สำหรับหลายๆคนที่มาเรียนต่อหรือมาเรียนซัมเมอร์ที่อังกฤษ คงมีไม่น้อยที่หวังจะไปเที่ยว สก๊อตแลนด์ต่อ เพราะเป็นที่ ที่ธรรมชาติค่อนข้างสวย ยิ่งเรามาจากแถบเอเชียแล้ว เที่ยวสก็อตแลนด์ คงเป็นอะไรที่แปลก ผมหวังว่ากระทู้นี้คงเป็นประโยชน์กับคนที่หลงเข้ามาอ่านาง(อาจจะนิดหน่อย) ที่เที่ยวอาจจะไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเค้าเท่าไหร่ เนื่องจากเราวางแผนกันรีบมาก ที่เที่ยวส่วนใหญ่ก็ดูเอาจากรูป แล้วค่อยมาหาข้อมูลซะส่วนใหญ่
กลางปี 2557 ผมมาเรียนซัมเมอร์ที่ลิเวอร์พูล ทริปนี้เริ่มจากเพื่อนซึ่งมาเที่ยวอังกฤษมันชวนผมไปเที่ยวสก็อตแลนด์ด้วยกัน ในวันที่ 24 ก.ค. ผมเลยชวนเพื่อนอีกคนที่เป็นพักอยู่ด้วยกัน แล้วก็พี่ที่รู้จักกันไปด้วย เพราะเคยคุยกันไว้ แต่สุดท้ายพี่เค้าติดธุระซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเสร็จตอนไหน พวกเราเลยยังไม่ได้คุยเรื่องแผนกัน ทำอย่างเดียวคือจองโฮสเทลเอาไว้ จนถึงวันที่ 23 ก.ค. 57 พี่เค้าเพิ่งรู้ว่าไปด้วยไม่ได้ เพราะต้องไปขอเอกสารที่ลอนดอน เราเลยต้องไปกันแค่สามคน และเพิ่งจะเริ่มวางแผนกันจริงๆ เพราะวันที่ 24 ก.ค. 56 ต้องออกเดินทางแล้ว (งานงอก ต๋งตั๋วก็ยังไม่ได้จองเพราะยังตกลงกันไม่ได้ ที่กลัวไม่ใช่ตั๋วจะหมด แต่คือราคาที่น่าจะแพงมาก ก็เล่นจองกันแบบวันต่อวัน) พอหายมึน พวกผมเลยเริ่มจากหาที่สวยๆ ที่อยากไปแล้วเลือกไว้แต่ที่ ที่คิดว่าจะไปได้จริงๆ
แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะเราเพิ่งรู้ว่า ที่สวยๆ ส่วนใหญ่นั้นอยู่แถบทางเหนือซึ่งไกลจาก EDINBURGH มากไ กลแค่ไหนท่าให้ผมประมาน ก็เกือบๆเท่านึงจากลิเวอร์พูลมา EDINBURGH เราเริ่มวางแผนกันคร่าวๆ ว่าจะไปยังไงกลับยังไง แรกๆ บอกเลยว่า งงมาก เพราะทุกอย่างสำหรับเรามันใหม่มาก ไม่ได้เหมือนนั่งรถไฟไปเที่ยวเชียงใหม่บ้านเรา และยิ่งเป็นครั้งแรกของเราด้วยที่แบ๊คแพคแบบนี้ในต่งประเทศ แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจว่าจะไปกัน และแผนก็มาลงตัวพอดีตอนเจอแผนที่นี้
แผนของเรา
24 ก.ค. 57 หลังจากไปถึง Edinburgh ก็จะเที่ยวแถวๆ ที่พักแล้วหาข้อมูลเรื่องรถ
25 ก.ค. 57 เดินทางไป เมือง Inverness แล้วนั่งรถต่อไปยังทะเลสาบ Loch Ness ที่อยู่ใกล้ๆ กัน แล้วก็หารถต่อไปยัง Isle of skye โดยพักแบบกางเต็นท์ที่นั่น ซึ่งเช็คแล้วว่ามี
26 ก.ค. 57 เที่ยวใน Isle of skye และนั่งรถต่อไปยัง Glencoe แล้วกลับมายัง Edinburgh ตอนค่ำๆ
27 ก.ค. 57 เที่ยวใน Edinburgh แล้วก็กลับมายัง Liverpool
หลังจากวางแผนเสร็จพวกผมก็แยกย้ายกันไป นัดมาเจอกันอีกทีที่สถานีรถไฟในวันพรุ่งนี้
รูปอาจจะขาดๆ หายๆ ไปบางช่วงนะครับ เพราะพวกเราเพิ่งคิดจะเขียนรีวิวหลังจากกลับมาถึงเลยไม่ได้เตรียมรูปไว้เลย อาศัยจากที่ถ่ายเรื่อยเปื่อยเก็บไว้บ้างเอาไว้
24 ก.ค. 56 Start!
วันนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย จัดของเสร็จก็จะเช้าแล้ว เพราะกว่าจะคุยกันเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน จุดเริ่มต้นของทริป คือ สถานีรถไฟ Lime street อยู่กลางเมือง Liverpool
หลังจากมากันครบ ก็ไปซื้อตั๋วกัน เราไม่ได้จองตั๋วไว้ล่วงหน้าค่าตั๋วเลยแพงมาก เราแนะนำว่าถ้าจะไปเที่ยวทำนองนี้ให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือนจะได้ตั๋วที่ราคาถูกต่างกันมาก หลังจากซื้อตั๋วแล้วตัวพร้อมแล้ว ใจพร้อมแล้ว ก็... ขึ้นรถไฟครับ
ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ต่อแรกพวกเรานั่งจาก Lime street มาต่อรถไฟที่ Wigan North Western แล้วต่อไปยัง Edinburgh
พอขึ้นรถพวกเราก็รีบเดินหาที่นั่งที่มีโต๊ะก่อน เปิดก่อนได้เปรียบ เพราะจะได้นั่งด้วยกันครบสามคน แต่ดันหาไม่ได้เลย 55 เลยต้องนั่งแยกกัน รถไฟที่นี่สะอาดมาก ทุกคนวางของกันเป็นระเบียบ แต่ที่ถูกใจสุดก็เป็นเรื่องตรงเวลาครับ เอาใจไปเลย เลทอย่างมากไม่เกิน 5 นาที
ภาพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เพราะตอนเห็นฉากสวยๆ ก็หยิบกล้องมาถ่ายไม่เคยทัน ตอนไหนหยิบกล้องรอไว้มันก็ไม่มีอะไรสวยๆ แต่จริงๆ ก็เป็นที่ฝีมือผมมากกว่า หลังจากนั่งมาประมาณ 25 นาที ก็เริ่มออกจากเขตเมืองแล้ว สองข้างทางส่วนใหญ่จะเป็นทุ่งโล่ง ดูแล้วสบายทั้งตาสบายทั้งใจ มีทั้งวัวทั้งแกะเต็มไปหมด ต่างจากบ้านเราอย่างเดียว ก็คงจะที่ส่วนใหญ่จะเป็นแกะมากกว่าวัว... พูดไปแล้วก็แอบหิว
ผมก็ไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าดอกอะไรเหมือนกันแต่ที่นี่มีเต็มไปหมดเลย ตอนเห็นดอกเดียวข้างทางก็ยังเฉยๆ แต่พอมาเห็นอยู่กันเป็นดงแล้วสวยต่างจากเดิมเยอะเลย
นั่งมาได้ชั่วโมงกว่าๆ ก็นั่งดูวิว ถ่ายรูป ไปเรื่อยๆ เพื่อนก็หลับไปหมดแล้ว เหลือแค่ผมคนเดียว แต่ถามว่าผมง่วงมั้ย บอกได้เลยว่ามาก แต่ด้วยความที่เสียดายวิวข้างทาง เลยทำให้หลับไม่ลงจริงๆ
พูดให้เท่ไปแบบนั้นแหละครับ ไม่รู้ว่าเผลอไปตอนไหนเหมือนกันรู้ตัวอีกทีก็ถึง Edinburgh แล้ว จำได้แค่หลับสบายมาก 555 ตื่นมารอบเดียวตอนไปเข้าห้องน้ำ ถึงวิวจะสวยยังไง แต่ถ้าบรรยากาศดีขนาดนี้ พักผ่อนมาก็น้อย ความง่วงก็ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
งงครับ เพิ่งตื่นครับ
เป็นภาพรวมๆ ของสถานีรถไฟที่ Edinburgh คนเยอะใช้ได้เลย มีครบทุกแนว ทั้งมาคนเดียว มาเป็นคู่ มาเป็นกลุ่ม จนถึงมากันเป็นครอบครัว
หลายครั้งที่เรามัวแต่คิดว่าเราอยู่ตัวคนเดียว จนลืมสังเกตว่าข้างๆ เรามีใคร...
