คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ไม่อยากให้ไปมองว่าอะไรดีกว่ากัน เพราะทั้ง2สายนั้นต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย จุดสำคัญมันอยู่ที่ว่าตัวเด็กเองอยากเรียนไปทางไหนมากกว่าค่ะ
แปะข้อมูลมาให้ จขกท. ไปอ่านในการตัดสินใจนะคะ http://sm-th.net/wp/2014/11/เปรียบเทียบระหว่างการเ/" rel="nofollow" >เปรียบเทียบระหว่างการเรียนสายสามัญกับการเรียนสายอาชีพ พฤศจิกายน 28, 2014 GoT ถ้าเปรียบเทียบหลักสูตรและจุดเด่นระหว่างสายสามัญและสายอาชีพ จะเห็นได้ว่าสายสามัญและสายอาชีพมีความแตกต่างกันอยู่หลายอย่าง การเรียนสายสามัญ คือ การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกระทรวงศึกษาธิการกำหนด โดยให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนการสอน 8 กลุ่มสาระ และสาระเพิ่มเติม เช่น กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมแนะแนว เป็นต้น โดยการจัดการศึกษาสายสามัญ แบ่งออกเป็น ระดับประถมศึกษาตอนต้น ระดับประถมศึกษาตอนปลาย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถทุกด้าน ตามลำดับขั้นและหลักสูตรของสถานศึกษา และหลักสูตรของกระทรวงศึกษากำหนดไว้ ว่าแต่ละระดับควรพัฒนาด้านใดบ้าง และเพิ่มเติมความรู้ ความสามารถในด้านใด สำหรับสายสามัญในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจะมีการแบ่งชั้นเรียน เป็น -สายวิทย์คณิต บางโรงเรียนก็จะมี วิทย์ปิโตรเลียม,วิทย์แพทย์,วิทย์-สถาปัตย,วิทย์ทั่วไป -สายศิลป์คำนวณ -สายศิลป์ภาษา เช่น อังกฤษจีน, อังกฤษฝรั่งเศส,อังกฤษเยอรมัน, อังกฤษญี่ปุ่น,อังกฤษสเปน -สายศิลป์-ทั่วไป สำหรับแบ่งผู้เรียน เพื่อนำไปเป็นเกณฑ์คัดเลือกนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาต่อไป เนื่องจากในบางสาขาวิชาของมหาวิทยาลัยมีการกำหนดไว้ชัดเจนว่าให้สายการศึกษา สายใดเข้าศึกษาได้แต่สายอาชีพจะเป็นการศึกษาเฉพาะทางโดยเน้นให้ผู้เรียนที่จบการศึกษาสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพ หรือสมัครงานตามสาขานั้น ๆ ได้ ซึ่งถือว่าผู้ที่เรียนจบสาขาวิชานั้น ๆ เป็นผู้มีความรู้พื้นฐานสำหรับประกอบอาชีพนั้น ๆ ได้ เช่น หลักสูตร ปวช. คือ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ เป็นระดับการฝึกวิชาชีพระดับพื้นฐานในงานสายอาชีพนั้น ๆ ซึ่งมีรู้สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ตามความรู้ที่เรียน หลักสูตร ปวส. คือ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงเป็นระดับความรู้ที่สูงขึ้นจาก ปวช. โดยเน้นความรู้เฉพาะมากขึ้นมีความรู้ความชำนาญพิเศษมากขึ้น สำหรับหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพและหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูงแบ่งการเรียนเป็นสาขา ดังนี้ – สาขาวิชาอุตสาหกรรม – สาขาวิชาพณิชยกรรม/บริหารธุรกิจ – สาขาวิชาศิลปกรรม – สาขาวิชาประมง – สาขาวิขาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว – สาขาวิชาอุตสาหกรรมสิ่งทอ – สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การศึกษาระดับสายอาชีพสามารถศึกษาต่อได้ถึงระดับสูงสุดเท่ากับการศึกษาสายสามัญ คือ ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ซึ่งเป็นการพัฒนาการศึกษาตามลำดับขั้นสำหรับผู้สนใจศึกษาต่อระดับสูงขึ้นไปเพื่อยกระดับความรู้ความสามารถ นักเรียนที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สามารถเลือกเรียนได้ทั้งสายสามัญและสายอาชีพปัจจัยที่ทำให้นักเรียนเลือกเรียนระหว่างสายสามัญและสายอาชีพ คือ 1.