ขอบอกก่อนว่าตอนนี้เรียนจบไป 2 ปีละนะครับ แต่ที่อยากถามเรื่องนี้ เพราะวันนี้มีโอกาสได้คุยเรื่องงานโปรเจคกับพี่ที่ทำงาน
เขาเล่าเรื่องเพื่อนของเขามา ผมก็ฟังๆ เลยบอกเขาไปว่า โห่ววว ของพี่อะเด็กๆ ของผมนี่ดิของจริง
*** ข้างล่างนี้เป็นประสบการณ์จริงที่เจอมากับตัว ***
เอาล่ะ! เข้าเรื่องกันเลย
ผมเรียนวิศวฯไฟฟ้า มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถวๆ สะพานพระราม 7
ตอนปี 1 - ปี 2 เห็นพวกรุ่นพี่เคยเตือนว่า "เฮ้ย เวลาเลือกคู่โปรเจคน่ะ ดูดีๆ นะ เพื่อนพี่เนี่ยเลิกคบกันมานักต่อนักแล้ว เป็นแฟนกันทำด้วยกันก็เลิกกัน เป็นเพื่อนกันทำด้วยกันก็เลิกคบกัน"
ผมก็สงสัยนะ มันอาถรรพ์ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ยยยย?
เพื่อนกันแท้ๆ มันจะทำกันได้ลงเลยเหรอ? คำถามมากมายวนเวียนในหัว
ตัดมามาถึงปี 4
วิศวฯ ไฟฟ้า ของ ม. ผมมีทั้งหมด 3 สาย 1.กำลัง 2.ควบคุม 3.สื่อสาร (ถ้าไม่รู้จัก ก็หาข้อมูลในเน็ทได้นะครับ)
กลุ่มเพื่อนสนิทๆ มีกันประมาน 10 คนจากทั้งชั้น 200 คน (คือเพื่อนๆ คนอื่นไม่ค่อยอยากคุยด้วยมั้ง ไม่แน่ใจ 555+)
แต่คน 10 คนในกลุ่ม ก็กระจายกันไปตามสายต่างๆ
ส่วนตัวผมเองเลือกมาอยู่สายควบคุมกับเพื่อนสนิทอีก 3 คน
เรียนด้วยกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน ติวด้วยกัน เจอหน้ากันทู๊กกกกกวัน
และแล้วก็มาถึงวันเลือกโปรเจค
ขอแนะนำตัวละครเพิ่ม ตอนนี้เราจะเรียกเพื่อนผมว่า A, B และ C นะครับ
ผมกับ A จับคู่ทำโปรเจคกัน เพราะบังเอิญว่า B กับ C เรียนช้ากว่าผมกับ A
ตอนแรกก็คุยกันแล้วว่า B กับ C จะยังไม่ทำโปรเจค เพราะกะจะจบในปีที่ 5 อยู่แล้วผมเลยไม่ได้ชวนมาจับคู่อะไรตอนเลือกหัวข้อโปรเจค
ปัญหาเริ่มเกิด!!! C เพื่อนรักของผมคือคนที่ผมจะนำมาถามเพื่อนๆ พันทิปวันนี้ครับ
C คุยกับ B ว่า "ถ้าผมกับ A ทำด้วยกัน ก็เหลือ C กับ B ต้องทำด้วยกันตอนปี 5 แล้วจะไปรอดไหม?" - ปัญหาที่ 1
*** หมายเหตุ : ขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เก่งกว่าใครหรืออะไรเลยนะครับ
B เลยมาคุยกับผม "เฮ้ย มันมีปัญหาแบบนี้ๆ ให้ผมกับ A แยกคู่มาจับคู่ใหม่ได้ไหม?"