หลังเดินออกจากสถานี เราก็เดินหาจุดแนะนำนักท่องเที่ยว แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ สองข้างทางที่นี่คลาสสิคมาก ตึกเห็นแล้วน่าไปขูดหวยจริงๆ เพราะมันเก่ายิ่งกว่าเก่าน่าจะมีประวัติทุกตึก
หลังจากคุยเสร็จก็รู้ว่าเราต้องไปอีกที่นึง ก็เลยเดินเอาของไปเก็บที่โฮสเทลกันก่อน แล้วค่อยออกมาอีกรอบ นี่เป็นบรรยากาศข้างทางคับ
ภาพบรรยากาศบนถนน คนเยอะ แต่ทางเดินกว้างเลยไม่แน่นเท่าไหร่ เดินไปมองไปก็เพลินดี บางร้านที่เราเห็นตรงนี้ จริงๆ แล้วคือชั้นสาม เพราะข้างล่างบางส่วนเป็นถนนลงไปอีก ผมก็งงๆกับผังเมืองที่นี่
ในที่สุดก็ถึงโฮสเทลแล้วครับชื่อ Malone ตอนแรกไม่ได้คิดคิดจะทำรีวิวเลยไม่ค่อยมีรูป ข้างล่างเป็นร้านนั่งดื่ม แต่ถ้าเกิดพักที่นี่จะได้ส่วนลด 50% ห้องที่ผมพักมีกัน 12 คน ผมนึกภาพไม่ออกเลย ว่าขึ้นห้องไปจะอยู่กันยังไง
หลังจากที่คิดไปเองอยู่นานว่าจะเป็นยังไง ก็ถึงห้องแล้วครับ คนที่อยู่เตียงข้างผมเป็นแม่ลูก มาจากเชค ลูกเค้าอายุสามสิบกว่าๆ อันนี้เป็นภาพเตียงนอนของเรา (ไม่บอกเค้าก็รู้) ใครที่กำลังมองหาโฮสเทลผมแนะนำที่นี่เลย ห้องนอนห้องน้ำ ถึงแม้จะเป็นห้องรวม (ใช้รวมกันแต่แยกชายหญิง) ถ้าเทียบกับโฮสเทลทั่วๆ ไป ถือว่าสะอาดมาก ราคาอยู่ที่ประมาณคืนละ 21 พาวต่อคืน ส่วนของสำคัญเค้าจะมีล็อคเกอร์ให้ครับเป็นของทางโฮสเทล แต่จะไม่มีที่ล๊อคให้เราต้องเตรียมตัวล๊อคไปเอง
หลังจากเก็บของเสร็จแล้วเราก็ออกมาเดินหาข้อมูล เข้าตรอกนู้นออกซอยนี้ไปเรื่อย เมืองดูไม่ค่อยเป็นระเบียบ แต่ดูดี ถนนทุกสายเชื่อมถึงกันผ่านซอยเล็กๆ
จุดบริการนักท่องเที่ยวจะอยู่แถวๆ สถานีครับ แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ อาจจะหายากหน่อย ต้องลองเดินวนๆ ดูครับ
ภาพนี้เป็นวิวข้างๆ จุดบริการ เมืองที่ดูทึมๆ เพราะแต่อาคารเก่าๆขึ้นอยู่ด้วยกันเต็มไปหมด พอมีต้นไม้เขียวๆ มาแซมก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลย (ผมคิดเอานะ 555)
เจ้าตัวนี้คือนก Seagull เคยคิดว่ามันจะต้องอยู่แค่ริมทะเล แต่เอาเข้าจริงๆ เจอมันทุกที่เลย เช้าๆ นี่ร้องหนวกหูมากเคยคิดว่าถ้ามีตัวแบบนี้ในเมืองไทยคงจะแปลกดี แต่คิดอีกที เนื้อแน่นๆ แบบนี้ไม่น่ารอด ผมว่าคงโดนจับกินหมด


