ความแตกต่างของเราและคนรักที่มากมาย จะปรับตัวเข้าหากันอย่างไรดี

สวัสดีค่ะ ก่อนหน้าที่จะโพสต์กระทู้นี้ก็ไม่เคยคิดนะว่าจะมาปรึกษาเรื่องราวความรักของเรากับใคร แต่มันก็เก็บไว้ในใจมานาน เคยคุยกับเค้าแล้วก็หลายครั้ง จนเคยบอกเลิกเพราะคิดว่าไม่ไหวแล้วก็มี แต่ก็ยังรักและอยากอยู่ด้วยกันสุดท้ายก็กลับมาคบกันอยู่ดีโดยที่คุยกันก่อนแล้วว่าปัญหาคืออะไรก็ตั้งใจจะแก้ไขกัน แต่ก็นะ นิสัยและตัวตนของแต่ละคนไม่ใช่เปลี่ยนกันง่ายๆ และที่สำคัญคือ ความแตกต่างของเราสองคนมันมากเหลือเกิน

1. เรื่องอายุ เราอายุ 33 เค้าอายุ 46 อายุห่างกัน 13 ปี ความคิดความอ่านก็แตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา

2. ประสบการณ์ เราเรียนจบมาก็ยังไม่เคยทำงานบริษัทอะไรจริงๆจังๆ ส่วนเค้าเคยทำงานระดับผู้บริหารมาก่อน มีหน้าที่ในการวิเคราะห์และตรวจสอบความผิดพลาดในบริษัท (ประมาณวิเคราะห์หาสาเหตุว่าทำไมเดือนนี้ถึงไม่ได้เป้าตามที่วางไว้ ผิดพลาดอะไรตรงไหน อะไรทำนองนี้...ตามที่เค้าเล่าให้ฟังนะ) ซึ่งคิดว่าข้อนี้มีผลทำให้เค้าติดการวิเคราะห์ มาวิเคราะห์หาความผิดพลาดทุกอย่างในชีวิตประจำวันด้วย

3. พื้นฐานครอบครัว ครอบครัวเราค่อนข้างจะขี้เล่น เป็นกันเอง ชอบเที่ยวชอบคุยเล่นหยอกล้อกันสนุกสนาน พ่อแม่ลูกค่อนข้างจะสนิทกัน ชอบแสดงออกความรักกัน เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างจะอบอุ่นประมาณนึง ส่วนครอบครัวเค้า(เท่าที่เค้าเคยเล่าให้ฟังนะคะ) ไม่ค่อยแสดงความรักต่อกัน ไม่ค่อยคุยเล่นกันเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยยุ่งเรื่องของคนอื่นในครอบครัว ตัวเค้าเองก็บอกว่าสู้ด้วยตัวเองมาตลอดไม่เคยได้รับกำลังใจจากใคร (เค้าเลยแสดงออกความรักไม่เป็น ใช้คำพูดอ่อนโยนไม่เป็นและให้กำลังใจใครไม่เป็น)

