จากรุ่นพี่ ถึงรุ่นน้อง

กระทู้สนทนา




นั่งไทม์แมชชีนส์ย้อนกลับไปเมื่อปี 2536ชายชื่อ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แจ้งเกิดอย่างเป็นทางการในวงการฟุตบอลไทย เมื่อเป็นฮีโร่พา ทีมชาติไทย คว้าเหรียญทอง ซีเกมส์ มาครองได้สำเร็จ

                ปี พ.ศ.2536 มหกรรมซีเกมส์ ถูกจัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่ง ทีมฟุตบอลชาย ทีมชาติไทย ยกทัพขึ้นแดนลอดช่องด้วยความกดดันมากมาย เพราะก่อนหน้านี้ ทีมชาติไทย มีกระแสข่าวที่ไม่สู้ดีถึงการแข่งขันซีเกมส์ในครั้งที่ผ่านๆ มา ทำให้ซีเกมส์ครั้งที่ 17 ทุกคนต้องแบกรับความกดดันไว้เต็มๆ

                ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ “บิ๊กหอย” ธวัชชัย สัจจกุล ผู้จัดการทีม, “บิ๊กกร๊อง” วิรัช ชาญพานิชย์ ผู้ช่วยฯ และ “น้าชัช” ชัชชัย พหลแพทย์ เฮดโค้ช ตั้งความหวังไว้ว่าจะต้องพาทีมกู้ศรัทธาด้วยการคว้าเหรียญทองให้ได้ ซึ่งระดมขุนพลระดับพระกาฬในขณะนั้นมากมาย อาทิ นที ทองสุขแก้ว, อภิชาติ ทวีเฉลิมดิษฐ์, ไพโรจน์ พ่วงจันทร์, ส่งเสริม มาเพิ่ม, อรรถพล ปุษปาคม, วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์, ปิยพงษ์ ผิวอ่อน

                ขณะเดียวกัน ปรากฏชื่อของดาวรุ่งคนนึงที่ไม่มีใครสนใจเท่าไหร่ นั่นคือ “เจ้าโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กองหน้าวัย 19 ปี จาก จ.ขอนแก่น ที่ “บิ๊กหอย” ใส่ชื่อเดินทางไปสิงคโปร์ด้วย

                ทีมชาติไทย ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบแรก เมื่อเก็บชัยชนะรวด 4 นัด เหนือพม่า 2-0, บรูไน  5-2, ลาว 4-1 และมาเลเซีย 2-0 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศในฐานะแชมป์เก่า เข้าไปเจอกับ “แชมป์เก่า” อินโดนีเซีย

                เกมดังกล่าวถือเป็นการ “ล้างแค้น” ของนักเตะไทย เพราะเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ไทย เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศ –3-4 จากการดวลลูกจุดโทษ หลังเสมอ 0-0และปรากฏว่าแข้ง ไทย ล้างแค้นสำเร็จ เมื่อเฉือนชนะ 1-0 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศเจอกับ พม่า

                การเจอกับ พม่า เหมือนจะเป็นงานง่าย เพราะ ทีมชาติไทย ใช้เวลา 50 นาที ยิงขึ้นนำ 3-1 ทั้งๆ ที่โดนยิงนำไปก่อน 0-1

                อย่างไรก็ตาม พม่า ยิงคืนสองลูกรวด ตีเสมอหน้าตาเฉย 3-3 ทำเอานักเตะแต่ละคน “ขาสั่น” เพราะภาพเก่าๆ หวนเข้ามาอยู่ในสมอง เนื่องจาก 2 ปีที่แล้ว ทีมชาติไทย ได้เพียงเหรียญเงินก่อนถูกโจมตีว่ามีการ “ล้มบอล” เกิดขึ้น

                แต่เกมดำเนินมาถึงนาที 65ไทย ตัดสินใจเปลี่ยนตัวด้วยการส่ง “เจ้าโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ลงสนามแทน วุฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ ที่บาดเจ็บ ซึ่งนาทีนั้นไม่มีใครคาดคิดว่าไอ้หนูที่ชื่อ เกียรติศักดิ์ จะทำให้ ทีมชาติไทย เป็นแชมป์

                แต่....