ผมคุยกับ A แล้วตอบตกลงแยกคู่ 'เพื่อเพื่อนเราทำได้'
ผมเลือกจับคู่กับ B เพราะเห็นว่าชอบอะไรคล้ายๆ กัน
แต่ C บอกว่า "เฮ้ย กุไม่ชอบ A เพราะ A มันชอบปากสุนัข ชอบกวนประสาท กลัวจะทำงานด้วยกันไม่ได้" - ปัญหาที่ 2
ผมก็บอกว่า "โอเค ย้ายคู่"
สรุปกลุ่มทำโปรเจค
ผมตกลงทำกับ C
B ได้ทำกับเพื่อนนอกกลุ่มเพราะอาจารย์ที่ A ไปขอทำโปรเจคเขาไม่ให้ทำ เนื่องจาก B ยังติดบางวิชา
A ได้ทำกับคนนอกกลุ่มเพราะเพื่อนนอกกลุ่มอยากทำงานชิ้นนั้นพอดี
ผมคิดโปรเจคที่อยากทำเอาไว้แล้วนั่นคือ "ระบบควบคุมบ้านอัตโนมัติ"
ซึ่งผมก็จินตนาการเอาไว้มากมายเพราะผมคลั่ง IronMan 555+
C เพื่อนรักของผมได้ฟังจินตนาการของผมแล้วก็บอกผมว่า "มืงเพ้อเจ้อว่ะ เลือกอะไรที่เป็นไปได้หน่อย" [อ้าวเฮ้ย! ดับฝันกันเฉย] - ปัญหาที่ 3
ผมด้วยความเป็นคนดื้อรั้น ผมยืนยันว่า "ถ้ามืงไม่อยากทำด้วย กุทำคนเดียวได้"
สุดท้ายมันก็ต้องทำ
ผมถามแล้วว่าอยากทำส่วนไหนเพราะงานมันมี 3 ส่วนหลักๆ
1.โปรแกรมควบคุมวงจร 2.โปรแกรมให้คนใช้มากดใช้งานและแสดงผล 3.ออกแบบและประกอบวงจร
C บอกไม่ถนัดซักอย่าง ผมด้วยความมั่นใจในตัวเอง(เกินไป) บอกว่า "โอเค งั้นมืงทำรายงานพอ" 'เพื่อเพื่อนเราทำได้'
แต่ผมขอให้มาอยู่ด้วยกันตอนทำโปรเจคจะได้รู้เรื่อง เพราะตอนสอบอาจารย์เขาจะถามทั้ง 2 คน แล้วมันก็เป็นคะแนนกลุ่มด้วย
เวลาผ่านไป 1 ปี จะจบปี 4 แล้ว
ผมเรียนครบทุกวิชาแล้ว เหลือแค่โปรเจค ถ้าทำเสร็จก็จบในขณะที่เพื่อน C ของผมติดอีก 1-2 วิชา คือต้องเรียนปี 5 แน่ๆ
ตอนก่อนปิดเทอมของ ปี 4 เทอม 2 ผมยังเหลือแก้ไขโปรเจคอีกนิดหน่อย คือเขียนโปรแกรมให้คนมาใช้งานง่ายๆ
แต่ C เพื่อนรักของผมสมัครโครงการ Work and Travel ไปอเมริกาช่วงปิดเทอมนั้น
อาจารย์ที่ปรึกษาผมถามว่าอยากสอบแยกไหม? จะได้จบๆ ไม่เสียเวลา ผมบอกว่า "ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รีบ" ผมก็เลยรอสอบโปรเจคพร้อมกับมัน
ระหว่างที่เพื่อนผมไปอเมริกา ผมก็ไปสมัครเรียน วิศวกรรมเสียงที่โรงเรียนแห่งหนึ่งเป็นหลักสูตร 10 เดือนอยู่ตรง ซอยนานา
ผมก็เรียนๆ ไปเรื่อยๆ จนเพื่อนผมกลับมาจากอเมริกา
ผมบอกว่า "C เป็นไง? ทำรายงานถึงไหนละ? เอามาดูหน่อย เอ้อ ว่างๆ มานั่งทำโปรเจคที่บ้านดิ เดี๋ยวสอน เวลาจารย์ถามจะได้ตอบได้"
C ก็มาบ้างไม่มาบ้าง
จนวันนึง
C บอกผมว่าได้งานทำแล้ว เงินเดือนค่อนข้างเยอะที่สำคัญคือ มันคงไม่มีเวลามาช่วยทำโปรเจคแล้ว - ปัญหาที่ 4
ผมนี่ช๊อคเลย ได้แต่คิดในใจว่า [แล้วทีกุรอมืงไปเมกาตั้งนาน เพื่อ????]
