ผมเชื่อว่าหลายคนมีความตั้งใจจะท่องเที่ยวให้ครบ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน
และผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังเริ่มเดินทางจากในประเทศสู่ต่างประเทศ
เริ่มต้นจาก พม่า ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย
แต่บางคนอาจจะเริ่มต้นจากประเทศที่เดินทางสะดวกไม่ลำบากมากอย่าง สิงคโปร์
พอได้เดินทางไปประเทศที่ได้กล่าวไปข้างต้นครบ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนิเซีย ก็เป็นจุดหมายถัดไป
พอนั่งนับประเทศที่ตอนแรกคิดว่าครบแล้ว แต่นับยังไงก็ยังไม่ครบ นึกว่าขาดอะไรไป สุดท้ายผมก็ได้รู้คำตอบว่าผมลืมไปประเทศหนึ่ง ประเทศเล็กๆที่มีชื่อว่า “บรูไน”
3 วัน 2 คืนในบรูไนของผมได้เริ่มขึ้นและอยากชวนให้ทุกคนไปเที่ยวพร้อมๆกัน
ไม่หยุดยั้งไม่รอช้า ไปพบกับ 7 เหตุผลที่อยากให้คุณไป ’บรูไน’ กันเลยครับ
1. บรูไนไม่เห็นมีอะไร ?
หยุดความคิดของคุณไว้ก่อนครับ ที่บอกว่าบรูไนไม่มีอะไรหรือถ้าไปบรูไนจะต้องเจอแต่มัสยิด จริงๆ บรูไนมีมากกว่านั้น ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่สุดแสนจะธรรมชาติ เดินชมธรรมชาติที่ Ulu Temburong National Park ดำน้ำดูปะการังที่ Lousia reef หรือจะเดินดูบ้านเรือนที่ใช้ชีวิตอยู่กลางน้ำ Kampong Ayer ไม่ใช่แค่กลางน้ำธรรมดานะ มีทั้งสถานทีตำรวจ โรงพยาบาล โรงเรียน อยู่บนนั้นด้วย !
เหตุผลข้อนี้ดูเหมือนจะสำคัญที่สุดครับ ถ้าคุณยังไม่เคยไปบรูไน ผมอยากให้คุณไป เพราะถ้าคุณไปเมื่อไหร่ คุณจะหลงรักประเทศนี้มาก
2. ซื้อตั๋วแล้วบินได้เลย
ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางประเทศไทยไปท่องเที่ยวบรูไนไม่ต้องขอวีซ่าครับ สามารถอยู่ได้นานถึง 14 วัน เท่าที่ผมทราบตอนนี้มีเพียงประเทศเดียวในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนที่ต้องขอวีซ่าก่อนไปเที่ยวคือพม่า (ไม่รวมบัตรผ่านแดน)
สายการบินที่เปิดให้บริการเส้นทางบินจากไทยไปยังบรูไนมีหลักๆ อยู่ 3 สายการบินครับ ได้แก่
- Royal Brunei Airlines (บินตรง)
- Malaysia Airlines (ต่อเครื่องที่มาเลเซีย)
- Air Asia (ต่อเครื่องที่มาเลเซีย)
ราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาท สำหรับราคาที่ถูกที่สุดแนะนำให้เดินทางวันพฤหัสบดีครับ
3. เดินทางประหยัดด้วยรถเมล์ $1 ตลอดสาย
ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปส่วนไหนของบรูไนก็ราคาเดียวตลอดสายคือ $1 หรือประมาณ 25 บาท ช่วงเวลารถวิ่งคือ 6 โมงเช้า ไปถึง 2 ทุ่ม
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมมีรถวิ่งถึง 2 ทุ่ม เพราะที่บรูไน 2 ทุ่มห้างร้านก็เริ่มปิดแล้ว ทั้งเมืองจะสงบมาก และอีกสาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะคนบรูไนมีรถใช้เพราะน้ำมันที่ประเทศบรูไนมีราคาที่ถูกกว่าราคาน้ำเปล่าเสียอีก