ที่จุดบริการนักท่องเที่ยวตอนแรกที่เข้าไปนี่เห็นคิวยาวมาก แต่ก็จะคอยมีพนักงานมาเทคแคร์ตลอดคอยถามดูแลเอาใจใส่ ติดอยู่อย่างเดียวที่เค้าไม่เข้ามาถามพวกผมเลยแอบเคืองหน่อยๆ จนถึงคิวผมก็ยังไม่มีใครมา แต่ พี่ที่เคาน์เตอร์พูดจาดีและเอาใจใส่ดีมาก สำเนียงอาจจะฟังยากหน่อย คุยกันประมาณ 20 นาที เราตัดสินใจไปกันเองโดยไม่พึ่งทัวร์ เพราะโดยส่วนใหญ่จะแทบไม่ได้ลงจากรถเลย ซึ่งเราก็คิดว่าไหนๆ ก็มาแล้วเอาให้คุ้มดีกว่าเลยตัดสินใจเดินทางกันเอง และไปกางเต็นท์นอนกันที่ Isle of Sky แต่ปัญหาก็เกิดครับ เรามาถึงกันเย็นมาก ทำให้ตั๋วรถทัวร์ส่วนใหญ่เต็มหมดแล้ว บัสสเตชั่นก็ปิดแล้ว เราเลยต้องรอลุ้นไปซื้อกันพรุ่งนี้โดยจะไปซื้อตั๋วรถบัสแบบสามวัน ราคา 43 พาวไว้ใช้เดินทางบนแถบ High Land แล้วซื้อตั๋วรถไฟราคา18 พาวไป Inverness ทริปตอนเช้าที่นี่มีเยอะมากครับ ทั้งในเมืองนอกเมือง แม้แต่ทริปหาผีส่องผีก็มีเต็มไปหมด หลังจากที่คุยกันเสร็จ มองมาข้างนอกอีกทีก็เห็นหมอกลงกันดื้อๆ เลย ทั้งที่เมื่อกี้ฟ้ายังเปิดอยู่แท้ๆ
อาจจะมองจากมุมเดิม แต่บรรยากาศต่างจากตอนแรกมาก หมอกจางๆและควัน คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้ อยากจะถามดูว่าหมอกนั้นมาจากไหน …

ย
พวกผมก็หยุดถ่ายรูปเล่นกันพักใหญ่ๆ เพราะไม่รู้จะไปไหนกันต่อ ที่นั่งอยู่นี่เป็นหลังคานะครับ พวกผมปีนขึ้นไป (บอกเพื่อ)
ดับเบิ้ลเซลฟี่! (ยังอีก)
จะว่าหนาวมันก็หนาว จะว่าสวยมันก็สวย
[CR] Summer trips in Scotland แบบแมนๆ ไม่มีไครแทนได้
สำหรับหลายๆคนที่มาเรียนต่อหรือมาเรียนซัมเมอร์ที่อังกฤษ คงมีไม่น้อยที่หวังจะไปเที่ยว สก๊อตแลนด์ต่อ เพราะเป็นที่ ที่ธรรมชาติค่อนข้างสวย ยิ่งเรามาจากแถบเอเชียแล้ว เที่ยวสก็อตแลนด์ คงเป็นอะไรที่แปลก ผมหวังว่ากระทู้นี้คงเป็นประโยชน์กับคนที่หลงเข้ามาอ่านาง(อาจจะนิดหน่อย) ที่เที่ยวอาจจะไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเค้าเท่าไหร่ เนื่องจากเราวางแผนกันรีบมาก ที่เที่ยวส่วนใหญ่ก็ดูเอาจากรูป แล้วค่อยมาหาข้อมูลซะส่วนใหญ่