ด้านสถานภาพส่วนตัวของนักเรียน ขนาดของครอบครัว การศึกษาสูงสุดของคนในครอบครัวและจำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดา 2.ด้านสถานภาพทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของครอบครัว มีตัวแปรที่สำคัญคือ รายได้ของครอบครัว ระดับการศึกษาของบิดามารดาและปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย 3.ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักเรียนสายสามัญเมื่อเรียนจบส่วนใหญ่ก็คิดที่อยากเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาทั้งนั้นแต่นักเรียนสาอาชีพบางคนก็อยากเรียนต่อ ปวส.แต่บางคนก็อาจจะอยากเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา จากการศึกษาความคาดหวังและโอกาสทางการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา พบว่า ผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและได้ต่อระดับอุดมศึกษามีร้อยละ 85.4 เพศหญิงได้ศึกษาต่อมากกว่าเพศชายเล็กน้อย หลักสูตรสายสามัญได้ศึกษาต่อมากกว่าสายอาชีพ แผนการเรียนในหลักสูตรสายสามัญ แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ ได้ศึกษาต่อมากที่สุด รองลงมาคือ แผนการเรียนศิลป์-ภาษา ศิลป์-คำนวณและแผนการเรียนทั่วไป ส่วนประเภทวิชาในหลักสูตรสายอาชีพ ประเภทวิชาพาณิชย-กรรม/บริหารธุรกิจ ได้ศึกษาต่อมากที่สุด รองลงมาคือประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม ศิลปหัตถกรรม/ศิลปกรรมและคหกรรม/คหกรรมศาสตร์ ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรสายสามัญจะได้ศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาสังกัดทบวงมหาวิยาลัยเป็นส่วนใหญ่และผู้สำเร็จการศึกษาสายอาชีพจะได้ศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ผู้สำเร็จการศึกษาส่วนมากจะได้ศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาในภูมิภาคหรือที่ตั้งสถานศึกษาของตน ในการศึกษาแต่ละประเภทต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป การเรียนสายสามัญ ข้อดีของการเรียนสามัญ ความรู้พื้นฐานทั่วไป จะได้มากกว่าสายอาชีพ เลือกเรียนในมหาวิทยาลัยได้ทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเอกชนหรือรัฐ มีโอกาสเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ต่างประเทศหรือกิจกรรมอื่นๆได้มากกว่า (อยู่ที่ตัวเองและการสนับสนุนของโรงเรียน) สังคมแวดวงเพื่อน จะดีกว่า สายอาชีพ (โดยส่วนใหญ่นะ) ข้อเสียของการเรียนสายสามัญ ความรู้เฉพาะด้านอาจไม่แน่นเท่าสายอาชีพ (ในบางกรณี) จบ ม.6 ถ้าไม่ต่อ ประรินยาตรี จะไม่มีความหมายเลย***เน้นๆ 3.สายสามัญส่วนใหญ่จะไม่เจอวิชาชีวิต(ประสบการณ์ต่างๆ การเอาตัวรอด พบเจออะไรแย่ๆ) เท่าสายอาชีพ(โดยส่วนใหญ่) การเรียนสายอาชีพ ข้อดีของการเรียนสายอาชีพ ความรู้เฉพาะด้านแน่น ถ้าคนที่เลือกเรียนต่อในสาขาที่เรียนมา จะได้เปรียบกว่าสายสามัญ เมื่อเข้าไปเรียนในมหาลัย ถ้าไม่เรียนต่อ ก็ไม่เป็นไร สามารถทำงานได้เลย แถมยังไปสอบราชการก็ได้อีกด้วย ข้อเสียการเรียนสายอาชีพ มีข้อจำกัดในการต่อมหาลัย เพราะมหาลัยรัฐหลายที่หลายคณะที่เขาไม่รับเด็กสายอาชีพ ถ้าเป็นเอกชนก็แล้วไป สังคมสายอาชีพไม่ค่อยดี เด็กเก เสียส่วนใหญ่ (ไม่ได้เป็นเด็กเกทุกคน)