ความเจ็บปวดเริ่มกลืนกินจิตใจผม
ความหมั่นไส้เริ่มเข้ามาทักทายและทำความรู้จักกับผม
ผมเริ่มทบทวนสิ่งที่ทำลงไปดังนี้
- ผมออกแบบวงจรเอง ผมประกอบเอง
- ผมเขียนโปรแกรมเอง
- ผมทำพรีเซนท์เอง(บางส่วน)
- ผมขับมอไซค์ไปซื้อของที่บ้านหม้อเอง
- ผมออกเงินทั้งหมดก่อน (ขอพ่อแม่มานั่นแหละ)
- ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ท ที่ใช้ในการหาข้อมูล การทำงาน พ่อแม่ผมจ่าย
ผมเกิดคำถามเชิงเห็นแก่ตัว คำถามเดียวเลย นั่นคือ "ที่ทำไปทั้งหมดเพื่ออะไร?"
ผมปรึกษาเพื่อนคนอื่นๆ ว่าควรทำยังไงดี?
หลายคนลงความเห็นว่า ในเมื่อ C ไม่ได้ทำอะไรเลย ผมก็ควรจะคิดค่าแรงทำโปรเจคส่วนค่าของให้หารกัน
ผมก็เลยเอาเรื่องนี้ไปคุยกับ C
C โวยวาย บอกว่า "ตอนแรกมืงไม่ได้บอกว่าจะคิดเงินกุ ไม่งั้นกุก็ทำแล้วสิ" [อ้าว เพื่อนรัก ทำไมนายพูดจาแบบนี้ล่ะ?] - ปัญหาที่ 5
ผมบอก "ตอนแรกมืงก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ทำอะไรเลย แล้วหนีไปทำงานก่อนเหมือนกัน? แล้วเล่มโปรเจคมืงยังจะทำไหม?"
C "กุทำงานแล้วไม่มีเวลา"
ผมบอก "งั้นจ้างแฟนกุทำ เพราะกุก็ขี้เกียจทำเหมือนกัน"
ผมเลยคิดค่าแรงไปแค่ 5,000 บาท ส่วนค่าของหารแล้วคนละประมาน 3,000 บาท (ผมไม่คิดค่ารถด้วยซ้ำ)
ผ่านไป 1-2 เดือน อีกไม่กี่สัปดาห์จะสอบโปรเจคกับอาจารย์
ระหว่างนั้นผมโทรไปทวงเงินมันเรื่อยๆ มันบอกว่า "ไม่มีเงิน ต้องจ่ายนู่นนี่นั่น"
แต่สิ่งที่มันโพสบนเฟซบุ๊คคือ "วันนี้กินข้าวที่ไหน(หรูๆ ทั้งนั้น)" ,"วันนี้ได้ทีวีใหม่ โทรศัพท์ใหม่" และอีกมากมายเพื่อแสดงความรวยของมัน
จนวันนึงผมหมั่นไส้ไม่ไหวแล้ว ผมแกล้งโทรไปบอกว่า "C กูไม่มีเงินเลยว่ะ ช่วงนี้มีปัญหากับที่บ้าน แม่ไม่ให้ตังค์ โอนมาให้กุหน่อยได้ไหม ผ่อนก็ได้"
ผมได้รับคำตอบเดิม "ไม่มีตังค์"
ผมถามกลับ "ไหนมืงบอกว่ามืงได้เงินเดือนเยอะ 2 หมื่นกว่าบาท เห็นออกทีวีใหม่"
มันตอบ "มันก็พอได้ แต่ไม่ได้เยอะอะไรหรอก"
ผมถาม "เท่าไหร่?"
มันตอบ "2 หมื่นหก ถึง 2หมื่นเจ็ด (ผมจำไม่ได้)"
ผมถาม "แล้วทำไมไม่มีเงิน มืงใช้อะไรนักหนา กะอีแค่เงินพันสองพัน ไม่มีเลยเหรอ?"
มันตอบ "กูต้องใช้ค่าน้ำ ไฟ เน็ท ฯลฯ"
ผมถาม "เท่าไหร่? มืงแจงมาเลย"
มันตอบ "นู่นนี่นั่น เท่านั้นเท่านี้"
ผมคำนวณในสมองที่กำลังพร้อมจะจับผิด ผมบอกมัน "รายจ่ายที่มืงพูดมามันรวมๆกันแค่ 1 หมื่นห้า แล้วอีก 1 หมื่น มืงเอาไปไว้ไหน"
มันตอบ "แล้ววันศุกร์วันเสาร์กูจะเอาเงินที่ไหนเที่ยว?"
