เขาจะยังตามหาเรา เหมือนที่เรากำลังตามหาเขาอยู่มั๊ย ??

ใครจะรู้ว่าการเก็บความทรงจำใส่กล่อง มันจะทำให้เราทรมารทุกครั้งที่เห็นมัน TT



กะทู้นี้เขียนใว้เพื่อ วันนึงเจ้าของดอกชบากับเเหวนวงนี้ ผ่านมาอ่าน เขาจะได้จำเราได้ เเละรู้ว่าเราอยากจะพบเขาอีกสักครั้ง ซึ่งเรารู้นะว่า มันเป็นไปได้ยากกับการที่เราจะได้พบเจอกันอีก เเต่คนเราต้องมีความหวัง เล็กๆ ใช่ไหม?

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่เเล้ว

        ตอนนั้นเราอายุ 15 ครอบครัวของเรากำลังจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ภายใน 7 วัน ซึ่งครอบครัวได้นำหน้าไปรอที่บ้านหลังใหม่เรียบร้อยเเล้วเหลือเรากับน้องชาย ยังไปไม่ได้ เพราะ ยังสอบไม่เสร็จ เราได้ใช้ชีวิตอยู่กับน้อง ชาย 2 คนที่บ้านหลังนั้น กับบ้านท้ายซอย มอไซด์ก็ขี่ไม่เป็น ใช้ชีวิตด้วยจักรยาน ทั้งๆที่บ้านก็มีมอไซด์ .. วันนึงจักรยาน ยางเเตก ไปซื้อกับข้าวปากซอยไม่ได้ เลยต้องวัดดวงด้วยการหัดขับมอไซด์ครั้งเเรก สกิลการขับมอไซด์ ก็พอมีอยู่บ้าง เคยหัดขับ รถป๊อบคันเล็กๆมา เเต่มอไซด์เจ้ากรรมคันนั้นดันเป็น มอไซด์มีเกียร์  ยากมากต่อการทำความเข้าใจ  เอาไงเอากัน เราขับมาได้เรื่อยๆ โดยมีน้องกำกับ การตบเกียร์อยู่เบาะหลัง  ... เเละมุ่งหน้าไปตู้โทรศัพท์ (นั่นคือจุดเริ่มต้น)
        เมื่อถึงกลางซอยของหมู่บ้าน เรากับน้องก็จอดรถ เพื่อรอคิวต่อตู้โทรศัพท์ สาธารณะ รอเเล้ว รอเล่า  ก็คุยไม่เสร็จ  5 โมงกว่า จนเราทนไม่ไหว เรยไปเคาะตู้เเล้วบอกคนในตู้ ด้วยความโมโหว่า จะคุยอะไรกันนักหนา คนอื่นรออยู่ไม่เห็นเหรอ?? พี่เขาก็หันมาช้าๆ เเบบเศร้าๆ คลายคนอกหัก พร้อมวางสายโทรศัพท์เเร้วเอาหัวซบลงที่ ตู้ เเร้วค่อยๆเดินออก ไปนั่ง ขอบกะถางต้นไม้ฝั่งตรงข้าม  เราก็ไม่ได้เเคร์อะไร ตอนเรากำลังโมโห มาก ก็เข้าไปโทรศัพท์หาน้า ต่อในตู้ไม่ถึง 2 นาที เราก็เดินออกจากตู้ พร้อมมอง ค้อนพี่คนนั้นไป 1 ที เช่อะ

