยวัลย์อย่างฉับพลันพัดชาถูกข่มขืนจนท้องแล้วลัยวัลย์ล่ะ  แค่นี้หมอก็ใจสั่นร้อนไปทั้งอกเขาเป็นห่วงลัยวัลย์ขึ้นมาอย่างจับใจถ้าลัยวัลย์เหมือนอย่างพัดชา  หมอกีรติแทบไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรอีก  พัดชาร้องไห้รำพันต่ออย่างน่าเวทนา

“ แค่พัดถูกข่มขืนชีวิตของพัดก็จมนรกพอแล้ว  ถ้าต้องอุ้มท้องไม่มีพ่อให้ผู้คนตราหน้าประณามเหยียดหยามพัดทนไม่ได้  แต่ตอนนี้คุณย่าคงรู้แล้ว  ใครๆก็คงรู้หมดแล้วใช่ไหมคะ”
“ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอกครับ  ผมไม่ได้บอกคุณยายว่าคุณเป็นอะไรท่านอาจจะสงสัยและถามอีกครั้ง”
“ แล้วพัดจะบอกคุณย่าว่าอย่างไร”

พัดชาน้ำเสียงดีขึ้นและหยุดร้องไห้

“ คุณไม่ต้องบอกอะไรท่าน  ผมจะบอกท่านเองว่าคุณแค่มีรอบเดือนแล้วมดลูกอับเสบเฉียบพลันจนเกิดอาการตกเลือด”
“ พัดกราบขอบคุณพี่หมอเหลือเกินที่ช่วยพัด”

กีรติอยากจะโกรธอยากจะเกลียดพัดชาที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นและเลวร้ายที่สุด  แต่สภาพที่เธอเป็นอยู่อย่างนี้หมอก็โกรธเกลียดเธอไม่ลง  และยังยื่นมือช่วยเธออีก

กีรติไปหาอนินถึงท้ายไร่ที่อนินกำลังคุมคนงานถอนมันกันอยู่

“ พี่กริม”
“ นิน  พี่จะไปกรุงเทพฯ”
“ ไปทำไมครับ”
“ พี่มีธุระสำคัญที่นั่นและอาจจะต้องอยู่กรุงเทพฯหลายวัน  ยังไงทางนี้”
“ ถ้างานในไร่แล้วพี่ไม่ต้องห่วง  แต่คลินิกของพี่”
“ พี่ปิดป้ายปิดคลินิกครึ่งเดือนแล้ว”
“ ปิดป้ายแล้วเหรอ  แล้วพี่จะไปเมื่อไหร่ครับ”
“ เดี๋ยวนี้”
“  หา  ไปเลยเหรอทำไมรีบด่วนอย่างนั้นล่ะแล้วจะไปอย่างไร”
“ พี่จะขับรถไปเอง  ดูแลทางนี้ให้ดีนะพี่ไปล่ะ”
“ เอ่อ  อ้าว  ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น  ทำเหมือนมีเรื่องคอขาดบาดตายอย่างนั้นแหละ”

อนินไม่รู้ว่ากีรติไม่อยากรออะไรอีกแล้วเพราะเขาเคยใจเย็นทนรอแล้วก็พลาดโอกาสที่จะได้พบได้ขอโทษลัยวัลย์จนปล่อยให้เหตุการณ์มันผ่านเลยไปเหมือนไม่สนใจใยดี  และถ้าครั้งนี้เหตุการณ์มันเป็นดังที่เขากลัวทุกอย่างมันอาจจะสายเกินไปถ้าเขารอเวลาช้าไปอีก

ราวินมาถึงกรุงเทพฯคุณมุกดาดีใจที่ลูกชายกลับมาเยี่ยมบ้าน

“ ตาวิน  นี่มาเงียบๆไม่บอกแม่ล่วงหน้าให้รู้ตัวบ้างเลยนะเรา”
“ อยากให้แม่ตื่นเต้นบ้าง  วัลย์ล่ะครับ”
“ พอมาถึงก็ถามหาน้องคิดถึงกันมากหรือไง”
“ คิดถึงสิครับ  ผมมีน้องสาวอยู่แค่คนเดียวถ้าไม่คิดถึงเขาแล้วจะไปคิดถึงใคร”
“ จ่ะ  ตอนนี้ยังไม่มีเมียก็คิดถึงน้อง  เดี๋ยวพอมีเมียแล้วขี้คร้านจะลืมน้องไปเลย”
“ แหมแม่ก็  ผมไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”
“ น้องอยู่ข้างบนวันสองวันมานี้ไม่ค่อยสบายหมาวิทยาลัยก็ไม่ได้ไป  นอนซมข้าวปลาไม่ค่อยกินด้วยสงสัยจะเป็นไข้หวัด”
“ แล้วทำไมไม่ไปหาหมอล่ะครับ”
“ คงไปหามาแล้ว  กลับมาก็นอนพักขึ้นไปดูน้องเถอะ  แล้วอาบน้ำอาบท่าชวนกันลงมากินข้าวเย็นนะเดี๋ยวแม่จะไปตลาดหาซื้อกับข้าวมาทำเพิ่มสักสองอย่างต้อนรับลูกชายกลับมาจากใต้”
“ ครับแม่”

ราวินขึ้นมาหาน้องสาวที่ห้องลัยวัลย์เมื่อเห็นหน้าพี่ชายก็ร้องไห้โผเข้ากอดอย่างคนที่ต้องการที่พึ่งเต็มที่

“ วัลย์  อะไรกัน  เกิดอะไรขึ้นหืมม์”
“ พี่วินช่วยวัลย์ด้วย  ช่วยวัลย์ด้วยฮือๆๆ”
“ วัลย์  บอกพี่มาซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น  วัลย์เป็นอะไร  แล้วจะให้พี่ช่วยอะไร”
“ พี่วิน  วัลย์ท้อง”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่