[ผมนี่เจ็บจี๊ดดดดดดดดดดดดด เวลาที่คบกันมา 4-5 ปี มันไม่มีค่าอะไรเลยเหรอเนี่ย????? ดาฟากกกกกกกก]
ผมทำเสียงนิ่งๆ "กุลำบากขนาดนี้ มืงยังมีหน้ามาพูดว่า จะเอาเงินที่ไหนไปเที่ยวอีกเหรอ C?"
มันนิ่งเงียบ "เออ เดี๋ยวกุหามาให้" แล้วผมก็บอกให้มันโอนเงินมาเร็วๆ ไม่งั้นจะตัดชื่อออกจากโปรเจคแล้วสอบคนเดียว
ไม่กี่วันต่อมาผมไปดูงานกับเพื่อนที่มหาลัยอีกคน [ขอใช้ชื่อว่า D]
D ถามว่า "เออ เห็นเพื่อนๆที่ม. คุยกันว่ามืงกับ C มีปัญหากันเหรอ?"
ผมตอบ "ใช่ ทำไมเหรอ?"
D บอก "เห็น C ไปเล่ากับพวกเด็กปี 5(คือเพื่อนที่ยังเรียนไม่จบ) ว่ามืงขอยืมเงินมัน แล้วมันไม่ให้ มืงเลยจะตัดชื่อมันออกจากโปรเจค ทำไมวะ? ช่วงนี้มืงไม่มีเงินเหรอ ยืมเงินกุได้นะ[เป็นไง เพื่อนผมโคตรหล่อ]"
[เจ็บจี๊ดดดดดอีกที ลั่นมากๆ อันนี้ทำผมไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมตัดสินใจเลิกคบกับมันตั้งแต่ตอนนั้น]
ผมถาม "มันเล่าแบบนั้นเหรอ?" แล้วผมก็เล่าความจริงให้ D ฟัง
สุดท้ายผมก็เลยรีบๆ ทวงเงินมัน รีบๆ สอบโปรเจคจบ แล้วไม่คุยกับมันอีก
มีเพื่อนๆ มาถามถึงปัญหาเรื่องคู่โปรเจคผมกับผมเยอะมาก ยังดีที่หลายๆคนมาถามเพราะไม่เชื่อว่าผมเป็นคนแบบนั้น ขอบใจ
สรุป
ผมเลิกคบ C และไม่คุยกับมันอีก รวมทั้งเพื่อนๆ ในกลุ่มที่รู้เรื่องนี้ก็เลิกคุยกับมัน ผมไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้คนในกลุ่มเพื่อนสนิทหรือเพื่อนในคณะฟัง
เพราะคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเล่า
ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่า อาถรรพ์คู่โปรเจคมีจริง หวังว่าน้องๆ ที่กำลังเรียนจะไม่เจอแบบผมนะครับ ขอให้โชคดีกับคู่โปรเจค
ขอฝากไว้นิดนึงสำหรับน้องๆ ที่ได้อ่าน
1. คู่โปรเจคเราไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เก่งที่สุดในคณะหรอกครับ ขอให้มันเป็นเพื่อนที่พร้อมจะทำงานด้วยกัน คุยได้ตอนมีปัญหาเพราะถ้ามีคู่โปรเจคดีมันก็เบาแรงเราไปครึ่งนึงเลย
2. อย่าแบกภาระทุกอย่างไว้คนเดียว มันเหนื่อย เหนื่อยมากด้วย ยิ่งถ้าโดนหักหลังนี่ยิ่งท้อเลย
3. เลือกโปรเจคที่เกี่ยวข้องกับสายงานที่เราอยากทำเพราะมันสำคัญมากเวลาเอาไปสมัครงาน
คำถาม : แล้วพวกคุณเคยเลิกคบเพื่อนเพราะงานโปรเจคจบบ้างไหม?
ถ้าไม่เคยคุณโชคดีมากที่มีเพื่อนดีๆ ขอให้รักษาเพื่อนคนนั้นไว้
ถ้าเคยก็ขอให้คุณสนุกและภูมิใจกับโปรเจคที่คุณทำ เพราะคุณทำมันต้องพละกำลังของคุณเอง
ขอบคุณครับ
เคยเลิกคบเพื่อนเพราะงานโปรเจคจบไหมครับ?