กลางปี 2557 ผมมาเรียนซัมเมอร์ที่ลิเวอร์พูล ทริปนี้เริ่มจากเพื่อนซึ่งมาเที่ยวอังกฤษมันชวนผมไปเที่ยวสก็อตแลนด์ด้วยกัน ในวันที่ 24 ก.ค. ผมเลยชวนเพื่อนอีกคนที่เป็นพักอยู่ด้วยกัน แล้วก็พี่ที่รู้จักกันไปด้วย เพราะเคยคุยกันไว้ แต่สุดท้ายพี่เค้าติดธุระซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเสร็จตอนไหน พวกเราเลยยังไม่ได้คุยเรื่องแผนกัน ทำอย่างเดียวคือจองโฮสเทลเอาไว้ จนถึงวันที่ 23 ก.ค. 57 พี่เค้าเพิ่งรู้ว่าไปด้วยไม่ได้ เพราะต้องไปขอเอกสารที่ลอนดอน เราเลยต้องไปกันแค่สามคน และเพิ่งจะเริ่มวางแผนกันจริงๆ เพราะวันที่ 24 ก.ค. 56 ต้องออกเดินทางแล้ว (งานงอก ต๋งตั๋วก็ยังไม่ได้จองเพราะยังตกลงกันไม่ได้ ที่กลัวไม่ใช่ตั๋วจะหมด แต่คือราคาที่น่าจะแพงมาก ก็เล่นจองกันแบบวันต่อวัน) พอหายมึน พวกผมเลยเริ่มจากหาที่สวยๆ ที่อยากไปแล้วเลือกไว้แต่ที่ ที่คิดว่าจะไปได้จริงๆ
แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะเราเพิ่งรู้ว่า ที่สวยๆ ส่วนใหญ่นั้นอยู่แถบทางเหนือซึ่งไกลจาก EDINBURGH มากไ กลแค่ไหนท่าให้ผมประมาน ก็เกือบๆเท่านึงจากลิเวอร์พูลมา EDINBURGH เราเริ่มวางแผนกันคร่าวๆ ว่าจะไปยังไงกลับยังไง แรกๆ บอกเลยว่า งงมาก เพราะทุกอย่างสำหรับเรามันใหม่มาก ไม่ได้เหมือนนั่งรถไฟไปเที่ยวเชียงใหม่บ้านเรา และยิ่งเป็นครั้งแรกของเราด้วยที่แบ๊คแพคแบบนี้ในต่งประเทศ แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจว่าจะไปกัน และแผนก็มาลงตัวพอดีตอนเจอแผนที่นี้
แผนของเรา
24 ก.ค. 57 หลังจากไปถึง Edinburgh ก็จะเที่ยวแถวๆ ที่พักแล้วหาข้อมูลเรื่องรถ
25 ก.ค. 57 เดินทางไป เมือง Inverness แล้วนั่งรถต่อไปยังทะเลสาบ Loch Ness ที่อยู่ใกล้ๆ กัน แล้วก็หารถต่อไปยัง Isle of skye โดยพักแบบกางเต็นท์ที่นั่น ซึ่งเช็คแล้วว่ามี
26 ก.ค. 57 เที่ยวใน Isle of skye และนั่งรถต่อไปยัง Glencoe แล้วกลับมายัง Edinburgh ตอนค่ำๆ
27 ก.ค. 57 เที่ยวใน Edinburgh แล้วก็กลับมายัง Liverpool
หลังจากวางแผนเสร็จพวกผมก็แยกย้ายกันไป นัดมาเจอกันอีกทีที่สถานีรถไฟในวันพรุ่งนี้
รูปอาจจะขาดๆ หายๆ ไปบางช่วงนะครับ เพราะพวกเราเพิ่งคิดจะเขียนรีวิวหลังจากกลับมาถึงเลยไม่ได้เตรียมรูปไว้เลย อาศัยจากที่ถ่ายเรื่อยเปื่อยเก็บไว้บ้างเอาไว้
24 ก.ค. 56 Start!
วันนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย จัดของเสร็จก็จะเช้าแล้ว เพราะกว่าจะคุยกันเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน จุดเริ่มต้นของทริป คือ สถานีรถไฟ Lime street อยู่กลางเมือง Liverpool
หลังจากมากันครบ ก็ไปซื้อตั๋วกัน เราไม่ได้จองตั๋วไว้ล่วงหน้าค่าตั๋วเลยแพงมาก เราแนะนำว่าถ้าจะไปเที่ยวทำนองนี้ให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือนจะได้ตั๋วที่ราคาถูกต่างกันมาก หลังจากซื้อตั๋วแล้วตัวพร้อมแล้ว ใจพร้อมแล้ว ก็... ขึ้นรถไฟครับ
ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ต่อแรกพวกเรานั่งจาก Lime street มาต่อรถไฟที่ Wigan North Western แล้วต่อไปยัง Edinburgh
พอขึ้นรถพวกเราก็รีบเดินหาที่นั่งที่มีโต๊ะก่อน เปิดก่อนได้เปรียบ เพราะจะได้นั่งด้วยกันครบสามคน แต่ดันหาไม่ได้เลย 55 เลยต้องนั่งแยกกัน รถไฟที่นี่สะอาดมาก ทุกคนวางของกันเป็นระเบียบ แต่ที่ถูกใจสุดก็เป็นเรื่องตรงเวลาครับ เอาใจไปเลย เลทอย่างมากไม่เกิน 5 นาที
ภาพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เพราะตอนเห็นฉากสวยๆ ก็หยิบกล้องมาถ่ายไม่เคยทัน ตอนไหนหยิบกล้องรอไว้มันก็ไม่มีอะไรสวยๆ แต่จริงๆ ก็เป็นที่ฝีมือผมมากกว่า หลังจากนั่งมาประมาณ 25 นาที ก็เริ่มออกจากเขตเมืองแล้ว สองข้างทางส่วนใหญ่จะเป็นทุ่งโล่ง ดูแล้วสบายทั้งตาสบายทั้งใจ มีทั้งวัวทั้งแกะเต็มไปหมด ต่างจากบ้านเราอย่างเดียว ก็คงจะที่ส่วนใหญ่จะเป็นแกะมากกว่าวัว... พูดไปแล้วก็แอบหิว
ผมก็ไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าดอกอะไรเหมือนกันแต่ที่นี่มีเต็มไปหมดเลย ตอนเห็นดอกเดียวข้างทางก็ยังเฉยๆ แต่พอมาเห็นอยู่กันเป็นดงแล้วสวยต่างจากเดิมเยอะเลย
นั่งมาได้ชั่วโมงกว่าๆ ก็นั่งดูวิว ถ่ายรูป ไปเรื่อยๆ เพื่อนก็หลับไปหมดแล้ว เหลือแค่ผมคนเดียว แต่ถามว่าผมง่วงมั้ย บอกได้เลยว่ามาก แต่ด้วยความที่เสียดายวิวข้างทาง เลยทำให้หลับไม่ลงจริงๆ