เครดิต: http://sm-th.net/wp/2014/11/เปรียบเทียบระหว่างการเ/
แปะข้อมูลมาให้ จขกท. ไปอ่านในการตัดสินใจนะคะ http://sm-th.net/wp/2014/11/เปรียบเทียบระหว่างการเ/" rel="nofollow" >เปรียบเทียบระหว่างการเรียนสายสามัญกับการเรียนสายอาชีพ พฤศจิกายน 28, 2014 GoT ถ้าเปรียบเทียบหลักสูตรและจุดเด่นระหว่างสายสามัญและสายอาชีพ จะเห็นได้ว่าสายสามัญและสายอาชีพมีความแตกต่างกันอยู่หลายอย่าง การเรียนสายสามัญ คือ การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกระทรวงศึกษาธิการกำหนด โดยให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนการสอน 8 กลุ่มสาระ และสาระเพิ่มเติม เช่น กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมแนะแนว เป็นต้น โดยการจัดการศึกษาสายสามัญ แบ่งออกเป็น ระดับประถมศึกษาตอนต้น ระดับประถมศึกษาตอนปลาย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถทุกด้าน ตามลำดับขั้นและหลักสูตรของสถานศึกษา และหลักสูตรของกระทรวงศึกษากำหนดไว้ ว่าแต่ละระดับควรพัฒนาด้านใดบ้าง และเพิ่มเติมความรู้ ความสามารถในด้านใด สำหรับสายสามัญในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจะมีการแบ่งชั้นเรียน เป็น -สายวิทย์คณิต บางโรงเรียนก็จะมี วิทย์ปิโตรเลียม,วิทย์แพทย์,วิทย์-สถาปัตย,วิทย์ทั่วไป -สายศิลป์คำนวณ -สายศิลป์ภาษา เช่น อังกฤษจีน, อังกฤษฝรั่งเศส,อังกฤษเยอรมัน, อังกฤษญี่ปุ่น,อังกฤษสเปน -สายศิลป์-ทั่วไป สำหรับแบ่งผู้เรียน เพื่อนำไปเป็นเกณฑ์คัดเลือกนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาต่อไป เนื่องจากในบางสาขาวิชาของมหาวิทยาลัยมีการกำหนดไว้ชัดเจนว่าให้สายการศึกษา สายใดเข้าศึกษาได้แต่สายอาชีพจะเป็นการศึกษาเฉพาะทางโดยเน้นให้ผู้เรียนที่จบการศึกษาสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพ หรือสมัครงานตามสาขานั้น ๆ ได้ ซึ่งถือว่าผู้ที่เรียนจบสาขาวิชานั้น ๆ เป็นผู้มีความรู้พื้นฐานสำหรับประกอบอาชีพนั้น ๆ ได้ เช่น หลักสูตร ปวช. คือ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ เป็นระดับการฝึกวิชาชีพระดับพื้นฐานในงานสายอาชีพนั้น ๆ ซึ่งมีรู้สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ตามความรู้ที่เรียน หลักสูตร ปวส. คือ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงเป็นระดับความรู้ที่สูงขึ้นจาก ปวช. โดยเน้นความรู้เฉพาะมากขึ้นมีความรู้ความชำนาญพิเศษมากขึ้น สำหรับหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพและหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูงแบ่งการเรียนเป็นสาขา ดังนี้ – สาขาวิชาอุตสาหกรรม – สาขาวิชาพณิชยกรรม/บริหารธุรกิจ – สาขาวิชาศิลปกรรม – สาขาวิชาประมง – สาขาวิขาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว – สาขาวิชาอุตสาหกรรมสิ่งทอ – สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การศึกษาระดับสายอาชีพสามารถศึกษาต่อได้ถึงระดับสูงสุดเท่ากับการศึกษาสายสามัญ คือ ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ซึ่งเป็นการพัฒนาการศึกษาตามลำดับขั้นสำหรับผู้สนใจศึกษาต่อระดับสูงขึ้นไปเพื่อยกระดับความรู้ความสามารถ นักเรียนที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สามารถเลือกเรียนได้ทั้งสายสามัญและสายอาชีพปัจจัยที่ทำให้นักเรียนเลือกเรียนระหว่างสายสามัญและสายอาชีพ คือ 1.ด้านสถานภาพส่วนตัวของนักเรียน ขนาดของครอบครัว การศึกษาสูงสุดของคนในครอบครัวและจำนวนพี่น้องร่วมบิดามารดา 2.