ความรู้สึกและสัมผัสนี้ที่ไม่ต้องการ ตอนที่1

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ ชื่อนก นะค่ะ วันนี้เราขอมาเขียนเล่าเรื่องประสบการณ์ที่เจอกับตัวเอง มันอาจจะไม่น่ากลัวสำหรับทุกคนแต่ก็อยากให้ทุกคนได้รับฟังนะค่ะ
ขอท้าวความก่อนว่า นกเป็นคนต่างจังหวัด บ้านอยู่ภาคเหนือ เติบโตมาสิ่งที่จำได้ก็คือแม่กับยายอุ่นชอบพาเข้าวัด ทำบุญ แต่นิสัยนกจะเป็นผู้ชายหน่อยๆค่ะเพราะตอนเด็ก นกมีพี่ๆน้องๆ เพื่อนๆแถวบ้านก็มีแต่เด็กผู้ชายทั้งนั้น แต่สิ่งที่แม่เคยเล่าคือ นกชอบเล่นและชอบพูดคนเดียวทั้งที่อยู่บ้าน หรือไปสวน(เพราะเวลาที่พ่อแม่ไปสวนจะเอาเราไปด้วย) เวลาแม่ถามว่าเราเล่นกับใคร แม่บอกว่าเราเล่นกับคนนั้นคนนี้บ้าง หัวเราะคิกคักอยู่อย่างนั้น บางครั้งแกก็คิดว่าพูดไปเรื่อยตามประสาเด็กแต่พอเราบอกว่ามีคนโน้นอยู่ตรงนั้นตรงนี้ แม่ก็เริ่มกลัวและเริ่มดุเรา แต่เราก็จำไม่ได้น่ะ เพราะเราก็เด็กด้วยและจำรายละเอียดไม่ได้ ขอเริ่มเล่าให้ฟังว่า สิ่งที่ทำให้เรารู้ว่าโลกนี้มีผี มีวิญญาณ แล้วเราสัมผัสมันได้แล้วจำได้แม่น ก็เริ่มจากที่เราโตและเราต้องย้ายมาเรียนที่กรุงเทพ เพราะว่าที่บ้านเราประสบปัญหาเรื่องเงินและเราก็อยากช่วยพ่อแม่ด้วย เราก็ย้ายมาเรียนมหาลัยของรัฐแถวรามคำแหงและเราก็มาพักอยู่กับป้าเรา ป้าเราเช่าห้องพักอยู่ตรงแถวอยู่ซอย 55 ห้องป้าจะอยู่ชั้นดาดฟ้า เพราะแกมีอาชีพตัดผ้า ดังนั้นที่ดาดฟ้าเหมาะสำหรับการรับแขก และวางเครื่องจักรและอุปกรณ์เกี่ยวกับการตัดเย็บ วันแรกที่เราไปถึงเข้าไปพักก็เก็บของ ห้องที่ป้าเช่า นึกภาพนะค่ะ ห้องสี่เหลี่ยมขนาดกลางๆ ด้านมุมซ้ายสุดเป็นห้องน้ำ ติดกับห้องน้ำฝั่งขวาจะมีตู้หลังใหญ่ 1 หลังกั้นเป็นห้องเล็กๆ แล้วถ้ามองก็จะเห็นเตียงไม้ตั้งอยู่ข้างใน ในนั้นก็มีของเก็บไว้ตามข้างๆ เว้นช่องว่างไว้เป็นประตูทางเข้าไม่มีอะไรกั้น ส่วนพื้นที่ที่เหลือก็เอาไว้ตั้งเครื่องจักรเย็บผ้าและเครื่องโพ้ง (ไม่แน่ใจเขียนถูกหรือป่าว) และโต๊ะเขียนแบบ ส่วนโต๊ะอาหารวางไว้ลานนอกบ้านค่ะ กับเครื่องจักรเย็บผ้าอีก 2 ตัว ตัวตึกก็เก่าสีฟ้าครึ้มๆ เราเคยถามแกว่าไม่ย้ายไปตึกใหม่บ้าง แกบอกว่า ลูกค้าที่นี่เยอะมากและค่าเช่าถูกด้วย ป้าเราเช่าอยู่ก็เกือบ 5 ปี แต่เราก็ไม่แน่ใจแต่แกมาทำงานอยู่กรุงเทพมา เกือบ 20 ปีแล้ว แกบอกต้องทนอยู่ไปเพราะเรามาอยู่กรุงเทพเพื่อหาเงินทอง เย็นวันนั้นก็ทานข้าวปกติ แต่ความรู้สึกของเราพอเริ่มค่ำเรารู้สึกอึดอัด ทั้งที่ด้านบนลมก็พัดเย็นสบาย แต่เราก็คิดน่ะว่า คงมีแหล่ะแต่คงไม่เป็นไรหรอก ก็ไม่คิดอะไรมาก จนกระทั้ง 4 ทุ่มเกือบ 5 ทุ่ม พี่เมย์ลูกชายของป้าเรากลับจากที่ทำงาน เราก็ทักทายสวัสดีตามปกติเพราะไม่ค่อยสนิทกับแกเท่าไร แต่ตอนเด็กๆ เราก็สนิทเพราะเวลาป้าเรากลับต่างจังหวัด พี่เมย์ก็จะไปด้วย (ขอนอกเรื่องแปบนะค่ะ)พี่เมย์เคยช่วยนกตอนนกจมน้ำ ตอนนั้นแกกับเพื่อนแกชื่อพี่กาด(ตอนนี้พี่กาดตายแล้วเพราะเป็นทหารประจำอยู่ภาคใต้ โดนยิง) นกและเพื่อนเราอีกคน ก็ไปเล่นน้ำที่อ่างเก็บน้ำใกล้หมู่บ้าน นกว่ายน้ำไม่เป็นหรอกได้แต่แตะตรงขอบฝายกันน้ำที่เป็นปูนซีเมนต์ แต่เหตุการณ์มันเกิดขึ้นคือ เพราะพี่กาดเอาแกลลอนขนาดใหญ่แล้วก็ให้เรานั่งข้างบน พี่เมย์จับอีกข้างหนึ่งพอเรานั่งได้แล้ว ก็ดันแกลลอนที่เรานั่งขัดสมาธิอยู่ผลักไปกลางอ่างแล้วที่นี้เกิดคว่ำเราก็จมน้ำ ตอนนี้พิมพ์ไปก็กลัวคือ เราพยายามตะเกียกตายขึ้นจากน้ำแต่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นพ้นน้ำสักที เราไหลไปตรงฝายซีเมนต์เราเอามือขูดฝาฝนังที่เป็นปูนแล้วเราก็กลืนน้ำไปเยอะ เรารู้ตัวอีกทีก็นอนอยู่บนถนนใกล้อ่าง เราก็ไม่แน่ใจว่าใครช่วยน่ะ แต่ทั้งสองก็ช่วยนก นกจำได้เลยว่าสำลักน้ำและแสบจมูก แสบคอมาก เหตุกาณ์ครั้งนั้นนกก็ยังไม่ได้บอกที่บ้าน และถึงตอนนี้นกก็กลัวฝังใจเลย ไม่กล้าว่ายน้ำและว่ายน้ำไม่เป็นจนทุกวันนี้
มาเข้าเรื่องล่ะกันก็เจอพี่เมย์ สักพักก็เข้านอน แต่ป้าเราบอกเราว่า "เมย์คืนนี้ให้นกนอนข้างในห้อง แล้วเมย์มานอนกับแม่และน้า" เราก็บอกว่า "ไม่เป็นไร นกนอนข้างนอนกับป้าดีกว่า" แต่แกก็บอกว่า "นอนเถอะ จะได้นอนสบายๆ นั่งรถมาหลายชั่วโมง" เราก็ไม่ได้ขัดอะไร แต่เราได้ยินพี่เมย์พูดว่า "จะดีหรอแม่ให้นกนอนข้างใน" แต่ป้าเราก็ไม่ได้พูดอะไร เราก็กลัวนิดหนึ่งว่ามีอะไรป่าว? กว่าจะเข้านอนก็เกือบเที่ยงคืน เราก็นอนไม่หลับเพราะเสียงรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ เพราะตึกอยู่ใกล้ถนนแค่ 50 เมตรเอง เสียงก๊อกน้ำ เสียงพัดลม แล้วเราก็ไม่รู้ว่ากี่โมงแล้วเราก็เคลิ้มจะหลับ เรานอนหงายน่ะ พอจะเคลิ้มหลับตาเราสังเกตุเห็นเงาดำ ตะคุ่มอยู่ตรงประตูใกล้เครื่องจักร แต่ พอเราเพ่งมองว่าคืออะไร ก็เห็นชัดว่าเป็นผู้หญิงแก่ๆ ผมขาวปนดำ ยาวปะบ่า นั่งย่องๆมองมาที่เรา (โอ้ยกลัว) เราก็คิดล่ะว่าใครอ่ะ? เราคิดน่ะว่าจะพลิกตัวเพราะคิดแล้วว่าไม่ใช่คนแน่ๆ แค่เราคิดน่ะแล้วเรากำลังจะหลับตาพอเรากำลังจะพลิกตัว ผู้หญิงคนนั้นเอาหน้ามาจ่อที่ข้างมุ้งมาดูหน้าเรา ใบหน้าเหี่ยวแต่ใบหน้าไม่มีดวงตา มันกลวงๆและโบ๋ เราก็ขยับตัวไม่ได้ เราหลับตาปี๋แต่ความรู้สึกคือ เขาก็มองเราอยู่เหมือนเดิมและเราก็โดนอำ ดิ้นขยับไม่ได้ จนเราก็นึกถึงบทสวดมนต์และนึกถึงพ่อกับแม่ แล้วก็หลุดได้ เราก็นอนตะแคงคลุมโป่ง เพราะเราไม่กล้าตะโกนและเราก็ไม่กล้านอนจนถึงเช้า จนเราได้ยินเสียงน้าตื่นไปจ่ายตลาด ป้าเราก็ลุกเราก็ลุกเลย แต่ยังไม่เล่าอะไร แล้วก็ไปนั่งหลับข้างนอก จนน้ากลับมา พอทานข้าวเช้า ป้าเราก็ถามว่า เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม? เราก็บอกว่า "ไม่ค่อยสบายค่ะ สงสัยแปลกที่ แต่คืนนี้ขอนอนกับป้าน่ะ" แล้วพี่เมย์บอกว่า "เจอหรอ แล้วแกก็หัวเราะ เจ้านกเจอผี " เราก็บอกเลยว่า เจอแบบนี้มาแบบนี้ ป้าก็บอกว่า "เค้ามาทักทาย แกเป็นเจ้าของตึกและหวงเตียงไม้แกมาก เมื่อก่อนใครนอนไม่ได้เลยน่ะ แต่ลูกหลานแกเอามาให้ป้า ป้าก็เลยให้พี่เมย์นอน พี่เมย์ตอนใหม่ๆก็เจอ ตอนนี้ก็ไม่เจอแล้ว ป้าคิดว่าเค้าก็ไปเกิดเพราะนานแล้ว ก็เลยให้เราไปนอนบ้าง มาหาแบบนี้สงสัยแกยังไม่ไปไหน" สำหรับเราคือ หลอนที่สุดเพราะที่ผ่านมาเรารู้สึกแค่เสียง กลิ่น แต่มาเป็นตนเป็นนี้ไม่เคย นับตั้งแต่นั้นมาเราก็นอนข้างนอกกับป้าเรา ต่อให้ร้อน เย็นยังไงเราก็นอนคลุมโป่งทุกคืน ......