                “ซิโก้” กลายเป็นฮีโร่เพียงชั่วข้ามคืน เมื่อโหม่งเป็นผู้ทำประตูชัยก่อนหมดเวลาเพียง 2 นาที ให้ ทีมชาติไทย ชนะ พม่า 4-3 คว้าเหรียญทองไปครองอย่างยิ่งใหญ่

                “ผมยังจำวันนั้นได้ดี” เกียรติศักดิ์ เผย

                “ตอนนั้นผมเป็นตัวสำรองตลอดทั้งทัวร์นาเมนท์ แม้แต่นัดชิงชนะเลิศที่ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้โอกาสลงสนาม เพราะตอนนั้นเรานำถึง 3-1 แต่พอโดนตีเสมอ 3-3 “บิ๊กหอย” สั่งให้ผมไปวอร์มก่อนได้รับโอกาสในที่สุด ซึ่งตอนนั้นตื่นเต้นมากเพราะสกอร์เสมอ 3-3 ซึ่งเราจะแพ้ไม่ได้ แต่ก็เหลือเชื่อมากๆ ที่เราเป็นคนทำประตูชัย”

                “ซิโก้” เผยถึงวินาทีสำคัญว่า “ตอนนั้นพี่หมี (สุรศักดิ์ ตังสุรัตน์) ได้บอลทางฝั่งซ้าย และเปิดเข้ามาเข้าหัวผมที่ยืนอยู่หน้าเสาแรกตั้งไกล ซึ่งตอนนั้นตั้งใจว่าจะโหม่งเสยไปข้างหลังเพื่อให้เพื่อนร่วมทีมเข้าชาร์จ แต่บอลเป็นใจมากเพราะจู่ๆ ก็ลอยโด่งและเข้าประตูไป ซึ่งบอกตามตรงว่าช็อคมากๆ”

                เชื่อว่าแฟนบอลรุ่นเก่าๆ ที่ชมผ่านการถ่ายทอดสดทางหน้าจอทีวี คงคุ้นกับภาพเหตุการณ์ดังกล่าวที่มี “ย.โย่ง” เอกชัย นพจินดา ผู้สื่อข่าวชื่อดังที่รับหน้าที่บรรยายเกมได้ดี

                “เข้าไปแล้วครับ เข้าไปแล้ว สวยงามเหลือเกินครับ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อีก 3 นาทีจะหมดเวลา ซิโก้ ตีลังกาไปแล้ว พม่า นั่งกันหมด คนไทยเฮทั้งสนาม เราได้ประตูนาที 87 พอดี เหลือเชื่อจริงๆ ครับ” เสียง ย.โย่ง กับวินาทีประตูชัยของ “ซิโก้”

                ประตูดังกล่าว นอกจากทำให้ ทีมชาติไทย คว้าเหรียญทองแล้ว ยังได้กำเนิดสตาร์ดวงใหม่นามว่า “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ขึ้นมาประดับวงการฟุตบอลไทย ซึ่งหลังจากนั้น ทีมชาติไทย เริ่มนับหนึ่งสำหรับการเป็นเจ้าฟุตบอลซีเกมส์ 8 สมัยติดต่อกัน โดยที่ “ซิโก้” มีส่วนร่วมรวมทั้งหมด 4 ครั้ง

                ก่อนที่ปี 2552 “ซิโก้” จะกลับมาอีกครั้งในฐานะผู้ช่วยโค้ชให้กับ สตีฟ ดาร์บี้ ในการแข่งขันซีเกมส์ ที่ประเทศลาว ซึ่ง ทีมชาติไทย ตกรอบแรกชนิดช็อคแฟนบอลทั้งประเทศ และในปี 2554 ทีมชาติไทย ตกรอบแรกอีกครั้งที่อินโดนีเซีย ทำให้ซีเกมส์ครั้งนี้ 2556 ทีมชาติไทย ตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันไม่แพ้ปี 2536 และเหมือนทุกอย่างถูกกำหนดไว้ว่าคนที่ต้องแบกรับความกดดันครั้งนี้เป็นชายที่ชื่อ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อีกครั้ง

                “มันเป็นเวลา 20 ปีที่เร็วมาก จากวันนั้นที่เราเป็นนักเตะ แต่วันนี้ต้องมาเป็นเฮดโค้ช ซึ่งมีความกดดันไม่แพ้กัน”

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

อยากให้ เรื่องนี้ เกิดขึ้นอีกครั้ง ใน วันจันทร์นี่ กับ กองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรง แห่งยุค เจนรบ สำเภาดี  



แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ฟุตบอลไทย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่