The Good Lie ไปด้วยกัน ไปได้ไกล



ปัญหาผู้อพยพหรือผู้ลี้ภัยถูกทั่วโลกหันกลับมาเหลียวมองอีกครั้ง หลังกรณีของกลุ่ม โรฮีนจา เป็นข่าวครึกโครมในภูมิภาคอาเซียนกับการหนีความทุกข์ยาก ความรุนแรง ด้วยวิธีแออัดบนเรือประมงเล็กๆ รอนแรมแบบไร้จุดหมายในมหาสุมทรอย่างน่าเวทนา หวังเพียงสายลมแห่งโชคชะตาจะพาพวกเขาไปยังดินแดนที่ดีกว่า

ซํ้าร้ายกว่านั้น ยังมีคนเลวบางกลุ่มเข้าไปหาประโยชน์จากผู้อพยพชนิดไร้มนุษยธรรม กระนั้นเมื่อปัญหามีความซับซ้อนทางชาติพันธุ์คำถามเล็กๆอย่างช่วยหรือไม่ช่วยกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้คนในชาติทะเลาะเบาะแว้งกันเอง แถมยังลามไปถึงความขัดแย้งระดับประเทศและภูมิภาค

The Good Lie น่าจะเป็นหนังเกี่ยวกับผู้อพยพที่จะทำให้เราเข้าใจที่มาที่ไปของคนกลุ่มนี้ ผู้ซึ่งจำใจต้องเดินทางออกจากแผ่นดินเกิด และอาจมองภาพรวมของปัญหานี้แบบชัดเจนมากขึ้น ซึ่งหนังเรื่องนี้กำกับโดย ฟิลิปเป ฟาลาร์โด สร้างจากเรื่องจริงของ เด็กหลงแห่งซูดาน เด็กชายหญิงกลุ่มหนึ่งที่ลี้ภัยสงครามด้วยการเดินเท้าข้ามทะเลทรายซาฮารา ก่อนที่สิบกว่าปีให้หลัง พวกเขา4คนที่เติบโตเป็นหนุ่มสาวจะได้รับโอกาสให้ย้ายมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศสหรัฐฯ

พวกเขาเจอปัญหาตั้งแต่ลงเครื่องเมื่อพี่น้องที่เป็นผู้หญิงถูกแยกไปที่รัฐอื่น หนุ่มซูดานต้องเผชิญกับโลกใหม่ พวกเขามีเรื่องต้องปรับตัวมากมายโดยได้รับการดูแลจาก แคร์รี่ ( รีส วิทเธอร์สปูน ) เจ้าหน้าที่สาวจากบริษัทจัดหางาน แรกเริ่มเธอก็ปฏิบัติกับสามหนุ่มตามหน้าที่การงาน ก่อนที่ต่อมาจะสัมผัสได้ถึงความบอบชํ้าในจิตใจของพวกเขา แครืรี่ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง จึงทุ่มเททำหลายสิ่งที่เกินกว่าหน้าที่ เพื่อช่วยเหลือให้ทั้งสามคนมีชีวิตที่ดีขึ้น

บทภาพยนตร์สะท้อนมุมมองของผู้ลี้ภัยสงครามได้ชัดเจน สะเทือนอารมณ์ ทำให้คนดูเข้าใจความรู้สึกของผู้อพยพมากขึ้นพอสมควร ขณะเดียวกันแม้จะมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเรื่องสงครามและการเมืองโดยตรง แต่หนังเลี่ยงจะพูดถึงมัน โดยหันมาเอาใจใส่กับการถ่ายทอดเรื่องความสัมพันธ์ของผู้อพยพด้วยกันเอง รวมถึงผู้อพยพกับผู้มีจิตอาสาจากแผ่นดินใหม่

หนังใช้ความแปลกถิ่นแนวบ้านนอกเข้ากรุงมาเป็นมุขตลกประปรายเพื่อลดบรรยากาศซีเรียสในหนัง และด้วยความเป็นภาพยนตร์ทุนตํ่า จึงมีการไทร์อินสินค้าที่โจ่งแจ้งประมาณหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร เนื่องจากมันถูกเชื่อมโยงในแง่ของสินค้าจากโลกตะวันตก

การแสดงต้องชื่นชมความเป็นธรรมชาติของนักแสดงชายสามคนที่รับบทเป็นผู้ลี้ภัยชาวซูดาน พวกเขาทำให้คนดูเชื่อได้ในทุกๆฉาก ส่วน รีส วิทเธอร์สปูน คือตัวแทนที่ดีจากสหรัฐฯในการต้อนรับผู้อพยพ การแสดงของเธออยู่ในมาตรฐาน ไม่เยอะ ไม่น้อยเกินไป และหนังก็ไม่ได้ให้เครดิตหรือเชิดชูในความเป็นพ่อพระแม่พระของชาวอเมริกันมากจนเกินงาม

หลังดู The Good Lie จบ อาจทำให้คุณมองผู้อพยพหรือคนต่างด้าวในสายตาที่ต่างออกไป ถึงพวกเขาจะต่างชาติต่างภาษา แต่ก็เป็นเพื่อนร่วมโลกเดียวกัน ซึ่งดาวเคราะห์สีฟ้าอันกว้างใหญ่ใบนี้น่าจะมีพื้นที่เล็กๆเพียงพอสำหรับมนุษย์ทุกคน ดังสุภาษิตของชาวแอฟริกันที่ว่า ไปคนเดียว ไปได้ไว ไปด้วยกันไปได้ไกล

คะแนน 7.5/10

โดย นกไซเบอร์

เครดิต https://www.facebook.com/cyberbirdmovie
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่