4. นิสัย เราเป็นคนที่นิสัยเหมือนเด็ก ขี้เล่น ขี้อ้อน ทำตัวสบายๆ เข้ากับคนง่าย ไม่ค่อยคิดอะไรมาก ทำอะไรตามอารมณ์เป็นส่วนใหญ่ ค่อนข้างแคร์ความรู้สึกคนรอบข้าง ประนีประนอม
ส่วนเค้ามีนิสัยไม่ชอบเข้าสังคม ชอบทำอะไรคนเดียว ทำอะไรตามเหตุผล(ยึดเอาถูกผิด หรืออะไรดีไม่ดีแบบสุดๆ) ไม่ค่อยประนีประนอม จริงจังมากกกกกก วางแผนป้องกันความเสี่ยงรอบด้าน100% ละเอียดรอบคอบสุดขีด ก่อนจะทำอะไรหรือแม้กระทั่งจะซื้ออะไรสักชิ้นนึงจะไม่ซื้อทันที จะต้องหาข้อมูลก่อน มีการเปรียบเทียบแล้วเปรียบเทียบอีก จนมั่นใจ 100% ว่าดีที่สุด ถูกที่สุด จึงจะซื้อ
(ส่วนเราอะหรอ เปรียบเทียบนิดหน่อย หรือถูกใจมากๆและคิดว่าจะหาซื้อไม่ได้แบบนี้อีกแล้วก็ซื้อเลย ตามอารมณ์ หรือเวลาจะทำอะไรสักอย่างนึง เราอาจจะวางแผนพอประมาณเป็นภาพรวมและลงรายละเอียดแบบ mindmap ซึ่งเราว่าเราก็วางแผนไว้ค่อนข้างละเอียดรอบด้านแล้วนะ แล้วถ้าเกิดอะไรที่ไม่คาดฝันขึ้นก็ปรับแก้เอาตามเหตุการณ์ ซึ่งเค้าจะไม่โอเคเลย เค้าบอกว่าต้องรัดกุมกว่านี้ เหมือนแบบจะไม่ให้มีข้อผิดพลาดใดๆเกิดขึ้นเลย) ซึ่งนิสัยของเค้าข้อนี้ทำให้เราเครียดมาก ถ้าเราเผลอพลาดอะไรไปจุดใดจุดหนึ่งก็จะโดนดุ ทั้งน้ำเสียง และข้อความที่ออกมาจากปาก เค้าค่อนข้างที่จะพยายามให้เราทำแบบเค้า

อีกประเด็นนึงคือ เรื่องการใช้จ่ายเงิน คือเนื่องจากแฟนเราเคยบวชพระ แบบประมาณว่าคงคิดจะไม่สึกไปตลอดชีวิต เลยขายรถขายของส่วนตัวมาเป็นเงินแล้วเอาเงินทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์ให้แม่ของเค้าหมดเลย พอตอนสึกออกมาแล้วก็เลยไม่มีเงินของตัวเองเลยสักบาทเดียว (เงินที่ได้มาตอนเป็นพระก็บริจาคให้วัดหมดเกลี้ยง) เวลาที่บ้านเราชวนเค้าไปกินอาหารนอกบ้านกัน เค้าก็จะไม่ค่อยอยากไป บอกว่าเกรงใจที่บ้านเราไม่อยากให้เปลืองเงินเพราะเค้า ประกอบกับเรื่องที่เค้าขี้เกรงใจ และไม่ชอบเข้าหาผู้ใหญ่ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็เลยไม่ชอบเข้าหาแม่เรา จนแม่เรานึกว่าแฟนเราไม่ชอบหน้าแม่ซะงั้น (ถึงเราจะอธิบายไป แต่แม่ก็เชื่อตามที่เค้าเห็นน่ะนะ) คือ เค้าค่อนข้างจะยึดเอาเหตุผลของเค้า ตอนที่เราคุยกะเค้าเรื่องนี้ว่า ให้นึกเรื่องอารมณ์ความรู้สึกมาก่อนเรื่องเงินเถอะ แม่เค้าตั้งใจชวนไปกินข้าวด้วยกัน เรื่องเงินมันไม่ใช่ประเด็นหรอก (บ้านเราก็ไม่ใช่ว่ามีตังค์หรอก ฐานะปานกลางน่ะแหละ อะไรที่ประหยัดได้พวกเราก็ประหยัดกัน แต่เรื่องกินข้าวนอกบ้านหรือซื้อของที่พวกเราคิดว่ามีประโยชน์ พวกเราก็โอเค มันเป็นการใช้ชีวิตและใช้เงินให้ลงตัวกัน) เค้าเคยพูดกะเราว่า ถึงเค้าตาย เค้าก็จะไม่รบกวนเงินของใครสักบาทเดียว.... คือ... ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้มั้ง แค่ไปกินข้าวกะครอบครัวเองงงงงง -"-  

จริงๆแล้วเมื่อก่อนนี้เค้าเป็นคนที่หัวเราะง่ายนะ พาไปเจอเพื่อน เพื่อนยังบอกเลยว่า เออ! หัวเราะเก่งดีนะ ยิ้มเก่ง ง่ายๆสบายๆอะไรก็ได้ ไม่ซีเรียส ชอบเล่นกับเรา ค่อนข้างมองโลกแง่ดี อยู่ด้วยแล้วสบายใจสุดๆ เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่  

