ขอสอบถามเรื่อง ภาษี ของบุคคลธรรมดาหน่อยครับ

เนื่องจากอยากรู้ ว่ามนุษย์เงินเดือนธรรมดา ปกติอย่างเราๆเนี้ยครับ
จะจ่ายภาษี อะไร? ยังไง ? เท่าไหร่ ?

1.ภาษี "มนุษย์เงินเดือนธรรมดา" เนี้ยเค้าเรียกว่า ภาษี อะไรครับ ?
2.คนที่ไม่ได้ทำ "มนุษย์เงินเดือน" ไม่ต้องจ่าย ภาษี ใช่ไหมครับ ?
3.รายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ ถึงต้องจ่ายภาษี ครั้งแรก ? และครั้ง2 และต่อไปอีกนานเท่าไหร่ ?
4.ใบกำกับ ภาษี เวลาเราซื้อของในห้าง ต่างๆ เอามาทำอะไร ? ดีกว่าการออกบิท ธรรมดา อย่างไร ?
5.การลดหย่นภาษี มีอะไรบ้าง ?

ขอตอบแบบ ละเอียดๆเลยครับ
- แนะนำ สิ่งที่ผมต้องรู้ เพิ่มด้วยครับ ถ้ามีอะไรแนะนำ

ป.ล. ขอบคุณเพือนๆ พี่ๆล้วงหน้ามากครับ
ป.ล.2 ถ้าแท๊กผิดขออภัยด้วยครับ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
อมยิ้ม04..เอาแบบเวลาที่พี่อธิบายให้เด็กมัธยม อย่างลูกพี่ฟังเลยนะคะ ^^

1. ภาษีของ "มนุษย์เงินเดือน" เนี่ย เรียกว่าภาษีอะไร
..เรียกว่า "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" จ้ะ

"บุคคล" มี 2 ประเภท .. นาย ก นางสาว ข คนตัวเป็นๆ เนี่ย เรียก "บุคคลธรรมดา"
กับอีกประเภทหนึ่งคือ บุคคลตามกฎหมาย เช่น บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด องค์กร มูลนิธิ ฯลฯ ..มีหน้าที่เหมือนบุคคลธรรมดาน่ะแหละ
เช่น มีเงินได้ ก็ต้องเสียภาษี .. บุคคลประเภทนี้ เรียกว่า "นิติบุคคล"

2.คนที่ไม่ได้ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่ต้องเสียภาษีหรือ ??
..ผิดจ้า .."ภาษี" เป็นหน้าที่ของคนทุกคนค่ะ ..เป็น 1 ใน 2 สิ่ง ที่คนเราไม่อาจหนีพ้น .. ( อีกหนึ่งสิ่งคือ "ความตาย" ^^ )
พ่อค้า แม่ขาย เจ้าของกิจการ คนที่ประกอบอาชีพอิสระ ..ต้องเสียภาษีทั้งนั้นแหละ
เพียงแต่แตกต่างกันไปในรายละเอียดของกิจการแต่ละประเภท รวมถึงข้อยกเว้นต่างๆ
เช่น พนักงานบริษัท เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ..ถ้ากินเงินเดือนอย่างเดียว ก็ยื่นแบบ ภงด.91
บริษัทฯ ที่เป็นนายจ้างของพนักงาน ก็มีรายได้ ..ก็ต้องยื่นแบบ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภงด.50 ..เป็นต้นค่ะ

3. รายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ ถึงต้องเริ่มจ่ายภาษี
..ขอแยก เป็น 2 ส่วนนะ
3.1 ถ้าเป็นพนักงานบริษัท มีหักประกันสังคม อะไรต่อมิอะไร .. เงินเดือนเท่าไหร่ ..ก็ต้องยื่นแบบ ภงด.91
..แต่ถ้าไม่ถึงเกณฑ์ คือยังอยู่ในฐานที่ได้รับการ "ยกเว้น" คือเงินได้สุทธิ ไม่ถึง 150,000 บ. ..ก็ยื่นแบบ แต่ไม่ต้องเสียภาษีค่ะ