พูดให้เท่ไปแบบนั้นแหละครับ ไม่รู้ว่าเผลอไปตอนไหนเหมือนกันรู้ตัวอีกทีก็ถึง Edinburgh แล้ว จำได้แค่หลับสบายมาก 555 ตื่นมารอบเดียวตอนไปเข้าห้องน้ำ ถึงวิวจะสวยยังไง แต่ถ้าบรรยากาศดีขนาดนี้ พักผ่อนมาก็น้อย ความง่วงก็ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
งงครับ เพิ่งตื่นครับ
เป็นภาพรวมๆ ของสถานีรถไฟที่ Edinburgh คนเยอะใช้ได้เลย มีครบทุกแนว ทั้งมาคนเดียว มาเป็นคู่ มาเป็นกลุ่ม จนถึงมากันเป็นครอบครัว
หลายครั้งที่เรามัวแต่คิดว่าเราอยู่ตัวคนเดียว จนลืมสังเกตว่าข้างๆ เรามีใคร...
หลังเดินออกจากสถานี เราก็เดินหาจุดแนะนำนักท่องเที่ยว แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ สองข้างทางที่นี่คลาสสิคมาก ตึกเห็นแล้วน่าไปขูดหวยจริงๆ เพราะมันเก่ายิ่งกว่าเก่าน่าจะมีประวัติทุกตึก
หลังจากคุยเสร็จก็รู้ว่าเราต้องไปอีกที่นึง ก็เลยเดินเอาของไปเก็บที่โฮสเทลกันก่อน แล้วค่อยออกมาอีกรอบ นี่เป็นบรรยากาศข้างทางคับ
ภาพบรรยากาศบนถนน คนเยอะ แต่ทางเดินกว้างเลยไม่แน่นเท่าไหร่ เดินไปมองไปก็เพลินดี บางร้านที่เราเห็นตรงนี้ จริงๆ แล้วคือชั้นสาม เพราะข้างล่างบางส่วนเป็นถนนลงไปอีก ผมก็งงๆกับผังเมืองที่นี่
ในที่สุดก็ถึงโฮสเทลแล้วครับชื่อ Malone ตอนแรกไม่ได้คิดคิดจะทำรีวิวเลยไม่ค่อยมีรูป ข้างล่างเป็นร้านนั่งดื่ม แต่ถ้าเกิดพักที่นี่จะได้ส่วนลด 50% ห้องที่ผมพักมีกัน 12 คน ผมนึกภาพไม่ออกเลย ว่าขึ้นห้องไปจะอยู่กันยังไง
หลังจากที่คิดไปเองอยู่นานว่าจะเป็นยังไง ก็ถึงห้องแล้วครับ คนที่อยู่เตียงข้างผมเป็นแม่ลูก มาจากเชค ลูกเค้าอายุสามสิบกว่าๆ อันนี้เป็นภาพเตียงนอนของเรา (ไม่บอกเค้าก็รู้) ใครที่กำลังมองหาโฮสเทลผมแนะนำที่นี่เลย ห้องนอนห้องน้ำ ถึงแม้จะเป็นห้องรวม (ใช้รวมกันแต่แยกชายหญิง) ถ้าเทียบกับโฮสเทลทั่วๆ ไป ถือว่าสะอาดมาก ราคาอยู่ที่ประมาณคืนละ 21 พาวต่อคืน ส่วนของสำคัญเค้าจะมีล็อคเกอร์ให้ครับเป็นของทางโฮสเทล แต่จะไม่มีที่ล๊อคให้เราต้องเตรียมตัวล๊อคไปเอง
หลังจากเก็บของเสร็จแล้วเราก็ออกมาเดินหาข้อมูล เข้าตรอกนู้นออกซอยนี้ไปเรื่อย เมืองดูไม่ค่อยเป็นระเบียบ แต่ดูดี ถนนทุกสายเชื่อมถึงกันผ่านซอยเล็กๆ