มาระยะหลังๆที่เค้ามาเล่นหุ้นเนี่ยแหละที่เครียดง่าย หงุดหงิดโมโหง่าย ดุเราประจำ แล้วชอบใช้คำพูดแรงๆ ซึ่งเค้าคิดว่า เค้าแค่เป็นคนพูดตรงๆ ซึ่งคำว่าตรงๆของเค้าเนี่ย เค้าไม่คิดว่ามันแรง เค้าคิดว่าเค้าพูดตามเหตุผล และเค้าบอกเราอยู่เสมอว่า เค้าไม่เคยหวังร้ายกับเรา ที่เค้าพูดคือเค้าหวังดีกะเรา .... แต่ใช้คำพูดแรงจนเราบ่อน้ำตาแตกประจำ โดยเฉพาะเวลาที่เราทำอะไรแล้วเค้าไม่เห็นด้วย หรือไม่ชอบใจ เค้าก็จะบอกว่า เรื่องของเรา ไม่ใช่เรื่องของเค้า ไม่เกี่ยวกับเค้า ตัดสินใจเอาเอง (ด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ) หรือเวลาเราทำอะไรแล้วมีปัญหาเกิดขึ้น เค้าก็มักจะพูดประมาณว่า เพราะอย่างงี้ไงเค้าถึงบอกเราว่าให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เราไม่เชื่อเค้าเลยเป็นแบบนี้..... คือ มันมีปัญหาแล้วอะ เราพยายามแก้ไขอยู่นะ วันนั้นทั้งวันเราก็เจอปัญหามาพอแล้ว ยังมาเจอเค้าดุ บางทีก็ประชดอีก หรือไม่ก็มาไม่พอใจใส่เราอีก.... บางทีเราก็อยากได้กำลังใจ ได้คำปลอบใจ หรืออย่างน้อยก็ได้คนรับฟังที่ดีอะ ไม่ใช่แบบว่า พอมีปัญหาแล้วมาโดนซ้ำเติมอีก

แต่สิ่งดีๆที่เค้ามีให้กับเรามาตลอดก็มีเยอะนะคะ เช่น พอหมดวันแล้ว(หลังเค้าเลิกดูข้อมูลหุ้น) เค้าจะพยายามให้เวลากับเรา มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่วัน จนเค้านอนดึกประจำ ซึ่งปกติเค้าเป็นคนนอนเร็วตื่นเช้าตรู่อะค่ะ พอมาคบเราก็พยายามหให้เวลาเรา (ถึงบางวันจะโทรฟังเราคุยไป แล้วตากับสมองก็สนใจกับหน้าจอตรงหน้าเค้าก็เหอะ)  ... เวลาที่เค้าพาเราเดินข้ามถนน เค้าจะชอบเอาตัวเองอยู่ทางด้านที่รถวิ่งมาเพื่อกันเรา ประมาณว่าถ้ารถชนต้องชนเค้าก่อนอะไรแบบนี้ เรื่องนี้เค้าจะทำทุกครั้ง ...เวลาที่ไปไหนมาไหนกัน เวลาจะขึ้นรถ เค้าจะเดินมากับเรา เปิดปิดประตูรถให้เราก่อนเสมอๆ ... หรือด้วยความที่เค้าเป็นคนที่มีเหตุผล หลายครั้งที่เราพูดอะไรหรือทำอะไรไปแล้วเรามานึกได้ทีหลัง เรานึกว่าเค้าจะโกรธ(ปกติเค้าโกรธง่าย เราเลยมักจะกลัวไปทำเค้าโกรธ) แต่เค้ากลับไม่โกรธ เพราะเค้ามองที่เหตุผลที่เราทำไปเป็นหลัก แต่เราไม่ใช่แบบนั้นอะ ถึงเราจะรู้ว่าเหตุผลเค้าคืออะไร แต่ด้วยคำที่เค้าใช้มันรุนแรง เราก็เสียใจ น้อยใจ แล้ว

