เมื่อปฏิบัติธรรมพึงสละชีวิตและร่างกายเพื่อธรรม เมื่อญาณ(มรรคมีองค์8)สมบูรณ์พึงทิ้งชีวิตให้สิ้นไปจริงๆ
นั้นเป็นประสบการณ์ปฏิบัติของผมจริงๆ ที่ผ่านมา เพราะด้วยประสบทุกข์อย่างหนัก ที่ค่อยขมวดขึ้นมากขึ้นตามกาลเวลา ที่กำลังดำเนินไปสู่ทางตัน จึงเห็นทุกข์อย่างมาก เมือปฏิบัติธรรมถึงสภาวะที่ต้องสละร่างกายแม้จะพิการก็ย่อมสละธรรมเบื้องสูงจึงปรากฏขึ้นได้ และเมื่อวิปัสสณาญาณถึงที่สุดยิ่ง(มรรคมีองค์ 8 สมบูรณ์) จนที่สุดทิ้งแม้จะทุกข์เจ็บปวดยิ่งจนสิ้นชีวิตไปจริงๆ ก็ย่อมปล่อยให้สิ้นชีวิตไปจริง จึงเกิดธรรมขึ้น
แต่ไม่ใช่ว่า พอเริ่มศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรม แล้วจะต้องสละชีวิตและร่างกายเพื่อธรรมในทันที โดยที่ยังไม่ถึงพร้อม ถ้าเป็นเช่นนี้อาจจะกลายเป็นการชิ่งสุกก่อนง่ามของบุคคลบางประเภทได้ เพราะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กลายเป็นมีแต่ข้อผิดพลาด จนท้อแท้ล้มเลิกได้ง่าย เมื่อเกิดกิเลสประดัง ปะทุอย่างแรงกล้าได้อีกมากมาย จนขันติและความอดทนนั้นหมดกำลัง ก็กระทำผิดศีลผิดธรรมไปเสีย.
ดังนั้นผู้ปฏิบัติธรรมตามคำสอนพุทธเจ้าแท้จริงแล้ว ย่อมสามารถ สละร่างกาย และชีวิตได้ ไม่อาลัยเลย เมื่อถึงที่สุดของการปฏิบัติธรรม
เมื่อปฏิบัติธรรมพึงสละชีวิตและร่างกายเพื่อธรรม เมื่อญาณ(มรรคมีองค์8)สมบูรณ์พึงทิ้งชีวิตให้สิ้นไปจริงๆ
นั้นเป็นประสบการณ์ปฏิบัติของผมจริงๆ ที่ผ่านมา เพราะด้วยประสบทุกข์อย่างหนัก ที่ค่อยขมวดขึ้นมากขึ้นตามกาลเวลา ที่กำลังดำเนินไปสู่ทางตัน จึงเห็นทุกข์อย่างมาก เมือปฏิบัติธรรมถึงสภาวะที่ต้องสละร่างกายแม้จะพิการก็ย่อมสละธรรมเบื้องสูงจึงปรากฏขึ้นได้ และเมื่อวิปัสสณาญาณถึงที่สุดยิ่ง(มรรคมีองค์ 8 สมบูรณ์) จนที่สุดทิ้งแม้จะทุกข์เจ็บปวดยิ่งจนสิ้นชีวิตไปจริงๆ ก็ย่อมปล่อยให้สิ้นชีวิตไปจริง จึงเกิดธรรมขึ้น
แต่ไม่ใช่ว่า พอเริ่มศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรม แล้วจะต้องสละชีวิตและร่างกายเพื่อธรรมในทันที โดยที่ยังไม่ถึงพร้อม ถ้าเป็นเช่นนี้อาจจะกลายเป็นการชิ่งสุกก่อนง่ามของบุคคลบางประเภทได้ เพราะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กลายเป็นมีแต่ข้อผิดพลาด จนท้อแท้ล้มเลิกได้ง่าย เมื่อเกิดกิเลสประดัง ปะทุอย่างแรงกล้าได้อีกมากมาย จนขันติและความอดทนนั้นหมดกำลัง ก็กระทำผิดศีลผิดธรรมไปเสีย.
ดังนั้นผู้ปฏิบัติธรรมตามคำสอนพุทธเจ้าแท้จริงแล้ว ย่อมสามารถ สละร่างกาย และชีวิตได้ ไม่อาลัยเลย เมื่อถึงที่สุดของการปฏิบัติธรรม