[CR] รีวิว--เด็กสาว 19 ปี ดั้นด้นไปฝึกภาษาที่ UK จัดการเองตั้งแต่ขาไปยันขากลับ

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกท่านค่ะ อันนี้เป็นกระทู้แรกที่อยากจะมารีวิวให้เพื่อนๆ ที่สนใจจะไปเรียนภาษาในต่างแดนไว้เป็นประสบการณ์และแนวทาง สำหรับใครที่ทุนทรัพย์พอมี ความตั้งใจดี และอยากหาประสบการณ์ใหม่

          ที่จริงตอนที่ไปเรียนนี้ไปตั้งแต่ปี 2552 แล้วค่ะ ตอนนั้นเขียน Diary ไว้อ่านเวลาคิดถึง พอดีมีน้องหลังไมค์มาหลายคนถึงวิธีการไปเลยขอมารีวิวไว้เผื่อใครสนใจ ตอนนั้นมีความคิดว่า ไม่ได้ล่ะ! คนส่วนใหญ่เขาพูดภาษาอังกฤษกันได้ คณะที่เรียนก็ใช้ภาษาอังกฤษทั้งนั้น เพื่อนบางส่วนก็เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนกันมา เรานี่แม้แต่พูดยังไม่กล้า ฝรั่งเดินมาสั่นอย่างกะองค์ลง ต้องทำอะไรกับตัวเองบ้างแล้ว พอได้เวลาก็นั่งคุยกะพ่อและแม่
          "ทุกคนค่ะ หนูอยากไปเรียนภาษาที่อังกฤษ" โพล่งไปไม่ต้องมีคำนำ สารบัญ เข้าเนื้อเรื่องทันที
          "ไปสิ ไปเมื่อไร" พ่อว่า
          โอ้ววววว ง่ายงี้เลย! รู้งี้พูดตั้งนานแล้ว
          "ทำไมง่ายจัง ไม่ถามไรหนูเลย" ยังไม่แล้วใจ
          "ชดเชยตอนที่หนูสอบได้ AFS แต่แม่ไม่ให้ไป" แม่ว่า
          คือตอนปี 2549 ปัดสอบผ่านข้อเขียน AFS ด้วยคะแนนดีมาก แต่แม่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ค่ะ เพราะตอนนั้น ม.5 ถ้าได้ไปก็ไปตอน ม.6 แม่กลัวว่าจะทำให้การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเราสะดุด ตอนนั้นระบบเป็น Onet-Anet ปีที่สอง รวนเรเละเทะทั้งประเทศ แม่เลยกังวล ตอนนั้นยังเสียใจที่ไม่ได้ไป
          "แล้วทำไมไม่ไปอเมริกา" พ่อถาม
          "หนูต้องการอังกฤษดั้งเดิมค่ะ" เป็นความเห็นส่วนตัวค่ะ ที่จริงอังกฤษหรืออเมริกาก็ได้ อเมริกาถูกกว่าด้วย แต่เรามีแพลนเที่ยวในใจ อยากไปทางฝั่งยุโรปมากกว่า เลยยึดมั่นที่นี่
          "แล้วไปกับเอเจนซี่ไหน" พ่อถาม
          "ไม่ค่ะ หนูจะไปเอง"
          
          ตั้งเป้าไว้ไม่เปลี่ยนแปลงจนที่บ้านยังกังวล ที่จริงไปกับเอเจนซี่จะถูกกว่าค่ะ เพราะเขาจัดการติดต่อและวางระบบอะไรไว้ให้หมดแล้ว ขอวีซ่าก็ง่ายกกว่าเราขอเอง ถ้าเราขอเองกับสถานทูตอังกฤษนี่ยากกว่ามากเลยค่ะ ตอนนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร แต่ตอนนั้นยากพอดูด้วยเพราะประเทศเราขึ้นชื่อการขายบริการทางเพศ ตอนนั้นผู้เขียนเดินทางเองคนเดียว หน้าตาไม่ถึงกับสวยงามเว่อวัง แต่เข้าวัดได้หมาไม่หอน เขาเลยกังวล ถึงมีคนแนะนำแล้วก็ยังรั้นจะทำเองทุกขั้นตอน

          เพราะถือมั่นยึดมั่นว่า--ถ้าทำได้กับประเทศที่ขึ้นชื่อว่ายาก รู้แล้วว่าขั้นตอนอะไรทำอย่างไร ทั่วโลกหล้านี้จะไปไหนจากกำมือของเราเสีย 55

          เมื่อได้คำตอบก็ไม่รอช้าค่ะ ตั้งเป้าหาโรงเรียนภาษาในอังกฤษที่จะไปทันที!
          