คือ ข้อเสียข้อใหญ่ของเราเลยคือ เราเป็นโรคซึมเศร้า ชนิดที่ว่าเราเคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง เป็นสาเหตุนึงที่เราไม่ได้ทำงาน (แต่ได้เงินใช้จากเงินที่ลงทุนไว้กับลูกพี่ลูกน้องทุกๆเดือน) ตอนนี้ถึงอาการจะดีขึ้นแล้ว จนหมอให้หยุดยาได้แล้ว (พึ่งหยุดยาได้ประมาณ 2 เดือน) แต่พอช่วงฮอร์โมนเปลี่ยน มันก็เสียใจง่าย ซึมเศร้าง่าย กว่าปกติเยอะ และยิ่งเป็นคำพูด น้ำเสียง หรืออาการที่ออกมาจากคนที่เรารักที่สุด มันก็ยิ่งหนัก ยิ่งเค้าเป็นคนที่รอบคอบแบบสุดๆแต่เราไม่ใช่ เราก็เครียดและก็ไม่ค่อยมีความสุข(เค้าก็เครียดด้วยแหละว่าทำไมเราไม่รอบคอบเลย) ยิ่งเค้าเป็นคนใช้คำพูดอ่อนโยนไม่เป็นแถมโกรธง่ายด้วยแล้ว หลายๆครั้งมันก็เหนื่อยใจมากๆ แต่พอจะเลิกกันมันก็ยังอยากอยู่กับเค้าเพราะคุณความดีของเค้าก็มีมากมาย และจริงๆเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่เค้าก็เป็นของเค้าแบบนั้น เวลาเราเห็นเค้าทำหน้าเครียดๆเราจะชอบแหย่ ชอบเล่นกะเค้า ให้เค้าหัวเราะหรือยิ้มได้ ซึ่งก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง (ถ้าไม่ได้ผลนี่ อาจจะหนักกว่าเดิมได้เลยนะ ประมาณว่ารำคาญเราอะ.... แต่ก็นะ หน้าตาเค้าเวลาเงียบๆนิ่งๆ ดูดุจะตายชัก อยู่ด้วยแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีอะ ก็อยากจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น ให้เค้ายิ้มสักหน่อย ดูดีขึ้นมาเป็นกอง)

คือเราสองคนอยากอยู่ด้วยกันนะ แต่ความต่างมันก็เยอะแยะมากมาย คุยกันไปทีนึงบรรยากาศก็อึมครึมไปทีนึง(บางทีก็อึมครึมไปหลายวัน) กว่าบรรยากาศจะกลับมาปกติได้ บางทีก็หลายวันเลย  เราก็ซื้อหนังสือพวกจิตวิทยาเชิงบวกให้เค้านะ เค้าก็ไม่อ่าน เพราะบอกว่าข้อมูลและหนังสือเกี่ยวกับหุ้นที่เค้าต้องอ่านมีเยอะมากกกกกกกกกกกกก ไม่มีเวลาอ่านหนังสือที่เราให้ไปหรอก (อย่างที่บอกค่ะ เค้าจะรอบคอบสุดๆ กระทั่งเล่นหุ้น ก็จะไม่ยอมพลาดข้อมูลอะไรเลย ต้องอ่านข้อมูลทุกวันเกือบทั้งวัน อ่านหนังสือ ดูเวปหุ้นประจำ ถ้าเราโทรไปขัดจังหวะเค้า เค้าจะเครียดและหงุดหงิดมาก)

เราเคยบอกเค้านะว่า เราทำให้เค้าได้ทุกอย่างนะ เรื่องเงินเราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เราขอเค้าแค่เรื่องเดียว เรื่องอารมณ์ความรู้สึกน่ะ เราเป็นคนเซ้นซิทีฟจัด พอโดนคำพูดแรงๆกระทบแล้วอารมณ์มันก็ดิ่งลงไปแล้ว ช่วยพยายามหาคำพูดที่มันซอฟท์ๆกว่านี้ได้มั้ย เค้าก็จะบอกให้เรามองที่เหตุผลที่เค้าพูดว่าทำไมเค้าถึงพูดแบบนั้น เค้าไม่เคยคิดร้ายกับเรานะ อะไรประมาณนี้อะค่ะ หรือว่าเราเซ้นซิทีฟเกินไปคะ?

เรื่องราวก็ประมาณนี้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่