ผู้ชายที่น่าเบื่อ

ผมมี laptop อยู่เครื่องหนึ่งยี่ห้อผลไม้ที่มีรอยแหว่งไม่เต็มใบ ถ้าถึงเดือนตุลาคมของปีนี้เมื่อไหร่ มันก็สามารถจัดงานฉลองวันเกิดครบรอบห้าปีได้พอดิบพอดี ที่จำได้แม่นยำเพราะเครื่องนี้ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเอง ขนาดหน้าจอ 15 นิ้ว ส่วนด้านในก็อัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์อิเลคโทรนิคที่ทันสมัย เป็น top of the line สมัยนั้นเลยก็ว่าได้ ราคาก็แพงพอสมควร ลังเลอยู่นานว่าควรจะซื้อดีรึเปล่า หรือควจจะซื้อพวกยี่ห้อตลาดที่นอกจากจะราคาถูกกว่าแล้วยังหาอะไหล่เปลี่ยนง่ายอีกด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้และไปถอยมันออกจากร้าน ไม่มีอะไรอ้างอิงในการตัดสินใจนอกจากความรู้สึกล้วนๆ

ตอนได้มาแรกๆประคบประหงมเหมือนไข่ในหิน เอาไปติดฟิล์มกันรอยรอบตัว กระเป๋าใส่ส่วนตัว มีที่กันฝุ่นแป้นพิมพ์ ฟิล์มกันรอยหน้าจอ ทุกครั้งหลังจากใช้งานก็จะใช้ผ้าแบบที่ปกติเอาไว้ใช้กับกระจกแว่นตาเช็ด ห้ามให้ใครเอานิ้วมาแตะหน้าจอเด็ดขาด รอยนิ้วมือคล้ายเป็นมลทินที่มิอาจจะลบล้าง ถ้าต้องทำงานในที่ที่มีฝุ่นเยอะจะพยายามทำให้เสร็จเร็วๆ กลัวละอองฝุ่นเล็ดลอดตามซอกเข้าไปหมกในเครื่อง (เป็นเอามาก) เป็นแบบนั้นอยู่เวลานานพอสมควร ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่กว่าที่เวลาแห่งความเคยชินจะเข้ามาทำหน้าที่ของมัน คลายความตื่นเต้นของห้วงเวลาแรกสัมผัส หัวใจที่เต้นแรงตอนกดปุ่มเปิดเครื่องครั้งแรก สัมผัสที่ดึงดูดรับปลายนิ้วเมื่อตอนแป้นพิมพ์ ทุกสิ่งเริ่มกลายเป็นแค่ความคุ้นเคย ตั้งแต่การเปิดเครื่องเริ่มทำงานจนเก็บของกลับบ้าน มันยังคงทำงานได้อย่างดีเหมือนวันแรกที่ผมแกะมันออกจากกล่อง สิ่งที่ต่างไปก็คงจะเป็นตัวผมเองที่รู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องดูแลมันมากอีกต่อไป เสียก็ซ่อม สกปรกก็เช็ด ฝุ่นเข้าก็ใช้เครื่องเป่า

นี้คือชะตากรรมของทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิตเรารึเปล่านะ? พอเคยชิน คุ้นเคย ความสำคัญก็คลอนแคลน ลดน้อยถอยลงกลายเป็นหมดความหมาย ทั้งๆที่สิ่งของเหล่านั้นก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่เรากลับมองหาของสิ่งใหม่มาทดแทน บางอย่างที่ทำให้เราตื่นเต้น หัวใจที่คล้ายตายด้านได้กลับมาลิงโลดอีกสักครั้ง ถ้ามองของเหล่านี้เป็นแค่เทคโนโลยีที่มักจะมีสินค้าใหม่ๆ ที่ดีกว่า สวยกว่า ดึงดูดกว่า ตื่นตาตื่นใจมากกว่า มันก็เป็นมุมมองที่ถูก แต่มองลึกลงไปอีกขั้นหนึ่ง โลกเรานับวันดูจะเอื้ออำนวยให้เรานั้นรีบลืมของเก่าและวิ่งเข้าใส่ของใหม่ ให้ชินกับการเปลี่ยนแปลงและการหมุนเร็วของโลกสมัยใหม่ สร้างนิสัยเสียให้กับมนุษย์ยุคไซเบอร์ที่ต้องคอยหาอะไรใหม่ๆมาในชีวิตเสมอ ยุคสมัยที่เสพติดความตื่นเต้นกำลังก่อตัว และข่าวร้ายคือมันไม่ได้หยุดแค่สินค้าเทคโนโลยีเพียงเท่านั้น