          โรงเรียนภาษาในอังกฤษหรืออเมริกาจะแบ่งออกเป็นสองประเภทค่ะคือ University college กับ เอกชนด้านนอก (เปรียบเทียบเหมือนสถาบันภาษาในมหาวิทยาลัยกับสถาบันเอกชนด้านนอกของประเทศเราน่ะค่ะ) ประเภทแรกค่าเรียนจะแพงกว่าเล็กน้อย แต่จะมีคอร์สสอนเฉพาะคณะเยอะกว่า ใครตั้งใจเรียนต่อเลือกเรียนแบบแรกไว้ก็ไม่เสียหาย แต่ตอนนั้นปัดตั้งใจไปเพื่อรับภาษาขั้นพื้นฐานและสำเนียง รวมถึงหาประสบการณ์ backpack ด้วยตนเองเป็นครั้งแรก (หลังจากเที่ยวกะ Tour มานาน) จึงเลือกโรงเรียนแบบที่สองค่ะ วิธีการหาของปัดคือ หาโรงเรียนที่ขึ้นตรงกับสถานบันภาษาที่ทั่วโลกให้การยอมรับ  นึกออกไหมคะว่าที่ไหน

          British council ค่ะ! (โฆษณาให้เลย)
          ปัดเลือกโรงเรียนผ่านเว็บนี้ค่ะ http://www.educationuk.org/global/
          สมัยก่อนหน้าเว็บไม่ได้แยกออกมาจากเพจของ British council แบบนี้ ตอนนี้แยกออกมาชัดเจนก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะ ในเว็บตอนนี้มีข้อมูลและคอร์สเรียนมากกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว ถือเป็นโชคดีของเด็กรุ่นหลังไป มีทุนมากขึ้น มีโรงเรียนมากขึ้น
          วิธีการเลือกคือ เมื่อเข้าหน้าเว็บไปแล้วจะได้รูปแบบนี้ขึ้นมา

          

          ให้ดูตรง Subtitle ที่เขียนว่า search for แล้วมี Course, schlorlarship uni/college/school บลาๆ ดูตามความต้องการของเราค่ะ ตอนนั้นปัดไปแบบชิวๆ ขอให้ได้สำเนียงและความกล้ากลับมาก็ดี เลยเอาแค่แบบ course พอ รุ่นหลังนี้มี course ให้เลือกมากมาย ตอนของปัดเอาแค่ Learn English course ค่ะ ไม่เลือก course เรียนเข้ามหาลัยหรือเรียนเตรียมอะไรทั้งนั้น ต้องการแค่ประสบการณ์และความกล้า ส่วน type of course อีกช่องคือให้เราเลือกจะเรียนอะไรมีตั้งแต่ vacation ยัน Toeic/Toefl เลยค่ะ ปัดอยากแค่ไปชิวๆ ไม่เครียด ตอนรุ่นนั้นมีให้เลือกแค่ general english เท่านั้นเองค่ะ ไม่แยกย่อยขนาดนี้ แนะนำว่าให้เลือกไม่เกินความยากของ general พอนะคะ ถ้าไปหาประสบการณ์ต่างแดนแบบ adventure ส่วนใครจะจำเพาะเจาะจงมากกว่านั้นก็แล้วแต่เลยค่ะ

          ที่นี้พอเลือกได้หน้าเว็บก็จะเปิดสู่หน้าที่ให้เลือกสถาบันแล้วค่ะ

          