        จากนั้นเราบิดกุญเเจอย่างมั่นใจ พร้อม สตาท เอ้า!!รถสตาทไม่ติด มองไปที่ เกีย ค้างอยู่ที่เกีย 2  
น้อง :  เเม่บอกให้ตบ เกียป็นเกียว่าง ก่อนนะค่อยสตาท 2 (พี่น้องช่วยกันกะทืบเกีย ให้ เป็นเกียว่าง ตบยังไง ก็ ขึ้นได้เเค่ 1  เเล้วเด้งกลับมา 2  จนเราท้อใจ หันไปมองหน้าพี่คนนั้น )
พี่คนนั้น: ยิ้มมมม ปนขำ เบาๆ
เรา: ทำปากขมุ๊บขมิ๊บ "ไม่ช่วยเเล้วยังหัวเราะเย่าะอีก" (พร้อมมองหน้าน้องชายเเล้วบอกว่า ป่ะ เข็นกัน) หนำซ้ำรถเข็นไม่ออก รถคาเกีย2 ในใจเรา อุต๊ะ   รถพังเเล้ว อมยิ้ม08 งั้นถอดกุญเเจ เดินไปตามวินมอไซด์มาช่วยดีกว่า ถอดใจเเล้ว
*จากนั้นเราได้ยินเสียง ของความช่วยเหลือดังขึ้นมา
พี่คนนั้น: น้องครับ ทำไมน้องไม่ค่อยๆเข็นเดินหน้าเเล้วค่อยๆ ตบเกีย ถอยหลังเอาล่ะครับ ?? เเล้วก็หัวเราะ 555+
เรา:  ทำตามอย่างตั้งใจ  อุ๊บบบ  ทำได้ ด้วยยย ทั้งดีใจ ทั้งอาย ทั้งโมโห ทั้งเกลียด ทั้ง !!!!! (พอจับรถได้เรารีบขี่หนีเลย )  ดันมาเจอเพื่อนน้องขับรถสวนมาตรงตู้โทรศัพท์ เเล้วตะโกนทักมาว่า พี่พลอย ย ย ย ย ย ย ย

1 ชั่ ว โ ม ง ต่ อ ม า   กรี้ง ง ง ง ง  เสียงโทรสับเข้า

เรา : แอ๊ะ เบอร์แปลก ??? ฮัลโล่
พี่คนนั้น : พลอยป่าวครับ
เรา : อ่ะห๊ะ พลอยค่ะ ใครคะ?
พี่คนนั้น : ผมหอยโข่ง ครับ (ช่วงนั้น ซิทคอม โคกคูณตะกูลไข่ กำลังฮิต)
เรา : ห่ะ??  ไม่รู้จักอ่าคร่า  
พี่คนนั้น : เหรียญหมดเเล้ว เดี๊ยวโทรหาใหม่นะครับ
เรา : ค่ะ  งง ????

*ตกกลางคืนหอยโข่งก็โทรมาค่ะ โทรมาชวนคุยๆ เรื่อยเปื่อย จนหลับเเล้วก็วางไป เราไม่ระเเคะระคายอะไรเพราะในยุคนั้นเด็กวัยรุ่นชอบเล่นสุ่มเบอร์โทรศัพท์คุยกันเเปลกๆอยู่เเล้ว เราเรยคิดว่าคงไม่แปลกหรอกนะ ที่จะมีคนแปลกๆโทรมา เเค่ไม่ใช่ โรคจิตโทรมา ซี๊ดอุ๊ย ยย ก็เเล้วไป

บ่ า ย วั น ต่ อ มา
     อากาศดีดี เดินออกไปเล่นหน้าบ้านดีกว่าา า า า า   เรามองไปทางถนน หางตาเหมือนเห็นอะไรเเว๊บๆ เราเรยหันไปทางขวามือ หางจากบ้าน 4-5หลัง มองด้วยความคุ้นๆ เหมือนเคยเจอกันที่ไหน ก็จองมองอยู่นาน เห็นมีผู้ชาย ถอดเสื้อเอาเสื้อเหวี่ยงเล่นกับหมา เเล้วเอาดอกชบา ทัดหู ?
พี่คนนั้น : หันมา ??
เรา : เห้ยยย ไอ้นี่คนนนั้นนี่ บ้านเราอยู่ใกล้กันเเค่นี่หรือนี่  ((((รีบวิ่งหลบในรั้วบ้านน))))
(พี่คนนั้น เดินตาม ถอดเสื้อ ทัดดอกชบา เดินมาหาหน้าบ้าน )
พี่คนนั้น: อ่ะให้ !! หยิบดอกชบาที่ทัดหู เเล้วส่งให้เรา เเล้วทำท่าเขินๆ อายๆ
(จากนั้น เพื่อนของน้องชายที่ ตะโกนเรียก ที่ตู้โทรศัพท์วันเเรก ปั่นจักรยานผ่านมา)
พี่คนนั้น : กะโดดซ้อน จักรยาน หนีไป
เรา : อ่อ ที่เเท้ หอยโข่ง กับพี่คนนั้น คือคนเดียวกันเเน่ๆ เลย