เส้นทางเดินรถครับ
http://green-brunei.com/new-public-bus-route-map-released/#prettyPhoto/0/
4. ค่าครองชีพไม่ต่างจากกรุงเทพฯ
พูดถึงเรื่องของกิน อาหารส่วนใหญ่ของบรูไนมีหน้าตาไม่ต่างกับประเทศไทยเลยครับพี่น้อง แต่ๆๆๆ รสชาติหวานมากกกกก บางอย่างเราเห็นว่ามีสีจัดจ้านน่าจะเผ็ดปากเข็ดฟัน ที่ไหนได้หวานเหมือนน้ำเชื่อมเลย
แต่ถ้าพูดถึงราคาถือว่าน่าคบเป็นอย่างมาก ข้าวกล่องราคา $1 เหรียญยังมีเลยครับ ชาชักอร่อยๆก็ $1 สบายกระเป๋านักชิมสุดๆ
5. How to ใช้ชักโครก
เมื่อถึงโรงแรม อยากจะเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา เปิดประตูไปตกใจมาก ทำไมถึงมีชักโครก 2 อัน นั่งสมาธิพักนึงก็ระลึกได้ว่าเคยเห็นห้องน้ำนี้ที่ประเทศตะวันออกกลาง วิธีใช้ไม่ยาก อันซ้ายไว้ถ่าย อันขวาไว้ล้าง เข้าใจนะครับ 55555 อันขวาห้ามล้างหน้าหล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน
6. แค่พูดภาษาอังกฤษได้(ถึงแม้จะงูๆปลาๆก็ตาม) ก็เที่ยวได้สบาย
รู้หรือไม่ว่า คนบรูไนพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก ตอนแรกผมก็เข้าใจว่าเขาจะพูดได้นิดหน่อยหรือไม่ได้เลย แต่ที่ไหนได้พอมารู้ความจริงว่าในโรงเรียน มหาวิทยาลัย เขาสอนกันเป็นภาษาอังกฤษ ! เพราะฉะนั้น โปรดไว้วางใจ ไม่จำเป็นต้องรู้ภาษามลายู แค่อังกฤษก็สบายแล้วจริงๆนะ
ผมคิดว่าสำเนียงคนไทยกับคนบรูไนคล้ายๆกัน ฟังรู้เรื่องแน่นอน
7. คนบรูไนใจดีและมีนิสัยคล้ายคนไทย
การมาเที่ยวบรูไนครั้งนี้ของผมได้เพื่อนไปเยอะเลยครับ มีหลายสิ่งที่น่าแปลกใจคือเราเข้ากันได้เร็วมาก คนบรูไนมีน้ำใจ เข้ากับคนอื่นง่าย นอกจากนี้ กระแสวัฒนธรรมไทยและเกาหลีที่นี่แรงมาก รวมไปถึงความคิดและทัศนคติของคนที่นี่คล้ายคนไทยมากๆ ถ้าอยากรู้ว่าเหมือนยังไง อย่าลืมมาเที่ยวบรูไนนะครับ
จัดกระเป๋าพร้อมแล้วนะ ไปบรูไนกันเถอะ
7 เหตุผลที่อยากให้คุณไป ‘บรูไน’
แต่บางคนอาจจะเริ่มต้นจากประเทศที่เดินทางสะดวกไม่ลำบากมากอย่าง สิงคโปร์
พอได้เดินทางไปประเทศที่ได้กล่าวไปข้างต้นครบ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนิเซีย ก็เป็นจุดหมายถัดไป
พอนั่งนับประเทศที่ตอนแรกคิดว่าครบแล้ว แต่นับยังไงก็ยังไม่ครบ นึกว่าขาดอะไรไป สุดท้ายผมก็ได้รู้คำตอบว่าผมลืมไปประเทศหนึ่ง ประเทศเล็กๆที่มีชื่อว่า “บรูไน”
3 วัน 2 คืนในบรูไนของผมได้เริ่มขึ้นและอยากชวนให้ทุกคนไปเที่ยวพร้อมๆกัน
หยุดความคิดของคุณไว้ก่อนครับ ที่บอกว่าบรูไนไม่มีอะไรหรือถ้าไปบรูไนจะต้องเจอแต่มัสยิด จริงๆ บรูไนมีมากกว่านั้น ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่สุดแสนจะธรรมชาติ เดินชมธรรมชาติที่ Ulu Temburong National Park ดำน้ำดูปะการังที่ Lousia reef หรือจะเดินดูบ้านเรือนที่ใช้ชีวิตอยู่กลางน้ำ Kampong Ayer ไม่ใช่แค่กลางน้ำธรรมดานะ มีทั้งสถานทีตำรวจ โรงพยาบาล โรงเรียน อยู่บนนั้นด้วย !
เหตุผลข้อนี้ดูเหมือนจะสำคัญที่สุดครับ ถ้าคุณยังไม่เคยไปบรูไน ผมอยากให้คุณไป เพราะถ้าคุณไปเมื่อไหร่ คุณจะหลงรักประเทศนี้มาก
ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางประเทศไทยไปท่องเที่ยวบรูไนไม่ต้องขอวีซ่าครับ สามารถอยู่ได้นานถึง 14 วัน เท่าที่ผมทราบตอนนี้มีเพียงประเทศเดียวในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนที่ต้องขอวีซ่าก่อนไปเที่ยวคือพม่า (ไม่รวมบัตรผ่านแดน)
สายการบินที่เปิดให้บริการเส้นทางบินจากไทยไปยังบรูไนมีหลักๆ อยู่ 3 สายการบินครับ ได้แก่
- Royal Brunei Airlines (บินตรง)
- Malaysia Airlines (ต่อเครื่องที่มาเลเซีย)
- Air Asia (ต่อเครื่องที่มาเลเซีย)
ราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาท สำหรับราคาที่ถูกที่สุดแนะนำให้เดินทางวันพฤหัสบดีครับ
ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปส่วนไหนของบรูไนก็ราคาเดียวตลอดสายคือ $1 หรือประมาณ 25 บาท ช่วงเวลารถวิ่งคือ 6 โมงเช้า ไปถึง 2 ทุ่ม
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมมีรถวิ่งถึง 2 ทุ่ม เพราะที่บรูไน 2 ทุ่มห้างร้านก็เริ่มปิดแล้ว ทั้งเมืองจะสงบมาก และอีกสาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะคนบรูไนมีรถใช้เพราะน้ำมันที่ประเทศบรูไนมีราคาที่ถูกกว่าราคาน้ำเปล่าเสียอีก
เส้นทางเดินรถครับ http://green-brunei.com/new-public-bus-route-map-released/#prettyPhoto/0/
พูดถึงเรื่องของกิน อาหารส่วนใหญ่ของบรูไนมีหน้าตาไม่ต่างกับประเทศไทยเลยครับพี่น้อง แต่ๆๆๆ รสชาติหวานมากกกกก บางอย่างเราเห็นว่ามีสีจัดจ้านน่าจะเผ็ดปากเข็ดฟัน ที่ไหนได้หวานเหมือนน้ำเชื่อมเลย
แต่ถ้าพูดถึงราคาถือว่าน่าคบเป็นอย่างมาก ข้าวกล่องราคา $1 เหรียญยังมีเลยครับ ชาชักอร่อยๆก็ $1 สบายกระเป๋านักชิมสุดๆ
เมื่อถึงโรงแรม อยากจะเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา เปิดประตูไปตกใจมาก ทำไมถึงมีชักโครก 2 อัน นั่งสมาธิพักนึงก็ระลึกได้ว่าเคยเห็นห้องน้ำนี้ที่ประเทศตะวันออกกลาง วิธีใช้ไม่ยาก อันซ้ายไว้ถ่าย อันขวาไว้ล้าง เข้าใจนะครับ 55555 อันขวาห้ามล้างหน้าหล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน
รู้หรือไม่ว่า คนบรูไนพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก ตอนแรกผมก็เข้าใจว่าเขาจะพูดได้นิดหน่อยหรือไม่ได้เลย แต่ที่ไหนได้พอมารู้ความจริงว่าในโรงเรียน มหาวิทยาลัย เขาสอนกันเป็นภาษาอังกฤษ ! เพราะฉะนั้น โปรดไว้วางใจ ไม่จำเป็นต้องรู้ภาษามลายู แค่อังกฤษก็สบายแล้วจริงๆนะ
ผมคิดว่าสำเนียงคนไทยกับคนบรูไนคล้ายๆกัน ฟังรู้เรื่องแน่นอน
การมาเที่ยวบรูไนครั้งนี้ของผมได้เพื่อนไปเยอะเลยครับ มีหลายสิ่งที่น่าแปลกใจคือเราเข้ากันได้เร็วมาก คนบรูไนมีน้ำใจ เข้ากับคนอื่นง่าย นอกจากนี้ กระแสวัฒนธรรมไทยและเกาหลีที่นี่แรงมาก รวมไปถึงความคิดและทัศนคติของคนที่นี่คล้ายคนไทยมากๆ ถ้าอยากรู้ว่าเหมือนยังไง อย่าลืมมาเที่ยวบรูไนนะครับ