3.2 หาก "เงินได้พึงประเมิน" หักสารพัด "ลดหย่อน" ประดามีแล้ว เกิน 150,000 บ. นั่นคือส่วนที่จะเริ่มคำนวณภาษี
ซึ่งถ้าหยาบๆ นะ สำหรับคนโสด ที่ไม่มีลูก ไม่มีเมีย ไม่ได้ผ่อนบ้าน ไม่ได้ซื้อประกันชีวิต ฯลฯ
ถ้าเงินเดือน 20,000 บ. ขึ้นไป ..จะเข้าเกณฑ์ต้องเสียภาษีแล้วล่ะค่ะ

เพราะอะไร ?
..ถ้าเงินเดือน 20,000 x 12 เดือน = 240,000 หักค่าใช้จ่ายตัวเอง 40% ไม่เกิน 60,000 หักลดหย่อยตัวเอง 30,000
= 240,000 - 60,000 - 30,000 = 150,000 ..ซึ่งเป็นส่วนที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี
ก็เท่ากับ "ไม่ต้องเสียภาษี"
และเมื่อเงินเดือนมากกว่า 20,000 เช่น 21,000 .. x 12 เดือน = 252,000 - 60,000 - 30,000 = 162,000
หัก 150,000 แรก ที่ได้รับการยกเว้น เหลือ 162,000 - 150,000 = 12,000 ..นี่คือส่วนที่จะนำมาคำนวณภาษีค่ะ

ส่วนที่ถาม ว่าครั้งต่อๆ ไป จะเสียยังไง เมื่อไหร่ ..อันนี้แสดงว่ายังไม่เข้าใจเรื่องการเสียภาษี
เพราะเงินได้ที่เอามาคิดเป็นฐานในการคำนวณภาษี มันคือเงินได้ "ตลอดปี" ..ไม่ใช่เดือนนี้เสีย เดือนนี้ไม่เสียน่อ..

4. ข้อที่อยากรู้ที่สุด .."ใบกำกับภาษี" ที่ได้จากเวลาซื้อของตามห้าง เอามาทำอะไร ดีกว่าออกบิลธรรมดาอย่างไร
..จากคำถามนี้แสดงว่าความรู้เรื่องภาษีของคุณ จขกท. มีน้อยจริงๆ

คำว่า "ภาษี" ใน "ใบกำกับภาษี" นี้ หมายถึง "ภาษีมูลค่าเพิ่ม" หรือ vat ค่ะ ..คนละเรื่องกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา / นิติบุคคล
ในข้อ 1 นะ

ที่จริงสินค้าและบริการที่เรากิน - ใช้ กันอยู่นี้ ..ส่วนใหญ่ มี vat รวมอยู่ในราคาสินค้าแล้วทั้งนั้น
ถ้าคุณกลับไปสังเกตใบเสร็จรับเงิน จากห้าง หรือร้านสะดวกซื้อ ที่คุณเรียกว่าบิลธรรมดาน่ะค่ะ  
ซึ่งที่จริงเรียกว่า "ใบกำกับภาษีอย่างย่อ"
คุณจะเห็นตอนท้ายของบิล จะแยกเป็นมูลค่าสินค้า และ vat แล้วรวมยอดเป็นราคาสินค้า

..ในฐานะผู้บริโภค ที่เป็นบุคคลธรรมดา ที่ไม่ได้เอาใบเสร็จไปเก็บเป็นต้นทุนอะไร ..
จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปขอ "ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ"
ซึ่งมีไว้สำหรับกรณีที่ผู้ซื้อสินค้า ต้องการใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี ที่ต้องมีสาระสำคัญครบถ้วน
เช่น ชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ขาย วันเดือนปี ที่ซื้อสินค้า รายละเอียดสินค้า-บริการ แยกมูลค่าสินค้า แยก vat
เพื่อประโยชน์ในด้านการบัญชี และภาษีอากรของกิจการฯ ของผู้ซื้อ
..เค้าถึงต้องไปขอกันค่ะ