          ให้เรามองไปที่เมนูด้านซ้ายของภาพนะคะ จะเห็น blog ที่เขียนว่า Provider name, region. age, accommodation, course length, tuition hour per week, tuition price, start month
          เหล่านี้คือการเลือกให้ match กับที่เราจะไปเลยค่ะ
          Provider name: อันนี้เผื่อเรามีสถาบันที่อยากเรียนในใจก็เสิร์ชหาเลยค่ะ
          Region: อันนี้คือเผื่อใครอยากเรียนโซนไหน ในลอนดอน ทางตอนเหนือ หรือไอร์แลน สกอร์ตแลนก็เลือกเลยค่ะ สมัยก่อนเว็บจัดให้เป็นเลือกเมืองทั้งหมดของอังกฤษเลยค่ะ จะง่ายกว่านี้ เพราะเราไม่ชินกับภูมิศาสตร์ของอังกฤษ แบบใหม่ต้องนั่งเปิดแผนที่ดูว่าเมืองที่อยากไปอยู่ตรงไหนอีก ตอนนั้นปัดเลือก oxford เพราะตอนนั้นอยากไปเห็น OxfordU และบ้าแฮร์รี่ (ไม่เลือกเรียนในลอนดอนเพราะปัดไม่ค่อยชอบเมืองมหานครมันวุ่นวาย และปัดคดว่าไปนอกๆ หน่อยจะได้เห็นน้ำใจคนแท้ๆ ที่ไม่ปรุงแต่งด้วยวัตถุค่ะ)
          Age: ตรงตัวค่ะ จะโกงหน่อยๆ ก็ได้ 55
          Accommodation: อันนี้คือที่พักตอนเราเรียนค่ะ สมัยก่อนจะแจงย่อยกว่านี้ คือมีอันสูงสุดคือ  Host family แต่เว็บใหม่มีแค่ Homestay น่าจะรวมในความหมายเดียวกัน ปัดยังฝังใจกับตอนที่ตัวเองไม่ได้ไป AFS เลยเลือกแบบ Host family เป็นแบบแพงสุดค่ะ แต่เชื่อขนมกินเลยค่ะ ได้ภาษามากที่สุดแน่นอน (ถ้ารุ่นหลังอยากได้ Host ลองหาสถาบัที่จัด Homestay แล้วสอบถามเลยค่ะว่าจัดแบบ Host ได้หรือไม่ ที่อังกฤษตามบ้านเดี่ยวหลายบ้านเขาจะหาเงินด้วยการเป็น Host ให้กับเด็กที่มาเรียนภาษาตามสถาบันภาษา ดูแลดีไม่ดีขึ้นกับดวงค่ะ ของปัดโชคดีมากได้ Host ดี จะมารีวิวให้ฟังนะคะ)
           Course length: ระยะเวลาที่เราเรียนได้ ตอนนั้นปัดไปได้แค่เดือนเดียวก็กำหนดไปค่ะ ใครได้มากได้น้อยตามสะดวก
          Tuition hours per week: อันนี้คือเราจะเรียนต่อสัปดาห์มากแค่ไหน ตอนนั้นปัดตั้งใจจะเรียนเช้า backpack บ่ายค่ะ เลยกำหนดแค่ไม่เกิด 3-4 ชมต่อวันสรุปก็ประมาณ 15-20 hours/week
          Tuition Price: ราคาที่เราตั้งใจในคอรฺสที่เราไปค่ะ ตอนปัดไปไม่เลือกค่ะ ป๊าม๊าทุ่มเต็มที่ขอให้ไปแล้วได้ภาษาจริงๆ (ถือว่าโชคดี)
          Start month: อันนี้คือเดือนที่เราตั้งจะเริ่มเรียน ปัดก็เลือกตอนเดือนปิดเทอม

          บางคนพอเลือกจริงๆ แล้วอาจจะไม่มีสถาบันขึ้นมาให้เลย ลองตัดบางอย่างที่หยวนๆ ได้ออกดูนะคะ ว่ายืดหยุ่นอะไรได้มากแค่ไหน แล้วลองเจรจากับสถาบันที่ match กับเราอีกทีว่าแบบนั้นนี้ได้หรือเปล่า ของปัดที่เจรจารอบหลังคือเวลาเรียนค่ะ ปัดเจรจาว่าต้องการมาฝึกทักษะฟังพูดเท่านั้นไม่จริงจังขอเรียนเช้าพอ เขาก็อนุญาตค่ะ (มีใบ certificated ให้ด้วยนะคะ 55)
        
          บางคนได้มาหลายสถาบัน ตอนปัดเลือกก็ได้มาหลายสถาบันค่ะ ปัดเลือกที่เรียนจากสถาบันอันดับสุดท้าย เพราะหมายความว่าไม่เป็นที่นิยมในไทย เด็กไทยในสถาบันนั้นจะน้อย เราจะได้ฝึกภาษา 100% และยังเป็นภาษาที่อยู่ในความดูแลของ British council อยู่ด้วย ก็เลือกเลยค่ะ ตอนนั้นสถาบันที่ปัดได้คือ CIE Oxford กลายเป็นเด็กไทยคนแรกและคนเดียวของสถาบันเลยค่ะ ตอนนั้น British รับรองอยู่ค่ะ แต่ปัด check ตอนนี้เหมือนไม่ได้รับรองแล้ว แต่โรงเรียนยังอยู่นะคะ 55 เพราะ british จะเช็คมาตรฐานตลอด