.......ต่อมาไม่นานเราก็ย้ายออกมาอยู่ข้างนอกเพราะแฟนเรา(ตอนนี้เป็นเพื่อนกันแล้ว)มาจากต่างจังหวัด เราย้ายไปอยู่แถวบางแคใกล้ญาติของแฟน ห้องใหม่เป็นแมนชั่นอยู่หลังตลาดบางแค แมนชั่นนี่แฟนเราไปจองโดยที่ไม่ได้พาเราไปดูห้องด้วย แต่ก็ถือว่าเดินทางสะดวกสบายใกล้ตลาด ปากซอยมีวินมอเตอร์ไซค์ เดินนิดหน่อยก็ป้ายรถเมล์ไปทางซ้ายก็ห้าง The mall ทางขวาก็ ฟิวเจอร์ (ตอนนี้ก็ซีคอนบางแค) ถือว่าเดินทางสะดวกสบาย เราได้เห็นห้องใหม่ก็วันที่ย้ายไป ตอนนั้นก็ตอนเย็นค่ำๆ ตึกจะมีอยู่ 3ชั้นอยู่ฝั่งซ้ายกับฝั่งขวา ระหว่างกลางมีศาลพระภูมิและศาลตายายอยู่ ความรู้สึกตอนเข้าไป เรารู้สึกเลยว่าที่นี้เจ้าที่แรง และทำไมต้องตั้งศาลตรงทางแยกสามแพร่ง คือทางเข้าจะตัดกับถนนเส้นใหญ่เป็นตัว T จากถนนตรงดิ่งก็เป็นศาลพระภูมิล่ะ คิดในใจว่าอืม?? ขอให้อย่ามีอะไรน่ะ ก่อนเข้าย้ายของเราก็ยกมือไหว้ เพื่อเป็นการบอกกล่าว เราก็ย้ายของกัน เราอยู่ตึกฝั่งขวา ชั้น 2 ห้องอยู่เกือบสุดบันได ห้องก็มีเตียง ตู้ ครบ ถือว่าก็โอเค แต่ตอนนั้นเราก็ไม่คิดอะไร กว่าจะจัดของเสร็จก็เกือบ 5 ทุ่ม เหนื่อยมาก อาบน้ำเข้านอนจนเผลอหลับแล้วเราก็สะดุ้งตื่น เราได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ ก็ไม่ได้คิดอะไรก็ลุกไปกินน้ำแล้วดูนาฬิกาก็เวลาก็ตี 2 กว่าๆเกือบตี 3 ก็คิดว่าสงสัยคงทะเลาะกับแฟน เราก็ไม่ได้สนใจแล้วเราก็หลับไปจนเช้า ทุกย่างก็ปกติเหมือนจะไม่เกิดอะไร จนคืนที่ 2 ก็เข้านอนปกติแต่ไม่รู้เป็นอะไรปกติเป็นคนไม่สะดุ้งตื่นตอนกลางคืน คืนที่สองก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ คือเราก็ฟังน่ะว่าต้นเสียงมันมาจากไหน ห้องไหน ฝั่งไหน แต่เราก็ไม่ได้ลุกไปน่ะ ก็ลองดูนาฬิกาเวลาก็เหมือนเดิมตี 2 กว่าๆ เกือบตีสาม เราก็คิดว่าทำไมถึงร้องไห้อีกแล้ว เราพอเราฟังดีๆเสียงมันจะร้องแบบเสียงเย็นๆอ่ะ สะอื้นๆ คือเราก็อธิบายไม่ถูกอ่ะ (โทดที พิมพ์ไปนึกไปก็ขนลุก) เราก็เลยสะกิดเรียกแฟนเรา " เธอๆ เสียงใครไม่รู้อ่ะ ได้ยินหรือป่าว" แฟนเราก็ตื่นน่ะแต่ก็บอกว่าสงสัยทะเลาะกับแฟนมั้ง แล้วก็หลับไป แต่เราอ่ะไม่หลับก็เริ่มกลัวบ้าง แต่ก็ฟังตั้งนาน เสียงร้องก็ไม่ยอมหยุดสักที จนเราเริ่มเคลิ้มหลับและเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น เราก็คิดว่าถ้าเกิดเป็นผีอีกล่ะ จะมาอำเราหรือป่าว ก็เลยนอนตะแคงแล้วหลับ แล้วคราวนี้เราเหมือนจะหลับแต่ไม่หลับจริงๆ (คือ เหมือนกลับตาลงได้แปบเดียว) เราขยับตัวไม่ได้ เรานอนตะแคงหันหลังให้แฟนน่ะ เราหน้าชนเข้ากำแพง แล้วพอเราลืมตาเท่านั้นแหล่ะ เราเห็นผู้หญิงผมยาวสีดำ ยุ่งๆ หน้ามีรอยช้ำเลือด มีรอยขีดๆ นอนตะแคงหันหน้าจ้องเราไม่กระพริบอ่ะ เราตกใจมากแต่เราดิ้นไม่ได้ ร้องแล้วไม่มีเสียง แล้วเราก็หลับตาปี๋เลยได้ยินว่า "ช่วยด้วยๆ" ตอนนั้นเราก็นึกถึงบทสวดมนต์ ท่องผิดๆถูกๆ แผ่เมตตาก็ลืมหมดเพราะเรากลัวมากๆแต่เราไม่หลุดจนเรานึกถึงแม่ช่วยลูกด้วย คือเราก็หลุดแล้วร้องลั่นห้องเลย แฟนเราสะดุ้งตื่นบอกว่า เธอเป็นอะไร เราก็ร้องไห้ เหงื่อเราซึมเพราะเรากลัวมาก เค้าก็บอกว่า ฝันร้ายหรือป่าว เราบอกว่าเหมือนจริงมากเลย แฟนเราก็บอกพรุ่งนี้ก็ไปทำบุญให้เขา เราก็อืมแต่ก็ไม่กล้านอนจนถึงเช้าเหมือนกัน พอเช้าก็รีบไปทำบุญแต่พอนึกหน้าของผู้หญิงคนนั้นแล้วเรากลัว ในใจก็คิดว่า เราคิดมากไปหรือป่าว พอหลังจากทำบุญเราก็รีบโทรหาแม่เพราะเรารู้สึกไม่สบายใจ พอเราโทรหาแม่ แม่ก็บอกว่า "เมื่อคืนแม่ฝันว่า แม่ไปเที่ยวหาเราที่ห้องแล้วเจอผู้หญิงคนหนึ่ง เขาอยู่แถวนี้ เขาบอกว่าไม่มีเพื่อนจะชวนเราไปเที่ยว แต่แม่บอกว่าไม่ให้ไปให้นกอยู่กับแม่ก่อน" เราก็ฟังแล้วเราก็อึ้ง เพราะเมื่อคืนตอนที่เราโดนผีอำ เราคิดในใจเรียกหาแม่ให้ช่วย มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ แต่เราก็ไม่ได้บอกอะไรกับแม่เพราะไม่อยากให้แกเป็นห่วง หลังจากคืนนั้นเราก็ไม่ได้ยินแต่เราก็พักไม่ถึงเดือน......
แต่เรื่องก็ไม่จบเท่านี้นะค่ะ ก็มีมาเจอแต่เรารู้สึกว่าบางครั้งเราก็คิดว่า เราไม่ต้องการสัมผัสแบบนี้ เวลาเราทำบุญเราก็จะอธิษฐานว่าอย่าได้เจอ
เดี๋ยวพอมีเวลานกจะมาเล่าให้ฟังอีกนะค่ะ ทั้งเรื่องเจอที่โรงหนัง ,ย้ายบ้านใหม่,หมอดูทักว่าทำไมเราเป็นแบบนั้น,และเห็นร่างตัวเองนอนอยู่
ท้ายนี้ บางคนอาจคิดว่าเพ้อเจ้อแต่ถ้าคุณไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้ สำหรับคนไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ก็ถือว่ามาอ่านนิยายเรื่องสั้นล่ะกันเนอะ (^^) สำหรับคนที่เคยเจอลักษณะแบบเราก็คงเข้าใจว่า เวลาเจอเรื่องแปลกแบบนี้ มันเป็นยังไง
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะค่ะ
ก่อนนอนก็อย่าลืมสวดมนต์และทำความดีทุกวันนะค่ะヾ( ‘ – ‘*)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่