ไม่ได้ชี้นำ แต่แค่พิจารณาตามพื้นฐานของกระบวนการคิดวิเคราะห์

นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ อคส.
อยู่ระหว่างประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเก็บหลักฐานสภาพข้าวตามข้อเท็จจริงประมาณ 1 ล้าน
ตันเพื่อให้ได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนมิ.ย. 58 ก่อนที่จะนำออกประมูลขายต่อไป แบ่งเป็นข้าวที่เสียหาย
650,000 ตัน, ข้าวผิดชนิด 54,000 ตัน และข้าวที่มีข้าวเกรดซีปนไม่เกิน 20%จำนวน 300,000 สำหรับ
ข้าวที่เสียหาย 650,000 ตัน ส่วนใหญ่ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ทั้งขายให้กับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์
หรือโรงงานเอทานอล เพราะเสียหายมากมีกลิ่นเน่าเหม็น ซึ่งคงต้องไปใช้ในกระบวนการเผาเพื่อเป็นเชื้อ
เพลิงในการผลิตไฟฟ้าต่อ ส่วนข้าวผิดชนิด สามารถขายได้ เพราะแจ้งเป็นข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว แต่ตรวจ
สอบแล้วเป็นข้าวขาว ซึ่งจะขายตามชนิดข้าว ขณะที่ข้าวที่มีข้าวเกรดซีปนไม่เกิน 20%ก็จะขายตามสภาพข้าว
สำหรับข้าวที่เหลืออยู่ในสต๊อกที่ อคส. ดูแลทั้งหมด ประมาณ 12 ล้านตัน แยกเป็นข้าวเกรด พี ซึ่งเป็นข้าวที่
ผ่านมาตรฐานสามารถส่งออกได้, ข้าวเกรด เอ ผ่านมาตรฐาน แต่ต้องปรับปรุงเล็กน้อย, ข้าวเกรด บี ด้อยมาตรฐาน
แต่ปรับปรุงได้ และเกรด ซี เป็นข้าวด้อยคุณภาพ ซึ่งข้าวเกรด พี เอ และ บี สามารถาขายได้ไม่ยาก แต่ปัญหาคือ
ในแต่ละโกดังมีข้าวหลายเกรดปะปนกันอยู่ ก็ต้องพิจารณาว่าจะขายอย่างไร จะขายแบบเหมาทั้งโกดัง หรือแยกข้าว
แต่ละชนิดออกมาแล้วขาย อย่างไรก็ตาม อคส. เห็นว่าอาจจะต้องแยกข้าวแต่ละเกรดให้ชัดเจน ก่อนที่จะนำออกขาย
โดยกำลังศึกษาว่าการว่าจ้างให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำการคัดแยกข้าวจะดีกว่าหรือไม่ เพราะหากขายเหมารวมไปเลย
ทีเดียวอาจจะไม่ได้ราคาที่ดี และอาจจะถูกกล่าวหาว่าขายข้าวราคาถูกได้ในอนาคต จึงต้องดำเนินการด้วยความรัดกุม“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/economic/328170