คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ผมคิดอยู่....
- คุณค่าของคนอยู่ที่ทัศนะของบุคคล คุณค่าของอาชีพก็คล้ายๆ กัน คือมันทำประโยชน์ให้ใคร
- การเล่นดนตรีเป็น "ทางเลือก" ที่สร้างความสุข งานของคุณคือการเล่นดนตรีที่คนอื่นสร้างมา? หรือสร้างสรรค์เอง?
- ที่น่าคิดในบางมุมมอง... อาชีพนี้จะเสถียรพอมั๊ย งานแบบ creativity จะเจอคนที่ชอบมากน้อยขนาดไหน นานขนาดไหน มีคู่แข่งมากน้องขนาดไหน ยังมีโอกาสอื่นๆ อีกรึป่าว ถ้า trend เค้าเปลี่ยน เราจะทำยังไง จะตามกระแสรึป่าว etc... ทั้งมุมมองของดนตรี กับมุมมองของการเงิน
- เรื่องการเรียน.. ผมเชื่อว่าคนที่รู้ใจที่สุดว่าเราควรเรียนอะไร คือตัวเราเอง แต่ต้องมั่นใจว่าเรียนรู้กับประยุกต์ไปได้เรื่อยๆ ไม่ใช่แค่อยากรู้อยากลอง แต่ถ้าอยากลอง ก็ต้องรู้ความเสี่ยง ต้องมี plan B แล้วพร้อมที่จะถอยเมื่อรู้ว่ามันไม่ใช่ (จริงๆ แล้วอะไรก็ไม่แน่นอน มี plan B ไว้เสมอจะดีกว่า เช่น เกิดตกงาน แบบเราเลือกไม่ได้ เกิดเงินขาดฉุกเฉิน etc.)
- เรื่องทัศนะของพ่อแม่ อันนี้ผมเข้าใจว่าเป็นความห่วงอนาคต เหมือนไม่เห็นทิศทางในอนาคนที่ชัดเจน สิ่งนึงที่เราทำได้คือให้เห็นผลลัพธ์ ว่าเราเกิดมาเพื่ออันนี้จริงๆ... สุดท้ายก็ยังไม่ง่ายนักที่จะเปลี่ยนทัศนะคนอื่น รวมทั้งของพ่อแม่
- คุณค่าของคนอยู่ที่ทัศนะของบุคคล คุณค่าของอาชีพก็คล้ายๆ กัน คือมันทำประโยชน์ให้ใคร
- การเล่นดนตรีเป็น "ทางเลือก" ที่สร้างความสุข งานของคุณคือการเล่นดนตรีที่คนอื่นสร้างมา? หรือสร้างสรรค์เอง?
- ที่น่าคิดในบางมุมมอง... อาชีพนี้จะเสถียรพอมั๊ย งานแบบ creativity จะเจอคนที่ชอบมากน้อยขนาดไหน นานขนาดไหน มีคู่แข่งมากน้องขนาดไหน ยังมีโอกาสอื่นๆ อีกรึป่าว ถ้า trend เค้าเปลี่ยน เราจะทำยังไง จะตามกระแสรึป่าว etc... ทั้งมุมมองของดนตรี กับมุมมองของการเงิน
- เรื่องการเรียน.. ผมเชื่อว่าคนที่รู้ใจที่สุดว่าเราควรเรียนอะไร คือตัวเราเอง แต่ต้องมั่นใจว่าเรียนรู้กับประยุกต์ไปได้เรื่อยๆ ไม่ใช่แค่อยากรู้อยากลอง แต่ถ้าอยากลอง ก็ต้องรู้ความเสี่ยง ต้องมี plan B แล้วพร้อมที่จะถอยเมื่อรู้ว่ามันไม่ใช่ (จริงๆ แล้วอะไรก็ไม่แน่นอน มี plan B ไว้เสมอจะดีกว่า เช่น เกิดตกงาน แบบเราเลือกไม่ได้ เกิดเงินขาดฉุกเฉิน etc.)
- เรื่องทัศนะของพ่อแม่ อันนี้ผมเข้าใจว่าเป็นความห่วงอนาคต เหมือนไม่เห็นทิศทางในอนาคนที่ชัดเจน สิ่งนึงที่เราทำได้คือให้เห็นผลลัพธ์ ว่าเราเกิดมาเพื่ออันนี้จริงๆ... สุดท้ายก็ยังไม่ง่ายนักที่จะเปลี่ยนทัศนะคนอื่น รวมทั้งของพ่อแม่
แสดงความคิดเห็น
ทุกปัญหามีทางออก แต่บางทีทางออก ไม่ใช่จุดหมายที่เราจะไป คุณจะมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไรช่วยผมด้วย TT
สัตว์แพทย์ ทหารเรือ เป็นอาชีพที่มีเกียร(ผมว่ามันอยู่ที่คน) ซึ่งแน่นอนมันไม่ส่งผลให้ผลให้คนบางคนมีความสุขได้หรอก รวมตัวผมด้วยแหละ ผมรักอิสระ รักความเป็นตัวเองสูง