โดยส่วนตัวแล้วผมเองเป็นคนยุคใหม่ที่ยังพอจะมีหัวสมัยเก่าอยู่บ้าง ไม่เคยเห็นด้วยกับเรื่องพวก one-night stand หรือการเปลี่ยนความสัมพันธ์ไปหาคนใหม่เพียงเพราะว่าคนเก่านั้น "น่าเบื่อ" ทั้งๆที่เขาคนนั้นก็เป็นคนเดิม แค่ไม่ได้ฉูดฉาดดึงดูดใจเหมือนตอนเริ่มแรกที่คบหากัน คล้ายกับ laptop ตัวเก่าที่ยังคงทำงานเดิมๆได้แต่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นให้ค้นหาอีกต่อไป สิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่อะไรแต่เป็นทัศนคติผิดๆที่เชื่อว่า "ความตื่นเต้น" ในชีวิตคู่นั้นคือ "ความรัก" พอกระแสไฟที่วิ่งตามเส้นประสาทของร่างกายขณะที่ริมฝีปากประกบกันหมดลง เขากลับเชื่อว่านั้นเป็นวันที่ความรักเหือดหายเช่นเดียวกัน

ก่อนที่จะแต่งงานกับภรรยา ผมบอกเขาเลยว่าผมเป็น "ผู้ชายที่น่าเบื่อ" นอกจากจะไม่มีอะไรที่หวือหวาโลดโผนตื่นเต้นแล้ว ผมยังเป็นคนที่เชื่อในคำว่า "ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน" สิ่งที่สำคัญที่สุดในความสัมพันธ์สำหรับผมคือความเสมอต้นเสมอปลาย รักกันมากยังไงเมื่อวันแรก วันที่ลาจากกันเมื่อลมหายใจหมด ถ้าความรักไม่มากขึ้น อย่างน้อยก็ควรจะเท่าเดิม

ทุกเช้าผมจะเข้าไปกอดและหอมแก้มภรรยาก่อนจะออกมาทำงาน ผ่านมาเกือบสามปีหลังจากแต่งงาน ผมก็ยังคงทำสิ่งที่ไม่หวือหวาเช่นนี้ทุกวัน ระหว่างที่เขาอาบน้ำ ผมก็บีบยาสีฟันเตรียมแปรงฟันไว้ให้เขาวางที่อ่างล้างหน้า ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นสักนิดเดียว พอมีกุ้งมีปูเป็นเมนูอาหาร ผมก็ยังคงกะเทาะเปลือกแคะเนื้อให้เขาทานตั้งแต่วันแรกๆที่คบกัน จนวันนี้ก็ปาเข้าไปเกือบห้าปีแล้วสินะ น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถทำเรื่องนี้ให้หัวใจเต้นตูมตามได้อีกเหมือนกัน หรือแม้แต่การช่วยเขาถือของ เปิดประตูให้ หรือแม้แต่แค่เรื่องดูไร้สาระอย่างคอยโหลดซีรี่ย์ที่เธอชอบเก็บไว้ให้ดูก็ทำเป็นเรื่องปกติ ถ้าผมเป็นหนังสือก็คงเป็นหนังสือที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ ตอนท้ายก็ยังคงเป็นจังหวะเดียวกับตอนเริ่มต้น ไม่มีการหักมุมให้ลุ้นระทึก ใจหายใจคว่ำกันตอนจบ และคงเป็นหนังสือที่อ่านเข้าใจง่ายที่สุดในโลกใบนี้

ผมเองก็คงไม่ต่างจาก laptop ที่เริ่มมีอายุและไม่ค่อยมีลูกเล่นแพรวพราวให้ใจเต้นรัวสักเท่าไหร่ แต่โชคดีที่เจ้าของผมดูแลของที่ตัวเองรักเป็นอย่างดีและดูเหมือนไม่มีท่าทีว่าจะเบื่อผมง่ายๆ ถึงแม้จะคล้ายกันแต่อย่างน้อยผมก็ไม่ใช่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่กำลังตกยุคที่เลือกคนที่จะมาครอบครองไม่ได้ ตอนคบหากันแม้ผมจะไม่มีอะไรน่าสนใจมากนักแต่นั้นกลับไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้มองหา คืนก่อนวันแต่งงานผมถามเธอว่าเหตุผลอะไรที่ผมถึงเป็นผู้ชายที่เขาเลือกจะใช้ทั้งชีวิตด้วย เขาตอบมาคำเดียวว่า "เพราะวันแรกเป็นยังไง วันนี้เธอก็เป็นอย่างนั้น"

บางครั้งระยะเวลาแห่งความเคยชินอาจจะทำให้กระแสไฟฟ้าแห่งความตื่นเต้นลดหายไปจากชีวิตคู่และความสัมพันธ์ แต่บางทีทุกคู่ก็ไม่ได้ต้องการที่จะรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตไปทั้งชีวิตที่จูบกัน แต่ต้องการแค่ความรู้สึกแสนน่าเบื่อแต่ขณะเดียวกันก็ปลอดภัยและเป็นตัวของตัวเอง เหมือนกับการเปิด laptop 15 นิ้วเครื่องเก่าที่ยังคงทำงานหนักอย่างซื่อสัตย์ แค่หลับตาก็รู้เลยว่าปุ่มอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง วันแรกเป็นยังไง มันก็ยังคงเป็นอย่างนั้น
ไม่ตื่นเต้นเลยเนอะ แต่ในความไร้สีสัน กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

‪#‎lifenote‬ ‪#‎โสภณศุภมั่งมี‬
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่