ด้านสถานภาพทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของครอบครัว มีตัวแปรที่สำคัญคือ รายได้ของครอบครัว ระดับการศึกษาของบิดามารดาและปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย 3.ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นักเรียนสายสามัญเมื่อเรียนจบส่วนใหญ่ก็คิดที่อยากเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาทั้งนั้นแต่นักเรียนสาอาชีพบางคนก็อยากเรียนต่อ ปวส.แต่บางคนก็อาจจะอยากเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา จากการศึกษาความคาดหวังและโอกาสทางการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา พบว่า ผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและได้ต่อระดับอุดมศึกษามีร้อยละ 85.4 เพศหญิงได้ศึกษาต่อมากกว่าเพศชายเล็กน้อย หลักสูตรสายสามัญได้ศึกษาต่อมากกว่าสายอาชีพ แผนการเรียนในหลักสูตรสายสามัญ แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ ได้ศึกษาต่อมากที่สุด รองลงมาคือ แผนการเรียนศิลป์-ภาษา ศิลป์-คำนวณและแผนการเรียนทั่วไป ส่วนประเภทวิชาในหลักสูตรสายอาชีพ ประเภทวิชาพาณิชย-กรรม/บริหารธุรกิจ ได้ศึกษาต่อมากที่สุด รองลงมาคือประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม ศิลปหัตถกรรม/ศิลปกรรมและคหกรรม/คหกรรมศาสตร์ ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรสายสามัญจะได้ศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาสังกัดทบวงมหาวิยาลัยเป็นส่วนใหญ่และผู้สำเร็จการศึกษาสายอาชีพจะได้ศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ผู้สำเร็จการศึกษาส่วนมากจะได้ศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาในภูมิภาคหรือที่ตั้งสถานศึกษาของตน ในการศึกษาแต่ละประเภทต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป การเรียนสายสามัญ ข้อดีของการเรียนสามัญ ความรู้พื้นฐานทั่วไป จะได้มากกว่าสายอาชีพ เลือกเรียนในมหาวิทยาลัยได้ทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเอกชนหรือรัฐ มีโอกาสเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ต่างประเทศหรือกิจกรรมอื่นๆได้มากกว่า (อยู่ที่ตัวเองและการสนับสนุนของโรงเรียน) สังคมแวดวงเพื่อน จะดีกว่า สายอาชีพ (โดยส่วนใหญ่นะ) ข้อเสียของการเรียนสายสามัญ ความรู้เฉพาะด้านอาจไม่แน่นเท่าสายอาชีพ (ในบางกรณี) จบ ม.6 ถ้าไม่ต่อ ประรินยาตรี จะไม่มีความหมายเลย***เน้นๆ 3.สายสามัญส่วนใหญ่จะไม่เจอวิชาชีวิต(ประสบการณ์ต่างๆ การเอาตัวรอด พบเจออะไรแย่ๆ) เท่าสายอาชีพ(โดยส่วนใหญ่) การเรียนสายอาชีพ ข้อดีของการเรียนสายอาชีพ ความรู้เฉพาะด้านแน่น ถ้าคนที่เลือกเรียนต่อในสาขาที่เรียนมา จะได้เปรียบกว่าสายสามัญ เมื่อเข้าไปเรียนในมหาลัย ถ้าไม่เรียนต่อ ก็ไม่เป็นไร สามารถทำงานได้เลย แถมยังไปสอบราชการก็ได้อีกด้วย ข้อเสียการเรียนสายอาชีพ มีข้อจำกัดในการต่อมหาลัย เพราะมหาลัยรัฐหลายที่หลายคณะที่เขาไม่รับเด็กสายอาชีพ ถ้าเป็นเอกชนก็แล้วไป สังคมสายอาชีพไม่ค่อยดี เด็กเก เสียส่วนใหญ่ (ไม่ได้เป็นเด็กเกทุกคน)
เครดิต: http://sm-th.net/wp/2014/11/เปรียบเทียบระหว่างการเ/
แสดงความคิดเห็น
สายสามัญกับ ป.ว.ช. อันไหนดีกว่ากัน
เรียน ป.ว.ช. กับเรียนสายสามัญ แตกต่างกันอย่างไร ข้อดีข้อเสีย ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