เขาเล่าเรื่องเพื่อนของเขามา ผมก็ฟังๆ เลยบอกเขาไปว่า โห่ววว ของพี่อะเด็กๆ ของผมนี่ดิของจริง
*** ข้างล่างนี้เป็นประสบการณ์จริงที่เจอมากับตัว ***
เอาล่ะ! เข้าเรื่องกันเลย
ผมเรียนวิศวฯไฟฟ้า มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถวๆ สะพานพระราม 7
ตอนปี 1 - ปี 2 เห็นพวกรุ่นพี่เคยเตือนว่า "เฮ้ย เวลาเลือกคู่โปรเจคน่ะ ดูดีๆ นะ เพื่อนพี่เนี่ยเลิกคบกันมานักต่อนักแล้ว เป็นแฟนกันทำด้วยกันก็เลิกกัน เป็นเพื่อนกันทำด้วยกันก็เลิกคบกัน"
ผมก็สงสัยนะ มันอาถรรพ์ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ยยยย?
เพื่อนกันแท้ๆ มันจะทำกันได้ลงเลยเหรอ? คำถามมากมายวนเวียนในหัว
ตัดมามาถึงปี 4
วิศวฯ ไฟฟ้า ของ ม. ผมมีทั้งหมด 3 สาย 1.กำลัง 2.ควบคุม 3.สื่อสาร (ถ้าไม่รู้จัก ก็หาข้อมูลในเน็ทได้นะครับ)
กลุ่มเพื่อนสนิทๆ มีกันประมาน 10 คนจากทั้งชั้น 200 คน (คือเพื่อนๆ คนอื่นไม่ค่อยอยากคุยด้วยมั้ง ไม่แน่ใจ 555+)
แต่คน 10 คนในกลุ่ม ก็กระจายกันไปตามสายต่างๆ
ส่วนตัวผมเองเลือกมาอยู่สายควบคุมกับเพื่อนสนิทอีก 3 คน
เรียนด้วยกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน ติวด้วยกัน เจอหน้ากันทู๊กกกกกวัน
และแล้วก็มาถึงวันเลือกโปรเจค
ขอแนะนำตัวละครเพิ่ม ตอนนี้เราจะเรียกเพื่อนผมว่า A, B และ C นะครับ
ผมกับ A จับคู่ทำโปรเจคกัน เพราะบังเอิญว่า B กับ C เรียนช้ากว่าผมกับ A
ตอนแรกก็คุยกันแล้วว่า B กับ C จะยังไม่ทำโปรเจค เพราะกะจะจบในปีที่ 5 อยู่แล้วผมเลยไม่ได้ชวนมาจับคู่อะไรตอนเลือกหัวข้อโปรเจค
ปัญหาเริ่มเกิด!!! C เพื่อนรักของผมคือคนที่ผมจะนำมาถามเพื่อนๆ พันทิปวันนี้ครับ
C คุยกับ B ว่า "ถ้าผมกับ A ทำด้วยกัน ก็เหลือ C กับ B ต้องทำด้วยกันตอนปี 5 แล้วจะไปรอดไหม?" - ปัญหาที่ 1
*** หมายเหตุ : ขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เก่งกว่าใครหรืออะไรเลยนะครับ
B เลยมาคุยกับผม "เฮ้ย มันมีปัญหาแบบนี้ๆ ให้ผมกับ A แยกคู่มาจับคู่ใหม่ได้ไหม?"