นั่นคือการเริ่มต้นของความทรงจำ จากวันนั้นเราก็เจอกันเรื่อยๆ ไปเล่นสนามเด็กเล่น กินข้าว ตีเเบตหน้าบ้าน ตามปะสาเพื่อนบ้าน  โทรคุยกัน
เเละ เเละพี่เขาก็รู้ด้วยว่าอีกไม่กี่วัน ต้องไปแล้ว เเต่นั่นมันก็คือมิตรภาพที่ดี ช่วงเวลาทีอยู่ที่นั่น ก็มีเเต่พี่เขาคอยดูเเลเรา2 คนพี่น้องมาตลอด
เหมือนเป็นพี่คนโตของบ้าน ไม่ล่วงเกิน หรือทำอะไรไม่ดี รู้สึกอุ่นใจเมื่อมีพี่ เขาอยู่
    
    หลังจากที่ย้ายบ้าน เราก็ยังติดต่อกันนะ โทรคุยกันถาม สารทุกข์สุขดิบ ส่วนมากพี่เขาจะโทรมาเป็นส่วนใหญ่ พี่เปรมจะไม่มีโทรสับมือถือ
จะใช้เบอร์ตู้ หรือไม่ก็ เบอร์บ้าน พอเราเริ่มโตขึ้น ตอนอายุประมาณ 18 เรามีโอกาส กลับไปเที่ยวกรุงเทพอีกครั้ง  ครั้งนั้นได้เจอกันครั้งสุดท้าย
พี่เปรมนั่งรถทัวร์มาส่งเราที่ ลพบุรี เเล้วได้ต่อ ไปเยี่ยมพ่อที่เพรชบูรณ์  ก่อนลงรถ พี่เปรมได้ให้เเหวนที่ พี่เปรมใส่ติดตัวใว้ตลอด
เเละนั่นก็คือ ครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกัน  TT  มิหนำซ้ำ โทรศัพท์ เราก็ดันพังซ่ะอีก เมื่อก่อน เบอร์มือถือ กับเครื่องโทรศัพท์เป็นเบอร์ติดเครื่อง                      เครื่องพังเบอร์พัง เบอร์หายยย TT เลยขาดการติดต่อกันนานนน จนถึงวันนี้ เลย 10 ปี เเล้ว

*เราไม่รู้จะตามหาพี่คนนั้นได้ยังไง ความทรงจำมีเพียงเเค่นี้ รู้เเค่ว่าพี่เขา ชื่อพี่เปรม นั่งมองแหวนรุ่นไป  ก็รู้ว่าพี่เขา เป็นศิษฐ์เก่า ของโรงเรียน บดินทรเดชา 4 รุ่น 02 เลยได้ลองตั้งกะทู้ ตามหาไป เมื่อ2-3 วันก่อน มีเพื่อนในพันทิบ ช่วยตามหาด้วยค่ะ ต้องขอบคุณมากๆเลย

ได้ข่าวของพี่เปรมเเล้ว พี่เปรมย้าย บ้านไป อยู่ฉะเชิงเทรา เมื่อ 2-3 ปี ที่เเล้ว
รู้สึก ช้าจัง เมื่อ 2-3 ปีที่เเล้วเรามัวเเต่ทำอะไรอยู่นะ ทำไมเราไม่ออกตามหา
ตอนนี้พี่เปรมย้ายไปอยู่ ที่อื่นเเล้ว ความหวัง ที่มีอยู่เเล้วมัน =  ศูนย์

หมดหวังเเล้วค่ะ TT

เรียบเรียงการเขียน ไม่เก่งคะ เเต่อยากเก็บใว้ เผื่อสักวันนึงพี่คนนั้นได้มาอ่าน จะได้รู้ว่าพี่ไม่เคยหายไปจากหนูเลย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่