          พอเลือกที่เรียนเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าไปในเว็บไซท์ของเขาเลยค่ะ อ่านรายละเอียดว่าแต่ละคอร์สเป็นอย่างไร เราต้องการเรียนคอร์สใด ที่พักใด ราคาคอร์สเท่าไร ระยะเวลาอย่างไร เอาชื่อโรงเรียนมาหา google map ว่าตั้งอยู่ตรงไหน (โรงเรียนของปัดตั้งอยู่ใจกลาง oxford เลยค่ะ นี่ขนาดไม่นิยม) แล้ว contact กับเขาผ่าน contact us ไปเลยว่าเราต้องการสมัครไปเรียนกบเขาแบบนั้นแบบนี้ ต้องทำอย่างไร ไม่นานเขาจะตอบกลับมาทางอีเมลล์ของเรา่าเราต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างค่ะ

          ตอนนั้นของปัดกำหนดคอร์ส ที่พัก และระยะเวลาได้แน่นอน (general Eng, Host family, 4 weeks start in March 2010) เลยไม่วุ่นวายต้องติดต่อมาก สถาบันของปัดมีบริการรถไปรับส่งสนามบินและบ้านพัก Host ตอนนั้นภาษาเราไม่แข็ง จะเดินทางโดยรถไฟระหว่างเมืองอย่างที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกของ UK ก็กลัวจะตีตั๋วออก scottland 55 เลยตัดสินใจเอารถทั้งขาไปและกลับค่ะ แพงหน่อย แต่เรายังไม่ชิน ไม่ได้ไปกับ agency ก็ต้องแบบนี้

          ตอนนั้นสมัครด้วยตนเอง ทางสถาบันก็ส่งอีเมลล์ให้เรามาเลยค่ะว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรมาบ้าง และเราต้องจ่ายค่าสมัครอะไรเท่าไร ขั้นตอนตรงแถวนี้จำได้เลือนรางเพราะเตรียมเอกสารเยอะพอสมควร แล้วเผลอลบอีเมลล์ที่ทางสถาบันตอบมาว่าต้องใช้อะไร แต่ที่จำได้แม่นคือวิธีการชำระค่าสมัครคือไปโอนเงินที่ธนาคารของไทยเรานี่แหล่ะค่ะ ตามบัญชีที่ทางสถาบันแจ้งมา ขั้นตอนตรงแถวนี้ที่จำไม่ได้น่าจะเพราะสถาบันแนะแนวการเตรียมเอกสารและจัดเตรียมหลายๆ ให้เราทั้งหมดไปแล้ว มีแค่ไม่กี่อย่างที่เรามาทำเองนั่นคือ ค่าสมัคร passport และตัวการใหญ่ของงานนี้ วีซ่า!

          อะไรๆ ก็สะดวกสำหรับคนไทย ยกเว้นวีซ่านี่แหล่ะค่ะ สมัยนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร สมัยก่อนคือยาก! ยิ่งเดินทางไปคนเดียวยิ่งยากขึ้น ยิ่งเดินทางระยะเป็นเดือนๆ ก็ยิ่งยากขึ้นอีก เป็นผู้หญิงหน้าตา...เอิ่ม ข้ามไป คือยากกกกกกกกก
          สมัยนั้นมีกฎว่าต้องขอวีซ่าก่อนเดินทาง 6 เดือน น้อยกว่านั้นไม่อนุมัติ ตอนนั้นต้องการไปเดือนมีนาคม เดือนที่เราเริ่มเตรียมตัวคือกันยายน! พระเจ้า! มีเวลาอีกแค่สองสัปดาห์ เตรียมเอกสารไปเรียนไม่หนักหนาเท่าเอกสารขอวีซ่าออกจากประเทศ

          เดี๋ยวมาต่อนะคะ มีเรื่องเกือบไม่ได้วีซ่าเพราะตัวเองเข้าใจผิดคิดว่าทำผิดกฎหมายอาญาด้วย!
ชื่อสินค้า:   England
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่