ผมคุยกับ A แล้วตอบตกลงแยกคู่ 'เพื่อเพื่อนเราทำได้'
ผมเลือกจับคู่กับ B เพราะเห็นว่าชอบอะไรคล้ายๆ กัน
แต่ C บอกว่า "เฮ้ย กุไม่ชอบ A เพราะ A มันชอบปากสุนัข ชอบกวนประสาท กลัวจะทำงานด้วยกันไม่ได้" - ปัญหาที่ 2
ผมก็บอกว่า "โอเค ย้ายคู่"
สรุปกลุ่มทำโปรเจค
ผมตกลงทำกับ C
B ได้ทำกับเพื่อนนอกกลุ่มเพราะอาจารย์ที่ A ไปขอทำโปรเจคเขาไม่ให้ทำ เนื่องจาก B ยังติดบางวิชา
A ได้ทำกับคนนอกกลุ่มเพราะเพื่อนนอกกลุ่มอยากทำงานชิ้นนั้นพอดี
ผมคิดโปรเจคที่อยากทำเอาไว้แล้วนั่นคือ "ระบบควบคุมบ้านอัตโนมัติ"
ซึ่งผมก็จินตนาการเอาไว้มากมายเพราะผมคลั่ง IronMan 555+
C เพื่อนรักของผมได้ฟังจินตนาการของผมแล้วก็บอกผมว่า "มืงเพ้อเจ้อว่ะ เลือกอะไรที่เป็นไปได้หน่อย" [อ้าวเฮ้ย! ดับฝันกันเฉย] - ปัญหาที่ 3
ผมด้วยความเป็นคนดื้อรั้น ผมยืนยันว่า "ถ้ามืงไม่อยากทำด้วย กุทำคนเดียวได้"
สุดท้ายมันก็ต้องทำ
ผมถามแล้วว่าอยากทำส่วนไหนเพราะงานมันมี 3 ส่วนหลักๆ
1.โปรแกรมควบคุมวงจร 2.โปรแกรมให้คนใช้มากดใช้งานและแสดงผล 3.ออกแบบและประกอบวงจร
C บอกไม่ถนัดซักอย่าง ผมด้วยความมั่นใจในตัวเอง(เกินไป) บอกว่า "โอเค งั้นมืงทำรายงานพอ" 'เพื่อเพื่อนเราทำได้'
แต่ผมขอให้มาอยู่ด้วยกันตอนทำโปรเจคจะได้รู้เรื่อง เพราะตอนสอบอาจารย์เขาจะถามทั้ง 2 คน แล้วมันก็เป็นคะแนนกลุ่มด้วย
เวลาผ่านไป 1 ปี จะจบปี 4 แล้ว
ผมเรียนครบทุกวิชาแล้ว เหลือแค่โปรเจค ถ้าทำเสร็จก็จบในขณะที่เพื่อน C ของผมติดอีก 1-2 วิชา คือต้องเรียนปี 5 แน่ๆ
ตอนก่อนปิดเทอมของ ปี 4 เทอม 2 ผมยังเหลือแก้ไขโปรเจคอีกนิดหน่อย คือเขียนโปรแกรมให้คนมาใช้งานง่ายๆ
แต่ C เพื่อนรักของผมสมัครโครงการ Work and Travel ไปอเมริกาช่วงปิดเทอมนั้น
อาจารย์ที่ปรึกษาผมถามว่าอยากสอบแยกไหม? จะได้จบๆ ไม่เสียเวลา ผมบอกว่า "ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รีบ" ผมก็เลยรอสอบโปรเจคพร้อมกับมัน
ระหว่างที่เพื่อนผมไปอเมริกา ผมก็ไปสมัครเรียน วิศวกรรมเสียงที่โรงเรียนแห่งหนึ่งเป็นหลักสูตร 10 เดือนอยู่ตรง ซอยนานา
ผมก็เรียนๆ ไปเรื่อยๆ จนเพื่อนผมกลับมาจากอเมริกา
ผมบอกว่า "C เป็นไง? ทำรายงานถึงไหนละ? เอามาดูหน่อย เอ้อ ว่างๆ มานั่งทำโปรเจคที่บ้านดิ เดี๋ยวสอน เวลาจารย์ถามจะได้ตอบได้"
C ก็มาบ้างไม่มาบ้าง
จนวันนึง
C บอกผมว่าได้งานทำแล้ว เงินเดือนค่อนข้างเยอะที่สำคัญคือ มันคงไม่มีเวลามาช่วยทำโปรเจคแล้ว - ปัญหาที่ 4
ผมนี่ช๊อคเลย ได้แต่คิดในใจว่า [แล้วทีกุรอมืงไปเมกาตั้งนาน เพื่อ????]