ชอบงานที่ทำแล้วมีความสุข ถ้าถามผมเคยเป็นครูแล้วหรอ ถึงรู้ว่ามันไม่ใช่ความสุขของผม ป่าวครับ แต่อย่างที่บอกผมชอบอิสระมากกว่า ผมรักในการเล่นดนตรี เสียงดนตรี ชอบธรรมชาติ ป่าเข้า ที่ไกลเมือง ที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีความวุ่นวาย ที่ไม่มีการแข่งขัน ตอนนี้ผมทำงานอยู่ที่ผับแห่งหนึ่งเล่นดนตรีอยู่ครับ เงินเดินก็พอเลี้ยงตัวเองได้(ผมเป็นคนใช้เงินเก่งเกิน55) แต่ก็สามารถเครียค่าใช้จ่าย เช่นค่าไฟ ค่าเทอม ค่ากินค่าอยู่ เงินเก็บผมก็ จะใช้ในการเที่ยวตามธรรมชาติป่าเข้า ค่าใช้จ่ายก็ไม่มากมายเท่าไร ที่สำคัญผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำงานถึงจะมีเบื่อบ้าง แต่พอได้ขึ้นไปบนเวที ผมมีความสุขทุกครั้ง ผมทำมาปีกว่าหละครับทุกวัน หยุดแค่วันพระใหญ่ผมก็เข้าป่าขึ้นเขา หาอากาศบริสุทธิ แต่ก็ต้องมาหนักใจ เรื่องพ่อแม่ผมเค้าอยากให้ผม มีอนาคตที่ดี สุขสบายสวัสดิการดี เวลาเจ็บป่วย จะได้ไม่ต้องลำบากหาเงินมารักษา มีความมั่นคงในการงานการครองชีพการใช้ชีวิต โอ้วสุดยอดไปเลย แต่ผมไม่ได้ต้องการอะไรมากมายขนาดนั้น ผมแค่ต้องการทำวันนี้ให้มีความสุขที่สุดเท่าที่ผมทำได้ก็พอ พรุ้งนี้ค่อยว่ากัน ชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอน ผมก็เลยไปสมัคเรียนใหม่ สอบใหม่ เข้าเอกดนตรีการแสดง ผมบอกพ่อแม่ ว่าเรื่องค่าเรียนที่ผมกำลังจะเรียนผมจัดการเองได้ ผมไม่อยากทำให้พ่อแม่ลำบากเพราะผม ผมกะว่าจะส่งตัวเองเรียนจนจบ หลังจากนั้นผมก็จัดการเรื่องทั้งหมด เรื่องค่าเทอม9000+บ./เทอม รวมค่าลงทะเบียน ทุกอย่างเรียบร้อย แต่ถ้าว่าพ่อแม่ผมท่านไม่ยอมให้ย้าย คือถ้าไม่เซ็นใบลาออกให้ผมก็ออกไม่ได้(อันนี้ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนะครับ อ.ที่ปรึกษาบอกมา) คือเค้าโทรไปทางมหาลัยเรื่องผมเลย ไม่ยอมให้ผมลาออก แล้วให้กลับไปเรียนครูเหมือนเดิม อันนี้ผมก็เข้าใจนะครับ เสียเวลาไปตั้งหลายไปหละ แต่ก็นะ ความรู้สึกของคนที่ไม่ชอบอะไรแนวนี้ ต้องทำผลงาน ต้องออกแบบการสอน ต้องวางแผนการสอน เข้าร่วมโน่นนี่นั่น การเป็นครูไม่ได้ทำงานแค่สอนในห้องเรียนอย่างเดียวอยู่แล้ว สรุปก็คือไม่ชอบนั่นแหละ ทำเพราะเป็นหน้าที่ ไม่อยากทำก็เลี่ยงไม่ได้ ต่างกับดนตรี บอกเลย นักดนตรีไม่ได้จนกัดเกลือกินกันทุกคนหรอก ถ้ามีวินัยในการใช้เงิน ผมไม่กินเหล้า ไม่เสพยาทุกประเภท1234เลย แต่สูปบุหรี่ 7 วันก็แค่1-2ซอง ตก 80 บาท (sms) ทำงานเสร็จก็กลับบ้านฟังเพลงนอน ทำงานวันหละ 80 นาที เงินเดือน 9500 ค่าไฟเปิดแอร์ไม่เกิน1500 ค่ากินเดือนหละ 2000 ค่า ค่าน้ำมันเดือนหละ 7วัน 100 บ. 30 วันก็ตก400-500 บ. (บ้านใกล้ ม และ ที่ทำงาน) ค่าของใช้ก็ไม่เกิน1000/เดือน
ที่เหลือเก็บเป็นความลับ ^^
แล้วถ้าผมได้เรียนต่อเอกดนตรี เวลาผมก็จะมีเยอะขึ้น ความรู้ความเค้าใจมากขึ้น ผมจะได้เอาไปใช้ในการทำงาน
แต่ติดที่ว่า ผมไม่สามารถพูดให้เค้าเข้าใจผมได้ แล้วอีกไม่ถึงเดือนเค้าให้ผมคิดว่าจะทำยังไงกลับไปเรียน หรือ ไม่ไปเรียนเลย เพราะเค้าไม่ยอมเซ็นออกให้ไปเรียนสาขาอื่นคณะอื่น ผมควรทำยังไงดีครับ?
*เพิ่มเติมรายละเอียด
-ผมทำงานที่เดียว 9500 วันหละ 80 นาทีโดยเฉลี่ย(นักดนตรีเป็นอาชีพที่รับงานหลายที่ได้ถ้าเวลาไม่ทับกันถ้าทำสองที่ก็คงพอ)
-ทำงานนอก 800+ต่อชั่วโมง(บางที่ถึง3000เลยนะไม่รวมทิปอีก)
สุดท้ายนี้ผมว่าอาชีพไหนเรียนอะไรที่ไหนก็ไม่ต่างกันหรอกครับ คุณค่าของคนมันอยู่ที่การกระทำการใช้ชีวิตมากว่า ว่าคุณทำให้มีค่ามากแค่ไหน ต่อให้เป็นพระ เป็น ผู้ถือศิลมาจากไหน ถ้าทำตัวไม่มีคุณค่าก็ไม่มีใครเค้ารบนับถือหรอกครับ
ฝากด้วยนะครับพิมพ์ผิดพลาดประการใดขอโทษด้วยนะครับ