ทรูมูฟ 7 แสนรายเสี่ยง 'ซิมดับ'

กระทู้ข่าว

ลูกค้า "ทรูมูฟ-ดีพีซี" กว่า 7 แสนรายลุ้น "ซิมดับ" หลังสิ้นสุดมาตรการเยียวยา 17 ก.ค.นี้ ฟาก "ทรูมูฟ" เร่งแจ้งลูกค้าเปลี่ยนซิมใหม่เบอร์เดิมเป็น "ทรูมูฟ เอช" ได้ฟรีที่เซเว่นฯ ขณะที่ กสทช.จับตาย้าย "ยกลอต" ผิด กติกาหรือไม่
          
นาย ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในวันที่ 17 ก.ค.นี้ จะครบกำหนดการขยายเวลามาตรการเยียวยาลูกค้าหลังสิ้นสุด สัมปทานการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัททรูมูฟ และบริษัทดิจิตอลโฟน (ดีพีซี) ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 94/2257 ได้ระบุไว้
          
ดังนั้นในการประชุมคณะกรรมการ กิจการโทรคมนาคม (กทค.) ในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ ทางสำนักงานได้เสนอให้บอร์ดพิจารณาว่าจะทำหนังสือสอบถามไปยังหัวหน้า คสช.ว่าจะให้ขยายเวลาเยียวยาออกไปจนกว่า กสทช.จะจัดประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ในเดือน พ.ย.นี้หรือไม่ เพราะหากไม่ขยายเวลา เมื่อถึงวันที่ 17 ก.ค.นี้ ซิมการ์ดที่ยังคงเหลือในระบบของทรูมูฟ 7.7 แสนเลขหมาย และดีพีซีอีก 2,700 เลขหมาย จะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป จะเกิดปรากฏการณ์ "ซิมดับ"
          
"เหตุ ที่ต้องทำหนังสือสอบถาม คสช. เนื่องจากในการประชุมระหว่างสำนักงาน กสทช.กับโอเปอเรเตอร์ ฝั่งเอกชนมีความเห็นว่า หากสิ้นสุดเวลาเยียวยาแล้ว แต่ยังไม่ได้ผู้ชนะประมูลแล้วปล่อยให้ซิมดับไป เท่ากับเป็นการปล่อยคลื่นความถี่ทิ้งไว้อย่างไร้ประโยชน์ แต่โดยส่วนตัวประเมินว่าบอร์ด กทค.มีแนวโน้มจะไม่ทำหนังสือสอบถาม คสช.เพื่อขอขยายเวลา เนื่องจากได้ใช้มาตรการเยียวยามาถึง 2 ปีแล้ว และได้เร่งให้ค่ายมือถือทั้ง 2 แห่งแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบถึงการสิ้นสุดสัมปทานเพื่อให้ย้ายไปใช้บริการ กับโอเปอเรเตอร์รายอื่น"
          
รวมถึง กสทช.ได้มีการรณรงค์ให้ลูกค้าของทั้ง 2 รายแจ้งขอใช้บริการคงสิทธิเลขหมาย (MNP) เพื่อนำเบอร์เดิมย้ายไปใช้งานบนโครงข่ายของค่ายมือถืออื่นตลอด 2 ปีหลังสิ้นสุดสัมปทานตั้งแต่ 15 ก.ย. 2556 โดย กสทช.ได้ประกาศมาตรการเยียวยาเป็นเวลา 1 ปี และเมื่อ 17 ก.ค. 2557 ได้มีคำสั่ง คสช.ให้ขยายเวลาอีก 1 ปี
          
"จากนี้คงต้องรอดูว่า กทค.จะมีมติอย่างไร พร้อมกับเร่งรณรงค์ให้ประชาชนย้ายออกจากระบบของทรูมูฟและดีพีซีให้หมดก่อน 17 ก.ค.นี้ ซึ่งทางดีพีซีคงไม่มีปัญหาเพราะลูกค้าเหลือน้อยมาก แต่ทรูมูฟ ที่ยังมีลูกค้าราว 7 แสนราย ก็ได้กำชับทางบริษัทไปแล้ว และยืนยันว่าทรูมูฟไม่สามารถย้ายลูกค้าแบบยกลอตไปอยู่กับทางทรูมูฟ เอชได้ จะต้องเป็นการย้ายโดยความสมัครใจของลูกค้าผ่านบริการ MNP เท่านั้น"
          
นาย ฐากรกล่าวว่า กรณีที่ทรูมูฟแจ้งลูกค้าว่า สามารถนำเบอร์เดิมไปใช้บริการ "ทรูมูฟ เอช" ได้เลย โดยไปขอซิมใหม่ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้ ก็จะต้องไปตรวจสอบว่าเป็นการย้ายแบบ MNP อย่าง ถูกต้องหรือเป็นการเลี่ยงการเข้าระบบ MNP ถ้าเป็นอย่างหลังจะแจ้งให้บริษัททราบว่าทำแบบนี้ไม่ได้
          