ความเจ็บปวดเริ่มกลืนกินจิตใจผม
ความหมั่นไส้เริ่มเข้ามาทักทายและทำความรู้จักกับผม
ผมเริ่มทบทวนสิ่งที่ทำลงไปดังนี้
- ผมออกแบบวงจรเอง ผมประกอบเอง
- ผมเขียนโปรแกรมเอง
- ผมทำพรีเซนท์เอง(บางส่วน)
- ผมขับมอไซค์ไปซื้อของที่บ้านหม้อเอง
- ผมออกเงินทั้งหมดก่อน (ขอพ่อแม่มานั่นแหละ)
- ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ท ที่ใช้ในการหาข้อมูล การทำงาน พ่อแม่ผมจ่าย
ผมเกิดคำถามเชิงเห็นแก่ตัว คำถามเดียวเลย นั่นคือ "ที่ทำไปทั้งหมดเพื่ออะไร?"
ผมปรึกษาเพื่อนคนอื่นๆ ว่าควรทำยังไงดี?
หลายคนลงความเห็นว่า ในเมื่อ C ไม่ได้ทำอะไรเลย ผมก็ควรจะคิดค่าแรงทำโปรเจคส่วนค่าของให้หารกัน
ผมก็เลยเอาเรื่องนี้ไปคุยกับ C
C โวยวาย บอกว่า "ตอนแรกมืงไม่ได้บอกว่าจะคิดเงินกุ ไม่งั้นกุก็ทำแล้วสิ" [อ้าว เพื่อนรัก ทำไมนายพูดจาแบบนี้ล่ะ?] - ปัญหาที่ 5
ผมบอก "ตอนแรกมืงก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ทำอะไรเลย แล้วหนีไปทำงานก่อนเหมือนกัน? แล้วเล่มโปรเจคมืงยังจะทำไหม?"
C "กุทำงานแล้วไม่มีเวลา"
ผมบอก "งั้นจ้างแฟนกุทำ เพราะกุก็ขี้เกียจทำเหมือนกัน"
ผมเลยคิดค่าแรงไปแค่ 5,000 บาท ส่วนค่าของหารแล้วคนละประมาน 3,000 บาท (ผมไม่คิดค่ารถด้วยซ้ำ)
ผ่านไป 1-2 เดือน อีกไม่กี่สัปดาห์จะสอบโปรเจคกับอาจารย์
ระหว่างนั้นผมโทรไปทวงเงินมันเรื่อยๆ มันบอกว่า "ไม่มีเงิน ต้องจ่ายนู่นนี่นั่น"
แต่สิ่งที่มันโพสบนเฟซบุ๊คคือ "วันนี้กินข้าวที่ไหน(หรูๆ ทั้งนั้น)" ,"วันนี้ได้ทีวีใหม่ โทรศัพท์ใหม่" และอีกมากมายเพื่อแสดงความรวยของมัน
จนวันนึงผมหมั่นไส้ไม่ไหวแล้ว ผมแกล้งโทรไปบอกว่า "C กูไม่มีเงินเลยว่ะ ช่วงนี้มีปัญหากับที่บ้าน แม่ไม่ให้ตังค์ โอนมาให้กุหน่อยได้ไหม ผ่อนก็ได้"
ผมได้รับคำตอบเดิม "ไม่มีตังค์"
ผมถามกลับ "ไหนมืงบอกว่ามืงได้เงินเดือนเยอะ 2 หมื่นกว่าบาท เห็นออกทีวีใหม่"
มันตอบ "มันก็พอได้ แต่ไม่ได้เยอะอะไรหรอก"
ผมถาม "เท่าไหร่?"
มันตอบ "2 หมื่นหก ถึง 2หมื่นเจ็ด (ผมจำไม่ได้)"
ผมถาม "แล้วทำไมไม่มีเงิน มืงใช้อะไรนักหนา กะอีแค่เงินพันสองพัน ไม่มีเลยเหรอ?"
มันตอบ "กูต้องใช้ค่าน้ำ ไฟ เน็ท ฯลฯ"
ผมถาม "เท่าไหร่? มืงแจงมาเลย"
มันตอบ "นู่นนี่นั่น เท่านั้นเท่านี้"
ผมคำนวณในสมองที่กำลังพร้อมจะจับผิด ผมบอกมัน "รายจ่ายที่มืงพูดมามันรวมๆกันแค่ 1 หมื่นห้า แล้วอีก 1 หมื่น มืงเอาไปไว้ไหน"
มันตอบ "แล้ววันศุกร์วันเสาร์กูจะเอาเงินที่ไหนเที่ยว?"