5. การลดหย่อนภาษี มีอะไรบ้าง
..ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีรายการที่ผู้มีเงินได้สามารถนำมาลดหย่อนภาษี ได้ตามสิทธิเยอะแยะไปหมดค่ะ
ซึ่งที่ครบถ้วนที่สุด ก็คือไปอ่านที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากรน่ะแหละ ..มันก็ไม่ได้เข้าใจยากเย็นอะไรมากมาย

แต่ถ้าคร่าวๆ หลักๆ ..ก็ได้แก่
- ลดหย่อนคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ ได้ 30,000 บ.
- ลดหย่อนบุตร ..ยังไม่ได้เข้าเรียน ได้คนละ 15,000 กำลังศึกษา ได้คนละ 17,000
- ลดหย่อนบิดามารดา ( ทั้งพ่อตัว แม่ตัว พ่อตา(พ่อปู่) แม่ยาย(แม่ย่า) คือพ่อแม่ของคู่สมรส ที่อายุมากกว่า 60 ปี และมีเงินได้ไม่ถึง
ปีละ 30,000 บ. ..ลดหย่อนได้คนละ 30,000 บ. แต่ห้ามใช้สิทธิทับซ้อนกัน เช่น ถ้าพี่ชายเรา เอาพ่อเราไปใช้ลดหย่อนภาษีของเค้าแล้ว
เราจะเอาพ่อไปลดหย่อนอีกไม่ได้
- เบี้ยประกันชีวิต สูงสุด 100,000
- เบี้ยประกันชีวิตของพ่อแม่ตัว รวมถึงพ่อแม่ของคู่สมรส สูงสุด 30,000
- ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมซื้อที่อยู่อาศัย ( ดอกเบี้ยผ่อนบ้าน ) สูงสุด 100,000
- เลี้ยงดู - อุปการะคนพิการ - ทุพพลภาพ ( ต้องมีหลักฐาน ) คนละ 60,000
- เงินบริจาคให้องค์กร มูลนิธิ ( ต้องอยู่ใน List ของกรมสรรพากร )
- เงินบริจาคเพื่อการศึกษา ..ได้ 2 เท่าของเงินที่บริจาคไป
- ค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวในประเทศ ( บิลโรงแรม .. มีเงื่อนไข )
- LTF , RMF ซื้อได้ไม่เกิน 15% ของรายได้
ฯลฯ นึกไม่ออกละค่ะ

..สุดท้าย พี่อยากจะบอกว่า เรื่องของ "ภาษี" เนี่ย ..มันเป็นเรื่องใกล้ตัวเรานะ
หาอ่านเป็นความรู้ไว้ มันจะมีประโยชน์ต่อตัวเราเองแน่ๆ ไม่วันใดก็วันหนึ่งค่ะ
อย่าไปตั้งป้อมว่า ..อ่านไม่รู้เรื่อง
ถ้าคุณสามารถอ่าน comment พี่ได้จนจบ .. ซึ่งมันยาวกว่า 7 บรรทัด มาหลายเท่า
คุณก็ต้องอ่านจากในเว็บอื่นได้ ..

พยายามหน่อยนะคะ พาพันไฟท์ติ้ง

ปล. โชคดีนะ ที่อยู่ๆ ฝนตก ..พี่กำลังจะออกไปธุระข้างนอก ..เลยไม่ได้ออกไป
ไม่งั้นบอกตรงๆ ว่า คงไม่มีเวลามานั่งเขียน "ละเอียดๆ" ให้คุณอ่านหรอกค่ะ
..แม้ว่าการเขียนยาวๆ จะเป็นเรื่องปกติของพี่อยู่แล้วก็ตาม ..
ขอบคุณพระพิรุณค่ะ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่