รายงาน ข่าวแจ้งว่า "ทรูมูฟ" ได้แจ้งกับลูกค้าผ่านหน้าเว็บไซต์ truemove.truecorp.co.th เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้ใช้ บริการที่จะทำให้ซิมใช้งานได้ถึงวันที่ 17 ก.ค. 2558 โดยให้ลูกค้านำซิมเดิมไปเปลี่ยนเป็นซิม "ทรูมูฟ เอช" ได้ที่ร้าน ทรูช้อป หรือร้านเซเว่นอีเลฟเว่น โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และยังได้ใช้หมายเลขกับ โปรโมชั่นเดิมได้ต่อไป
          
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า หลังจากเข้าไปสำรวจร้านเซเว่นอีเลฟเว่น พบว่า พนักงานยังไม่ทราบถึงบริการดังกล่าว และเมื่อติดต่อไปยังคอลเซ็นเตอร์ของ "ทรูมูฟ เอช" ได้รับแจ้งว่า การเข้าไปเปลี่ยนซิมที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอาจใช้เวลานาน เนื่องจากเจ้าของซิมเดิมจะได้เพียงซิมเปล่า แต่ต้องนำไปให้ร้านทรูช้อปตั้งค่าหมายเลข กับโปรโมชั่นค่าบริการ พร้อมกับลงทะเบียนซิมอีกครั้ง ซึ่งกรณีที่เป็นซิมเติมเงินสามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้ แต่ถ้าเป็นซิมรายเดือนต้องเข้าไปที่ร้านทรูช้อปเพื่อตรวจสอบ ค่าใช้จ่ายค้างชำระก่อนเปลี่ยนซิมให้ใหม่ ดังนั้นการเข้าไปเปลี่ยนซิมทรูมูฟ เป็นทรูมูฟ เอช จึงทำในร้านทรูช้อปได้สะดวกมากกว่า
          
นายฐากร กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ทางสำนักงานจะเสนอเรื่องให้บอร์ด กทค.พิจารณาเรื่องกรอบเงินรายได้ ที่เกิดขึ้นในช่วงมาตรการเยียวยาตลอด 2 ปีมานี้เอกชนจะต้องนำส่งเข้าคลังว่าจะครอบคลุมเงินรายได้ส่วนไหนบ้าง เนื่องจากที่ผ่านมาเอกชนจะอ้างว่าจำนวนลูกค้าในระบบที่ลดลงเรื่อย ๆ แต่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเท่าเดิม ทำให้เกิดภาวะขาดทุน ไม่มีเงินเหลือส่งเข้าคลัง
          
"ช่วง 2 ปีที่เยียวยา เอกชนต้องมีรายได้ ส่งคลัง และ บมจ.กสท โทรคมนาคม เจ้าของโครงข่ายต้องได้ค่าเช่า จะอ้างว่าขาดทุนไม่มีเงิน ก็ต้องมาสู้กัน เพราะถึงลูกค้าจะน้อยลง ทำให้ค่าบริการจากลูกค้ามีน้อย แต่รายได้จากการนำโครงข่ายและคลื่นไปให้บริการอื่น เช่น โรมมิ่ง จะต้องถูกนำมาคิดรวมเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงเยียวยาด้วย"
          
แหล่ง ข่าวระดับสูงภายใน กสทช.เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2558 ทางแคทได้ส่งหนังสือขอให้ กสทช.ชำระค่าใช้ โครงข่ายในช่วงเวลาเยียวยาเพิ่มเติมอีก 9,238 ล้านบาท หลังจากเมื่อ 12 ธ.ค. 2556 ได้ส่งหนังสือถึง กสทช. เรียกให้ชำระค่าเช่าโครงข่ายของปีแรก ที่ทั้ง 2 บริษัทค้าง ชำระไว้รวมเป็นเงิน 14,141 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเช่าของทรูมูฟ 11,796 ล้านบาท ของดีพีซี 2,344 ล้านบาท เมื่อรวมยอดค่าใช้โครงข่ายปีแรกที่แคทได้ทำหนังสือทวงถามมาทั้ง 2 ครั้ง จะมียอดรวมอยู่ที่ 23,379 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเช่าของ ทรูมูฟ 17,425 ล้านบาท ของดีพีซี 5,952 ล้านบาท
          
"แคทอ้างว่า กสทช.เป็นผู้ออกประกาศมาตรการเยียวยาหลังสิ้นสุดสัมปทาน เป็นเวลา 1 ปี ทำให้ต้องเปิดโครงข่ายให้เอกชนเช่า แต่ครบ 1 ปีก็ยังไม่ได้รับชำระเงินเลยมาทวงกับ กสทช. เรื่องนี้คงต้องเจรจากัน เพราะเอกชนก็อ้างว่าขาดทุน และไม่เห็นด้วยกับวิธีการคิดค่าเช่าของแคท ผลกระทบจากมาตรการเยียวยาคงไม่จบง่าย ๆ และยังไม่รู้ว่าค่าใช้โครงข่ายปีที่ 2 ที่มีคำสั่ง คสช.ขยายเวลาเยียวยาออกไป ใครจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ" นายฐากรกล่าว

ขอขอบคุณแหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่