[ผมนี่เจ็บจี๊ดดดดดดดดดดดดด เวลาที่คบกันมา 4-5 ปี มันไม่มีค่าอะไรเลยเหรอเนี่ย????? ดาฟากกกกกกกก]
ผมทำเสียงนิ่งๆ "กุลำบากขนาดนี้ มืงยังมีหน้ามาพูดว่า จะเอาเงินที่ไหนไปเที่ยวอีกเหรอ C?"
มันนิ่งเงียบ "เออ เดี๋ยวกุหามาให้" แล้วผมก็บอกให้มันโอนเงินมาเร็วๆ ไม่งั้นจะตัดชื่อออกจากโปรเจคแล้วสอบคนเดียว
ไม่กี่วันต่อมาผมไปดูงานกับเพื่อนที่มหาลัยอีกคน [ขอใช้ชื่อว่า D]
D ถามว่า "เออ เห็นเพื่อนๆที่ม. คุยกันว่ามืงกับ C มีปัญหากันเหรอ?"
ผมตอบ "ใช่ ทำไมเหรอ?"
D บอก "เห็น C ไปเล่ากับพวกเด็กปี 5(คือเพื่อนที่ยังเรียนไม่จบ) ว่ามืงขอยืมเงินมัน แล้วมันไม่ให้ มืงเลยจะตัดชื่อมันออกจากโปรเจค ทำไมวะ? ช่วงนี้มืงไม่มีเงินเหรอ ยืมเงินกุได้นะ[เป็นไง เพื่อนผมโคตรหล่อ]"
[เจ็บจี๊ดดดดดอีกที ลั่นมากๆ อันนี้ทำผมไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมตัดสินใจเลิกคบกับมันตั้งแต่ตอนนั้น]
ผมถาม "มันเล่าแบบนั้นเหรอ?" แล้วผมก็เล่าความจริงให้ D ฟัง
สุดท้ายผมก็เลยรีบๆ ทวงเงินมัน รีบๆ สอบโปรเจคจบ แล้วไม่คุยกับมันอีก
มีเพื่อนๆ มาถามถึงปัญหาเรื่องคู่โปรเจคผมกับผมเยอะมาก ยังดีที่หลายๆคนมาถามเพราะไม่เชื่อว่าผมเป็นคนแบบนั้น ขอบใจ
สรุป
ผมเลิกคบ C และไม่คุยกับมันอีก รวมทั้งเพื่อนๆ ในกลุ่มที่รู้เรื่องนี้ก็เลิกคุยกับมัน ผมไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้คนในกลุ่มเพื่อนสนิทหรือเพื่อนในคณะฟัง
เพราะคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเล่า
ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่า อาถรรพ์คู่โปรเจคมีจริง หวังว่าน้องๆ ที่กำลังเรียนจะไม่เจอแบบผมนะครับ ขอให้โชคดีกับคู่โปรเจค
ขอฝากไว้นิดนึงสำหรับน้องๆ ที่ได้อ่าน
1. คู่โปรเจคเราไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เก่งที่สุดในคณะหรอกครับ ขอให้มันเป็นเพื่อนที่พร้อมจะทำงานด้วยกัน คุยได้ตอนมีปัญหาเพราะถ้ามีคู่โปรเจคดีมันก็เบาแรงเราไปครึ่งนึงเลย
2. อย่าแบกภาระทุกอย่างไว้คนเดียว มันเหนื่อย เหนื่อยมากด้วย ยิ่งถ้าโดนหักหลังนี่ยิ่งท้อเลย
3. เลือกโปรเจคที่เกี่ยวข้องกับสายงานที่เราอยากทำเพราะมันสำคัญมากเวลาเอาไปสมัครงาน
คำถาม : แล้วพวกคุณเคยเลิกคบเพื่อนเพราะงานโปรเจคจบบ้างไหม?
ถ้าไม่เคยคุณโชคดีมากที่มีเพื่อนดีๆ ขอให้รักษาเพื่อนคนนั้นไว้
ถ้าเคยก็ขอให้คุณสนุกและภูมิใจกับโปรเจคที่คุณทำ เพราะคุณทำมันต้องพละกำลังของคุณเอง
ขอบคุณครับ