จุดบริการนักท่องเที่ยวจะอยู่แถวๆ สถานีครับ แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ อาจจะหายากหน่อย ต้องลองเดินวนๆ ดูครับ
ภาพนี้เป็นวิวข้างๆ จุดบริการ เมืองที่ดูทึมๆ เพราะแต่อาคารเก่าๆขึ้นอยู่ด้วยกันเต็มไปหมด พอมีต้นไม้เขียวๆ มาแซมก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลย (ผมคิดเอานะ 555)
เจ้าตัวนี้คือนก Seagull เคยคิดว่ามันจะต้องอยู่แค่ริมทะเล แต่เอาเข้าจริงๆ เจอมันทุกที่เลย เช้าๆ นี่ร้องหนวกหูมากเคยคิดว่าถ้ามีตัวแบบนี้ในเมืองไทยคงจะแปลกดี แต่คิดอีกที เนื้อแน่นๆ แบบนี้ไม่น่ารอด ผมว่าคงโดนจับกินหมด
ที่จุดบริการนักท่องเที่ยวตอนแรกที่เข้าไปนี่เห็นคิวยาวมาก แต่ก็จะคอยมีพนักงานมาเทคแคร์ตลอดคอยถามดูแลเอาใจใส่ ติดอยู่อย่างเดียวที่เค้าไม่เข้ามาถามพวกผมเลยแอบเคืองหน่อยๆ จนถึงคิวผมก็ยังไม่มีใครมา แต่ พี่ที่เคาน์เตอร์พูดจาดีและเอาใจใส่ดีมาก สำเนียงอาจจะฟังยากหน่อย คุยกันประมาณ 20 นาที เราตัดสินใจไปกันเองโดยไม่พึ่งทัวร์ เพราะโดยส่วนใหญ่จะแทบไม่ได้ลงจากรถเลย ซึ่งเราก็คิดว่าไหนๆ ก็มาแล้วเอาให้คุ้มดีกว่าเลยตัดสินใจเดินทางกันเอง และไปกางเต็นท์นอนกันที่ Isle of Sky แต่ปัญหาก็เกิดครับ เรามาถึงกันเย็นมาก ทำให้ตั๋วรถทัวร์ส่วนใหญ่เต็มหมดแล้ว บัสสเตชั่นก็ปิดแล้ว เราเลยต้องรอลุ้นไปซื้อกันพรุ่งนี้โดยจะไปซื้อตั๋วรถบัสแบบสามวัน ราคา 43 พาวไว้ใช้เดินทางบนแถบ High Land แล้วซื้อตั๋วรถไฟราคา18 พาวไป Inverness ทริปตอนเช้าที่นี่มีเยอะมากครับ ทั้งในเมืองนอกเมือง แม้แต่ทริปหาผีส่องผีก็มีเต็มไปหมด หลังจากที่คุยกันเสร็จ มองมาข้างนอกอีกทีก็เห็นหมอกลงกันดื้อๆ เลย ทั้งที่เมื่อกี้ฟ้ายังเปิดอยู่แท้ๆ
อาจจะมองจากมุมเดิม แต่บรรยากาศต่างจากตอนแรกมาก หมอกจางๆและควัน คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้ อยากจะถามดูว่าหมอกนั้นมาจากไหน …
พวกผมก็หยุดถ่ายรูปเล่นกันพักใหญ่ๆ เพราะไม่รู้จะไปไหนกันต่อ ที่นั่งอยู่นี่เป็นหลังคานะครับ พวกผมปีนขึ้นไป (บอกเพื่อ)
ดับเบิ้ลเซลฟี่! (ยังอีก)
จะว่าหนาวมันก็หนาว จะว่าสวยมันก็สวย